เบื่อลุงเลียม นีสัน กันหรือยัง? เพราะหนังยุคหลังแต่ละเรื่องของลุง ปฏิเสธไม่ได้ว่าแทบจะออกมาเป็นพิมพ์เขียวเดียวกัน โดยเฉพาะไตรภาคอย่างเทคเค่น (TAKEN) ที่เพียงเห็นหน้าหนัง ก็เดาทางออกว่า ประเดี๋ยวใครสักคนในครอบครัวของลุงเลียม จะต้องถูกลักพาตัวอีกเป็นแน่ แล้วคนแก่แต่ยังเก๋าอย่างลุงเลียม ก็ต้องออกเดินทางฝ่าฟันเพื่อนำคนรักคืนมาจากวายร้าย ด้วยฝีไม้ลายมืออันเฉียบคมในการสืบเสาะและแอ็กชั่นอันดุเด็ด
แต่นอกจากเทคเค่น ก็อย่างที่เราเห็นครับว่า เลียม นีสัน นั้น ยังมีงานอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่งในแพ็กเกจบู๊แอ็กชั่น ไม่ว่าจะเป็น Unknown, Non-Stop, The Next three Days และ A Walk Among the Tombstones บู๊น้อยบู๊มากก็ว่ากันไปในแต่ละเรื่อง แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นหนังที่ต้องใช้ “แรง” ด้วยกันทั้งนั้น และอันที่จริง แม้เลียม นีสัน จะมีงานแนวอื่นๆ อยู่บ้างตั้งแต่เริ่มรับงานหนังเรื่องเทคเค่นภาคแรกเป็นต้นมา (ปี 2009) อย่างเช่น Chloe, The Other Man ไปจนถึง Third Person แต่พูดอย่างถึงที่สุด ลายเซ็นของหนังแบบเทคเค่นก็ดูจะโดดเด่นกว่าใครเพื่อน ดังนั้นแล้ว นี่จึงมักจะเป็นความคาดหวังอย่างหนึ่งเสมอๆ เมื่อคนดูได้เห็นหนังเรื่องใหม่ของดารารุ่นใหญ่คนนี้
อย่างที่รู้กันครับว่า สมัยหนุ่มแน่นนั้น เลียม นีสัน ก็เป็นดาราที่เล่นหนังเน้นบทบาทการแสดงระดับชิงรางวัลมาส่วนใหญ่ และก็โด่งดังมีชื่อเสียงมากจากบทบาททำนองนั้น รางวัลออสการ์ก็ได้ชิงมาแล้วจากเรื่อง Schindler’s List แต่ชีวิตด้านการแสดงก็ดูเหมือนจะพลิกกลับอีกด้านหนึ่ง พร้อมกับการเดินทางมาถึงของเทคเค่น กระนั้นก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ครับว่า อะไรก็ตามที่ทำซ้ำๆ ก็มักจะแผ่วลงในแง่ของคุณภาพ และสำหรับแฟรนไชส์อย่างเรื่องเทคเค่น ก็ดูจะหนีกฎเกณฑ์นั้นไม่พ้น
อย่างไรก็ดี ในขณะที่ระดับความมันระห่ำ รวมไปจนถึงความลงตัวในแบบฉบับเทคเค่นกำลังโดดเด่นในเรื่องขาลง ผมกลับรู้สึกว่า หนังเรื่องล่าสุดของเลียม นีสัน อย่าง “รัน ออล ไนท์” หรือ คืนวิ่งทะลวงเดือด กลับมามีความลงตัวอีกครั้ง ทั้งในแง่ของบทหนังและความสนุก
งานชิ้นนี้ได้นักแสดงฝีมือดีอย่าง “เอ็ด แฮร์ริส” มาร่วมงานด้วย ในฐานะสหายรักของเลียม นีสัน ทั้งสองคนเป็นเพื่อนรักที่ยืนคู่อยู่ข้างกันมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ประสบการณ์ที่ฝ่าฟันร่วมกันมาในคืนเก่าวันก่อน เสมือนสายใยคล้องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ไว้อย่างเหนียวแน่น อย่างไรก็ดี ในขณะที่เอ็ด แฮร์ริส ดูเหมือนจะไปได้ไกลกว่าในแง่ความสำเร็จ ทั้งหน้าที่การงานและครอบครัว แต่ตัวของเลียม นีสัน กลับดูเหมือนจะมืดมน จมอยู่กับตราบาปในอดีตที่ตามหลอกหลอนไม่เลิกรา สุราและความเมามายเหมือนสิ่งที่พอหาได้ไม่กี่สิ่งที่ทำให้นีสันผ่านคืนพ้นวันในแต่ละวันไปได้
