คอลัมน์เพลงวาน โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
“...หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวังทำไม เมื่อยังมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน”
เพลง “เก็บตะวัน” - อิทธิ พลางกูร
แม้ศิลปินผู้ขับร้องเพลง“เก็บตะวัน” - “อิทธิ พลางกูร” จะลาลับจากโลกไปได้ 10 กว่าปีแล้ว แต่ความอมตะของบทเพลงเก็บตะวัน และเพลงดังอื่นๆของเขายังคงอยู่ในใจของใครหลายๆคน โดยเฉพาะผลงานเพลงอัลบั้มชุดแรก“ให้มันแล้วไป” ของเขานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุด เป็นอัลบั้มแจ้งเกิดที่เปิดตัวอิทธิในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่าง เปรี้ยงปร้าง สั่นสะเทือนวงการเพลงไทยในยุคนั้นได้ไม่น้อยเลย
ย้อนรอยอิทธิ พลางกูร
อิทธิ พลางกูร มีชื่อจริงว่า “เอกชัยวัฒน์ พลางกูร” เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2498 อิทธิมีความสนใจดนตรีมาตั้งแต่เด็ก โดยผู้ที่มีอิทธิพลทางดนตรีต่อเขามากที่สุดก็คือคนใกล้ชิดอย่างพี่ชาย“อุกฤษฏ์ พลางกูร” ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในปก(ใน)ผลงานเพลง(เทป)ชุดแรกของเขาว่า ...อุกฤษฏ์ พลางกูร เป็นคนหนึ่งที่บรรเลงดนตรีใส่ชีวิตทั้งชีวิตของเขาตลอดมา...นับจากนั้นเป็นต้นมา อิทธิ พลางกูร คือดนตรี
แรกเริ่มเดิมทีนั้นอิทธิใฝ่ฝันอยากเป็นมือกลองและหัดตีกลองเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก ก่อนที่เขาจะหันมาเล่นกีตาร์และหลงใหลในเสน่ห์ของมัน พร้อมกับค้นพบว่ากีตาร์สามารถบรรเลงความเป็นตัวตนของเขาได้ดีที่สุด
สำหรับนักดนตรี วงดนตรีที่มีอิทธิพลต่อการเล่นดนตรีของอิทธิก็คือวงสี่เต่าทอง “เดอะ บีทเทิ้ล”(The Beatles), “จิมมี่ เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix) และ วง“ครีม”(Cream) ที่มีเทพกีตาร์ในดวงใจของเขาคือ “เอริค แคลปตัน”(Eric Clapton) ซึ่งส่งผลให้ต่อมาอิทธิได้รับฉายาว่า“กีตาร์บัลลาด” ผู้มีทางโซโลด้วยเมโลดี้อันสวยงามและหวานพลิ้ว
ช่วงวัยรุ่น(ม.ปลาย)และช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอิทธิได้ตั้งวงเล่นดนตรีกับเพื่อนๆเหมือนคนสนใจดนตรีทั่วๆไป ก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ยุทธจักรดนตรีอาชีพอย่างจริงจังโดยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวง “เดอะ เบลสส์”(The Bless) เล่นดนตรีตามไนต์คลับในสไตล์ ป็อบ ร็อก ฟังกี้ โดยน้าอิทแกทำหน้าที่ลีดกีตาร์และร่วมร้องนำ
