xs
xsm
sm
md
lg

“ยังจำไว้”-“เก็บตะวัน”...เพลงดัง เพลงดี จาก “อิทธิ พลางกูร 1” –“ให้มันแล้วไป”/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

คอลัมน์เพลงวาน โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
อิทธิ พลางกูร ผู้่ลาลับ แต่ได้ฝากผลงานเพลงเพราะไว้มากมาย
“...หากตะวัน ยังเคียงคู่ฟ้า จะมัวมา สิ้นหวังทำไม เมื่อยังมีพรุ่งนี้ ให้เดินเริ่มใหม่ มั่นคงไว้ ดังเช่นตะวัน”

เพลง “เก็บตะวัน” - อิทธิ พลางกูร

แม้ศิลปินผู้ขับร้องเพลง“เก็บตะวัน” - “อิทธิ พลางกูร” จะลาลับจากโลกไปได้ 10 กว่าปีแล้ว แต่ความอมตะของบทเพลงเก็บตะวัน และเพลงดังอื่นๆของเขายังคงอยู่ในใจของใครหลายๆคน โดยเฉพาะผลงานเพลงอัลบั้มชุดแรก“ให้มันแล้วไป” ของเขานั้น ถือว่าประสบความสำเร็จสูงสุด เป็นอัลบั้มแจ้งเกิดที่เปิดตัวอิทธิในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่าง เปรี้ยงปร้าง สั่นสะเทือนวงการเพลงไทยในยุคนั้นได้ไม่น้อยเลย

ย้อนรอยอิทธิ พลางกูร

อิทธิ พลางกูร มีชื่อจริงว่า “เอกชัยวัฒน์ พลางกูร” เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2498 อิทธิมีความสนใจดนตรีมาตั้งแต่เด็ก โดยผู้ที่มีอิทธิพลทางดนตรีต่อเขามากที่สุดก็คือคนใกล้ชิดอย่างพี่ชาย“อุกฤษฏ์ พลางกูร” ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในปก(ใน)ผลงานเพลง(เทป)ชุดแรกของเขาว่า ...อุกฤษฏ์ พลางกูร เป็นคนหนึ่งที่บรรเลงดนตรีใส่ชีวิตทั้งชีวิตของเขาตลอดมา...นับจากนั้นเป็นต้นมา อิทธิ พลางกูร คือดนตรี

แรกเริ่มเดิมทีนั้นอิทธิใฝ่ฝันอยากเป็นมือกลองและหัดตีกลองเป็นเครื่องดนตรีชิ้นแรก ก่อนที่เขาจะหันมาเล่นกีตาร์และหลงใหลในเสน่ห์ของมัน พร้อมกับค้นพบว่ากีตาร์สามารถบรรเลงความเป็นตัวตนของเขาได้ดีที่สุด

สำหรับนักดนตรี วงดนตรีที่มีอิทธิพลต่อการเล่นดนตรีของอิทธิก็คือวงสี่เต่าทอง “เดอะ บีทเทิ้ล”(The Beatles), “จิมมี่ เฮนดริกซ์”(Jimi Hendrix) และ วง“ครีม”(Cream) ที่มีเทพกีตาร์ในดวงใจของเขาคือ “เอริค แคลปตัน”(Eric Clapton) ซึ่งส่งผลให้ต่อมาอิทธิได้รับฉายาว่า“กีตาร์บัลลาด” ผู้มีทางโซโลด้วยเมโลดี้อันสวยงามและหวานพลิ้ว
ผลงาน 2 ชุด ของวงเดอะ เบลสส์ วงดนตรีที่อิทธิเคยอยู่มา 8 ปี(ภาพจากอินเตอร์เน็ต)
ช่วงวัยรุ่น(ม.ปลาย)และช่วงเรียนมหาวิทยาลัยอิทธิได้ตั้งวงเล่นดนตรีกับเพื่อนๆเหมือนคนสนใจดนตรีทั่วๆไป ก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่ยุทธจักรดนตรีอาชีพอย่างจริงจังโดยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งวง “เดอะ เบลสส์”(The Bless) เล่นดนตรีตามไนต์คลับในสไตล์ ป็อบ ร็อก ฟังกี้ โดยน้าอิทแกทำหน้าที่ลีดกีตาร์และร่วมร้องนำ

