เรียกได้ว่าเป็นค่ายน้องใหม่ของวงการเพลงไทย สำหรับ “สหภาพดนตรี” ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งรวบรวมความหลากหลายในเรื่องราวของดนตรีไว้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบจริงๆ ล่าสุดก็เอาใจสาวกแฟนคลับที่ชอบแนวเพลงสายอิเล็คโทรนิค ด้วยการส่งนักร้องรุ่นใหญ่ที่มากับความสนุกและคลั่งไคล้จังหวะเทคโนโชว์สเต๊ป อย่าง “ชายน์ ศฤงคาร ยุวานนท์" ที่มาพร้อมซิงเกิ้ลใหม่กับเพลงที่มีชื่อว่า “ยังคอยเธอ” ที่นำกลิ่นอายในยุค 80 เข้ามาผสมผสานผนวกกับซาวด์สังเคราะห์ที่นิยมกันในปัจจุบัน Electronic ที่มีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
งานนี้ "นัดคุย" ถือโอกาสที่นักร้องรุ่นใหญ่ที่กำลังมีผลงานซิงเกิ้ลที่ 2 "ยังคอยเธอ" กำลังเดินสายโปรโมทเพลงดังกล่าว ทำให้วันนี้ได้มีเวลาสนทนากับเจ้าตัวทั้งในเรื่องของผลงาน ความฝันสูงสุด และรวมถึงการทำงานเพลงเพื่อหารายได้ไปช่วยคนพิการตาบอด
"ตอนนี้มีซิงเกิ้ลล่าสุดออกมาแล้ว เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ชื่อเพลง "ยังคอยเธอ" และซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยกันไปแล้วในเพลง "ไม่อยากจะพูดมาก" ซึ่งเพลงนี้เป็นจังหวะแดนซ์ในแบบอิเล็คโทรนิค คือ (EDM) ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในตอนนี้ ซึ่งผมนับว่าเป็นคนแรกเลยนะที่นำดนตรีไทยมาผสมผสานให้เข้ากับอีดีเอ็มในแบบเนื้อร้องไทย"
"ผมก็ได้แต่งเนื้อร้องและทำนองไว้เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ซึ่งซิงเกิ้ลที่ 2 ของผมมาจากชีวิตจริงของผมเอง คือผมแต่งเพลงนี้ให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยคบกันเป็นแฟน ทั้งคู่ดูเหมือนจะรักกันดี แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไปแต่งงานกับคนอื่นโดยไม่ได้บอกสาเหตุ ทำให้ผมยังติดค้างในใจและยังคอยเธอให้กลับมาหา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รักแล้วก็ตาม ยังคอยเธอยังเป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของยุค 80 อย่างแท้จริง มีเสียง synthesizer ที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดเพลง ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเดินอยู่บนแคทวอล์คในงานแฟชั่นโชว์"
บอกเพลงนี้พิเศษเพราะได้ "คริส เครเคอร์" โปรดิวส์เซอร์ชื่อดังมาช่วยดูแลให้
"ซิงเกิ้ลที่ 2 ยังเป็นโปรดิวเซอร์คนเดิม แถมเพลงนี้ก็จะพิเศษเหมือนเดิมคือได้ คริส เครเคอร์ มาช่วยดูแลให้ ซึ่งมั่นใจว่าน่าจะติดหูคนรุ่นใหม่หลายๆ คนได้ไม่ยาก เพราะมีอย่างนึงที่ผมเชื่อคือ อายุไม่สามารถเป็นตัวกำหนดรสนิยมในการฟังเพลงของเราได้”
ไปรู้จักแล้วมาร่วมงานกันได้อย่างไร?
