คอลัมน์เพลงวาน : โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ในยุคดนตรี“เฮฟวี่ เมทัล”ครองโลก เมื่อช่วงยุค 70-80 กินไปจนถึงต้นๆยุค 90
หัวใจหลักของวงเฮฟวี่ในยุคนั้นนอกจากนักร้องนำแล้วก็คือ“มือกีตาร์”
แต่ถ้ามือกีตาร์คนไหนมือไม่ถึง ไม่เจ๋งจริง ไม่มีแนวทางสไตล์เป็นของตัวเองที่ชัดเจน พวกเขาเหล่านั้นก็จะถูกวิถีแห่งยุทธจักรดนตรีร็อกคัดกรองให้ค่อยๆล้มหายหลุดวงโคจรปเรื่อยๆ เหลือไว้ก็แต่พวกยอดฝีมือ ตัวจริง เสียงจริง ที่แม้มือขุนขวานกีตาร์หลายๆคนจะมีอีโก้ล้นรูกาก แต่ว่าด้วยฝีมืออันเป็นเลิศก็ทำให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการมาได้อย่างยาวนาน
บางคนเก่งถึงขั้นได้รับการยกย่อให้เป็นสุดยอดมือกีตาร์ในระดับตำนานมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับ“แกรี มัวร์”(Gary Moore)มือกีตาร์หน้ายู่ชาวไอริช เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในยอดมือกีตาร์ตัวจริงเสียงจริงแห่งวงการ เป็นขุนขวานมือกีตาร์ที่มีสไตล์การเล่นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากคนหนึ่ง
คุณน้าแกรี มัวร์ ไม่ใช่มือกีตาร์ประเภทกีตาร์ฮีโร่ ลูกนิ้วเป็นไฟ เล่นเร็วเป็นรถด่วนขบวนนรก หรือเป็นพวกเจ้าเทคนิคแพรวพราว หากแต่เขาเป็นมือกีตาร์ที่หลากหลายครบเครื่อง ทั้งร้องเอง เล่นเอง แต่งเพลง เล่นริทึ่ม สับคอร์ด กระชากริฟฟ์ และที่สำคัญคือหมอเป็นยอดมือโซโลคนหนึ่ง คือไอ้ลูกโซโลเร็ว โซโลดุ หมอทำได้ดีตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่แล้ว
แต่ที่พิเศษใส่ไข่นี่ก็คือ แกรี มัวร์ เป็นมือกีตาร์ที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่งในเรื่องสำเนียงหวานโศกบาดใจสุดๆคนหนึ่งของโลก ชนิดที่บางคนถึงกับบอกว่าเขา ลูกโซโลเพลงช้าๆของแกรี มัวร์นั้นมันหวานเศร้าบาดใจ ถึงขนาด“กีตาร์ร่ำไห้”กันเลยทีเดียว
วันนี้แม้แกรี มัวร์จะลาลับจากโลกมนุษย์ขึ้นไปแจมกีตาร์บลูส์บนสวรรค์กับ “จิมมี่ เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix)และ“สตีวี่ เรย์ วอห์น”(Stevie Ray Vaughan)มาได้เกือบ 5 ปีแล้ว แต่ว่าบทเพลงมากหลายของเขายังคงความอมตะ โดยเฉพาะกับเพลง “Still Got the Blues” ที่ถือเป็นหนึ่งในเพลงเอกประจำตัวของเขา
ขณะเดียวกันอัลบั้มชื่อเดียวกับบทเพลงคือ “Still Got the Blues” นั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง จัดเป็นหนึ่งในอัลบั้มอมตะของแกรี มัวร์ ที่สร้างชื่อในทางบลูส์ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี
Still Got the Blues ออกมาในปี ค.ศ. 1990 เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 10 แกรี มัวร์ โดยเขาออกอัลบั้มชุดนี้ตามต่อแบบติดๆจากอัลบั้ม(ก่อนหน้า) “After the War” ที่ออกมาในปี 1989 แต่ว่าชุดนี้มีเซอร์ไพร์สสำหรับแฟนเพลง เพราะแกรี มัวร์ เปลี่ยนจากแนวดนตรีเฮฟวี่ที่สร้างชื่อให้กับเขามาเป็นบลูส์แมน เล่นเพลงบลูส์, ร็อก บลูส์ กันอย่างสะเด็ดสะแด่วถึงกึ๋นกันเต็มๆทั้งชุด
อย่างไรก็ดีหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือติดตามข้อมูลประวัติของแกรี มัวร์ ก็จะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะเขาได้รับอิทธิพลมีดนตรีบลูส์มาตั้งแต่เด็ก โดยเมื่อตอนเด็กอายุได้ 14 ขวบ แกรี มัวร์ ได้แอบมุดเข้าไปใน Radio Club เพื่อไปแอบดู ยอดวงบลูส์ ร็อก อย่าง “John Mayall & The Bluesbreakers” ซึ่งฝีมือกีตาร์ของ “Peter Green” มือลีดกีตาร์ของวงนั้นเป็นที่ประทับใจเขามาก และนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้แกรี มัวร์ อยากเป็นมือกีตาร์นับแต่นั้นมา
ครั้นเมื่อเข้ามาสู่ยุทธจักรเป็นมือกีตาร์ สมัยเริ่มมีชื่อเสียงตอนที่ยังอยู่กับวง “Thin Lizzy” (วงฮาร์ดร็อกระดับตำนานที่มี ฟิล ไลน็อตต์(Phil Lynott)เล่นเบสและร้องนำ) แนวทางการเล่นกีตาร์ของแกรี มัวร์ ก็มีความเป็นริทึ่มแอนด์บลูส์อยู่สูง ก่อนที่เขาจะบินเดี่ยวออกอัลบั้มของตัวเองกับแนวดนตรีเฮฟวี่ ฮาร์ดร็อก โดยมีการผสมทางดนตรีคลาสสิกดนตรีพื้นบ้านไอริชเข้าไปบ้าง แต่พอมาถึงอัลบั้มชุด Still Got the Blues แกรี มัวร์ พลิกโฉมเปลี่ยนมาเป็นบลูส์แมน ร่ายมนต์เล่นบลูส์กันแบบเต็มๆ
Still Got the Blues มี“แกรี มัวร์” เล่นกีตาร์ ร้องนำ ร่วมด้วยทีมนักดนตรีฝีมือแน่นปึก รวมถึงมีศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง “อัลเบิร์ต คิง”(Albert King),“อัลเบิร์ต คอนลินส์”(Albert Collins) และ“จอร์จ แฮริสัน”(George Harrison) 1 ใน 4 เต่าทอง อดีตสมาชิกวงดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ “บีทเทิ้ล” มาร่วมแจมด้วย
อัลบั้ม(CD) Still Got the Blues มีทั้งหมด 12 เพลง เปิดประเดิมกันด้วย “Moving On” เป็นบลูส์ร็อกมันๆ สับคอร์ดแน่น ท่อนโซโลที่รูดสไลด์ฟี้ดฟ้าดนั้นเฉียบทีเดียว