วงเดอะเบสส์มีผลงานเพลงออกมา 2 ชุดด้วยกัน คือชุด"หัวใจขายขาด”(2526)ที่มีเพลงดังอย่าง “หัวใจขายขาด”กับเพลง“เมื่อใดฉันไร้รัก”เพลงซึ้งๆช้าๆที่ขับร้องโดยอิทธิ และชุด“คืนเหงาใจ” (2527) ซึ่งนอกจากน้าอิทแล้ว วงเดอะเบลสส์ยังมีสมาชิกใน 2 รุ่น ที่มีคนดนตรีดังๆเคยผ่านสังเวียนของวงนี้มาอย่างเช่น สุรสีห์ อิทธิกุล, ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล และ ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว(ปั่น)

เดอะเบลสส์ โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงประมาณ 8 ปี ก่อนจะเลิกราแยกย้ายกันไป โดยน้าอิทนั้นได้ไปร่วมทำสตูดิโอกับพี่ชาย-อุกฤษฏ์ และได้ทำงานเบื้องหลังเป็นซาวนด์ เอ็นจิเนียร์ และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับศิลปินหลายต่อหลายคนด้วยกัน

ต่อมาอิทธิถูกเฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐ์โชติศักดิ์ ชักชวนให้ออกอัลบั้ม เขาจึงเบนเข็มมาเป็นศิลปินเดี่ยวอย่างเต็มตัว พร้อมส่งผลงานเพลง(เทป)ชุด “ให้มันแล้วไป”ออกมาในปีพ.ศ. 2531 ซึ่งประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่ว

จากนั้นอิทธิได้ส่งผลงานเพลงออกมาอีกหลายต่อหลายชุด อาทิ “ไปต่อไป”(2532), “อิทธิ 3 เวลา”(2533), “อิทธิ 4 ป้ายแดง”(2535),“อิทธิ 5 กำลัง D”(2536), “รวมฮิต เก็บตะวัน”(2538), “ฮาร์ท แอนด์ โซล”(2540-ร่วมงานกับเทียรี่ เมฆวัฒนา) ฯ ซึ่งเขาได้มีเพลงดังเคียงคู่วงการเพลงอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “ให้มันแล้วไป”,“ยังจำไว้”, “หากคิดจะรัก...ก็รัก”, “ไปต่อไป”, “ทรมาน”, “เราสามคน”, “รอยร้าว”, “ดินทราย”, “น้ำในตา” และ “เก็บตะวัน” เพลงดังจากอัลบั้มแรกที่อยู่ยั้งยืนยงและเป็นดังบทเพลงลายเซ็นประจำตัวของอิทธิมาจนทุกวันนี้

หลังประสบความสำเร็จบนเส้นทางดนตรีในฐานะศิลปินเดี่ยวมากว่า 10 ปี ในปี 2545 อิทธิพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2547 จากโรคมะเร็ง สิริรวมอายุเพียง 49 ปีเท่านั้น
ปกอัลบั้ม(เทป)ชุดแรกของอิทธิ – ให้มันแล้วไป
ให้มันแล้วไป

สำหรับผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยวชุดแรกของอิทธิคือ“ให้มันแล้วไป”(ในสังกัด อาร์.เอส.โปรโมชั่น) น้าอิทรับหน้าที่หลากหลายทั้ง ร้องนำ เล่นกีตาร์(เครื่องดนตรีถนัด) คีย์บอร์ด เป็นคนเรียบเรียง และเป็นโปรดิวเซอร์เอง