สถานการณ์ในหนัง ถูกปั้นมาให้เข้มเข้นขึ้นเพื่อที่จะพาคนดูไปสู่จุดวิกฤติของเรื่องราว เมื่อเลียม นีสัน ได้ฆ่าลูกชายของเอ็ด แฮร์ริส แน่นอนว่า หลังจากนั้น ความสัมพันธ์ที่เคยเกื้อกูลกันมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ก็ถึงคราวต้องสะบั้นหั่นลง เอ็ด แฮร์ริส ให้สัญญาว่า ถ้าชาตินี้ ไม่ได้เห็นเลียม นีสัน เสียใจอย่างถึงที่สุด หรือ “มีแววตาที่เคว้งคว้างว่างเปล่า” เขาก็คงไม่มีวันปล่อยให้เรื่องราวนี้ผ่านพ้นไปได้ และภายในคืนเดียวเท่านั้น เอ็ด แฮร์ริส จะต้องคร่าชีวิตลูกชายของนีสันให้ได้ จากนั้นค่อยฆ่านีสันเป็นรายต่อไป
รัน ออล ไนท์ เป็นหนังที่มีความเข้มข้นในตัวบทและเนื้อหา มันว่าด้วยเรื่องของเพื่อนผู้ภักดีที่จำต้องแลกความภักดีเพื่ออีกสิ่งที่คิดว่ามีค่า คล้ายกับหนังดีๆ อีกเรื่องเมื่อปี 1990 อย่าง State of Grace (เอ็ด แฮร์ริส ก็แสดงร่วมด้วย) บรรยากาศของหนังเป็นไปในทางหม่น รายละเอียดที่แวดล้อมก็ล้วนแล้วแต่โลกมืด กุ๊ย นักฆ่า ยาเสพติด และอดีตที่ทึบเทา เนื้อหาทุกส่วนล้วนพุ่งเข้าหาด้านมืด ณ จุดที่ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่มันก็เกิดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกับมิตรภาพระหว่างเอ็ด แฮร์ริส กับ เลียม นีสัน ที่ “ข้ามเส้น” จนมาถึงทางตัน เมื่อถึงวาระต้องเผชิญหน้า มันจึงเป็นรสชาติที่ชวนให้รู้สึกขมปร่าและบอบช้ำย่ำแย่ในหัวใจอย่างถึงที่สุด
รัน ออล ไนท์ ไม่ใช่หนังแบบเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดแบบคนหนึ่งดีคนหนึ่งโฉดไปอีกทาง แต่มันคือเรื่องของความจำเป็นและจำยอมที่จะกระทำเพื่อฟื้นฟูกอบกู้ความรู้สึกที่ตกวูบของตนเองให้ฟื้นคืนมา ฝ่ายเอ็ด แฮร์ริส จำเป็นว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อยืนยันถึงการยืนข้างลูกรักที่แม้จะประพฤติตนออกนอกลู่นอกทางเพียงใดก็ตามที ขณะที่เลียม นีสัน ก็เห็นว่าโลกของลูก ไม่ควรถูกนำมาผูกโยงกับโลกอีกใบ ซึ่งเขาพยายามหลบลี้หนีหน้ามันมาทั้งชีวิต
เรื่องลูก จึงนับเป็นปัจจัยชี้ขาดอย่างเด่นชัดสำหรับโครงสร้างของหนังเรื่องนี้ และหนังก็พยายามยกเปรียบเทียบเคียงความสัมพันธ์พ่อลูกของทั้งสอง ซึ่งต่างก็มีลูกเป็นพลังขับเคลื่อนในการที่จะทำหรือไม่ทำอะไรบางอย่าง อันที่จริง หนังของเลียม นีสัน อย่างเช่น เทคเค่น ก็มีจุดเด่นในแง่นี้พอสมควรแล้ว อย่างกรณีที่เล่นกับการไม่ค่อยลงรอยกันระหว่างเขากับลูกสาว แต่สำหรับเรื่องนี้ รัน ออล ไนท์ มันขยายเขตแดนออกไปร้าวฉานกว่านั้นอีก และเมื่อมาถึงจุดสรุปจบ เราจะพบกับความซาบซึ้งในแบบที่หนังยุคหลังๆ ของเลียม นีสัน ไปไม่สุด แต่สำหรับงานชิ้นนี้ ต้องยอมรับว่า ความเป็นพ่อที่สุดยอด ได้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เห็นความรักของพ่อที่มีต่อลูกได้ชวนคิด เอ็ด แฮร์ริส ก็รู้ทั้งรู้ว่าลูกไม่เข้าท่า แต่เพราะความเป็นพ่อ ถึงอย่างไรก็ยังหวังจะเห็นความรุ่งเรืองของลูก ขณะที่พ่ออย่างเลียม นีสัน ก็ยอมทุกข์ทนกับบาดแผลเพียงโดดเดี่ยว ยอมที่จะถูกมองว่าเป็นพ่อผู้ไม่รับผิดชอบเพื่อไม่ให้โลกอันมืดดำของตัวเองแผ่ไปถึงโลกของลูก
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดนี่เอง กลับกลายเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญในการทำให้ใครบางคนก้าวกลับไปแก้ไขเวรกรรมในวันเก่า การเผชิญหน้ากับความเป็นจริงของชีวิตและปรับจูนความเข้าใจผิดให้เข้าที่เข้าทาง
