ผ่านพ้นวันเด็กแล้ว แต่คงจะยังไม่สายไปนะครับที่วันนี้จะมาชวนคุยเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กๆ กันสักเรื่อง 2 เรื่อง
เป็นเรื่องของเด็กก็จริงครับ แต่ดูเหมือนปัญหาจะมาจากผู้ใหญ่เสียมากกว่า
กรณีแรกเป็นเรื่องของ "น้องวันใหม่" แห่งบ้าน "ฉัตรบริรักษ์" ที่ตอนนี้กำลังวุ่น อยู่กับอินสตาแกรม "ส่วนตัว" ของน้องที่ใช้ชื่อว่า @lilwanmai เหตุเพราะขัดกับกฏระเบียบในการใช้อินสตาแกรมในส่วนที่ว่าผู้ที่ใช้จะต้องมีอายุเกิน 13 ปีขึ้นและต้องเล่นด้วยตนเอง
เรื่องนี้ทำเอาบรรดาผู้ที่ติดตามอินสตาแกรมของน้องวันใหม่ซึ่งตามตัวเลขระบุว่าสูงถึงล้านกว่าคน บางส่วนเกิดอาการไม่พอใจ โดยมีบางส่วนถึงขนาดที่เข้าไปแสดงความเห็นผ่านหน้าแอคเคานต์ของนายเควินซึ่งเป็นซีอีโอของอินสตาแกรมกันเลยทีเดียว
จริงๆ เรื่องนี้คงจะไม่เกิดการแบ่งฝ่ายถกเถียงเป็นดรามากันอย่างแน่นอนหากแต่ละคนจะพยายามทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น
รวมไปถึงการสื่อสารจากครอบครัว "ฉัตรบริรักษ์เอง" เองซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการอินสตาแกรมของน้องสาว-ลูกสาวคนเล็กคนนี้อยู่ที่น่าจะให้รายละเอียดกับแฟนคลับมากไปกว่าการแสดงความเสียดาย เสียใจ ขอบคุณ ร่ำลา อาลัยอาวรณ์ แถมยังไม่เข้าท่าด้วยคำว่า supportlilwanmai อันเป็นเสมือนกับสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการไม่ยอมรับอีกต่างหาก
ทั้งๆ ที่หากหยุดคิดสักนิดก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมีกฏเช่นนั้น และใครกันจะได้ผลประโยชน์คุ้มครองจากกฏที่ว่าหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาในการโพสต์ภาพหรือข้อความออกไป
เด็กเล็กๆ จะรับผิดชอบได้มั้ย?
ที่สำคัญที่สุดก็คือมันมีวิธีง่ายๆ เสียด้วยซ้ำไปในการคงไว้ซึ่งข้อมูลทั้งภาพ คลิป ข้อความ ตลอดจนคนที่ติดตามอินสตาแกรม @lilwanmai อยู่โดยที่ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาที่วางเอาไว้
จากกรณีของน้องวันใหม่มาถึงเรื่องราวของเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง ที่เคยเป็นข่าวดังในปี 2555 หลังต้องอยู่ภายในบ้านกับศพแม่ซึ่งเสียชีวิตนานร่วมกว่า 3 วัน
ใครที่ติดตามข่าวก็จะทราบว่าถึงตอนนี้น้องได้มาอยู่ในการเลี้ยงดูของผู้เป็นบิดามาได้นานร่วมๆ 2 เดือนแล้ว
ไม่ได้จู่ๆ มานึกถึงอะไรหรอกครับ เพียงแต่คืนวันพุธที่ผ่านมาเห็นน้องกับผู้เป็นพ่อมาออกรายการทีวีรายการหนึ่งก็เลยอยากจะเขียนถึง
