ชื่อ-ชั้นของ “เบน-ชลาทิศ ตันติวุฒิ” ในฐานะนักร้องนั้น คงไม่ต้องอรรถาธิบายอะไรให้มากความ เพราะลีลา น้ำเสียง และความสามารถย่อมประจักษ์ชัดอยู่แล้ว โดยเฉพาะการนำเพลงดังๆ อย่างเพลง “โอ๊ย โอ๊ย” ของ “แจ้- ดนุพล แก้วกาญจน์” กลับมาร้องคัฟเวอร์ใหม่ และแจ้งเกิดให้เขาได้อย่างงดงาม
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งนักร้องที่ประสบความสำเร็จโดยการ “ก้าวข้าม” จุดด้อยของตัวเองในเรื่องของภาพลักษณ์ได้อย่างเยี่ยมยอด หรือว่าใครจะเถียง ? เพราะลำพังรูปร่าง-หน้าตาอย่างเบน ถ้าน้ำเสียงไม่เยี่ยมยุทธ์จริงๆ แล้ว หนทางจะก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงดูเหมือนจะตีบตัน
ถ้าไม่นับในเรื่องของผลงานเพลง ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าเบนจะ “ตกเป็นข่าว” ฮือฮาครั้งแรก เมื่อเขาประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่าเป็นนักร้องที่อยู่ในหมวด “ชายรักชาย” แถมมีแฟนที่อยู่-กินด้วยกันเป็นตัวเป็นตนมาร่วม 10 ปี โดยที่ครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายก็ยอมรับ ซึ่งหลังจากเปิดเผยตัวตนสู่สาธารณชน เบนก็ใช้ชีวิตแบบ “หลุดกรอบ” โดยไม่จำเป็นต้องแคร์สื่ออีกแล้ว ดังจะเห็นได้จากการที่เขามักจะโหนกระแสเรื่องที่ได้รับความนิยมในสังคมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการลิปซิงค์เพลง “เสียใจแต่ไม่แคร์” ของ “หวาย กามิกาเซ่” เลียนแบบกะเทยเด็กอ้วน ชนิดแกะมาทุกเม็ด หรือเมื่อภาพตลก 4 ช่องล้อเลียนเมกอัพ ที่เล่าเรื่องด้วยภาพ โดยการใช้เทคนิคการแต่งหน้า เนรมิตตัวเองให้กลายเป็นดาราคนดังอย่างเหลือเชื่อ เบนก็ไม่พลาดที่จะกระโจนลงไปร่วมสนุกด้วย โดยแต่งหน้าตัวเองให้กลายเป็นคนดัง อย่าง “อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์”
ทั้งหมดออกมาในแนวน่ารักๆ ชนิดใครเห็นก็ต้องอมยิ้มในความขี้เล่นของเบน
แต่ผลงานชิ้นล่าสุดของเบนนี่ต่างหาก ที่ตอนนี้ใครต่อใครก็พูดถึง เมื่อเขาถูกทาบทามให้มารับบทเด่นใน ซิรี่ส์ดัง “คลับ ฟรายเดย์ เดอะ ซีรีส์ 5” ในธีม “ความรักกับความลับ” ซึ่งเป็นเรื่องที่ 2 ต่อจากเรื่องแรกที่มี “เป้-อารักษ์” เล่นคู่กับ “หนูนา-หนึ่งธิดา โสภณ”
โดยในเรื่องที่ 2 นี้ ใช้ชื่อตอนว่า “ความลับของมิวกับมิ้นต์” เป็นเรื่องราวของ “มิว” กะเทยอ้วนขี้เหงาคนหนึ่ง ที่ไปแอบหลงรัก “พี่ฮัท”หนุ่มหล่อข้างบ้าน และพยายามทำทุกวิถีทางที่จะเข้าไปใกล้ชิดกับผู้ชายในฝัน ไม่ว่าจะเป็นการตามไปเป็นเจ้าหน้าที่เก็บศพของมูลนิธิฯ ทั้งที่ตัวเองกลัวเลือดจับใจ กระทั่งปลอมเสียงเป็นผู้หญิง ชื่อ “มิ้นต์” โทร.ไปตามจีบ จนพี่ฮัทถึงกับเคลิ้ม
เรื่องนี้เบนในบทของกะเทย “มิว” จะต้องแสดงเป็นคู่จิ้นกับพระเอกมาดเซอร์ อย่าง “เต๋า-สมชาย เข็มกลัด” ในบท “พี่ฮัท”
หลังจากที่แพร่ภาพไปได้ 2 ตอนในช่องจีเอ็มเอ็ม แชนแนล ช่วงเวลาประมาณ 21.00น. ทุกคืนวันเสาร์ ทุกคนที่ได้ดู ต่างก็ชื่นชมในความสามารถของเบน ที่ตีบทกะเทยเหงาใจอย่าง “มิว” ได้แบบแตกกระจุย ชนิดไม่มีกั๊ก และไม่ห่วงภาพพจน์ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่างานนี้เบนทุ่มสุดตัว และแสดงศักยภาพทางการแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่
