xs
xsm
sm
md
lg

“ปิ๊ก-ฌานฉลาด” ผู้เขย่าบัลลังก์ “เอ-ศุภชัย” มีสิทธิไม่เหลือที่ยืนในช่อง 3

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคยตั้งข้อสังเกตไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อคราวที่พูดถึงคอนเสิร์ต “Give Me 5” ที่ผู้จัดการดารามือทอง “เอ-ศุภชัย
ศรีวิจิตร” จับมือกับ “เอ ไทม์ มีเดีย” ของเจ้าแม่วงการสื่อ “ฉอด-ฉายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา” ระดม 5 พระเอกในสังกัดของเอ ทั้ง ณเดชน์ , มาริโอ้ , เคน-ภูภูมิ, เจมส์ มาร์ และเวียร์-ศุกลวัฒน์ เรื่อยมาจนถึงคอนเสิร์ต “หล่อ มาก มาก” ที่คราวนี้ช่อง 3 ขอเป็นโต้โผจัดเอง โดยมอบหมายให้ “อาร์ม-วิบูลย์ ลีรัตนขจร” แห่ง “เซิร์ซ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์” เป็นแกนหลัก ร่วมกับค่าย “จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่” ระดม 12 พระเอก จากสังกัดช่อง 3 และแกรมมี่ มาประชันความหล่อกันแบบคับเวที ไม่ว่าจะเป็น บอย-ปกรณ์ , เจมส์-จิรายุ,หมาก-ปริญ , เกรท- วรินทร,อาเล็ก-ธีระเดช, ปีเตอร์ คอร์ป , สน-ยุกต์ , เต๋อ-ฉันทวิชช์ ,ฮั่น-กั้ง –แกงส้ม เดอะ สตาร์ ,ต่อ ฮอร์โมน โดยที่ไม่มีเด็กในคาถาของเอ-ศุภชัยแม้แต่คนเดียว ว่านี่อาจจะเป็นลางบอกเหตุว่าบัลลังก์นักปั้นดาวของเอภายใต้ร่มเงาของช่อง 3 น่าจะกำลังมีปัญหา อาจจะถึงขั้นสั่นคลอนเลยด้วยซ้ำ

หลังๆ ข้อสังเกตก็เริ่มจะชัดเจนมากขึ้น เมื่อดูเหมือนว่าสัมพันธภาพระหว่างเอกับช่อง 3 จะห่างเหินกันมากขึ้นทุกที จากยุคเฟื่องฟู ที่มีเพาวอร์ถึงขนาดดันเด็กหน้าใหม่ในสังกัดตัวเองมาเล่นละครแบบเหมาเรื่อง ใน “เงารักลวงใจ” มาแล้ว มาหลังๆ คาถาเริ่มไม่ขลังเหมือนก่อน

เรียกว่าพอหมดจากยุคของณเดชน์ ก็ดูเหมือนว่าเอ-ศุภชัยจะมือตกไปเยอะ เด็กในสังกัดก็ไม่ค่อยตูมตาม เปรี้ยงปร้าง เหมือนก่อน โดยเฉพาะนางเอกที่หมายมั่นปั้นมืออย่าง “ริชชี่-อรเณศ ดีคาบาเลส” ที่ทั้งผลัก ทั้งดัน ขนาดขายพ่วงณเดชน์จนคว้าบท
“อังศุมาลิน” ในคู่กรรมเวอร์ชันล่าสุดมาครอง ก็ยังล้มคว่ำไม่เป็นท่า ครั้นจับใส่พานมากำนัลช่อง 3 ประเดิมเรื่อง “สวยร้ายสายลับ” ก็ดัน
ผีซ้ำด้ำพลอย ถูกจับให้ไปประกบคู่กับพระเอกไม้ท่อนอย่าง “บอม-ธนิน มนูญศิลป์” ก็เลยพากันดิ่งลงเหว โดนค่อนว่ากันทั้งเมืองเรื่องที่เล่นแข็งได้โล่ทั้งคู่

ขณะที่พระเอกในคาถาบางคน ก็ขยันมีข่าวคาวฉาวโฉ่ไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะเรื่องที่ถูกจับโยงไปพัวพันกับเหล่า
พริตตี้ ซึ่งก็อาจจะส่งผลให้พระเอกคนที่ว่าดังไม่สุดเสียที