ต่อกันด้วย “Oh Pretty Woman” เพลงสนุกๆที่“รอย โอไบสัน”(Roy Orbison) เคยร้องไว้จนโด่งดัง เพลงนี้แกรี มัวร์ มาปรับจังหวะให้กระชับขึ้น มีเครื่องเป่าเล่นเป็นแบ็คเสริมทัพ และได้อัลเบิร์ต คิง มาร่วมแจม ผลัดกันโซโล ซึ่งเราสามารถฟังแยกเสียงกีตาร์ของทั้ง 2 คนได้ไม่ยาก เสียงกีตาร์ของแกรี มัวร์นั้น ว่องไว ดุดันด้วยสำเนียงเสียงอ้วนทรงพลัง ส่วนเสียงกีตาร์ของอัลเบิร์ต คิงนั้นจะใสนุ่มกว่า
“Walking by Myself” ซับเฟิลบลูส์สนุกๆ กับแพทเทิร์นบลูส์ 8 ห้อง ในเพลงมีเสียงฮาร์โมนิกาเล่นตอด คลอไปตลอด ช่วงสร้างสีสันให้เพลงนี้น่าฟังมากขึ้น
จากนั้นมาถึงเพลงเอกประจำอัลบั้ม “Still Got the Blues” ที่ถือเป็นหนึ่งในเพลงดังประจำตัวของคุณน้าแกรี มัวร์ ที่ขึ้นต้นมาด้วยลูกโซโลกีตาร์อันหวานโศกหยดย้อย สอดรับไปกับเนื้อหารักเศร้าๆของบทเพลง
Still Got the Blues เป็นบัลลาดบลูส์สุดเพราะที่ไม่ได้มีท่วงทำนองแบบบลูส์เพียวๆ หากแต่เป็นเพลงสำเนียงบลูส์ประยุกต์ที่มีเมโลดี้อันสวยงาม ดนตรีเรียบเรียงละเมียดละไม มีการนำไลน์เครื่องสายใยทางคลาสสิกมาเป็นเคาน์เตอร์พอยต์(เมโลดี้รอง,ทำนองประสาน)ได้อย่างยอดเยี่ยม ขับเน้นให้เพลงฟังเศร้าดิ่งอารมณ์จมลงไปอีก
ที่สำคัญคือเพลงนี้มีลูกโซโลอันบาดลึกกินใจจากฝีมือการพรมนิ้วของแกรรี มัวร์ ทั้งในท่อนกลางและท่อนจบ โดยเฉพาะในท่อนจบแกรี มัวร์ วาดลวดลายสะบัดปิ๊กโซโลได้อย่างสุดติ่ง ทั้งลูกหวานบาดลึก ลูกระเบิดอารมณ์ที่ระบายผ่านเสียงกีตาร์ออกมาได้อย่างสุดเฉียบ
เพลงถัดมาเปลี่ยนโหมดเป็นบลูส์มันๆกับ “Texas Strut” ท่อนโซโลดุดันเฉียบคม ส่วน “Too Tired” ได้รุ่นใหญ่อย่าง อัลเบิร์ต คอนลินส์มาร่วมแจม เสริมทัพด้วยเครื่องเป่าทองเหลืองแน่นๆ
“King of the Blues” บทเพลงคารวะบรมครูเพลงบลูส์ มาในจังหวะปานกลาง เครื่องเป่าแน่นๆ ทางดนตรีเท่ๆมาก มีลูกลิคกีตาร์เล่นหยอดไปตลอดเพลง ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงเจ๋งของอัลบั้มนี้
ดึงอารมณ์หน่วงลงมาสู่โหมดทึมเศร้ากับ “As the Years Go Passing By” เป็นเพลงช้าๆเนิบๆ และมีความเป็นบลูส์ที่เข้มข้นอยู่พอตัว
“Midnight Blues” กระชับอารมณ์ขึ้นมาหน่อยกับบลูส์จังหวะปานกลาง เบสเดินคุมจังหวะให้ไลน์สวยมาก แกรี มัวร์ ยังคงโซโลได้เยี่ยมเหมือนเคย นอกจากนี้ก็ยังมีไลน์เครื่องสายบางๆมาช่วยสร้างสีสันอีกทาง
ส่วน “That Kind of Woman” อารมณ์เพลงออกไปทางริทึ่ม แอนด์ บลูส์ มีเสียงเปียโนพลิ้วๆเคาะกุ๊งกิ๊งหยอดบางช่วง ทีเด็ดอยู่ในท่อนโซโลที่แจมกันระหว่าง คุณน้าแกรี มัวร์ กับรุ่นพี่อย่าง คุณลุงจอร์จ แฮริสัน(ผู้ล่วงลับ) ที่มาช่วยเล่นสไลด์ให้
