ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรออกมาแต่อย่างใดนับตั้งแต่ที่"ฟอร์ด สบชัย ไกรยูรเสน" เข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในฐานะพยานต่อกรณีที่บริษัทอาร์เอสฯ ได้แจ้งความเพื่อเอาผิดกับผู้จ้างวานนักร้องหนุ่มในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์เนื่องจากมีการนำเอาเพลง "หยุดตรงนี้ที่เธอ" ไปร้องในงานแต่งโดยไม่ได้รับอนุญาต
ล่าสุดทีมข่าว "Super บันเทิง" โทรศัพท์สอบถามไปยังคนใกล้ชิดหนุ่มฟอร์ดได้รับคำตอบว่า ถึงตอนนี้ทางอาร์เอสฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังไม่ได้แจ้งมาว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป และเรื่องไปถึงไหนแล้ว
พร้อมกันนี้เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแม้อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อนักร้องหนุ่มโดยตรงแต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจต่อผู้ที่จะว่าจ้างนักร้องหนุ่มไปร่วมงานด้วยเหมือนกัน เพราะบางส่วนนั้นเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
และเพื่อเป็นการตัดปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ตัวของนักร้องหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะไม่ร้องเพลงที่ตนเคยไว้ร้องระหว่างเป็นศิลปินในสังกัดค่ายอาร์เอสฯ ซึ่งลิขสิทธิ์นั้นเป็นของอีกฝ่ายประกอบไปด้วย 3 เพลงด้วยกัน นั่นคือ กระต่ายในจันทร์, ไม่อยากให้เธอลำบากใจ และ หยุดตรงนี้ที่เธอ อีกต่อไป
สำหรับเด็กรุ่นใหม่หลายคนที่รู้จักเจ้าตัวจากงานเพลงดังกล่าว โดยเฉพาะ 2 เพลง หยุดตรงนี้ที่เธอ หนึ่งในเพลงชาติงานแต่งงานอาจจะสงสัยว่าถ้าไม่ร้อง 2 เพลงนี้แล้วเขาจะร้องเพลงอะไร?
หรืออาจจะรู้สึกที่ว่าหากไม่ร้องเพลงนี้ฟอร์ดก็ไม่ใช่ฟอร์ด
แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าตัวคงจะรู้สึกอะไรกับการที่จะไม่ได้ยินเสียงเพลงดังกล่าวจากนักร้องหนุ่มอีกแล้ว
ชื่อของ ฟอร์ด สบชัย โด่งดังเป็นที่รู้จักขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงยุคอัลเทอร์เนทีฟกำลังเฟื่องฟูด้วยภาพลักษณ์ของหนุ่มหัวฟู ผู้มาพร้อมเสียงร้องนุ่มๆ เสียงแซกโซโฟนอันไพเราะบนแนวเพลงที่ไม่ค่อยจะเหมือนใครด้วยความมีกลิ่นอายของดนตรีแจ๊สนิดๆ บลูส์หน่อยๆ
เพลงที่สร้างชื่อให้กับเจ้าตัวชนิดที่ทะลุวงการอินดี้ขึ้นมารู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมืองก็คือเพลงที่ชื่อ "รักเธอ" หนึ่งในงานในมิอัลบั้ม "ตามรักเธอ..(เลย)ง่วง" ในสังกัดสโตน เอนเตอร์เทนเม้นท์ และอีกหนึ่งเพลงของเขาที่มีความไพเราะไม่แพ้กันก็คือ "ตราบใด" ในอัลบั้ม "ถามรักเธอ..(จนเจอ)ฟอร์ด" รวมถึงเพลงอื่นๆ อีกมากมายที่ตามออกมาในภายหลัง
ด้วยความที่บทเพลงส่วนใหญ่ล้วนมาจากฝีมือของเขาเองทั้งในการแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ฯ ทำให้ชื่อของ ฟอร์ด สบชัย ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักร้อง - นักดนตรีคุณภาพของบ้านเรา โดยมีรางวัลการันตีมากมายถึงแม้ช่วงที่เขาเข้าไปอยู่ในสังกัดค่ายเพลงใหญ่จะทำให้ถูกวิจารณ์ในระยะแรกๆ ถึงความเข้มข้นของงานเพลงที่ลดลงและออกแนวป็อปตลาดมากยิ่งขึ้นก็ตามที
อันที่จริงกฏหมายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวกับงานเพลงนั้นปัจจุบันได้ให้สิทธิ์กับคนที่เป็นผู้สร้างสรรค์บทเพลงนั้นๆ ทั้งในส่วนของคนแต่ง คนคิดทำนอง ทำดนตรี ฯ โดยอัตโนมัติอยู่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูรายละเอียดด้วยว่าการเซ็นสัญญาระหว่างตัวนักแต่งเพลง นักร้อง นักดนตรีนั้นมีรายละเอียดในเรื่องของการมอบสิทธิ์ในผลงานนั้นไว้อย่างไร อะไรบ้าง
กรณีผลงานเพลง "หยุดตรงนี้ที่เธอ" ที่เป็นปัญหา เพลงนี้ถูกแต่งโดย "ณรงค์วิทย์ เตชะธนวัฒน์" ทำนองโดย "กิตติ ชูเกียรติเมธา" ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามีบริษัทอาร์เอสเป็นเจ้าของสิทธิ์อยู่ สิทธิ์ที่นักร้องหนุ่มจะได้รับในฐานะเจ้าของเสียงออริจินัลก็คือกรณีที่มีผู้นำเอาเสียงบันทึกที่เป็นต้นฉบับของเจ้าตัวไปแสวงหาผลประโยชน์ (แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูรายละเอียดอีกทีว่าการเซ็นสัญญาของเขากับทางอาร์เอสฯ นั้นเป็นไปในลักษณะใด)
ในขณะเดียวกันหากเจ้าตัวหรือใครก็ตามที่ต้องการนำเพลงดังกล่าวมาร้องเพื่อผลประโยชน์ในเชิงการค้าก็ต้องขอสิทธิ์ไปยังเจ้าของสิทธิ์โดยตรง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาเฉกเช่นที่เป็นอยู่
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดจากเรื่องของลิขสิทธิ์ รวมถึงเรื่องของการทำสัญญาระหว่างศิลปินกับต้นสังกัดนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
แต่ที่เป็นที่จดจำมากที่สุดคงจะเป็นในกรณือื้อฉาวกับการฉีกสัญญาชนิดต่อหน้าต่อตาผู้บริหารอาร์เอสฯ ของนักร้องมาดเงียบติ๋มๆ อย่าง "อ๊อด รณชัย ถมยาปริวัฒน์" แห่งวงนกน้อย "คีรีบูน" นั่นเอง
ทั้งนี้นักร้องหนุ่มเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นจริงๆ แล้วมาจากการไตร่ตรองเป็นอย่างดีหาใช่เกิดจากความโทสะอารมณ์โมโหตามที่หลายคนเข้าใจแต่อย่าง
"นั่งเพื่อถามตัวเองว่า สิ่งที่เราจะทำนี้ เราทำด้วยเหตุผลใด เรามีความละโมบเกิดขึ้นในใจมั้ย เช่นไปที่อื่นซึ่งให้เปอร์เซ็นต์ดีกว่าหรือไม่ ตอนนั้นผมยังไม่ได้คุยกับใคร ถามต่อไปว่าหลังฉีกสัญญาหากมีปัญหาอย่างหนัก ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไปตายเอาดาบหน้า ถามตัวเองเพื่อให้มีความบริสุทธิ์ใจในการกระทำ ทุกอย่างที่เราจะดำเนินการนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น ผมเป็นคนที่ระมัดระวังในเรื่องความเห็นแก่ตัวมาก”
ผลพวงจากการฉีกสัญญาดังกล่าวกลายเป็นคดีความฟ้องร้องขึ้นมาและส่งผลให้ "อ๊อด คีรีบูน" ต้องถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี โดยให้รอลงอาญา 2 ปีเพราะเจ้าตัวไม่เคยทำผิดมาก่อน
นอกจากนี้นักร้องหนุ่มยังต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตระเวนร้องเพลง-เล่นดนตรีตามไนท์คลับ ผับ บาร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่เคยทำมาก่อนเป็นเวลานานร่วม 10 ปี
แต่กระนั้นหากมองไปยังเรื่องของอิสระเสรีและการที่ตนเองสามารถร้องเพลงที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมาพะวงเกรงว่าจะถูกใครหรือค่ายไหนมาฟ้องร้องเรียกสิทธิ์แล้วก็ต้องบอกว่าน่าจะเป็นอะไรที่คุ้มทีเดียว
(ใครสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ลองคลิกเข้าไปอ่านกันได้ที่...คีรีบูน – นกเสียงไพเราะแห่งโลกดนตรี )
ล่าสุดทีมข่าว "Super บันเทิง" โทรศัพท์สอบถามไปยังคนใกล้ชิดหนุ่มฟอร์ดได้รับคำตอบว่า ถึงตอนนี้ทางอาร์เอสฯ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังไม่ได้แจ้งมาว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป และเรื่องไปถึงไหนแล้ว
พร้อมกันนี้เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นแม้อาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อนักร้องหนุ่มโดยตรงแต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจต่อผู้ที่จะว่าจ้างนักร้องหนุ่มไปร่วมงานด้วยเหมือนกัน เพราะบางส่วนนั้นเกรงว่าจะมีเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก
และเพื่อเป็นการตัดปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ตัวของนักร้องหนุ่มจึงตัดสินใจที่จะไม่ร้องเพลงที่ตนเคยไว้ร้องระหว่างเป็นศิลปินในสังกัดค่ายอาร์เอสฯ ซึ่งลิขสิทธิ์นั้นเป็นของอีกฝ่ายประกอบไปด้วย 3 เพลงด้วยกัน นั่นคือ กระต่ายในจันทร์, ไม่อยากให้เธอลำบากใจ และ หยุดตรงนี้ที่เธอ อีกต่อไป
สำหรับเด็กรุ่นใหม่หลายคนที่รู้จักเจ้าตัวจากงานเพลงดังกล่าว โดยเฉพาะ 2 เพลง หยุดตรงนี้ที่เธอ หนึ่งในเพลงชาติงานแต่งงานอาจจะสงสัยว่าถ้าไม่ร้อง 2 เพลงนี้แล้วเขาจะร้องเพลงอะไร?
หรืออาจจะรู้สึกที่ว่าหากไม่ร้องเพลงนี้ฟอร์ดก็ไม่ใช่ฟอร์ด
แต่สำหรับคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าตัวคงจะรู้สึกอะไรกับการที่จะไม่ได้ยินเสียงเพลงดังกล่าวจากนักร้องหนุ่มอีกแล้ว
ชื่อของ ฟอร์ด สบชัย โด่งดังเป็นที่รู้จักขึ้นมาตั้งแต่ในช่วงยุคอัลเทอร์เนทีฟกำลังเฟื่องฟูด้วยภาพลักษณ์ของหนุ่มหัวฟู ผู้มาพร้อมเสียงร้องนุ่มๆ เสียงแซกโซโฟนอันไพเราะบนแนวเพลงที่ไม่ค่อยจะเหมือนใครด้วยความมีกลิ่นอายของดนตรีแจ๊สนิดๆ บลูส์หน่อยๆ
เพลงที่สร้างชื่อให้กับเจ้าตัวชนิดที่ทะลุวงการอินดี้ขึ้นมารู้จักกันทั้งบ้านทั้งเมืองก็คือเพลงที่ชื่อ "รักเธอ" หนึ่งในงานในมิอัลบั้ม "ตามรักเธอ..(เลย)ง่วง" ในสังกัดสโตน เอนเตอร์เทนเม้นท์ และอีกหนึ่งเพลงของเขาที่มีความไพเราะไม่แพ้กันก็คือ "ตราบใด" ในอัลบั้ม "ถามรักเธอ..(จนเจอ)ฟอร์ด" รวมถึงเพลงอื่นๆ อีกมากมายที่ตามออกมาในภายหลัง
ด้วยความที่บทเพลงส่วนใหญ่ล้วนมาจากฝีมือของเขาเองทั้งในการแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ฯ ทำให้ชื่อของ ฟอร์ด สบชัย ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักร้อง - นักดนตรีคุณภาพของบ้านเรา โดยมีรางวัลการันตีมากมายถึงแม้ช่วงที่เขาเข้าไปอยู่ในสังกัดค่ายเพลงใหญ่จะทำให้ถูกวิจารณ์ในระยะแรกๆ ถึงความเข้มข้นของงานเพลงที่ลดลงและออกแนวป็อปตลาดมากยิ่งขึ้นก็ตามที
อันที่จริงกฏหมายลิขสิทธิ์ที่เกี่ยวกับงานเพลงนั้นปัจจุบันได้ให้สิทธิ์กับคนที่เป็นผู้สร้างสรรค์บทเพลงนั้นๆ ทั้งในส่วนของคนแต่ง คนคิดทำนอง ทำดนตรี ฯ โดยอัตโนมัติอยู่ก็ตาม แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูรายละเอียดด้วยว่าการเซ็นสัญญาระหว่างตัวนักแต่งเพลง นักร้อง นักดนตรีนั้นมีรายละเอียดในเรื่องของการมอบสิทธิ์ในผลงานนั้นไว้อย่างไร อะไรบ้าง
กรณีผลงานเพลง "หยุดตรงนี้ที่เธอ" ที่เป็นปัญหา เพลงนี้ถูกแต่งโดย "ณรงค์วิทย์ เตชะธนวัฒน์" ทำนองโดย "กิตติ ชูเกียรติเมธา" ถูกระบุไว้อย่างชัดเจนว่ามีบริษัทอาร์เอสเป็นเจ้าของสิทธิ์อยู่ สิทธิ์ที่นักร้องหนุ่มจะได้รับในฐานะเจ้าของเสียงออริจินัลก็คือกรณีที่มีผู้นำเอาเสียงบันทึกที่เป็นต้นฉบับของเจ้าตัวไปแสวงหาผลประโยชน์ (แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูรายละเอียดอีกทีว่าการเซ็นสัญญาของเขากับทางอาร์เอสฯ นั้นเป็นไปในลักษณะใด)
ในขณะเดียวกันหากเจ้าตัวหรือใครก็ตามที่ต้องการนำเพลงดังกล่าวมาร้องเพื่อผลประโยชน์ในเชิงการค้าก็ต้องขอสิทธิ์ไปยังเจ้าของสิทธิ์โดยตรง เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาเฉกเช่นที่เป็นอยู่
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดจากเรื่องของลิขสิทธิ์ รวมถึงเรื่องของการทำสัญญาระหว่างศิลปินกับต้นสังกัดนั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
แต่ที่เป็นที่จดจำมากที่สุดคงจะเป็นในกรณือื้อฉาวกับการฉีกสัญญาชนิดต่อหน้าต่อตาผู้บริหารอาร์เอสฯ ของนักร้องมาดเงียบติ๋มๆ อย่าง "อ๊อด รณชัย ถมยาปริวัฒน์" แห่งวงนกน้อย "คีรีบูน" นั่นเอง
ทั้งนี้นักร้องหนุ่มเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้นจริงๆ แล้วมาจากการไตร่ตรองเป็นอย่างดีหาใช่เกิดจากความโทสะอารมณ์โมโหตามที่หลายคนเข้าใจแต่อย่าง
"นั่งเพื่อถามตัวเองว่า สิ่งที่เราจะทำนี้ เราทำด้วยเหตุผลใด เรามีความละโมบเกิดขึ้นในใจมั้ย เช่นไปที่อื่นซึ่งให้เปอร์เซ็นต์ดีกว่าหรือไม่ ตอนนั้นผมยังไม่ได้คุยกับใคร ถามต่อไปว่าหลังฉีกสัญญาหากมีปัญหาอย่างหนัก ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไปตายเอาดาบหน้า ถามตัวเองเพื่อให้มีความบริสุทธิ์ใจในการกระทำ ทุกอย่างที่เราจะดำเนินการนี้ ล้วนแต่เป็นเรื่องสุ่มเสี่ยงทั้งสิ้น ผมเป็นคนที่ระมัดระวังในเรื่องความเห็นแก่ตัวมาก”
ผลพวงจากการฉีกสัญญาดังกล่าวกลายเป็นคดีความฟ้องร้องขึ้นมาและส่งผลให้ "อ๊อด คีรีบูน" ต้องถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี โดยให้รอลงอาญา 2 ปีเพราะเจ้าตัวไม่เคยทำผิดมาก่อน
นอกจากนี้นักร้องหนุ่มยังต้องเผชิญกับความยากลำบากในการตระเวนร้องเพลง-เล่นดนตรีตามไนท์คลับ ผับ บาร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้าตัวไม่เคยทำมาก่อนเป็นเวลานานร่วม 10 ปี
แต่กระนั้นหากมองไปยังเรื่องของอิสระเสรีและการที่ตนเองสามารถร้องเพลงที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของตัวเองได้โดยที่ไม่ต้องมาพะวงเกรงว่าจะถูกใครหรือค่ายไหนมาฟ้องร้องเรียกสิทธิ์แล้วก็ต้องบอกว่าน่าจะเป็นอะไรที่คุ้มทีเดียว
(ใครสนใจรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ลองคลิกเข้าไปอ่านกันได้ที่...คีรีบูน – นกเสียงไพเราะแห่งโลกดนตรี )