วงเดอะเบสส์มีผลงานเพลงออกมา 2 ชุดด้วยกัน คือชุด"หัวใจขายขาด”(2526)ที่มีเพลงดังอย่าง “หัวใจขายขาด”กับเพลง“เมื่อใดฉันไร้รัก”เพลงซึ้งๆช้าๆที่ขับร้องโดยอิทธิ และชุด“คืนเหงาใจ” (2527) ซึ่งนอกจากน้าอิทแล้ว วงเดอะเบลสส์ยังมีสมาชิกใน 2 รุ่น ที่มีคนดนตรีดังๆเคยผ่านสังเวียนของวงนี้มาอย่างเช่น สุรสีห์ อิทธิกุล, ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล และ ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว(ปั่น)
เดอะเบลสส์ โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงประมาณ 8 ปี ก่อนจะเลิกราแยกย้ายกันไป โดยน้าอิทนั้นได้ไปร่วมทำสตูดิโอกับพี่ชาย-อุกฤษฏ์ และได้ทำงานเบื้องหลังเป็นซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินหลายต่อหลายคนด้วยกัน
ต่อมาอิทธิถูกเฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ชักชวนให้ออกอัลบั้ม เขาจึงเบนเข็มมาเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว พร้อมส่งผลงานเพลง(เทป)ชุด “ให้มันแล้วไป”ออกมาในปีพ.ศ. 2531 ซึ่งประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่ว
จากนั้นอิทธิได้ส่งผลงานเพลงออกมาอีกหลายต่อหลายชุด อาทิ “ไปต่อไป”(2532), “อิทธิ 3 เวลา”(2533), “อิทธิ 4 ป้ายแดง”(2535),“อิทธิ 5 กำลัง D”(2536), “รวมฮิต เก็บตะวัน”(2538), “ฮาร์ท แอนด์ โซล”(2540-ร่วมงานกับเทียรี่ เมฆวัฒนา) ฯ ซึ่งเขาได้มีเพลงดังเคียงคู่วงการเพลงอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “ให้มันแล้วไป”,“ยังจำไว้”, “หากคิดจะรัก...ก็รัก”, “ไปต่อไป”, “ทรมาน”, “เราสามคน”, “รอยร้าว”, “ดินทราย”, “น้ำในตา” และ “เก็บตะวัน” เพลงดังจากอัลบั้มแรกที่อยู่ยั้งยืนยงและเป็นดังบทเพลงลายเซ็นประจำตัวของอิทธิมาจนทุกวันนี้
หลังประสบความสำเร็จบนเส้นทางดนตรีในฐานะศิลปินเดี่ยวมากว่า 10 ปี ในปี 2545 อิทธิพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2547 จากโรคมะเร็ง สิริรวมอายุเพียง 49 ปีเท่านั้น
ให้มันแล้วไป
สำหรับผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวชุดแรกของอิทธิคือ“ให้มันแล้วไป”(ในสังกัด อาร์.เอส.โปรโมชั่น) น้าอิทรับหน้าที่หลากหลายทั้ง ร้องนำ เล่นกีตาร์(เครื่องดนตรีถนัด) คีย์บอร์ด เป็นคนเรียบเรียง และเป็นโปรดิวเซอร์เอง
นอกจากนี้ก็ยังมีพี่น้องผองเพื่อนคนดนตรีมากฝีมือมาช่วยงานกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น กริช ทอมมัส,ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล,เรืองยศ พิมพ์ทอง,อ.เดชา อินทาภิรัต,ศิริศักดิ์ ศิริโชตินันท์(หมู คาไลโดสโคป),ชัชชัย สุขาวดี(หรั่ง ร็อกเคสตร้า) รวมถึง ธนพล อินทฤทธิ์(เสือ ธนพล) ที่ได้กลายมาเป็นศิลปินเลื่องชื่อในเวลาต่อมา