"ที่รู้จักเพราะวันนั้นเราขึ้นไปร้องเพลงวันเกิดให้เพื่อน ผมร้องเพลง THE ONE YOU LOVE Glenn Frey แล้วตอนนั้นมีฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาเขาบอกว่าคุณเป็นคนไทยที่ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ดีมีเสียงที่ไม่เหมือนใคร ก็เลยพาผมไปพบกับคริส เครเคอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายคาร์ม่าซาวด์สตูดิโอ อยู่ที่บางเสร่ พอเขาฟังเสียงผมเขารับทันที เขาบอกว่าชอบเสียงผมมาก แล้วเขาก็บอกผมว่าอยากร่วมงานด้วย ซึ่งเขาเคยทำงานกับผู้หญิงคนไทยคนหนึ่งก็คือ "ทาทา ยัง" แล้วผมก็มาเป็นคนที่สองครับ"
"ตอนนี้เขาก็เอาเพลง ยัวซอง จดลิขสิทธิ์โลกแล้ว เพราะฉะนั้นเพลงนี้ที่ผมร้องในสไตล์ อีดีเอ็ม ผมจะนำเพลงนี้ไปขายให้กับชาวต่างชาติ เขาต้องการที่จะพาผมไปแสดงให้ชาวต่างชาติดูว่าผมเป็นคนไทยซึ่งสามารถร้องเพลงภาษาอังกฤษแล้วก็ไปนำอีดีเอ็มของไทย อย่างเช่นที่ผมมีโปรเจทของผมก็คือผมเอาเสียงระนาด เสียงขลุ่ย เสียงขิม เสียงจระเข้ เอามาใส่เป็นอิเล็กทรอนิกส์อีดีเอ็ม ส่วนมิวสิควีดีโอก็จะเป็นนางรำไทย เป็นธรรมชาติของไทย มีหนุนมาน เด็กเล่นน้ำริมคลองใส่ผ้าขาวม้า แล้วอยากนำไปเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ว่านี่คืออีดีเอ็มของไทย แล้วก็ตะเวรให้ทั่วโลกเขารู้ว่านี่คือศิลปะของไทย วัฒนธรรมของไทย มาปรับเข้ากับยุคสมัยนิยมของดนตรี ซึ่งดนตรีอาจจะเป็นเสียงตื่นเต้น แต่ในภาพอาจจะเป็นทะเลของไทย ซึ่งอันนี้เป็นคอนเซ็ปที่ผมคิดไว้ ซึ่งผมก็จดลิขสิทธิ์ แล้วเพลงยัวซอง ผมก็เอาเพลงนี้ไปขายให้คนทั่วโลกได้"
ซาวด์เอฟเฟคเยอะไปไหม?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า อีดีเอ็ม (EDM) มันไม่ได้มีเสียงร้องเหมือนคนทั่วไป ถ้าสังเกตดูจะมีการผสมผสานหลากหลายเสียง ไม่ใช่แค่กีตาร์ กลอง เบส แต่มันเป็นเรื่องของจินตนาการ และเป็นเรื่องของชั้นดนตรี
"คือก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าแนวเพลง อีดีเอ็ม มันไม่ใช่เสียงร้องเหมือนทั่วๆ ไป ซึ่งให้สังเกตดูนะครับ อีดีเอ็ม มันเป็นการใช้ซาวด์ คือใช้เสียงหลากหลายเข้ามาผสมผสาน ไม่ใช่ว่ากีต้าร์ กลอง เบส เปียนโน แล้วก็ร้องประสานเสียงแบบเพลงไทยทั่วๆ ไป อีดีเอ็ม มันเป็นเรื่องของจินตนาการ มันเป็นเรื่องของชั้นของดนตรี จะมีเอฟเฟ็ค จะมีเสียงพายุ สังเกตดูเพลงผมจะมีเสียงฝนตก เพลงพายุ มีเสียงคนทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องของการใช้เอฟเฟค ซึ่งดนตรีไทยมีไหมครับช่วงกลางมีผู้หญิงเดินทะเลาะกัน ซึ่งมันเป็นการนำเสนอความเป็นจริง คือพูดง่ายๆ ว่าผมไม่เหมือนใครดีกว่า มีความเป็นตัวของตัวเอง แล้วดนตรีของผมมันก็ไม่เหมือนใคร ผมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าคุณชอบอีดีเอ็ม ชอบดนตรีเสียงหนักๆ ชอบเอฟเฟค ก็อยากลองให้หันมาดูทางนี้บ้าง ก็เป็นแนวใหม่ผมว่ามันเป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง บางคนชอบร็อค บางคนชอบลูกทุ่ง หรือบางคนชอบโอเปร่า ผมว่าทางนี้เป็นทางของผม มันมีช่องประตูเปิดไว้ถ้าคุณชอบทางนี้ก็ลองเข้ามานะครับ"
เห็นว่ารายได้ส่วนหนึ่งจากการ Download และโชว์ต่างๆ จะนำไปบริจาคให้เด็กที่พิการและยากไร้ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ Shine ที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับสังคม
"ตอนนี้เงินจากบริษัทที่ดาวน์โหลดยังไม่รู้เลยว่าได้เท่าไหร่ ไม่ทราบเลย ผมบอกเลยว่าเงินส่วนนี้ที่ผมตัดออกมาสมมติถ้าผมได้เงินหมื่นหนึ่ง หนึ่งพันห้าร้อยบาทที่จะเอามาให้ ผมให้ทางบริษัทโยนไปที่มลูนิธิคนตาบอดเลย คือผมไม่ขอรับเงินก้อนนี้ หรือว่าคอนเสิร์ตก็ตามคืออยากให้ช่วยครับ"
"ผมตั้งเป้าหมายเพราะผมไปเห็นที่ต่างประเทศ ผมเห็นรถเมย์ที่อเมริกาพอเขาจอดป้ายคนพิการขึ้นรถเมย์ได้เพราะเขามีเหล็กลงไปให้คนพิการขึ้นรถไปเที่ยวไหนต่อไหนได้ด้วยตัวเอง แต่พอผมกลับมาเมืองไทยผมมองว่าทำไมรถเมย์ไทยยังไม่มีที่ว่างให้คนพิการเลย ไม่มีรถเมย์คนไหนที่สามารถให้เหล็กลงมาแล้วให้คนพิการขึ้น แล้วคนพิการไทยไปอยู่ไหนหมด อีกอย่างผมไปเยี่ยมบ้านราชาวดี ผมไปหาคนตาบอด ผมเห็นหมดแล้วว่าประเทศไทยของเรายังขาดสวัสดิ์การช่วยเหลือคนตาบอดตรงนี้มาก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง แต่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ"
"ตอนนี้ที่พูดกันคือคนตาบอดเขาอยากได้เครื่องปริ้น อักษรเบรลล์ คล้ายๆ เครื่องปริ้นเอกสารของคนธรรมดา เพราะคนตาบอดเขาก็อยากจะอ่านหนังสือ คือเขาก็บอกผมว่าเครื่องนี้แสนกว่าบาทนะ แต่ผมมีสี่หมื่น ผมก็จะพยายามนะ เพราะดีกว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย ทางเขาก็ต้องช่วยตัวเองด้วย ทางสมาคมก็ไปหาเจ้านั้นเจ้านี้เพื่อซื้อเครื่องนี้ให้คนตาบอด เพราะถ้าผมคนเดียวมันไม่ได้ ผมตัวนิดเดียว แต่ถ้าใจผมมีเต็มร้อย ยิ่งถ้าผมมีเงินจากคอนเสิร์ต คุณจ้างผมเยอะๆ ผมจะตัดงานละหมื่นให้กับเขา"
คิดว่าอนาคตเพลงไทยจะซบเซาไหม?