“All Your Love” เป็นอีกหนึ่งเพลงเด็ดของอัลบั้ม เพลงนี้แต่งโดย “โอทิส รัช”(Otis Rush) และวงจอห์นมาแยลเคยนำไปเล่นจนโด่งดัง สำหรับ All Your Love ในเวอร์ชั่นนี้ แกรี มัวร์ มาทำให้จังหวะกระชับขึ้น เสริมเครื่องเป่าเข้ามา และมีลูกโซโลแต่พองาม
จากนั้นเป็น “Stop Messin' Around” บลูส์ร็อกโจ๊ะๆ ฟังรื่นไหล ปิดท้ายอัลบั้มกันอย่างลงตัว
นับได้ว่า Still Got the Blues เป็นการกล้าที่จะเดินบนถนนสายใหม่คือ“ถนนสายบลูส์”ของแกรี มัวร์ ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานในชุดนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ไปตั้งแต่ปกอัลบั้ม
บทเพลงที่คัดมาส่วนใหญ่เป็นเพลงบลูส์คุ้นหู ฟังง่าย และแกรี มัวร์ ก็เล่นออกมาแบบสบายๆ เข้าใจ และเข้าถึงในอารมณ์บลูส์ ฟังไม่เกร็งแม้ว่าจะเป็นชุดแรกแบบเต็มตัวในเส้นทางสายนี้ของเขา
ส่วนด้านการเรียบเรียงนั้นถือว่าสร้างเสน่ห์ให้กับผลงานโดยรวมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะไลน์ประสานของเครื่องเป่าและเครื่องสายที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม รอกจากนี้การได้รุ่นใหญ่มาช่วยเล่นในบางเพลงก็ทำให้อัลบั้มนี้มีสีสันมากขึ้น
ในส่วนการร้องเพลงขอแกรี มัวร์ที่ปรับเปลี่ยนมาร้องแบบบลูส์นั้นก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะน้ำเสียงของเขาถือว่าใช้ได้ มีความห้าวหม่นปนอยู่ในน้ำเสียง
ขณะที่เสียงกีตาร์ที่ถือเป็นหัวใจหลักนั้น ชุดนี้ตัวงานแม้จะมีกีตาร์เป็นพระเอก แต่ว่าก็ไม่ใช่ประเภทโซโลน้ำไหลไฟดับยาวเหยียด หากแต่เป็นการโซโลแบบพองาม อีกทั้งเขายังสร้างสรรค์บทเพลงอย่าง Still Got the Blues กับดนตรีสวยๆ เมโลดี้งาม และลูกโซโลสุดเจ๋ง ขึ้นมาจนกลายเป็นหนึ่งในบทเพลงประจำตัว
ซึ่งหลังจากนี้ แกรี มัวร์ ได้ส่งผลงานอัลบั้มเพลงบลูส์ตามมาอีกหลายชุด ไม่ว่าจะเป็น Blues for Greeny(1995),Back to the Blues(2001),Power of the Blues(2004) และ Old New Ballads Blues(2006) แต่ว่าก็ไม่มีชุดไหนจะประสบความสำเร็จเท่ากับชุด Still Got the Blues
นับได้ว่าอัลบั้ม Still Got the Blues เป็นผลงานชิ้นโบแดงของแกรี มัวร์ ขณะที่บทเพลง “Still Got the Blues” นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงแห่งความทรงจำที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในบทเพลงบัลลาดร็อกที่โลกยกย่องและคงความเป็นอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
เป็น Still Got the Blues กับเสียงกีตาร์ร่ำไห้ ของหนึ่งในมือกีตาร์ผู้เป็นตำนาน
“แกรี มัวร์”
Still Got the Blues
ในยุคดนตรี“เฮฟวี่ เมทัล”ครองโลก เมื่อช่วงยุค 70-80 กินไปจนถึงต้นๆยุค 90
หัวใจหลักของวงเฮฟวี่ในยุคนั้นนอกจากนักร้องนำแล้วก็คือ“มือกีตาร์”
แต่ถ้ามือกีตาร์คนไหนมือไม่ถึง ไม่เจ๋งจริง ไม่มีแนวทางสไตล์เป็นของตัวเองที่ชัดเจน พวกเขาเหล่านั้นก็จะถูกวิถีแห่งยุทธจักรดนตรีร็อกคัดกรองให้ค่อยๆล้มหายหลุดวงโคจรปเรื่อยๆ เหลือไว้ก็แต่พวกยอดฝีมือ ตัวจริง เสียงจริง ที่แม้มือขุนขวานกีตาร์หลายๆคนจะมีอีโก้ล้นรูกาก แต่ว่าด้วยฝีมืออันเป็นเลิศก็ทำให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการมาได้อย่างยาวนาน
บางคนเก่งถึงขั้นได้รับการยกย่อให้เป็นสุดยอดมือกีตาร์ในระดับตำนานมาจนถึงทุกวันนี้
สำหรับ“แกรี มัวร์”(Gary Moore)มือกีตาร์หน้ายู่ชาวไอริช เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในยอดมือกีตาร์ตัวจริงเสียงจริงแห่งวงการ เป็นขุนขวานมือกีตาร์ที่มีสไตล์การเล่นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์มากคนหนึ่ง
คุณน้าแกรี มัวร์ ไม่ใช่มือกีตาร์ประเภทกีตาร์ฮีโร่ ลูกนิ้วเป็นไฟ เล่นเร็วเป็นรถด่วนขบวนนรก หรือเป็นพวกเจ้าเทคนิคแพรวพราว หากแต่เขาเป็นมือกีตาร์ที่หลากหลายครบเครื่อง ทั้งร้องเอง เล่นเอง แต่งเพลง เล่นริทึ่ม สับคอร์ด กระชากริฟฟ์ และที่สำคัญคือหมอเป็นยอดมือโซโลคนหนึ่ง คือไอ้ลูกโซโลเร็ว โซโลดุ หมอทำได้ดีตามเกณฑ์มาตรฐานอยู่แล้ว
แต่ที่พิเศษใส่ไข่นี่ก็คือ แกรี มัวร์ เป็นมือกีตาร์ที่ขึ้นชื่อเป็นอย่างยิ่งในเรื่องสำเนียงหวานโศกบาดใจสุดๆคนหนึ่งของโลก ชนิดที่บางคนถึงกับบอกว่าเขา ลูกโซโลเพลงช้าๆของแกรี มัวร์นั้นมันหวานเศร้าบาดใจ ถึงขนาด“กีตาร์ร่ำไห้”กันเลยทีเดียว
วันนี้แม้แกรี มัวร์จะลาลับจากโลกมนุษย์ขึ้นไปแจมกีตาร์บลูส์บนสวรรค์กับ “จิมมี่ เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix)และ“สตีวี่ เรย์ วอห์น”(Stevie Ray Vaughan)มาได้เกือบ 5 ปีแล้ว แต่ว่าบทเพลงมากหลายของเขายังคงความอมตะ โดยเฉพาะกับเพลง “Still Got the Blues” ที่ถือเป็นหนึ่งในเพลงเอกประจำตัวของเขา
ขณะเดียวกันอัลบั้มชื่อเดียวกับบทเพลงคือ “Still Got the Blues” นั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดง จัดเป็นหนึ่งในอัลบั้มอมตะของแกรี มัวร์ ที่สร้างชื่อในทางบลูส์ให้กับเขาได้เป็นอย่างดี