อัลบั้มชุดให้มันแล้วไปมีบทเพลงทั้งหมด 10 เพลงตามสูตสำเร็จของคลาสเซ็ทเทปในยุคนั้น โดยเปิดประเดิมกันด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม คือ “ให้มันแล้วไป” ที่ได้หนุ่มมาดเข้ม “โด่ง-ธานินทร์ ทัพมงคล” มาเป็นพระเอก MV ซึ่งหลังเพลงนี้เปิดออกอากาศเผยแพร่ก็ส่งผลให้อิทธิกลายเป็นศิลปินคนดังทันที พร้อมๆกับเป็นคนดนตรีที่ไม่ได้ขายหน้าตา หากแต่ขายเสียงขายฝีมือเป็นหลัก
ให้มันแล้วไป มาในทางป็อบร็อกเท่ๆจังหวะสโลว์ร็อก กีตาร์โซโลเล่นโน้ตไม่ยากแต่มีเมโลดี้สวยทีเดียว เสียงของน้าอิทร้องแบบสบายๆ เพลงนี้แม้เนื้อความมุ่งนำเสนอด้านความรัก แต่กับคำว่าให้มันแล้วไป หรือให้มันแล้วแล้วไปนั้น มันสามารถมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตคนเรา เพราะหลายๆเรื่องเราอาจไม่สามารถปล่อยผ่าน แต่อีกหลายๆเรื่องเราสามารถปล่อยผ่าน “ให้มันแล้วไป” ซึ่งสุดท้ายการไม่ติดยึดเก็บมาคิดเคียดแค้นมันกลับกลายเป็นผลดีต่อชีวิตเรานั่นเอง
“จบลงแล้ว” บัลลาดฟังเหงาเศร้าเหงาวังเวงที่เป็นตามสูตร จากดนตรีบางค่อยๆทวีดีกรีความเข้มข้นขึ้น จากนั้นต่อกันด้วย “ยังจำไว้”แต่งโดย“วิเชษฐ ห่อกาญจนา” ให้น้าอิทร้องขับขายถ่ายทอดได้อย่างซึ้งและเศร้าได้ทอารมณ์สุดๆ ภาคดนตรีเน้นการใช้เสียงเปียโนอันพลิ้วหวานไหวเป็นพระเอกเดินเรื่อง พร้อมๆกับมีไลน์ออร์เคสตร้ามาช่วยสร้างสีสันตั้งแต่ช่วงกลางเพลงขึ้นไปรวมถึงมีคอรัสเสียงหวานหม่นมาเติมเต็มอารมณ์ในช่วงท้าย
ยังจำไว้ เป็นบทเพลงอันไพเราะสุดซึ้งที่วันนี้หลายๆคนยังจำเพลงนี้ได้ดี และถือเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของอิทธิ พลางกูร ที่ยังคงเป็นที่นิยมข้ามกาลเวลามาจนทุกวันนี้
“คนอะไร” ป็อบร็อกกับดนตรีโจ๊ะๆที่ทั้งเพราะและเท่ชะมัด ก่อนต่อกันด้วย “มากคน มากความ” มาในแนวอิเลคทรอนิกส์ร็อก เนื้อหาสะท้อนความเป็นจริง ที่มากคนย่อมมากความ เพลงนี้ไลน์คีย์บอร์ดประสานนั้นโดดเด่นทีเดียว ส่วนทางกีตาร์นั้นก็เจ๋งไม่เบากระชากคอร์ดได้หนาแน่นมีพลัง น่าฟัง
มาต่อกันที่“เจ็บคราวนี้”(เพลงแรกเทปหน้า 2 )เป็นร็อกหนักๆ แม้เสียงร้องของน้าอิทจะไม่ทรงพลังไหร่ แต่ก็มีภาคดนตรีแน่นมาช่วยโอบอุ้ม ดนตรีอัดกันมันทั้งเบสกลองกีตาร์ โดยเฉพาะกีตาร์โซโลฝีมือพี่หมูคาไลฯ โซโลได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว
จากร็อกสุดมันเบรกอารมณ์หัวทิ่มกับอินโทรปิ๊กกิ้งกีตาร์ใสปิ้งของบทเพลงอมตะ “เก็บตะวัน” ที่แต่งโดยพี่เสือ-ธนพล อินทฤทธิ์
เก็บตะวันเป็นเพลงที่เนื้อหาให้กำลังใจชีวิตด้วยเนื้อหาปรัชญาที่ฟังง่าย เข้าใจง่าย พร้อมกับภาษางามๆ อย่างเช่น “...ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า คงไม่นานตะวัน สาดแสงแรงกล้า ส่งให้ฟ้า งดงาม...”