"ผมว่าทุกอย่างมันก็ซบเซานะ คือโลกมันต้องการความพัฒนา ก็เหมือนไอโฟนที่พัฒนาอยู่ตลอด มีไอโฟน 6 ไอโฟน 7 ไอโฟน 8 ดนตรีมันก็เหมือนกัน ต้องถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ดนตรีเป็นดิจิตอลแล้ว สมัยก่อนยังตีกลอนสดกันอยู่เลย เดี๋ยวนี้ใช้คอมพิวเตอร์กัน ซึ่งผมเชื่อว่าอย่างไงแล้วประเทศไทยของเราก็ต้องพัฒนาขึ้น มันต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้วแหละครับ"
ลั่นถ้าสุดท้ายทำเพลงยังไม่ดังอีก ก็ขอผันตัวไปทำตามความฝันด้วยการไปร้องเพลงที่เมืองนอกเพื่อหาเงินมาช่วยคนพิการ และสร้างวัฒนธรรมของไทยให้เผยแพร่ไปทั่วโลก
"พูดตรงๆ นะทางบริษัทบอกว่าเพลงนี้ยังไม่ดังก็จะทำเพลงใหม่ออกมาอีก คือเขาก็พยายามจะช่วยผม คือเจ้านายเขาก็ดีกับผมมาก คือเพลง ยังคอยเธอ อาจจะโปรโมทนานหน่อย ถ้ายังไม่ติดหูคนฟังอีกเขาก็จะทำเพลงที่สามออกมา แต่ผมบอกกับเจ้านายว่า พี่ผมเกรงใจ ถ้าผมไม่สามารถทำกำไรให้กับทางบริษัทได้ ผมก็ไม่อยากอยู่เพราะผมก็มีความฝัน คือพวกอยากเอาตัวผมไปต่างประเทศ ผมอยากจะร้องเพลงให้ฝรั่งฟัง ผมอยากจะแสดงความสามารถสู้กับฝรั่ง ผมอยากจะได้ความฝันที่ผมตั้งใจไว้ แล้วถ้าผมได้เงินจากต่างชาติมามันเป็นดอลล่า มันเป็นยูโร แล้วเงินส่วนหนึ่งเอามาช่วยคนตาบอดมันเยอะมากนะ ถ้าผมไปรณรงค์ตรงนี้ได้ คนฝรั่งเขายอมรับคนไทยได้ มันจะได้หลายอย่างทั้งชื่อเสียงของประเทศ สองได้เงินเยอะมาช่วยคนตาบอด สามได้นำเอกลักษณ์ความเป็นวัฒนธรรมของคนไทยไปเผยแพร่ให้เขาได้รู้จักว่านี่คือคนไทยนะ"
สามารถติดตามซิงเกิ้ลของ “ชายน์ ศฤงคาร ยุวานนท์" ผ่านเพลง ”ยังคอยเธอ” พร้อมทั้งดาวน์โหลด *492 222 กด 55 หรือติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินในสังกัด “สหภาพดนตรี” ได้ที่ www.facebook.com/wearemusicunion ตลอด 24 ชั่วโมง และทางอินสตาแกรม music.union
งานนี้ "นัดคุย" ถือโอกาสที่นักร้องรุ่นใหญ่ที่กำลังมีผลงานซิงเกิ้ลที่ 2 "ยังคอยเธอ" กำลังเดินสายโปรโมทเพลงดังกล่าว ทำให้วันนี้ได้มีเวลาสนทนากับเจ้าตัวทั้งในเรื่องของผลงาน ความฝันสูงสุด และรวมถึงการทำงานเพลงเพื่อหารายได้ไปช่วยคนพิการตาบอด
"ตอนนี้มีซิงเกิ้ลล่าสุดออกมาแล้ว เป็นซิงเกิ้ลที่ 2 ชื่อเพลง "ยังคอยเธอ" และซิงเกิ้ลแรกที่ปล่อยออกมาเรียกน้ำย่อยกันไปแล้วในเพลง "ไม่อยากจะพูดมาก" ซึ่งเพลงนี้เป็นจังหวะแดนซ์ในแบบอิเล็คโทรนิค คือ (EDM) ที่กำลังเป็นที่นิยมกันอยู่ในตอนนี้ ซึ่งผมนับว่าเป็นคนแรกเลยนะที่นำดนตรีไทยมาผสมผสานให้เข้ากับอีดีเอ็มในแบบเนื้อร้องไทย"
"ผมก็ได้แต่งเนื้อร้องและทำนองไว้เมื่อ 16 ปีที่แล้ว ซึ่งซิงเกิ้ลที่ 2 ของผมมาจากชีวิตจริงของผมเอง คือผมแต่งเพลงนี้ให้ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยคบกันเป็นแฟน ทั้งคู่ดูเหมือนจะรักกันดี แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับไปแต่งงานกับคนอื่นโดยไม่ได้บอกสาเหตุ ทำให้ผมยังติดค้างในใจและยังคอยเธอให้กลับมาหา ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รักแล้วก็ตาม ยังคอยเธอยังเป็นเพลงที่มีกลิ่นอายของยุค 80 อย่างแท้จริง มีเสียง synthesizer ที่เป็นเอกลักษณ์ตลอดเพลง ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเดินอยู่บนแคทวอล์คในงานแฟชั่นโชว์"
บอกเพลงนี้พิเศษเพราะได้ "คริส เครเคอร์" โปรดิวส์เซอร์ชื่อดังมาช่วยดูแลให้
"ซิงเกิ้ลที่ 2 ยังเป็นโปรดิวเซอร์คนเดิม แถมเพลงนี้ก็จะพิเศษเหมือนเดิมคือได้ คริส เครเคอร์ มาช่วยดูแลให้ ซึ่งมั่นใจว่าน่าจะติดหูคนรุ่นใหม่หลายๆ คนได้ไม่ยาก เพราะมีอย่างนึงที่ผมเชื่อคือ อายุไม่สามารถเป็นตัวกำหนดรสนิยมในการฟังเพลงของเราได้”
ไปรู้จักแล้วมาร่วมงานกันได้อย่างไร?