คือถ้าน้องไปออกรายการปกติทั่วไป เช่น เกี่ยวกับเลี้ยงดูลูก, รายการเชิญเด็กๆ มาทำกิจกรรม อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่มันสะดุดความรู้สึกก็เพราะรายการที่ว่านั้นเป็นรายการที่มีการอวดผี ท้าผี บรรเทาทุกข์ผี อะไรนั่นเอง
จริงๆ น้องเคยมาออกรายการนี้กับผู้เป็นป้าซึ่งรับน้องไปเลี้ยงดูเมื่อครั้งที่ผู้เป็นแม่เพิ่งเสียชีวิตไม่นาน ก่อนที่เมื่อปีที่แล้วตัวคุณป้าเองจะตกเป็นจำเลยสังคมหลังถูกกล่าวหาว่าทำทารุณกรรมน้อง ทั้งทำร้ายร่างกาย จับขังกรงสุนัข บังคับให้ทานอ้วก ฯ
สำหรับเนื้อหาในการนำเสนอผ่านรายการทั้งตอนที่น้องมาออกรายการทีวีกับป้าเมื่อ 2 ปีที่แล้วและมากับพ่อในครั้งล่าสุดนี้ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรสักเท่าไหร่ นั่นคือการที่ต้องการจะสื่อให้เห็นว่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุสลดน้องได้วิญญาณแม่ป้อนข้าว ป้อนนมให้ และตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน น้อง(ตลอดคนที่พามาออกรายการ)ก็ยังคงเห็นวิญญาณของผู้เป็นแม่วนเวียนอยู่คล้ายกับต้องการจะบอกอะไรสักอย่างนั่นเอง
บอกตรงๆ ครับว่าผมนั่งดูรายการแล้วรู้สึกรับไม่ได้เอามากๆ ทั้งในความคิดของพ่อที่พาลูกสาวตัวเล็กๆ มาออกรายการ และก็รู้สึกทุเรศเป็นที่สุดกับบรรดาผู้ใหญ่เองที่คิดจะหาเงินจากรายการรูปแบบนี้
คือถ้าเอาผู้ใหญ่ พวกหัวหงอกแล้วมาออกก็ว่าไปอย่าง แต่ถามหน่อยเถอะครับว่าเด็กเล็กๆ ตัวแค่นี้ อายุเพียง 4 - 5 ขวบ แต่ต้องมานั่งตอบคำถามที่ว่ายังเห็นแม่(ที่ตายไปแล้ว)อยู่มั้ย, ม่าม้ามาด้วยมั้ย, ไหนบอกสิว่าแม่ยืนอยู่ตรงไหน, คุยกับแม่อยู่หรือ ฯ คุณคาดคิดว่าจะได้คำตอบอะไรจากเด็ก?
คุณคิดจะเอาเด็กมาขายสร้างความน่าเชื่อถือเพียงเพราะคำพูดที่ว่าเด็กบริสุทธิ์ เห็นอะไร รู้สึกอย่างไรก็พูดแบบนั้นหรือ?
ไม่คิดหรือครับว่าเด็กๆ จะรู้สึกอย่างไรต้องมานั่งฟังเรื่องราวแบบนี้
คุณไม่รู้หรือว่าเมื่อครั้งที่คุณป้าของน้องถูกสังคมโจมตีกล่าวหาอย่างหนัก มันมีข้อมูลอีกมุมหนึ่งจากปากคนที่เลี้ยงดูเกี่ยวกับตัวน้องเองที่เป็นไปในทางตรงกันข้ามออกมาด้วย
ที่สำคัญคุณไม่รู้หรือว่าสิ่งที่เด็กเล็กๆ ในวัยนี้พูดหรือสื่อสารออกมานั้น ส่วนใหญ่ล้วนมาจากจินตนาการของเด็กเอง แล้วคุณจะมายัดเยียดให้เด็กจินตนาการในเรื่องที่ผู้ใหญ่เองยังขึ้นข้อความว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการชมไปเพื่ออะไร?
ผมเชื่อในเรื่องของความรักครับ แล้วก็เชื่อในเรื่องของสายใยแห่งความผูกพันไม่ว่าจะเป็นของลูกกับแม่ พ่อกับลูก เมียกับผัว พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ฯ แต่กระนั้นผมก็เชื่อว่าวิธีที่จะขจัดหรือบรรเทาทุกข์อันมาจากการจากลาหรือแม้กระทั่งสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่เรียกกันว่าเวรกรรม บาปบุญ คุณโทษนั้นในความเป็นจริงไม่จำเป็นที่จะต้องมาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มองไม่เห็นหรือดูงมงายเช่นนี้
ขอเถอะครับสำหรับบรรดาผู้วิเศษที่มีจิตมีญาณสัมผัสอะไรทั้งหลายตลอดจนคนที่เกี่ยวข้องกับรายการประเภทนี้เวลาที่จะนำเสนอเรื่องอะไรออกไปควรจะระวังให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องนำเอาเด็กเล็กๆ มาออกรายการแล้วด้วย
แล้วก็อยากแนะนำรายการประเภทนี้ครับว่าถ้าอยากให้ช่วงรายการของคุณ เช่นช่วงล่าผี ช่วงท้าผี ฯ น่าสนใจและมีมุมมองมากยิ่งขึ้น ผมขอให้เอาคนที่เขาเห็นต่างในเรื่องทำนองนี้ อาทิ ทีมงานของแฟนเพจ "FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย" ที่กำลังได้รับความสนใจผ่านโลกเฟซบุ๊กไม่น้อย ไปร่วมรายการด้วย
แต่ถ้าไม่กล้า ไม่แน่จริง เพราะกลัวว่าคนอื่นเขารู้ว่าเรื่องราวที่รายการตนเองนำเสนอมันเหลวใหล มันไร้สาระ มันหลอกลวง มันงมงาย ก็ไม่ต้องก็ได้ครับ
...
ปล.ต้องขออภัยไปยังแอดมินเพจ "FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย" ที่มีการพาดพิงด้วยนะครับ
เป็นเรื่องของเด็กก็จริงครับ แต่ดูเหมือนปัญหาจะมาจากผู้ใหญ่เสียมากกว่า
กรณีแรกเป็นเรื่องของ "น้องวันใหม่" แห่งบ้าน "ฉัตรบริรักษ์" ที่ตอนนี้กำลังวุ่น อยู่กับอินสตาแกรม "ส่วนตัว" ของน้องที่ใช้ชื่อว่า @lilwanmai เหตุเพราะขัดกับกฏระเบียบในการใช้อินสตาแกรมในส่วนที่ว่าผู้ที่ใช้จะต้องมีอายุเกิน 13 ปีขึ้นและต้องเล่นด้วยตนเอง
เรื่องนี้ทำเอาบรรดาผู้ที่ติดตามอินสตาแกรมของน้องวันใหม่ซึ่งตามตัวเลขระบุว่าสูงถึงล้านกว่าคน บางส่วนเกิดอาการไม่พอใจ โดยมีบางส่วนถึงขนาดที่เข้าไปแสดงความเห็นผ่านหน้าแอคเคานต์ของนายเควินซึ่งเป็นซีอีโอของอินสตาแกรมกันเลยทีเดียว
จริงๆ เรื่องนี้คงจะไม่เกิดการแบ่งฝ่ายถกเถียงเป็นดรามากันอย่างแน่นอนหากแต่ละคนจะพยายามทำความเข้าใจในเรื่องที่เกิดขึ้น
รวมไปถึงการสื่อสารจากครอบครัว "ฉัตรบริรักษ์เอง" เองซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการอินสตาแกรมของน้องสาว-ลูกสาวคนเล็กคนนี้อยู่ที่น่าจะให้รายละเอียดกับแฟนคลับมากไปกว่าการแสดงความเสียดาย เสียใจ ขอบคุณ ร่ำลา อาลัยอาวรณ์ แถมยังไม่เข้าท่าด้วยคำว่า supportlilwanmai อันเป็นเสมือนกับสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการไม่ยอมรับอีกต่างหาก
ทั้งๆ ที่หากหยุดคิดสักนิดก็จะเข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องมีกฏเช่นนั้น และใครกันจะได้ผลประโยชน์คุ้มครองจากกฏที่ว่าหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นมาในการโพสต์ภาพหรือข้อความออกไป
เด็กเล็กๆ จะรับผิดชอบได้มั้ย?
ที่สำคัญที่สุดก็คือมันมีวิธีง่ายๆ เสียด้วยซ้ำไปในการคงไว้ซึ่งข้อมูลทั้งภาพ คลิป ข้อความ ตลอดจนคนที่ติดตามอินสตาแกรม @lilwanmai อยู่โดยที่ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาที่วางเอาไว้
จากกรณีของน้องวันใหม่มาถึงเรื่องราวของเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง ที่เคยเป็นข่าวดังในปี 2555 หลังต้องอยู่ภายในบ้านกับศพแม่ซึ่งเสียชีวิตนานร่วมกว่า 3 วัน
ใครที่ติดตามข่าวก็จะทราบว่าถึงตอนนี้น้องได้มาอยู่ในการเลี้ยงดูของผู้เป็นบิดามาได้นานร่วมๆ 2 เดือนแล้ว
ไม่ได้จู่ๆ มานึกถึงอะไรหรอกครับ เพียงแต่คืนวันพุธที่ผ่านมาเห็นน้องกับผู้เป็นพ่อมาออกรายการทีวีรายการหนึ่งก็เลยอยากจะเขียนถึง
คือถ้าน้องไปออกรายการปกติทั่วไป เช่น เกี่ยวกับเลี้ยงดูลูก, รายการเชิญเด็กๆ มาทำกิจกรรม อะไรก็ว่ากันไป แต่ที่มันสะดุดความรู้สึกก็เพราะรายการที่ว่านั้นเป็นรายการที่มีการอวดผี ท้าผี บรรเทาทุกข์ผี อะไรนั่นเอง
จริงๆ น้องเคยมาออกรายการนี้กับผู้เป็นป้าซึ่งรับน้องไปเลี้ยงดูเมื่อครั้งที่ผู้เป็นแม่เพิ่งเสียชีวิตไม่นาน ก่อนที่เมื่อปีที่แล้วตัวคุณป้าเองจะตกเป็นจำเลยสังคมหลังถูกกล่าวหาว่าทำทารุณกรรมน้อง ทั้งทำร้ายร่างกาย จับขังกรงสุนัข บังคับให้ทานอ้วก ฯ
สำหรับเนื้อหาในการนำเสนอผ่านรายการทั้งตอนที่น้องมาออกรายการทีวีกับป้าเมื่อ 2 ปีที่แล้วและมากับพ่อในครั้งล่าสุดนี้ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรสักเท่าไหร่ นั่นคือการที่ต้องการจะสื่อให้เห็นว่าเมื่อครั้งที่เกิดเหตุสลดน้องได้วิญญาณแม่ป้อนข้าว ป้อนนมให้ และตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน น้อง(ตลอดคนที่พามาออกรายการ)ก็ยังคงเห็นวิญญาณของผู้เป็นแม่วนเวียนอยู่คล้ายกับต้องการจะบอกอะไรสักอย่างนั่นเอง
บอกตรงๆ ครับว่าผมนั่งดูรายการแล้วรู้สึกรับไม่ได้เอามากๆ ทั้งในความคิดของพ่อที่พาลูกสาวตัวเล็กๆ มาออกรายการ และก็รู้สึกทุเรศเป็นที่สุดกับบรรดาผู้ใหญ่เองที่คิดจะหาเงินจากรายการรูปแบบนี้
คือถ้าเอาผู้ใหญ่ พวกหัวหงอกแล้วมาออกก็ว่าไปอย่าง แต่ถามหน่อยเถอะครับว่าเด็กเล็กๆ ตัวแค่นี้ อายุเพียง 4 - 5 ขวบ แต่ต้องมานั่งตอบคำถามที่ว่ายังเห็นแม่(ที่ตายไปแล้ว)อยู่มั้ย, ม่าม้ามาด้วยมั้ย, ไหนบอกสิว่าแม่ยืนอยู่ตรงไหน, คุยกับแม่อยู่หรือ ฯ คุณคาดคิดว่าจะได้คำตอบอะไรจากเด็ก?
คุณคิดจะเอาเด็กมาขายสร้างความน่าเชื่อถือเพียงเพราะคำพูดที่ว่าเด็กบริสุทธิ์ เห็นอะไร รู้สึกอย่างไรก็พูดแบบนั้นหรือ?
ไม่คิดหรือครับว่าเด็กๆ จะรู้สึกอย่างไรต้องมานั่งฟังเรื่องราวแบบนี้
คุณไม่รู้หรือว่าเมื่อครั้งที่คุณป้าของน้องถูกสังคมโจมตีกล่าวหาอย่างหนัก มันมีข้อมูลอีกมุมหนึ่งจากปากคนที่เลี้ยงดูเกี่ยวกับตัวน้องเองที่เป็นไปในทางตรงกันข้ามออกมาด้วย
ที่สำคัญคุณไม่รู้หรือว่าสิ่งที่เด็กเล็กๆ ในวัยนี้พูดหรือสื่อสารออกมานั้น ส่วนใหญ่ล้วนมาจากจินตนาการของเด็กเอง แล้วคุณจะมายัดเยียดให้เด็กจินตนาการในเรื่องที่ผู้ใหญ่เองยังขึ้นข้อความว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลโปรดใช้วิจารณญาณในการชมไปเพื่ออะไร?
ผมเชื่อในเรื่องของความรักครับ แล้วก็เชื่อในเรื่องของสายใยแห่งความผูกพันไม่ว่าจะเป็นของลูกกับแม่ พ่อกับลูก เมียกับผัว พี่กับน้อง เพื่อนกับเพื่อน ฯ แต่กระนั้นผมก็เชื่อว่าวิธีที่จะขจัดหรือบรรเทาทุกข์อันมาจากการจากลาหรือแม้กระทั่งสิ่งที่เกิดจากสิ่งที่เรียกกันว่าเวรกรรม บาปบุญ คุณโทษนั้นในความเป็นจริงไม่จำเป็นที่จะต้องมาเกี่ยวข้องกับสิ่งที่มองไม่เห็นหรือดูงมงายเช่นนี้
ขอเถอะครับสำหรับบรรดาผู้วิเศษที่มีจิตมีญาณสัมผัสอะไรทั้งหลายตลอดจนคนที่เกี่ยวข้องกับรายการประเภทนี้เวลาที่จะนำเสนอเรื่องอะไรออกไปควรจะระวังให้มากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ต้องนำเอาเด็กเล็กๆ มาออกรายการแล้วด้วย
แล้วก็อยากแนะนำรายการประเภทนี้ครับว่าถ้าอยากให้ช่วงรายการของคุณ เช่นช่วงล่าผี ช่วงท้าผี ฯ น่าสนใจและมีมุมมองมากยิ่งขึ้น ผมขอให้เอาคนที่เขาเห็นต่างในเรื่องทำนองนี้ อาทิ ทีมงานของแฟนเพจ "FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย" ที่กำลังได้รับความสนใจผ่านโลกเฟซบุ๊กไม่น้อย ไปร่วมรายการด้วย
แต่ถ้าไม่กล้า ไม่แน่จริง เพราะกลัวว่าคนอื่นเขารู้ว่าเรื่องราวที่รายการตนเองนำเสนอมันเหลวใหล มันไร้สาระ มันหลอกลวง มันงมงาย ก็ไม่ต้องก็ได้ครับ
...
ปล.ต้องขออภัยไปยังแอดมินเพจ "FuckGhost ฟักโกสต์ : สมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย" ที่มีการพาดพิงด้วยนะครับ