ขณะที่ในภาคดนตรีมีทางเดินคอร์ดของเพลงป็อบที่สวยงาม ทางกีตาร์ลูกปิ๊กกิ้งในช่วงอินโทรที่มีเสียงฮาร์โมนิกาเล่นทำนองหวานๆนั้นถือว่ามีเอกลักษณ์ไม่น้อย(และมีคนมาแกะลูกปิ๊กกิ้งนี้เล่นโชว์สาวกันเพียบ) อีกทั้งในท่อนโซโลสั้นๆนั้นน้าอิทแกก็หยอดเจือสำเนียงบลูส์เข้าไปได้อย่างน่าฟัง
เก็บตะวันถือเป็นเพลงที่ลงตัวเอามาก ทั้งเนื้อหาดี ดนตรีไพเราะ มีท่วงทำนองติดหูง่าย การเรียบเรียงก็เยี่ยม เสียงร้องของน้าอิทนั้นก็เหมาะสม แถม MV เพลงนี้ที่กำกับโดย“ปรัชญา ปิ่นแก้ว”(ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้กำกับหนังดังในหายหลัง) ยังสามารถคว้ารางวัล MV ยอดเยี่ยมในปีนั้นไปครอง
ด้วยความลงตัวในหลายๆด้านทำให้เพลงเก็บตะวันโด่งดังค้างฟ้าเรื่อยมา ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงสัญลักษณ์ประจำตัวของอิทธิ ที่วันนี้ตามร้านเหล้า คาราโอเกะ ยังคงนำเพลงเก็บตะวันไปร้องกันอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้เพลงเก็บตะวันยังถูกนักการเมืองดัง พ่อใหญ่“จิ๋ว หวานเจี๊ยบ”นำไปร้องอยู่เสมอ จนกลายเป็นบทเพลงประจำตัวของเขาไปโดยปริยาย แต่ประทานโทษ!! เท่าที่ผมเคยฟังพ่อใหญ่ร้องเพลงนี้ผ่านสื่อต่างๆมา ผมไม่เคยเห็นพ่อใหญ่ร้องได้ถูกคีย์และตรงจังหวะเลย พับผ่าสิ
จากเก็บตะวันมาต่อกันด้วย “ใจเขา ใจเรา” กับเพลงป็อบร็อกเนื้อหาน่าฟัง เพราะมุ่งบอกให้เราคิดถึงใจเขา ใจเรา ใส่ใจในคนอื่นด้วย
ส่วน “หากคิดจะรัก...ก็รัก” นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงดังของน้าอิท เป็นเพลงช้าๆที่เพราะและซึ้งอีกหนึ่งเพลง
แล้วก็มาถึงเพลงที่ 10 “นิยายน้ำเน่า” ป็อบร็อกโจ๊ะๆ กับเนื้อหาเชยๆแต่โดน สมดังชื่อเพลงเมื่อไอ้หนุ่มผู้ต่ำต้อยไปหลงรักสาวผู้สูงส่ง เป็นดังหมาวัดไปหลงรักดอกฟ้าดังนิยายน้ำเน่า ที่ฟังสนุก ท่วงทำนองสวยงาม ปิดท้ายอัลบั้มชุดนี้ที่แจ้งเกิดสร้างชื่อให้กับอิทธิได้เป็นอย่างดี
ให้มันแล้วไปถือเป็นอัลบั้มที่มีความโดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาคดนตรีที่ถือเป็นสีสันใหม่แห่งยุค มีการเรียบเรียงที่เยี่ยมไม่เบา แถมยังละเมียดละไม ส่วนภาคเนื้อหานั้นก็ยอด ไม่ได้มุ่งนำเสนอแต่เพลงรัก หากแต่มีเพลงที่มีความหมายดีๆ อย่าง “มากคน-มากความ”, “ใจเขาใจเรา” และบทเพลงอมตะอย่าง “เก็บตะวัน” ที่มีเนื้อหายอดเยี่ยมให้กำลังใจ มาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนคู่ไปกับเพลงรักเด่นๆ อย่าง “ยังจำไว้”, “ให้มันแล้วไป” หรือ “หากคิดจะรัก..ก็รัก”
ขณะที่เสียงร้องของอิทธินั้น น้าแกไม่ใช่ประเภทนักร้องเสียงหล่อ เสียงพระเอก หรือเสียงทรงพลัง หากแต่เป็นประเภทเสียงมีเสน่ห์ ติดแหบติดแตกนิดๆ มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ที่สามารถร้องถ่ายทอดแต่ละเพลงออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับเพลงช้าๆนั้น น้าอิทร้องถ่ายทอดได้ถึงอารมณ์มาก