"ที่รู้จักเพราะวันนั้นเราขึ้นไปร้องเพลงวันเกิดให้เพื่อน ผมร้องเพลง THE ONE YOU LOVE Glenn Frey แล้วตอนนั้นมีฝรั่งคนหนึ่งเดินเข้ามาเขาบอกว่าคุณเป็นคนไทยที่ร้องเพลงภาษาอังกฤษได้ดีมีเสียงที่ไม่เหมือนใคร ก็เลยพาผมไปพบกับคริส เครเคอร์ ซึ่งเป็นเจ้าของค่ายคาร์ม่าซาวด์สตูดิโอ อยู่ที่บางเสร่ พอเขาฟังเสียงผมเขารับทันที เขาบอกว่าชอบเสียงผมมาก แล้วเขาก็บอกผมว่าอยากร่วมงานด้วย ซึ่งเขาเคยทำงานกับผู้หญิงคนไทยคนหนึ่งก็คือ "ทาทา ยัง" แล้วผมก็มาเป็นคนที่สองครับ"
"ตอนนี้เขาก็เอาเพลง ยัวซอง จดลิขสิทธิ์โลกแล้ว เพราะฉะนั้นเพลงนี้ที่ผมร้องในสไตล์ อีดีเอ็ม ผมจะนำเพลงนี้ไปขายให้กับชาวต่างชาติ เขาต้องการที่จะพาผมไปแสดงให้ชาวต่างชาติดูว่าผมเป็นคนไทยซึ่งสามารถร้องเพลงภาษาอังกฤษแล้วก็ไปนำอีดีเอ็มของไทย อย่างเช่นที่ผมมีโปรเจทของผมก็คือผมเอาเสียงระนาด เสียงขลุ่ย เสียงขิม เสียงจระเข้ เอามาใส่เป็นอิเล็กทรอนิกส์อีดีเอ็ม ส่วนมิวสิควีดีโอก็จะเป็นนางรำไทย เป็นธรรมชาติของไทย มีหนุนมาน เด็กเล่นน้ำริมคลองใส่ผ้าขาวม้า แล้วอยากนำไปเผยแพร่ให้ชาวต่างชาติได้รับรู้ว่านี่คืออีดีเอ็มของไทย แล้วก็ตะเวรให้ทั่วโลกเขารู้ว่านี่คือศิลปะของไทย วัฒนธรรมของไทย มาปรับเข้ากับยุคสมัยนิยมของดนตรี ซึ่งดนตรีอาจจะเป็นเสียงตื่นเต้น แต่ในภาพอาจจะเป็นทะเลของไทย ซึ่งอันนี้เป็นคอนเซ็ปที่ผมคิดไว้ ซึ่งผมก็จดลิขสิทธิ์ แล้วเพลงยัวซอง ผมก็เอาเพลงนี้ไปขายให้คนทั่วโลกได้"
ซาวด์เอฟเฟคเยอะไปไหม?