นอกจากนี้ก็ยังมีพี่น้องผองเพื่อนคนดนตรีมากฝีมือมาช่วยงานกันเพียบ ไม่ว่าจะเป็น กริช ทอมมัส,ธนิต เชิญพิพัฒธนสกุล,เรืองยศ พิมพ์ทอง,อ.เดชา อินทาภิรัต,ศิริศักดิ์ ศิริโชตินันท์(หมู คาไลโดสโคป),ชัชชัย สุขาวดี(หรั่ง ร็อกเคสตร้า) รวมถึง ธนพล อินทฤทธิ์(เสือ ธนพล) ที่ได้กลายมาเป็นศิลปินเลื่องชื่อในเวลาต่อมา

อัลบั้มชุดให้มันแล้วไปมีบทเพลงทั้งหมด 10 เพลงตามสูตสำเร็จของคลาสเซ็ทเทปในยุคนั้น โดยเปิดประเดิมกันด้วยเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม คือ “ให้มันแล้วไป” ที่ได้หนุ่มมาดเข้ม “โด่ง-ธานินทร์ ทัพมงคล” มาเป็นพระเอก MV ซึ่งหลังเพลงนี้เปิดออกอากาศเผยแพร่ก็ส่งผลให้อิทธิกลายเป็นศิลปินคนดังทันที พร้อมๆกับเป็นคนดนตรีที่ไม่ได้ขายหน้าตา หากแต่ขายเสียงขายฝีมือเป็นหลัก
อิทธิใน MV ให้มันแล้วไป
ให้มันแล้วไป มาในทางป็อบร็อกเท่ๆจังหวะสโลว์ร็อก กีตาร์โซโลเล่นโน้ตไม่ยากแต่มีเมโลดี้สวยทีเดียว เสียงของน้าอิทร้องแบบสบายๆ เพลงนี้แม้เนื้อความมุ่งนำเสนอด้านความรัก แต่กับคำว่าให้มันแล้วไป หรือให้มันแล้วแล้วไปนั้น มันสามารถมาประยุกต์ใช้ได้ในชีวิตคนเรา เพราะหลายๆเรื่องเราอาจไม่สามารถปล่อยผ่าน แต่อีกหลายๆเรื่องเราสามารถปล่อยผ่าน “ให้มันแล้วไป” ซึ่งสุดท้ายการไม่ติดยึดเก็บมาคิดเคียดแค้นมันกลับกลายเป็นผลดีต่อชีวิตเรานั่นเอง

จบลงแล้ว” บัลลาดฟังเหงาเศร้าเหงาวังเวงที่เป็นตามสูตร จากดนตรีบางค่อยๆทวีดีกรีความเข้มข้นขึ้น จากนั้นต่อกันด้วย “ยังจำไว้”แต่งโดย“วิเชษฐ ห่อกาญจนา” ให้น้าอิทร้องขับขายถ่ายทอดได้อย่างซึ้งและเศร้าได้ทอารมณ์สุดๆ ภาคดนตรีเน้นการใช้เสียงเปียโนอันพลิ้วหวานไหวเป็นพระเอกเดินเรื่อง พร้อมๆกับมีไลน์ออร์เคสตร้ามาช่วยสร้างสีสันตั้งแต่ช่วงกลางเพลงขึ้นไปรวมถึงมีคอรัสเสียงหวานหม่นมาเติมเต็มอารมณ์ในช่วงท้าย

ยังจำไว้ เป็นบทเพลงอันไพเราะสุดซึ้งที่วันนี้หลายๆคนยังจำเพลงนี้ได้ดี และถือเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของอิทธิ พลางกูร ที่ยังคงเป็นที่นิยมข้ามกาลเวลามาจนทุกวันนี้
อิทธิกับลีลาเล่นเปียโนใน MV ยังจำไว้
คนอะไร” ป็อบร็อกกับดนตรีโจ๊ะๆที่ทั้งเพราะและเท่ชะมัด ก่อนต่อกันด้วย “มากคน มากความ” มาในแนวอิเลคทรอนิกส์ร็อก เนื้อหาสะท้อนความเป็นจริง ที่มากคนย่อมมากความ เพลงนี้ไลน์คีย์บอร์ดประสานนั้นโดดเด่นทีเดียว ส่วนทางกีตาร์นั้นก็เจ๋งไม่เบากระชากคอร์ดได้หนาแน่นมีพลัง น่าฟัง