และด้วยความลงตัวต่างๆทำให้อัลบั้มให้มันแล้วไปประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น ทำยอดขายได้กว่า 7 แสนตลับ นับเป็นอัลบั้มที่สามารถแจ้งเกิดเปิดตัว“อิทธิ พลางกูร” ในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่างลือลั่นสั่นสะเทือนวงการเพลงไทย ซึ่งนับจากผลงานเพลงชุดให้มันแล้วไปวันนั้นมาจนถึงวันนี้ที่เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่บทเพลงอย่าง “ยังจำไว้” และ“เก็บตะวัน” ก็ยังคงดังอยู่คู่วงการเพลงไทยอยู่ไม่เสื่อมคลาย
*****************************************
เพลง "เก็บตะวัน"
เพลง "ยังจำไว้"
เพลง "ให้มันแล้วไป"
“...หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวังทำไม เมื่อยังมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน”
เพลง “เก็บตะวัน” - อิทธิ พลางกูร
แม้ศิลปินผู้ขับร้องเพลง“เก็บตะวัน” - “อิทธิ พลางกูร” จะลาลับจากโลกไปได้ 10 กว่าปีแล้ว แต่ความอมตะของบทเพลงเก็บตะวัน และเพลงดังอื่นๆของเขายังคงอยู่ในใจของใครหลายๆคน โดยเฉพาะผลงานเพลงอัลบั้มชุดแรก“ให้มันแล้วไป” ของเขานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุด เป็นอัลบั้มแจ้งเกิดที่เปิดตัวอิทธิในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่าง เปรี้ยงปร้าง สั่นสะเทือนวงการเพลงไทยในยุคนั้นได้ไม่น้อยเลย
ย้อนรอยอิทธิ พลางกูร
อิทธิ พลางกูร มีชื่อจริงว่า “เอกชัยวัฒน์ พลางกูร” เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2498 อิทธิมีความสนใจดนตรีมาตั้งแต่เด็ก โดยผู้ที่มีอิทธิพลทางดนตรีต่อเขามากที่สุดก็คือคนใกล้ชิดอย่างพี่ชาย“อุกฤษฏ์ พลางกูร” ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในปก(ใน)ผลงานเพลง(เทป)ชุดแรกของเขาว่า ...อุกฤษฏ์ พลางกูร เป็นคนหนึ่งที่บรรเลงดนตรีใส่ชีวิตทั้งชีวิตของเขาตลอดมา...นับจากนั้นเป็นต้นมา อิทธิ พลางกูร คือดนตรี
แรกเริ่มเดิมทีนั้นอิทธิใฝ่ฝันอยากเป็นมือกลองและหัดตีกลองเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก ก่อนที่เขาจะหันมาเล่นกีตาร์และหลงใหลในเสน่ห์ของมัน พร้อมกับค้นพบว่ากีตาร์สามารถบรรเลงความเป็นตัวตนของเขาได้ดีที่สุด
สำหรับนักดนตรี วงดนตรีที่มีอิทธิพลต่อการเล่นดนตรีของอิทธิก็คือวงสี่เต่าทอง “เดอะ บีทเทิ้ล”(The Beatles), “จิมมี่ เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix) และ วง“ครีม”(Cream) ที่มีเทพกีตาร์ในดวงใจของเขาคือ “เอริค แคลปตัน”(Eric Clapton) ซึ่งส่งผลให้ต่อมาอิทธิได้รับฉายาว่า“กีตาร์บัลลาด” ผู้มีทางโซโลด้วยเมโลดี้อันสวยงามและหวานพลิ้ว
ช่วงวัยรุ่น(ม.ปลาย)และช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอิทธิได้ตั้งวงเล่นดนตรีกับเพื่อนๆเหมือนคนสนใจดนตรีทั่วๆไป ก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ยุทธจักรดนตรีอาชีพอย่างจริงจังโดยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวง “เดอะ เบลสส์”(The Bless) เล่นดนตรีตามไนต์คลับในสไตล์ ป็อบ ร็อก ฟังกี้ โดยน้าอิทแกทำหน้าที่ลีดกีตาร์และร่วมร้องนำ
วงเดอะเบสส์มีผลงานเพลงออกมา 2 ชุดด้วยกัน คือชุด"หัวใจขายขาด”(2526)ที่มีเพลงดังอย่าง “หัวใจขายขาด”กับเพลง“เมื่อใดฉันไร้รัก”เพลงซึ้งๆช้าๆที่ขับร้องโดยอิทธิ และชุด“คืนเหงาใจ” (2527) ซึ่งนอกจากน้าอิทแล้ว วงเดอะเบลสส์ยังมีสมาชิกใน 2 รุ่น ที่มีคนดนตรีดังๆเคยผ่านสังเวียนของวงนี้มาอย่างเช่น สุรสีห์ อิทธิกุล, ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล และ ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว(ปั่น)
เดอะเบลสส์ โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงประมาณ 8 ปี ก่อนจะเลิกราแยกย้ายกันไป โดยน้าอิทนั้นได้ไปร่วมทำสตูดิโอกับพี่ชาย-อุกฤษฏ์ และได้ทำงานเบื้องหลังเป็นซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินหลายต่อหลายคนด้วยกัน
ต่อมาอิทธิถูกเฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ชักชวนให้ออกอัลบั้ม เขาจึงเบนเข็มมาเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว พร้อมส่งผลงานเพลง(เทป)ชุด “ให้มันแล้วไป”ออกมาในปีพ.ศ. 2531 ซึ่งประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่ว
จากนั้นอิทธิได้ส่งผลงานเพลงออกมาอีกหลายต่อหลายชุด อาทิ “ไปต่อไป”(2532), “อิทธิ 3 เวลา”(2533), “อิทธิ 4 ป้ายแดง”(2535),“อิทธิ 5 กำลัง D”(2536), “รวมฮิต เก็บตะวัน”(2538), “ฮาร์ท แอนด์ โซล”(2540-ร่วมงานกับเทียรี่ เมฆวัฒนา) ฯ ซึ่งเขาได้มีเพลงดังเคียงคู่วงการเพลงอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “ให้มันแล้วไป”,“ยังจำไว้”, “หากคิดจะรัก...ก็รัก”, “ไปต่อไป”, “ทรมาน”, “เราสามคน”, “รอยร้าว”, “ดินทราย”, “น้ำในตา” และ “เก็บตะวัน” เพลงดังจากอัลบั้มแรกที่อยู่ยั้งยืนยงและเป็นดังบทเพลงลายเซ็นประจำตัวของอิทธิมาจนทุกวันนี้
หลังประสบความสำเร็จบนเส้นทางดนตรีในฐานะศิลปินเดี่ยวมากว่า 10 ปี ในปี 2545 อิทธิพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2547 จากโรคมะเร็ง สิริรวมอายุเพียง 49 ปีเท่านั้น
ให้มันแล้วไป
สำหรับผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวชุดแรกของอิทธิคือ“ให้มันแล้วไป”(ในสังกัด อาร์.เอส.โปรโมชั่น) น้าอิทรับหน้าที่หลากหลายทั้ง ร้องนำ เล่นกีตาร์(เครื่องดนตรีถนัด) คีย์บอร์ด เป็นคนเรียบเรียง และเป็นโปรดิวเซอร์เอง
นอกจากนี้ก็ยังมีพี่น้องผองเพื่อนคนดนตรีมากฝีมือมาช่วยงานกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น กริช ทอมมัส,ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล,เรืองยศ พิมพ์ทอง,อ.เดชา อินทาภิรัต,ศิริศักดิ์ ศิริโชตินันท์(หมู คาไลโดสโคป),ชัชชัย สุขาวดี(หรั่ง ร็อกเคสตร้า) รวมถึง ธนพล อินทฤทธิ์(เสือ ธนพล) ที่ได้กลายมาเป็นศิลปินเลื่องชื่อในเวลาต่อมา
อัลบั้มชุดให้มันแล้วไปมีบทเพลงทั้งหมด 10 เพลงตามสูตสำเร็จของคลาสเซ็ทเทปในยุคนั้น โดยเปิดประเดิมกันด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม คือ “ให้มันแล้วไป” ที่ได้หนุ่มมาดเข้ม “โด่ง-ธานินทร์ ทัพมงคล” มาเป็นพระเอก MV ซึ่งหลังเพลงนี้เปิดออกอากาศเผยแพร่ก็ส่งผลให้อิทธิกลายเป็นศิลปินคนดังทันที พร้อมๆกับเป็นคนดนตรีที่ไม่ได้ขายหน้าตา หากแต่ขายเสียงขายฝีมือเป็นหลัก
ให้มันแล้วไป มาในทางป็อบร็อกเท่ๆจังหวะสโลว์ร็อก กีตาร์โซโลเล่นโน้ตไม่ยากแต่มีเมโลดี้สวยทีเดียว เสียงของน้าอิทร้องแบบสบายๆ เพลงนี้แม้เนื้อความมุ่งนำเสนอด้านความรัก แต่กับคำว่าให้มันแล้วไป หรือให้มันแล้วแล้วไปนั้น มันสามารถมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตคนเรา เพราะหลายๆเรื่องเราอาจไม่สามารถปล่อยผ่าน แต่อีกหลายๆเรื่องเราสามารถปล่อยผ่าน “ให้มันแล้วไป” ซึ่งสุดท้ายการไม่ติดยึดเก็บมาคิดเคียดแค้นมันกลับกลายเป็นผลดีต่อชีวิตเรานั่นเอง
“จบลงแล้ว” บัลลาดฟังเหงาเศร้าเหงาวังเวงที่เป็นตามสูตร จากดนตรีบางค่อยๆทวีดีกรีความเข้มข้นขึ้น จากนั้นต่อกันด้วย “ยังจำไว้”แต่งโดย“วิเชษฐ ห่อกาญจนา” ให้น้าอิทร้องขับขายถ่ายทอดได้อย่างซึ้งและเศร้าได้ทอารมณ์สุดๆ ภาคดนตรีเน้นการใช้เสียงเปียโนอันพลิ้วหวานไหวเป็นพระเอกเดินเรื่อง พร้อมๆกับมีไลน์ออร์เคสตร้ามาช่วยสร้างสีสันตั้งแต่ช่วงกลางเพลงขึ้นไปรวมถึงมีคอรัสเสียงหวานหม่นมาเติมเต็มอารมณ์ในช่วงท้าย
ยังจำไว้ เป็นบทเพลงอันไพเราะสุดซึ้งที่วันนี้หลายๆคนยังจำเพลงนี้ได้ดี และถือเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของอิทธิ พลางกูร ที่ยังคงเป็นที่นิยมข้ามกาลเวลามาจนทุกวันนี้
“คนอะไร” ป็อบร็อกกับดนตรีโจ๊ะๆที่ทั้งเพราะและเท่ชะมัด ก่อนต่อกันด้วย “มากคน มากความ” มาในแนวอิเลคทรอนิกส์ร็อก เนื้อหาสะท้อนความเป็นจริง ที่มากคนย่อมมากความ เพลงนี้ไลน์คีย์บอร์ดประสานนั้นโดดเด่นทีเดียว ส่วนทางกีตาร์นั้นก็เจ๋งไม่เบากระชากคอร์ดได้หนาแน่นมีพลัง น่าฟัง
มาต่อกันที่“เจ็บคราวนี้”(เพลงแรกเทปหน้า 2 )เป็นร็อกหนักๆ แม้เสียงร้องของน้าอิทจะไม่ทรงพลังไหร่ แต่ก็มีภาคดนตรีแน่นมาช่วยโอบอุ้ม ดนตรีอัดกันมันทั้งเบสกลองกีตาร์ โดยเฉพาะกีตาร์โซโลฝีมือพี่หมูคาไลฯ โซโลได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว
จากร็อกสุดมันเบรกอารมณ์หัวทิ่มกับอินโทรปิ๊กกิ้งกีตาร์ใสปิ้งของบทเพลงอมตะ “เก็บตะวัน” ที่แต่งโดยพี่เสือ-ธนพล อินทฤทธิ์
เก็บตะวันเป็นเพลงที่เนื้อหาให้กำลังใจชีวิตด้วยเนื้อหาปรัชญาที่ฟังง่าย เข้าใจง่าย พร้อมกับภาษางามๆ อย่างเช่น “...ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า คงไม่นานตะวัน สาดแสงแรงกล้า ส่งให้ฟ้า งดงาม...”
ขณะที่ในภาคดนตรีมีทางเดินคอร์ดของเพลงป็อบที่สวยงาม ทางกีตาร์ลูกปิ๊กกิ้งในช่วงอินโทรที่มีเสียงฮาร์โมนิกาเล่นทำนองหวานๆนั้นถือว่ามีเอกลักษณ์ไม่น้อย(และมีคนมาแกะลูกปิ๊กกิ้งนี้เล่นโชว์สาวกันเพียบ) อีกทั้งในท่อนโซโลสั้นๆนั้นน้าอิทแกก็หยอดเจือสำเนียงบลูส์เข้าไปได้อย่างน่าฟัง
เก็บตะวันถือเป็นเพลงที่ลงตัวเอามาก ทั้งเนื้อหาดี ดนตรีไพเราะ มีท่วงทำนองติดหูง่าย การเรียบเรียงก็เยี่ยม เสียงร้องของน้าอิทนั้นก็เหมาะสม แถม MV เพลงนี้ที่กำกับโดย“ปรัชญา ปิ่นแก้ว”(ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้กำกับหนังดังในหายหลัง) ยังสามารถคว้ารางวัล MV ยอดเยี่ยมในปีนั้นไปครอง
ด้วยความลงตัวในหลายๆด้านทำให้เพลงเก็บตะวันโด่งดังค้างฟ้าเรื่อยมา ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงสัญลักษณ์ประจำตัวของอิทธิ ที่วันนี้ตามร้านเหล้า คาราโอเกะ ยังคงนำเพลงเก็บตะวันไปร้องกันอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้เพลงเก็บตะวันยังถูกนักการเมืองดัง พ่อใหญ่“จิ๋ว หวานเจี๊ยบ”นำไปร้องอยู่เสมอ จนกลายเป็นบทเพลงประจำตัวของเขาไปโดยปริยาย แต่ประทานโทษ!! เท่าที่ผมเคยฟังพ่อใหญ่ร้องเพลงนี้ผ่านสื่อต่างๆมา ผมไม่เคยเห็นพ่อใหญ่ร้องได้ถูกคีย์และตรงจังหวะเลย พับผ่าสิ
จากเก็บตะวันมาต่อกันด้วย “ใจเขา ใจเรา” กับเพลงป็อบร็อกเนื้อหาน่าฟัง เพราะมุ่งบอกให้เราคิดถึงใจเขา ใจเรา ใส่ใจในคนอื่นด้วย
ส่วน “หากคิดจะรัก...ก็รัก” นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงดังของน้าอิท เป็นเพลงช้าๆที่เพราะและซึ้งอีกหนึ่งเพลง
แล้วก็มาถึงเพลงที่ 10 “นิยายน้ำเน่า” ป็อบร็อกโจ๊ะๆ กับเนื้อหาเชยๆแต่โดน สมดังชื่อเพลงเมื่อไอ้หนุ่มผู้ต่ำต้อยไปหลงรักสาวผู้สูงส่ง เป็นดังหมาวัดไปหลงรักดอกฟ้าดังนิยายน้ำเน่า ที่ฟังสนุก ท่วงทำนองสวยงาม ปิดท้ายอัลบั้มชุดนี้ที่แจ้งเกิดสร้างชื่อให้กับอิทธิได้เป็นอย่างดี
ให้มันแล้วไปถือเป็นอัลบั้มที่มีความโดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาคดนตรีที่ถือเป็นสีสันใหม่แห่งยุค มีการเรียบเรียงที่เยี่ยมไม่เบา แถมยังละเมียดละไม ส่วนภาคเนื้อหานั้นก็ยอด ไม่ได้มุ่งนำเสนอแต่เพลงรัก หากแต่มีเพลงที่มีความหมายดีๆ อย่าง “มากคน-มากความ”, “ใจเขาใจเรา” และบทเพลงอมตะอย่าง “เก็บตะวัน” ที่มีเนื้อหายอดเยี่ยมให้กำลังใจ มาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนคู่ไปกับเพลงรักเด่นๆ อย่าง “ยังจำไว้”, “ให้มันแล้วไป” หรือ “หากคิดจะรัก..ก็รัก”
ขณะที่เสียงร้องของอิทธินั้น น้าแกไม่ใช่ประเภทนักร้องเสียงหล่อ เสียงพระเอก หรือเสียงทรงพลัง หากแต่เป็นประเภทเสียงมีเสน่ห์ ติดแหบติดแตกนิดๆ มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ที่สามารถร้องถ่ายทอดแต่ละเพลงออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับเพลงช้าๆนั้น น้าอิทร้องถ่ายทอดได้ถึงอารมณ์มาก
และด้วยความลงตัวต่างๆทำให้อัลบั้มให้มันแล้วไปประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น ทำยอดขายได้กว่า 7 แสนตลับ นับเป็นอัลบั้มที่สามารถแจ้งเกิดเปิดตัว“อิทธิ พลางกูร” ในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่างลือลั่นสั่นสะเทือนวงการเพลงไทย ซึ่งนับจากผลงานเพลงชุดให้มันแล้วไปวันนั้นมาจนถึงวันนี้ที่เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่บทเพลงอย่าง “ยังจำไว้” และ“เก็บตะวัน” ก็ยังคงดังอยู่คู่วงการเพลงไทยอยู่ไม่เสื่อมคลาย
*****************************************
เพลง "เก็บตะวัน"
เพลง "ยังจำไว้"
เพลง "ให้มันแล้วไป"