ข้อสังเกตที่ดูจะเป็นรูปธรรมที่เห็นกันชัดๆ ก็เห็นจะเป็นการที่เอสยายปีกสู่การเป็นผู้จัดละคร ในนามบริษัท มันนี่พลัส แต่แทนที่จะอยู่ใต้ร่มเงาของช่อง 3 กลับโผผินมาซบอกช่องดิจิตอลอย่าง PPTV (เพลิงดาว) และ MONO (อรุณสวัสดิ์) นั่นน่าจะเป็นการบ่งชี้ว่า ใต้ร่มเงาของช่อง 3 อาจจะไม่มีที่ยืนสำหรับเออีกต่อไป

บัลลังก์นักปั้นดาวของช่อง 3 ในยามนี้ ถูกเปลี่ยนมือมาสู่ยุคของ “ปิ๊ก-ฌานฉลาด ทวีทรัพย์” ที่มีผลงานสร้างชื่อคือการปลุกปั้น “เจมส์-จิรายุ ตั้งศรีสุข” ให้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์สายฟ้าแลบเพียงชั่วข้ามคืน โดยในช่วงแรกเจมส์จิเอง ก็ถูกจับมาเปรียบเทียบกับณเดชน์ ทำนองว่าการมาของเจมส์จินั้น เพื่อเขย่าบัลลังก์ซูเปอร์สตาร์ของณเดชน์โดยเฉพาะ

ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้า และโดยไม่เข้าข้างใคร ก็ต้องยอมรับว่าถึงวันนี้บารมีของเจมส์จิก็ยังเทียบชั้นณเดชน์ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝีไม้ลายมือทางการแสดง ณเดชน์มีผลงานการแสดงต่อเนื่องมากกว่าเจมส์จิ และกวาดรางวัลมาแล้วแทบจะทุกสถาบัน ทั้งผลงานละคร และผลงานภาพยนตร์ การเป็นพรีเซ็นเตอร์สินค้า ณเดชน์ก็มีปริมาณมากกว่า และครอบคลุมหมดทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค

กระนั้นภาพความสำเร็จของเจมส์จิ ก็ส่งผลให้ปิ๊ก-ฌานฉลาด ที่เงียบหายไปจากวงการบันเทิงอยู่พักใหญ่ กลับมามีที่ยืนที่มั่นคงองอาจอีกครั้ง และดูเหมือนจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากทางช่อง 3 ไม่ต่างจากที่เอเคยได้รับมาก่อนหน้านี้

เด็กยุคใหม่อาจจะรู้จักแค่ว่าปิ๊กเป็นผู้ปั้นเจมส์จิ แต่ถ้าเป็นคนในยุคก่อนหน้านี้ จะรู้ดีว่าสายตาที่เฉียบคม และมุมมองที่ไม่ธรรมดาของเขา เคยเจียระไนเพชรเม็ดงามมาประดับวงการมาแล้วหลายต่อหลายคน ไม่ว่าจะเป็นหนุ่ม-ศรราม , ขวัญ-อุษามณี , ธัญญ่า-ธัญญาเรศ , สุนิสา เจทท์, ดอน ธีระธารา , วุ้นเส้น-วิริฒิพา ฯลฯ

ว่าไปแล้วโมเดลการ “ปั้นดาว” ของทั้งเอ และปิ๊ก ก็ดูจะไม่แตกต่างกัน นั่นคือทุกคนที่จะผ่านเข้ามาสู่กระบวนการนำเสนอเพื่อป้อนช่องนั้น ล้วนแต่ต้องผ่านการเจียระไนอย่างดีมาแล้ว แบบที่เรียกว่า “พร้อมใช้งาน” ได้ทันที อย่างของเอถึงขนาดปลูกบ้านหลังใหญ่ 20 ห้องนอน เพื่อให้เด็กในคาถามาอยู่ร่วมกันในบ้าน ซึ่งภายในบ้านก็ที่มีครบครัน ทั้งห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ ห้องเรียนการแสดง ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้ผู้จัดส่วนใหญ่เลือกใช้บริการเด็กเหล่านี้ เพราะไม่ต้องมาเสียเวลากับการเคี่ยวกรำกันหน้ากอง แค่ตบๆ ให้เข้าที่เข้าทางนิดๆ หน่อยๆ ตามบุคลิกตัวละครแต่ละเรื่อง ก็สามารถทำงานได้ทันที