เบนแสดงออกมาแบบพอเหมาะพอดี น่ารัก ตามแบบกะเทยช่างฝัน ขี้เมาท์ ที่เราเห็นได้ในชีวิตจริง ไม่ได้ใส่จริตจะก้าน ดีดดิ้น จนมากเกินความพอดีเหมือนบรรดานักแสดงตลกคนอื่นๆ ที่ทุกครั้งที่สวมกะเทย ก็มักเล่นให้ “โอเวอร์” เข้าว่า จนบางครั้งก็แลดูน่าหมั่นไส้มากกว่าน่ารัก
ใน “ความลับของมิวกับมิ้นต์” มีหลายฉากหลายตอน ที่ทำเอาคนดูหัวเราะร่าน้ำตารินไปพร้อมๆ กันโดยเฉพาะฉาก “ผีผ้าห่ม” เลิฟซีนเบาๆ ระหว่างเบนกับเต๋า-สมชาย ที่ทำเอาคนดูกัดหมอนนอนฟินไปตามๆ กัน เดาว่าระหว่างถ่ายทำน่าจะจั๊กกะเดียมกันน่าดู
หรือจะเป็นฉากที่เบนลงทุนแต่งกายแบบเวอร์วังอลังการเลียนแบบดีว่าตัวแม่อย่าง “คริสติน่า อากีล่าร์” ในตอนแรก รวมถึงฉากที่แต่งตัวเป็น “เซเลอร์มูน” ที่จะออนแอร์ในตอนต่อไป
แค่ออนแอร์ไปได้ 2 ตอน กระแสการตอบรับก็มีกลับมาแบบล้นหลาม โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ที่มีแต่คนออกปากชม บางคนที่พลาดไป ก็ร่ำร้องของดูคลิปย้อนหลัง ก็ต้องจับตารอดูกันต่อว่าสุดท้ายปลายทาง “ความลับของมิวกับมิ้นต์” จะลงเอยอย่างไร ?
แต่ที่แน่ๆ บอกเลยว่า งานนี้ถ้าไม่ได้ฝีมือการแสดงขั้นเทพของเบนแล้วล่ะก็ ซีรี่ส์ในตอน “ความลับของมิวกับมิ้นต์” อาจจะมาไม่ได้ไกลถึงขนาดนี้
ในอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นการฉีกแนวของ “คลับ ฟรายเดย์” ภายใต้การดูแลของ “เอส-วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย” ที่อยู่ใต้ร่มธงชัย “เอไทม์ มีเดีย” ของ “พี่ฉอด-สายทิพย์ มนตรีกุล ณ อยุธยา ” อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมามักจะมาในลักษณะ “ตีหัวเข้าบ้าน” ด้วยเรื่องราวดรามาเข้มข้น ชนิดเรียกน้ำหูน้ำตาคนดู โดยเฉพาะเมื่อคราวซิรี่ส์ที่ 4 “หรือรักแท้จะแพ้ความต้องการ” ที่ได้ “นันทิดา แก้วบัวสาย” มาประชันบทกับ “สายป่าน-อภิญญา” ในแง่มุมของรักสามเส้า ที่แม่-ลูก ใช้สามี “ร่วม” กัน ที่กลายเป็นประเด็นที่ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่าเป็นเรื่องจริง หรือว่าอุปโลกน์ขึ้นมา เพื่อสร้างกระแส !!??
หรือแม้แต่เรื่องความรักแบบชายรักชายในซีรีส์ที่ 2 “รักไมได้หรือไม่ได้รัก” ที่มี “โอ-อนุชิต” ประกบคู่กับ “บอมบ์ เคพีเอ็น” นั่นก็ออกแนวบีบคั้นหัวจิตหัวใจคนดูเหลือเกิน เช่นกันกับความรักของผู้หญิงกับผู้หญิง ในซีรีส์ที่ 3 “รักเธอ รักเขา และรักของเรา” ที่ได้ “ก้อย-รัชวิน” ประกบปากจริงกับ “ลีเดีย-ศรัณรัชต์” ก็ล้วนออกมาใน Mood&Tone ที่ใช้ดรามานำ
.ในตอนที่ 2 ของซีริส์ที่ 5 “ความลับของมิวกับมิ้นต์” จึงนับได้ว่าอยู่นอกเหนือสูตรสำเร็จที่ผ่านมา เพราะใช้ความเป็นโรแมนติก-คอเมดี้นำร่อง ผนวกกับความสามารถทางการแสดงของนักแสดงนำอย่างเบน-ชลาทิศ ที่เข้าขากับเต๋า-สมชาย แบบเคมีเข้ากันเหลือเกิน จนกลายเป็นกระแส “บอกต่อ” กันสนั่นลั่นเมือง
ถ้าไม่ได้เอาดีทางการร้องเพลง จะหันมาเอาดีทางการแสดงแบบจริงๆจังๆ แล้วล่ะก็เชื่อว่าวงการแสดงยังมีที่ว่างให้ “เบน-ชลาทิศ” หยัดยืนได้อย่างเหลือเฟือ
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 264 22-28 พฤศจิกายน 2557