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า อีดีเอ็ม (EDM) มันไม่ได้มีเสียงร้องเหมือนคนทั่วไป ถ้าสังเกตดูจะมีการผสมผสานหลากหลายเสียง ไม่ใช่แค่กีตาร์ กลอง เบส แต่มันเป็นเรื่องของจินตนาการ และเป็นเรื่องของชั้นดนตรี
"คือก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าแนวเพลง อีดีเอ็ม มันไม่ใช่เสียงร้องเหมือนทั่วๆ ไป ซึ่งให้สังเกตดูนะครับ อีดีเอ็ม มันเป็นการใช้ซาวด์ คือใช้เสียงหลากหลายเข้ามาผสมผสาน ไม่ใช่ว่ากีต้าร์ กลอง เบส เปียนโน แล้วก็ร้องประสานเสียงแบบเพลงไทยทั่วๆ ไป อีดีเอ็ม มันเป็นเรื่องของจินตนาการ มันเป็นเรื่องของชั้นของดนตรี จะมีเอฟเฟ็ค จะมีเสียงพายุ สังเกตดูเพลงผมจะมีเสียงฝนตก เพลงพายุ มีเสียงคนทะเลาะกัน มันเป็นเรื่องของการใช้เอฟเฟค ซึ่งดนตรีไทยมีไหมครับช่วงกลางมีผู้หญิงเดินทะเลาะกัน ซึ่งมันเป็นการนำเสนอความเป็นจริง คือพูดง่ายๆ ว่าผมไม่เหมือนใครดีกว่า มีความเป็นตัวของตัวเอง แล้วดนตรีของผมมันก็ไม่เหมือนใคร ผมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ถ้าคุณชอบอีดีเอ็ม ชอบดนตรีเสียงหนักๆ ชอบเอฟเฟค ก็อยากลองให้หันมาดูทางนี้บ้าง ก็เป็นแนวใหม่ผมว่ามันเป็นทางเลือกอีกหนึ่งทาง บางคนชอบร็อค บางคนชอบลูกทุ่ง หรือบางคนชอบโอเปร่า ผมว่าทางนี้เป็นทางของผม มันมีช่องประตูเปิดไว้ถ้าคุณชอบทางนี้ก็ลองเข้ามานะครับ"
เห็นว่ารายได้ส่วนหนึ่งจากการ Download และโชว์ต่างๆ จะนำไปบริจาคให้เด็กที่พิการและยากไร้ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ Shine ที่จะแบ่งปันสิ่งดีๆ ให้กับสังคม
"ตอนนี้เงินจากบริษัทที่ดาวน์โหลดยังไม่รู้เลยว่าได้เท่าไหร่ ไม่ทราบเลย ผมบอกเลยว่าเงินส่วนนี้ที่ผมตัดออกมาสมมติถ้าผมได้เงินหมื่นหนึ่ง หนึ่งพันห้าร้อยบาทที่จะเอามาให้ ผมให้ทางบริษัทโยนไปที่มลูนิธิคนตาบอดเลย คือผมไม่ขอรับเงินก้อนนี้ หรือว่าคอนเสิร์ตก็ตามคืออยากให้ช่วยครับ"
"ผมตั้งเป้าหมายเพราะผมไปเห็นที่ต่างประเทศ ผมเห็นรถเมย์ที่อเมริกาพอเขาจอดป้ายคนพิการขึ้นรถเมย์ได้เพราะเขามีเหล็กลงไปให้คนพิการขึ้นรถไปเที่ยวไหนต่อไหนได้ด้วยตัวเอง แต่พอผมกลับมาเมืองไทยผมมองว่าทำไมรถเมย์ไทยยังไม่มีที่ว่างให้คนพิการเลย ไม่มีรถเมย์คนไหนที่สามารถให้เหล็กลงมาแล้วให้คนพิการขึ้น แล้วคนพิการไทยไปอยู่ไหนหมด อีกอย่างผมไปเยี่ยมบ้านราชาวดี ผมไปหาคนตาบอด ผมเห็นหมดแล้วว่าประเทศไทยของเรายังขาดสวัสดิ์การช่วยเหลือคนตาบอดตรงนี้มาก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็นความจริง แต่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจริงๆ"
"ตอนนี้ที่พูดกันคือคนตาบอดเขาอยากได้เครื่องปริ้น อักษรเบรลล์ คล้ายๆ เครื่องปริ้นเอกสารของคนธรรมดา เพราะคนตาบอดเขาก็อยากจะอ่านหนังสือ คือเขาก็บอกผมว่าเครื่องนี้แสนกว่าบาทนะ แต่ผมมีสี่หมื่น ผมก็จะพยายามนะ เพราะดีกว่าผมไม่ได้ทำอะไรเลย ทางเขาก็ต้องช่วยตัวเองด้วย ทางสมาคมก็ไปหาเจ้านั้นเจ้านี้เพื่อซื้อเครื่องนี้ให้คนตาบอด เพราะถ้าผมคนเดียวมันไม่ได้ ผมตัวนิดเดียว แต่ถ้าใจผมมีเต็มร้อย ยิ่งถ้าผมมีเงินจากคอนเสิร์ต คุณจ้างผมเยอะๆ ผมจะตัดงานละหมื่นให้กับเขา"
คิดว่าอนาคตเพลงไทยจะซบเซาไหม?