เด็กในคาถาของทั้งเอ และปิ๊ก (รวมถึงนักปั้นคนอื่นๆ ที่ใช้โมเดลเดียวกัน) จึงมีภาษีดีกว่าเด็กอีกหลายๆ คน ที่แม้จะมีรางวัลชนะเลิศจากการประกวดเวทีต่างๆ การันตี แต่ด้วยชั่วโมงการฝึกฝนที่มากกว่า ก็ทำให้มูลค่าของเด็กจากโมเดลของเอและปิ๊ก กับเด็กจากเวทีประกวดแตกต่างกัน สอดคล้องกับที่ปิ๊กเคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Positioning ถึงความสำเร็จของเจมส์จิ ว่ามาจากความเก่งผสมกับความเฮง เริ่มจากการมีพื้นฐานครอบครัว ที่สนับสนุนให้เข้าวงการ และฝึกฝนเรื่องของดนตรีและการแสดงมาตลอด ผนวกกับความโชคดีที่ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ของช่อง แต่ทั้งหมดทั้งปวง ก็ต้องขับเคลื่อนด้วยการบริหารจัดการที่ดี

“ผู้จัดการดารายุคนี้ก็ไม่เหมือนสมัยก่อน ยุคนี้เราต้องมองในแง่ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน เหมือนกับการบริหารธุรกิจ หรือกิจการ หรืออย่างนักร้องดังของเกาหลี ก็มีการวางแผนชัดเจน ต้องเริ่มจากพื้นฐาน คือตัวของนักแสดง ที่ต้องถูกฝึกฝน และทุ่มเท โดยเฉพาะเรื่องงานแสดง อะไรก็ตามที่ผมคิดว่ามีประโยชน์ในวิชาชีพนี้ ผมก็หยิบเอาแรงบันดาลใจมาขับเคลื่อนธุรกิจนี้ การที่คุณจะได้โฆษณาดีๆ สักเรื่องก็ต้องมาจากละครที่คุณต้องทุ่มเทมากๆ วงการนี้เก่าไป ใหม่มา โชคดีที่เจมส์เขาฝึกฝนอย่างหนักจนทำให้เรามีวันนี้ ดังนั้นผมจะให้ความสำคัญกับละครก่อนเป็นอันดับแรก”

เหตุที่ช่อง 3 ดูจะปลาบปลื้มกับผลงานของปิ๊กจนทำให้บัลลังก์ของเอสะเทือนจนแทบไม่เหลือพื้นที่ให้ยืน อาจจะมาจากคอนเซ็ปต์การรับงานที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะปิ๊กที่ชูนโยบาย “วดอีเวนต์ เล่นแต่ละคร” ทำให้ได้ใจช่อง 3 ไปเต็มๆ เพราะให้ความสำคัญกับงานละครในค่ายมาเป็นอันดับหนึ่ง ต่างจากของเอที่พาเด็กในคาถาตะลุยรับงานอีเวนต์กันแบบเอิกเกริก

ล่าสุดเมื่อปิ๊กผุดโครงการ “META TALENT CAMP” ในนามของ “มีตา ทาเลนต์ แมเนจเมนต์” (ที่ลงทุนร่วมกับบริษัทเจเอสแอล) เพื่อมองหาเยาวชนรุ่นใหม่มาพัฒนาศักยภาพด้านการร้องเพลง เต้น และการแสดง ให้เป็นดาวดวงใหม่ในวงการบันเทิง โดยใช้โมเดลเดียวกับการปั้นเจมส์จิ ช่อง 3 ก็อวยด้วยการเชื้อเชิญมานั่งสัมภาษณ์เพื่อโปรโมตในรายการ “โต๊ะข่าวบันเทิง” อันเป็นการประกาศตัวกรายๆ ว่าช่อง 3 พร้อมอุ้มเด็กในโครงการนี้เข้ามาเป็นนักแสดงในสังกัด

อีกนัยหนึ่ง ก็เหมือนเป็นการเปิดตัวปิ๊กในฐานะพันธมิตรรายใหญ่ของช่อง 3 ไปในตัว

ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 282 28 มีนาคม-3 เมษายน 2558













กำลังโหลดความคิดเห็น