Still Got the Blues ออกมาในปี ค.ศ. 1990 เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 10 แกรี มัวร์ โดยเขาออกอัลบั้มชุดนี้ตามต่อแบบติดๆจากอัลบั้ม(ก่อนหน้า) “After the War” ที่ออกมาในปี 1989 แต่ว่าชุดนี้มีเซอร์ไพร์สสำหรับแฟนเพลง เพราะแกรี มัวร์ เปลี่ยนจากแนวดนตรีเฮฟวี่ที่สร้างชื่อให้กับเขามาเป็นบลูส์แมน เล่นเพลงบลูส์, ร็อก บลูส์ กันอย่างสะเด็ดสะแด่วถึงกึ๋นกันเต็มๆทั้งชุด
อย่างไรก็ดีหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือติดตามข้อมูลประวัติของแกรี มัวร์ ก็จะพบว่านี่ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพราะเขาได้รับอิทธิพลมีดนตรีบลูส์มาตั้งแต่เด็ก โดยเมื่อตอนเด็กอายุได้ 14 ขวบ แกรี มัวร์ ได้แอบมุดเข้าไปใน Radio Club เพื่อไปแอบดู ยอดวงบลูส์ ร็อก อย่าง “John Mayall & The Bluesbreakers” ซึ่งฝีมือกีตาร์ของ “Peter Green” มือลีดกีตาร์ของวงนั้นเป็นที่ประทับใจเขามาก และนั่นก็เป็นแรงบันดาลใจให้แกรี มัวร์ อยากเป็นมือกีตาร์นับแต่นั้นมา
ครั้นเมื่อเข้ามาสู่ยุทธจักรเป็นมือกีตาร์ สมัยเริ่มมีชื่อเสียงตอนที่ยังอยู่กับวง “Thin Lizzy” (วงฮาร์ดร็อกระดับตำนานที่มี ฟิล ไลน็อตต์(Phil Lynott)เล่นเบสและร้องนำ) แนวทางการเล่นกีตาร์ของแกรี มัวร์ ก็มีความเป็นริทึ่มแอนด์บลูส์อยู่สูง ก่อนที่เขาจะบินเดี่ยวออกอัลบั้มของตัวเองกับแนวดนตรีเฮฟวี่ ฮาร์ดร็อก โดยมีการผสมทางดนตรีคลาสสิกดนตรีพื้นบ้านไอริชเข้าไปบ้าง แต่พอมาถึงอัลบั้มชุด Still Got the Blues แกรี มัวร์ พลิกโฉมเปลี่ยนมาเป็นบลูส์แมน ร่ายมนต์เล่นบลูส์กันแบบเต็มๆ
Still Got the Blues มี“แกรี มัวร์” เล่นกีตาร์ ร้องนำ ร่วมด้วยทีมนักดนตรีฝีมือแน่นปึก รวมถึงมีศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง “อัลเบิร์ต คิง”(Albert King),“อัลเบิร์ต คอนลินส์”(Albert Collins) และ“จอร์จ แฮริสัน”(George Harrison) 1 ใน 4 เต่าทอง อดีตสมาชิกวงดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ “บีทเทิ้ล” มาร่วมแจมด้วย
อัลบั้ม(CD) Still Got the Blues มีทั้งหมด 12 เพลง เปิดประเดิมกันด้วย “Moving On” เป็นบลูส์ร็อกมันๆ สับคอร์ดแน่น ท่อนโซโลที่รูดสไลด์ฟี้ดฟ้าดนั้นเฉียบทีเดียว
ต่อกันด้วย “Oh Pretty Woman” เพลงสนุกๆที่“รอย โอไบสัน”(Roy Orbison) เคยร้องไว้จนโด่งดัง เพลงนี้แกรี มัวร์ มาปรับจังหวะให้กระชับขึ้น มีเครื่องเป่าเล่นเป็นแบ็คเสริมทัพ และได้อัลเบิร์ต คิง มาร่วมแจม ผลัดกันโซโล ซึ่งเราสามารถฟังแยกเสียงกีตาร์ของทั้ง 2 คนได้ไม่ยาก เสียงกีตาร์ของแกรี มัวร์นั้น ว่องไว ดุดันด้วยสำเนียงเสียงอ้วนทรงพลัง ส่วนเสียงกีตาร์ของอัลเบิร์ต คิงนั้นจะใสนุ่มกว่า
“Walking by Myself” ซับเฟิลบลูส์สนุกๆ กับแพทเทิร์นบลูส์ 8 ห้อง ในเพลงมีเสียงฮาร์โมนิกาเล่นตอด คลอไปตลอด ช่วงสร้างสีสันให้เพลงนี้น่าฟังมากขึ้น
จากนั้นมาถึงเพลงเอกประจำอัลบั้ม “Still Got the Blues” ที่ถือเป็นหนึ่งในเพลงดังประจำตัวของคุณน้าแกรี มัวร์ ที่ขึ้นต้นมาด้วยลูกโซโลกีตาร์อันหวานโศกหยดย้อย สอดรับไปกับเนื้อหารักเศร้าๆของบทเพลง
Still Got the Blues เป็นบัลลาดบลูส์สุดเพราะที่ไม่ได้มีท่วงทำนองแบบบลูส์เพียวๆ หากแต่เป็นเพลงสำเนียงบลูส์ประยุกต์ที่มีเมโลดี้อันสวยงาม ดนตรีเรียบเรียงละเมียดละไม มีการนำไลน์เครื่องสายใยทางคลาสสิกมาเป็นเคาน์เตอร์พอยต์(เมโลดี้รอง,ทำนองประสาน)ได้อย่างยอดเยี่ยม ขับเน้นให้เพลงฟังเศร้าดิ่งอารมณ์จมลงไปอีก
ที่สำคัญคือเพลงนี้มีลูกโซโลอันบาดลึกกินใจจากฝีมือการพรมนิ้วของแกรรี มัวร์ ทั้งในท่อนกลางและท่อนจบ โดยเฉพาะในท่อนจบแกรี มัวร์ วาดลวดลายสะบัดปิ๊กโซโลได้อย่างสุดติ่ง ทั้งลูกหวานบาดลึก ลูกระเบิดอารมณ์ที่ระบายผ่านเสียงกีตาร์ออกมาได้อย่างสุดเฉียบ
เพลงถัดมาเปลี่ยนโหมดเป็นบลูส์มันๆกับ “Texas Strut” ท่อนโซโลดุดันเฉียบคม ส่วน “Too Tired” ได้รุ่นใหญ่อย่าง อัลเบิร์ต คอนลินส์มาร่วมแจม เสริมทัพด้วยเครื่องเป่าทองเหลืองแน่นๆ
“King of the Blues” บทเพลงคารวะบรมครูเพลงบลูส์ มาในจังหวะปานกลาง เครื่องเป่าแน่นๆ ทางดนตรีเท่ๆมาก มีลูกลิคกีตาร์เล่นหยอดไปตลอดเพลง ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงเจ๋งของอัลบั้มนี้
ดึงอารมณ์หน่วงลงมาสู่โหมดทึมเศร้ากับ “As the Years Go Passing By” เป็นเพลงช้าๆเนิบๆ และมีความเป็นบลูส์ที่เข้มข้นอยู่พอตัว
“Midnight Blues” กระชับอารมณ์ขึ้นมาหน่อยกับบลูส์จังหวะปานกลาง เบสเดินคุมจังหวะให้ไลน์สวยมาก แกรี มัวร์ ยังคงโซโลได้เยี่ยมเหมือนเคย นอกจากนี้ก็ยังมีไลน์เครื่องสายบางๆมาช่วยสร้างสีสันอีกทาง
ส่วน “That Kind of Woman” อารมณ์เพลงออกไปทางริทึ่ม แอนด์ บลูส์ มีเสียงเปียโนพลิ้วๆเคาะกุ๊งกิ๊งหยอดบางช่วง ทีเด็ดอยู่ในท่อนโซโลที่แจมกันระหว่าง คุณน้าแกรี มัวร์ กับรุ่นพี่อย่าง คุณลุงจอร์จ แฮริสัน(ผู้ล่วงลับ) ที่มาช่วยเล่นสไลด์ให้