มาต่อกันที่“เจ็บคราวนี้”(เพลงแรกเทปหน้า 2 )เป็นร็อกหนักๆ แม้เสียงร้องของน้าอิทจะไม่ทรงพลังไหร่ แต่ก็มีภาคดนตรีแน่นมาช่วยโอบอุ้ม ดนตรีอัดกันมันทั้งเบสกลองกีตาร์ โดยเฉพาะกีตาร์โซโลฝีมือพี่หมูคาไลฯ โซโลได้อย่างสุดติ่งกระดิ่งแมว

จากร็อกสุดมันเบรกอารมณ์หัวทิ่มกับอินโทรปิ๊กกิ้งกีตาร์ใสปิ้งของบทเพลงอมตะ “เก็บตะวัน” ที่แต่งโดยพี่เสือ-ธนพล อินทฤทธิ์

เก็บตะวันเป็นเพลงที่เนื้อหาให้กำลังใจชีวิตด้วยเนื้อหาปรัชญาที่ฟังง่าย เข้าใจง่าย พร้อมกับภาษางามๆ อย่างเช่น “...ธรรมดาเวลาฟ้าครึ้ม เมฆหม่น พายุฝน อยู่บนฟากฟ้า คงไม่นานตะวัน สาดแสงแรงกล้า ส่งให้ฟ้า งดงาม...”

ขณะที่ในภาคดนตรีมีทางเดินคอร์ดของเพลงป็อบที่สวยงาม ทางกีตาร์ลูกปิ๊กกิ้งในช่วงอินโทรที่มีเสียงฮาร์โมนิกาเล่นทำนองหวานๆนั้นถือว่ามีเอกลักษณ์ไม่น้อย(และมีคนมาแกะลูกปิ๊กกิ้งนี้เล่นโชว์สาวกันเพียบ) อีกทั้งในท่อนโซโลสั้นๆนั้นน้าอิทแกก็หยอดเจือสำเนียงบลูส์เข้าไปได้อย่างน่าฟัง
อิทธิ ใน MV เก็บตะวัน
เก็บตะวันถือเป็นเพลงที่ลงตัวเอามาก ทั้งเนื้อหาดี ดนตรีไพเราะ มีท่วงทำนองติดหูง่าย การเรียบเรียงก็เยี่ยม เสียงร้องของน้าอิทนั้นก็เหมาะสม แถม MV เพลงนี้ที่กำกับโดย“ปรัชญา ปิ่นแก้ว”(ก่อนที่จะกลายมาเป็นผู้กำกับหนังดังในหายหลัง) ยังสามารถคว้ารางวัล MV ยอดเยี่ยมในปีนั้นไปครอง

ด้วยความลงตัวในหลายๆด้านทำให้เพลงเก็บตะวันโด่งดังค้างฟ้าเรื่อยมา ถือเป็นหนึ่งในบทเพลงสัญลักษณ์ประจำตัวของอิทธิ ที่วันนี้ตามร้านเหล้า คาราโอเกะ ยังคงนำเพลงเก็บตะวันไปร้องกันอยู่เรื่อยๆ นอกจากนี้เพลงเก็บตะวันยังถูกนักการเมืองดัง พ่อใหญ่“จิ๋ว หวานเจี๊ยบ”นำไปร้องอยู่เสมอ จนกลายเป็นบทเพลงประจำตัวของเขาไปโดยปริยาย แต่ประทานโทษ!! เท่าที่ผมเคยฟังพ่อใหญ่ร้องเพลงนี้ผ่านสื่อต่างๆมา ผมไม่เคยเห็นพ่อใหญ่ร้องได้ถูกคีย์และตรงจังหวะเลย พับผ่าสิ
ผลงานของอิทธิที่ถูกนำกลับมาทำใหม่ในรูปแบบ MP3
จากเก็บตะวันมาต่อกันด้วย “ใจเขา ใจเรา” กับเพลงป็อบร็อกเนื้อหาน่าฟัง เพราะมุ่งบอกให้เราคิดถึงใจเขา ใจเรา ใส่ใจในคนอื่นด้วย