"ผมว่าทุกอย่างมันก็ซบเซานะ คือโลกมันต้องการความพัฒนา ก็เหมือนไอโฟนที่พัฒนาอยู่ตลอด มีไอโฟน 6 ไอโฟน 7 ไอโฟน 8 ดนตรีมันก็เหมือนกัน ต้องถูกพัฒนาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวนี้ดนตรีเป็นดิจิตอลแล้ว สมัยก่อนยังตีกลอนสดกันอยู่เลย เดี๋ยวนี้ใช้คอมพิวเตอร์กัน ซึ่งผมเชื่อว่าอย่างไงแล้วประเทศไทยของเราก็ต้องพัฒนาขึ้น มันต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อยู่แล้วแหละครับ"
ลั่นถ้าสุดท้ายทำเพลงยังไม่ดังอีก ก็ขอผันตัวไปทำตามความฝันด้วยการไปร้องเพลงที่เมืองนอกเพื่อหาเงินมาช่วยคนพิการ และสร้างวัฒนธรรมของไทยให้เผยแพร่ไปทั่วโลก
"พูดตรงๆ นะทางบริษัทบอกว่าเพลงนี้ยังไม่ดังก็จะทำเพลงใหม่ออกมาอีก คือเขาก็พยายามจะช่วยผม คือเจ้านายเขาก็ดีกับผมมาก คือเพลง ยังคอยเธอ อาจจะโปรโมทนานหน่อย ถ้ายังไม่ติดหูคนฟังอีกเขาก็จะทำเพลงที่สามออกมา แต่ผมบอกกับเจ้านายว่า พี่ผมเกรงใจ ถ้าผมไม่สามารถทำกำไรให้กับทางบริษัทได้ ผมก็ไม่อยากอยู่เพราะผมก็มีความฝัน คือพวกอยากเอาตัวผมไปต่างประเทศ ผมอยากจะร้องเพลงให้ฝรั่งฟัง ผมอยากจะแสดงความสามารถสู้กับฝรั่ง ผมอยากจะได้ความฝันที่ผมตั้งใจไว้ แล้วถ้าผมได้เงินจากต่างชาติมามันเป็นดอลล่า มันเป็นยูโร แล้วเงินส่วนหนึ่งเอามาช่วยคนตาบอดมันเยอะมากนะ ถ้าผมไปรณรงค์ตรงนี้ได้ คนฝรั่งเขายอมรับคนไทยได้ มันจะได้หลายอย่างทั้งชื่อเสียงของประเทศ สองได้เงินเยอะมาช่วยคนตาบอด สามได้นำเอกลักษณ์ความเป็นวัฒนธรรมของคนไทยไปเผยแพร่ให้เขาได้รู้จักว่านี่คือคนไทยนะ"
สามารถติดตามซิงเกิ้ลของ “ชายน์ ศฤงคาร ยุวานนท์" ผ่านเพลง ”ยังคอยเธอ” พร้อมทั้งดาวน์โหลด *492 222 กด 55 หรือติดตามความเคลื่อนไหวของศิลปินในสังกัด “สหภาพดนตรี” ได้ที่ www.facebook.com/wearemusicunion ตลอด 24 ชั่วโมง และทางอินสตาแกรม music.union