“All Your Love” เป็นอีกหนึ่งเพลงเด็ดของอัลบั้ม เพลงนี้แต่งโดย “โอทิส รัช”(Otis Rush) และวงจอห์นมาแยลเคยนำไปเล่นจนโด่งดัง สำหรับ All Your Love ในเวอร์ชั่นนี้ แกรี มัวร์ มาทำให้จังหวะกระชับขึ้น เสริมเครื่องเป่าเข้ามา และมีลูกโซโลแต่พองาม
จากนั้นเป็น “Stop Messin' Around” บลูส์ร็อกโจ๊ะๆ ฟังรื่นไหล ปิดท้ายอัลบั้มกันอย่างลงตัว
นับได้ว่า Still Got the Blues เป็นการกล้าที่จะเดินบนถนนสายใหม่คือ“ถนนสายบลูส์”ของแกรี มัวร์ ที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานในชุดนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ไปตั้งแต่ปกอัลบั้ม
บทเพลงที่คัดมาส่วนใหญ่เป็นเพลงบลูส์คุ้นหู ฟังง่าย และแกรี มัวร์ ก็เล่นออกมาแบบสบายๆ เข้าใจ และเข้าถึงในอารมณ์บลูส์ ฟังไม่เกร็งแม้ว่าจะเป็นชุดแรกแบบเต็มตัวในเส้นทางสายนี้ของเขา
ส่วนด้านการเรียบเรียงนั้นถือว่าสร้างเสน่ห์ให้กับผลงานโดยรวมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะไลน์ประสานของเครื่องเป่าและเครื่องสายที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม รอกจากนี้การได้รุ่นใหญ่มาช่วยเล่นในบางเพลงก็ทำให้อัลบั้มนี้มีสีสันมากขึ้น
ในส่วนการร้องเพลงขอแกรี มัวร์ที่ปรับเปลี่ยนมาร้องแบบบลูส์นั้นก็ถือว่าสอบผ่าน เพราะน้ำเสียงของเขาถือว่าใช้ได้ มีความห้าวหม่นปนอยู่ในน้ำเสียง
ขณะที่เสียงกีตาร์ที่ถือเป็นหัวใจหลักนั้น ชุดนี้ตัวงานแม้จะมีกีตาร์เป็นพระเอก แต่ว่าก็ไม่ใช่ประเภทโซโลน้ำไหลไฟดับยาวเหยียด หากแต่เป็นการโซโลแบบพองาม อีกทั้งเขายังสร้างสรรค์บทเพลงอย่าง Still Got the Blues กับดนตรีสวยๆ เมโลดี้งาม และลูกโซโลสุดเจ๋ง ขึ้นมาจนกลายเป็นหนึ่งในบทเพลงประจำตัว
ซึ่งหลังจากนี้ แกรี มัวร์ ได้ส่งผลงานอัลบั้มเพลงบลูส์ตามมาอีกหลายชุด ไม่ว่าจะเป็น Blues for Greeny(1995),Back to the Blues(2001),Power of the Blues(2004) และ Old New Ballads Blues(2006) แต่ว่าก็ไม่มีชุดไหนจะประสบความสำเร็จเท่ากับชุด Still Got the Blues
นับได้ว่าอัลบั้ม Still Got the Blues เป็นผลงานชิ้นโบแดงของแกรี มัวร์ ขณะที่บทเพลง “Still Got the Blues” นั้น ถือเป็นอีกหนึ่งบทเพลงแห่งความทรงจำที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในบทเพลงบัลลาดร็อกที่โลกยกย่องและคงความเป็นอมตะมาจนถึงทุกวันนี้
เป็น Still Got the Blues กับเสียงกีตาร์ร่ำไห้ ของหนึ่งในมือกีตาร์ผู้เป็นตำนาน
“แกรี มัวร์”
Still Got the Blues