ส่วน “หากคิดจะรัก...ก็รัก” นี่ถือเป็นอีกหนึ่งเพลงดังของน้าอิท เป็นเพลงช้าๆที่เพราะและซึ้งอีกหนึ่งเพลง

แล้วก็มาถึงเพลงที่ 10 “นิยายน้ำเน่า” ป็อบร็อกโจ๊ะๆ กับเนื้อหาเชยๆแต่โดน สมดังชื่อเพลงเมื่อไอ้หนุ่มผู้ต่ำต้อยไปหลงรักสาวผู้สูงส่ง เป็นดังหมาวัดไปหลงรักดอกฟ้าดังนิยายน้ำเน่า ที่ฟังสนุก ท่วงทำนองสวยงาม ปิดท้ายอัลบั้มชุดนี้ที่แจ้งเกิดสร้างชื่อให้กับอิทธิได้เป็นอย่างดี

ให้มันแล้วไปถือเป็นอัลบั้มที่มีความโดดเด่นหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ภาคดนตรีที่ถือเป็นสีสันใหม่แห่งยุค มีการเรียบเรียงที่เยี่ยมไม่เบา แถมยังละเมียดละไม ส่วนภาคเนื้อหานั้นก็ยอด ไม่ได้มุ่งนำเสนอแต่เพลงรัก หากแต่มีเพลงที่มีความหมายดีๆ อย่าง “มากคน-มากความ”, “ใจเขาใจเรา” และบทเพลงอมตะอย่าง “เก็บตะวัน” ที่มีเนื้อหายอดเยี่ยมให้กำลังใจ มาเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนคู่ไปกับเพลงรักเด่นๆ อย่าง “ยังจำไว้”, “ให้มันแล้วไป” หรือ “หากคิดจะรัก..ก็รัก”

ขณะที่เสียงร้องของอิทธินั้น น้าแกไม่ใช่ประเภทนักร้องเสียงหล่อ เสียงพระเอก หรือเสียงทรงพลัง หากแต่เป็นประเภทเสียงมีเสน่ห์ ติดแหบติดแตกนิดๆ มีความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ที่สามารถร้องถ่ายทอดแต่ละเพลงออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับเพลงช้าๆนั้น น้าอิทร้องถ่ายทอดได้ถึงอารมณ์มาก

และด้วยความลงตัวต่างๆทำให้อัลบั้มให้มันแล้วไปประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น ทำยอดขายได้กว่า 7 แสนตลับ นับเป็นอัลบั้มที่สามารถแจ้งเกิดเปิดตัว“อิทธิ พลางกูร” ในฐานะศิลปินเดี่ยวได้อย่างลือลั่นสั่นสะเทือนวงการเพลงไทย ซึ่งนับจากผลงานเพลงชุดให้มันแล้วไปวันนั้นมาจนถึงวันนี้ที่เป็นเวลาเกือบ 30 ปีแล้ว แต่บทเพลงอย่าง “ยังจำไว้” และ“เก็บตะวัน” ก็ยังคงดังอยู่คู่วงการเพลงไทยอยู่ไม่เสื่อมคลาย

*****************************************
เพลง "เก็บตะวัน"


เพลง "ยังจำไว้"


เพลง "ให้มันแล้วไป"


กำลังโหลดความคิดเห็น