รัน ออล ไนท์ เป็นหนังที่กล่าวได้ว่า มีความเป็นดราม่าอบอวลไปทั่วทั้งเรื่อง การปูพื้นและให้รายละเอียดเป็นไปอย่างรอบคอบรอบด้าน และมันก็หนุนส่งไปสู่บทสรุปที่มีพลัง ซีนสุดท้ายในฉากของการปะทะระหว่างเอ็ด แฮร์ริส กับเลียม นีสัน ถือว่าทำได้ดีมาก ให้ความรู้สึกทั้งน่าเวทนาและน่าหัวเราะเยาะหยันไปด้วยในขณะเดียวกัน
มีอีกหนึ่งตัวละครที่จำต้องกล่าวถึง เพราะเปรียบเสมือนว่าเป็นคู่เวรคู่กรรมของเลียม นีสัน มาหลายสิบปี และตัวละครตัวนี้ จะว่าไปก็ช่วยขยับขยายอาณาเขตของเนื้อหาของหนังให้กว้างออกไปจากเพียงแค่เรื่องราวราวร้าวฉานระหว่างสหายรัก นั่นก็คือตัวละครนักสืบ ที่จะว่าไป ก็มีปมในใจไม่น้อยกว่าเลียม นีสัน หรือคนอื่นๆ เขาคือนักสืบที่กดเก็บความเจ็บแค้นแต่กาลก่อนเอาไว้ไม่ปล่อยวาง และเมื่อสบจังหวะที่จะกระชากความจริงออกมาได้ ก็คล้ายๆ ว่าหูตามืดมัวไปหมด และทำให้สถานการณ์ความยุ่งยาก ยิ่งยากเข้าไปใหญ่
รัน ออล ไนท์ เล่นกับความจริง และการมีเวลาเพื่อจะไต่สวนความจริง มันสะท้อนสิ่งที่น่าหดหู่ออกมาก็คือว่า บางที เราก็ยึดเอาเพียงบางสิ่ง ที่มันเร้าใจเราได้ พร้อมๆ กับการมองข้ามรายละเอียดอื่นๆ ไป ไม่ว่าบทของนักสืบคนดังกล่าว หรือแม้กระทั่งเอ็ด แฮร์ริส ก็ล้วนแล้วแต่เป็นไปในลักษณะนี้ และสุดท้าย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ หายนะที่ไม่ควรจะเป็น
รัน ออล ไนท์ เล่นกับความจำกัดด้านเวลาด้วยการกำหนดให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดกินระยะเวลาราวๆ 18 ชั่วโมง โดยสามในสี่ส่วน เป็นช่วงเวลากลางคืนซึ่งตัวละครสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคือผู้ล่า อีกฝ่ายคือผู้ถูกล่า หนังใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการสร้างความลุ้นระทึกได้ดี เพราะมันคือห้วงเวลาแห่งความเป็นความตาย อีกทั้งหนังยังมีการใส่ตัวละครนักฆ่าเข้ามาร่วมขบวนล่า ซึ่งก็กลายเป็นกองกำลังหนุนให้เกิดฉากแอ็กชั่นที่ลุ้นระทึก และดุเดือด เพราะโดยธรรมชาติของนักฆ่า มักมีความดุเดือดเลือดเย็นและไร้หัวใจเป็นวิสัย
ฟังมาว่า อีกปีสองปี เลียม นีสัน จะโบกมือลาหนังแอ็กชั่น เพราะยอมรับว่าสังขารเริ่มไม่ไหว กระนั้นก็ดี สำหรับนาทีนี้กับรัน ออล ไนท์ คงต้องยอมรับว่า เลียม นีสัน ได้ไว้ลายทั้งสองทาง หนึ่งคือในฐานะนักแสดงมืออาชีพที่ถึงคราวต้องเล่นบทดราม่าจัดๆ ก็ไม่มีอะไรให้ผิดหวัง อีกทางหนึ่งคือในฐานะดาราขายแรงและการแอ็กชั่น ดูเหมือนบทของเขาใน รัน ออล ไนท์ จะให้ได้ครบ และพูดก็พูดเถอะ ถ้าให้จัดอันดับหนังเลียม นีสัน ยุคแอ็กชั่นเป็นต้นมา เรื่องนี้ก็น่าจะเป็นรองเฉพาะเทคเค่นภาคหนึ่งเท่านั้นกระมัง
ASTVผู้จัดการออนไลน์ เพิ่มหมวดข่าว “โต๊ะญี่ปุ่น” นำเสนอความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสาร ตอบสนองผู้อ่านที่สนใจในประเทศญี่ปุ่น รวมทั้ง สรรสาระ เกร็ดความรู้ต่างๆ ที่ผู้อ่านควรรู้ และ ต้องรู้อีกมากมาย ติดตามเราได้นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |