กลายเป็นเรื่องดราม่ามันสนั่นโซเซียลเน็ตเวิร์ก เมื่อเจ้าของต้นเรื่องซีรีส์ดัง “หรือรักแท้จะแพ้ความต้องการ" ของรายการคลับ ฟรายเดย์ “คุณแอร์” ถูกฉะว่าแอบอ้างนำภาพคนอื่นไปใช้ในเพจตนเอง ทั้งยังมีเรื่องพัวพันรับเงินจากความสงสารของแฟนคลับ ทำให้กลายเป็นกระแสว่าอะไรคือจริง อะไรคือเท็จกันแน่ ? ในขณะที่ดีเจพี่ฉอดเตรียมแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง นักวิชาการชี้รายการดังไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบได้ ควรออกมาขอโทษดีที่สุด
จากเรื่องดราม่ากลายเป็นเรื่องฉาว?
ที่มาของเรื่องดราม่าซีรีส์ดังนี้เริ่มต้นจาก “คุณแอร์” ได้โทร.ไปเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านรายการ “คลับ ฟรายเดย์” ทางคลื่นกรีนเวฟ 106.5 FM โดยเล่าว่ากำลังตั้งครรภ์กับสามี ซึ่งแม่เป็นคนแนะนำให้เธอ แต่วันหนึ่งเธอได้พบความจริงว่าแม่ของเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสามีเธอ แถมแม่ยังอุ้มท้องกับสามีของลูกอีกต่างหาก!
ความที่เรื่องนี้เป็นกระแสร้อนแรงช็อคคนดู รายการจึงได้ทำเป็นซีรีส์ Club Friday The Series ตอน “หรือรักแท้จะแพ้ความต้องการ" นำแสดงโดย ตู่ นันทิดา, สายป่าน อภิญญา และเจสัน ยัง ซึ่งก็เรียกเรตติ้งคนดูได้ดี แถมวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา “แม่” ที่เป็นตัวจริงในเรื่องยังได้โทร.มาออนแอร์กลางรายการยอมรับว่าหลอกลูกว่าท้อง เพราะหึงผู้ชายที่เป็นคนรักของเธอและสามีของลูก ทั้งยังบอกว่าสาเหตุที่ให้ลูกแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ เพราะต้องการอยู่กับชายคนนี้ ! ก็ยิ่งตอกย้ำเรื่องดราม่า สร้างกระแสให้คนพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างแพร่หลาย
แต่ในขณะที่กระแสฮอตยังไม่จางหาย เรื่องฮอตก็เริ่มจะกลายเป็น “เรื่องฉาว” ขึ้นมา เมื่อมี “คุณแอร์ อภิรติ” ออกมาโวยว่าถูกเจ้าของเพจที่อ้างว่าเป็น “แอร์ คลับฟรายเดย์” นำรูปเธอไปใช้ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับเงิน “6,000 บาท” ที่มีผู้ชายโอนเงินไปให้ “แอร์ คลับฟรายเดย์” โดยติดต่อผ่านเพจดังกล่าว เรื่องนี้จึงกลายเป็นเรื่องซับซ้อนมากขึ้น ในขณะที่หลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าถ้าหากเพจนั้นเป็นเพจที่แอร์ คลับ ฟรายเดย์ใช้จริง ทำไมต้องแอบอ้างนำรูปคนอื่นมาใช้? เจ้าของเรื่องน่าเชื่อถือหรือไม่? หรือว่านี่จะเป็นมหากาพย์ต้มคนดู?
เมื่อทีมข่าว ASTV ผู้จัดการ Live เข้าไปตรวจสอบดูเฟซบุ๊กของคุณแอร์ อภิรติ ก็พบว่าเจ้าตัวได้โพสต์ข้อความที่ขอคำชี้แจงไปในอินบ็อกซ์แฟนเพจ กรีนเวฟ คลับ ฟรายเดย์ ว่า
“ขอถามนิดนึงค่ะ คือ หนูคือคนโดนรูปแอบอ้างนะคะ แล้วได้คุยกับคุณแอร์แล้ว และมีพี่..(สงวนชื่อ).. เป็นคนกลางอีกคนที่รู้เรื่องนี้ และมี ..(สงวนชื่อ).. เป็นผู้ชายที่หลงเชื่อ คือ คุณแอร์ใช้รูปหนูจริงๆและใช้ชื่อเฟซว่า AiRr Aki ติดต่อและคุยกับผู้ชายมาตลอด ถ้าเค้ามีเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ โทร.คุยกัน 2-3 ครั้งก็น่าจะบอกผู้ชายแล้วป้ะว่าไม่ใช่รูปตัวเองนะ เป็นรูปคนอื่นมาลงนะ ไม่พอยังมีเฟซบุ๊กอันที่ 2 รวมถึงเพจอีก ก็ยังกลับมาใช้รูปหนูเหมือนเดิม ถ้าไม่มีเจตนาจริงๆ รอบสองทำไมไม่ใช้รูปตัวเองคะ แต่กลับมาบอกว่าตัวเองไม่เคยโพสต์รูป โพสต์แต่ข้อความ ตอบกลับแต่ข้อความ ส่วนรูปมีเพื่อนชื่อปลาโพสต์รูปให้ หนูถามกลับว่าเรื่องนี้พี่อ้อยพี่ฉอดรู้เรื่องมั้ย เค้าตอบว่าพี่ๆ รู้เรื่อง แต่ทำไมมาโพสต์แบบนี้หนูไม่เข้าใจ ทำไมไม่บอกประชาชนไปเลยล่ะว่าใครเป็นคนเล่นเฟซบุ๊กกันแน่
“พี่จะเข้าข้างคุณแอร์ทำไม ในเมื่อข้อนี้เค้าทำผิด พี่ก็ให้เค้ายอมรับไปสิ ยอมรับข้อเดียวก็ได้ว่าทำเฟซบุ๊กปลอม เรื่องอื่นเป็นเรื่องจริง ก็ยังดีกว่าออกมาแก้ตัวแบบนี้นะคะ มีรูปมาให้ดูด้วยว่าเค้าใช้รูปหนูจริงๆ พี่อย่ามาแก้ตัวแทนอีกล่ะว่าเฟซบุ๊กโดนแฮก เพราะบอกตอนนี้ก็ไม่มีใครเชื่อแล้ว..”
จากข้อความที่คุณแอร์ อภิรติ โพสต์ดังกล่าว ทำให้มีหลายเสียงมาแสดงความคิดเห็นหลากหลาย เช่น
-พูดง่ายๆ แก๊งต้มตุ๋น ที่ทำงานกันเป็นขบวนการนั่นแหละ ต่างกันแค่คราวนี้ ทะลึ่งมี green wave มาเอี่ยว
-ใช่ค่ะ โกหกชัดๆตัวเองเล่นเองโพสเองบอกว่าลงรูปเพื่อให้คนหายเป็นห่วง เพื่อนจะมาโพสแทนได้ไง
-กรีนเวฟทำไมไม่พูดความจริงให้หมด ออกตัวแต่ว่าตัวเองทำเรื่องจริง คือตอนนี้เราก้าวข้ามจะจริงไม่จริงมาแล้ว แต่เราต้องการรู้ว่าแอร์ที่คุยกะใครต่อใครน่ะ ตรงกับแอร์ที่กรีนเวฟติดต่อมาตลอดหรือไม่ ทำไมไม่พูด
-คนสิบคนพูดเสียงเดียวกันหมด เพราะมันมีเครื่องราคาไม่กี่ร้อย พูดจ่อเข้าไป จุดพูดคล้ายๆ หัวไมค์ นั่นแหละ จะดัดจะทำเสียงให้ออกมาเป็นเสียงแบบไหนก็ได้ กับ คนคนเดียว จะพูดออกมากี่เสียงก็ได้ สรุป ที่โทรเข้ารายการวันนั้นก็ไอ้แก๊งห่า นี่แหละที่ทำเป็นแม่โทรเข้าไป หยุดเสียตอนนี้ก็ทัน ดันทุรังต่อได้นอนในซังเตยกแก็งแน่ ฯลฯ
เมื่อถูกตั้งข้อสงสัยว่าคนที่ใช้เพจของแอร์ คลับฟรายเดย์ ใช่แอร์ตัวจริงหรือไม่ คุณแอร์ อภิรติ ก็ได้ตอบข้อความชี้แจงว่า
“แอร์เดียวกันค่ะ เค้าบอกแล้วว่าเค้าโพสแต่ข้อความ แต่เพื่อนเล่นเดียวกัน เล่นเพจด้วยกัน เพื่อนเป็นคนลงรูป เป็นพี่พี่เชื่อมั้ยคะ??? เล่นเฟสเดียวกันเพื่อนลงรูป แล้วทำไมไม่บอกคนอื่นล่ะว่าไม่ใช่รูปตัวเอง ปล่อยให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ยังไงตั้งนาน”
นอกจากนั้นคุณแอร์ อภิรติ ยังได้ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์ว่า เรื่องที่เธอถูกแอบอ้างนำรูปไปใช้ทำให้เธอและครอบครัวเสียหาย และอาจทำให้เธอเป็นอันตรายจากผู้ชายที่โกรธแค้นเรื่องเงิน เพราะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นแอร์ คลับฟรายเดย์ ตัวจริงก็ได้ ทั้งยังระบุว่าอยากให้ทางรายการคลับ ฟรายเดย์ออกมารับผิดชอบและชี้แจงในเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย
“พี่ผู้หญิงที่อ้างว่าสนิทกับคุณแอร์บอกว่า คุณแอร์ไปบอกพี่อ้อยพี่ฉอดแล้วว่าให้มาบอกความจริง เพราะพี่อ้อยพี่ฉอดรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่ในแฟนเพจของกรีนเวฟเขามาแก้ประมาณว่าคุณแอร์ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ไม่เคยมีเฟซบุ๊กและไม่เคยทำอะไรอย่างนั้น แต่ทางคนที่อ้างเป็นคุณแอร์เองกลับบอกว่าทางนั้นเขารู้มาตลอด หนูก็ไม่รู้ยังไงเหมือนกัน...
"อยากให้เขาพูดความจริง ถ้าผิดคุณแอร์ก็ขอโทษแค่นั้นเอง หนูไม่ได้จะไปฟ้องร้องอะไร จริงๆ แล้วหนูไม่มั่นใจว่ากรีนเวฟเขารู้เรื่องไหม หรือว่าคุณแอร์อุปโลกน์ขึ้นมาคนเดียว คือเขาอาจจะไปโกหกทางนู้นก็ได้ เอาเป็นว่าหนูแค่ต้องการให้เขารับผิดชอบและชี้แจงในส่วนของหนู..
“คือถ้าเป็นเรื่องจริงหนูก็สงสารเขานะ แต่อยากให้โทรศัพท์มาเพื่อยืนยันในตอนที่แถลงต่อหน้าสื่อมวลชนหน่อยก็ดีว่าเรื่องราวเป็นยังไง ถ้ามีการอ้างชื่อหนูจริงก็อยากให้เขาขอโทษ ไม่ใช่ว่าหายไปเลยแล้วให้คนอื่นมาแก้ต่างตลอด..." คุณแอร์ อภิรติ ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐออนไลน์
งานนี้บอกได้ว่ารายการ คลับ ฟรายเดย์ คงต้องเสียชื่อเสียงไปไม่น้อย เพราะตราบใดที่ความจริงยังไม่ปรากฏแน่ชัด ก็ย่อมทำให้คนดูเกิดข้อสงสัยและกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนดูไปโดยปริยาย
ดีเจดังออกมาชี้แจง
หลังจากตกเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมา ดีเจพี่ฉอด และดีเจพี่อ้อยจากรายการคลับ ฟรายเดย์ ได้ออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านแฟนเพจ Greenwave ในวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา โดบเราขอยกบางข้อความที่เกี่ยวข้องมาดังนี้..
“ประเด็นที่ 4 ถ้าหากมีใครคิดได้ว่า ทางรายการของเรา ทีมงานทั้งหมดรวมทั้งพี่ฉอดพี่อ้อย ช่วยกันสร้างเรื่องทั้งหมดขึ้น ตั้งแต่คุณแอร์โทรเข้ามา จนถึงนำไปทำละคร ตลอดจนคุณแม่คุณแอร์โทรเข้ามา ซึ่งอาจจะหมายถึงเรื่องอื่นๆ ที่ออกอากาศไปอีกมากมาย พวกเรารู้สึกว่า ถ้าเราวางแผนทำได้ขนาดนั้น เราคงเป็นพวก 18 มงกุฎไปแล้ว คงไม่น่าจะใช่ทีมงาน Club friday
“ประเด็นที่ 5 สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการที่มีใครไปเปิดเพจในชื่อของคุณแอร์ก็ดี เอารูปของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ คุณแอร์ตัวจริงไปใส่ก็ดี หรือเรื่องใดๆที่พูดกันอยู่นอกเหนือจากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ บอกตรงๆว่าพี่ฉอดกับพี่อ้อย และทีมงานทุกคนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร คืออะไร และเพื่ออะไร ดังนั้นถ้ามีปัญหาใดๆเกิดขึ้นจากนี้และก่อให้เกิดความเสียหาย เราก็คงต้องหาวิธีจัดการไปตามกฎกติกาหรือกฏหมายต่างๆ
พี่ฉอดกับพี่อ้อยคิดว่า สิ่งที่ได้เล่าให้ฟังมานี้คงจะช่วยไขข้อข้องใจหรือทำให้ทุกคนสบายใจขึ้นนะคะ สุดท้ายขอย้ำว่าทุกสิ่ง อยู่ที่เจตนา และความตั้งใจของพวกเราทีมงาน Club friday และ Club friday the series ทุกคน ขอยืนยันในเจตนาดีที่อยากจะทำงานดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับคนดู คนฟังของเราทุกคนค่ะ”
เป็นที่น่าสังเกตว่าข้อความชี้แจงของทางดีเจพี่อ้อยและดีเจพี่ฉอดนี้ ปฎิเสธไม่รับรู้เรื่องการเปิดเพจในชื่อคุณแอร์หรือการเอารูปบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คุณแอร์ตัวจริงไปใช้ในเพจดังกล่าว โดยระบุว่าไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำ คืออะไรและเพื่ออะไร
หากดูจากข้อความที่ดีเจพี่อ้อยพูดคุยกับคุณแอร์ อภิรติในเพจของคลับ ฟรายเดย์ จะเห็นได้ว่าดีเจพี่อ้อยบอกว่าคุณแอร์ คลับ ฟรายเดย์ไม่ได้เป็นเจ้าของเพจใดๆ สวนทางกับคุณแอร์ อภิรติ ที่ได้มีการชี้แจงว่าได้พูดคุยกับแอร์ คลับ ฟรายเดย์ แล้ว โดยที่แอร์ คลับ ฟรายเดย์ยอมรับกับเธอว่าเป็นเจ้าของเพจดังกล่าว แต่ตนไม่ได้โพสต์รูป เพื่อนเป็นคนโพสต์รูป ทั้งยอมรับว่าได้รับเงินช่วยเหลือ 6,000 บาท จากชายคนดังกล่าวจริง โดยระบุว่าเรื่องซับซ้อนกว่าที่เห็น และชายคนที่ให้เงินก็หวังมากกว่าเงินที่ให้ตน แต่ไม่ขอลงรายอะเอียดในเรื่องดังกล่าว
งานนี้คงต้องรอดูไปว่าทางรายการและดีเจพี่ฉอดดีเจพี่อ้อยจะออกมาให้ข่าวอย่างไร หลังมีข่าวปรากฎว่าจะมีการแถลงข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันจันทร์ที่ 18 ส.ค. นี้
นักวิชาการแนะทางออก
ด้านดร.เสรี วงษ์มณฑา ได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า รายการคลับ ฟรายเดย์ ไม่ควรต่อความยาวสาวความยืด วิธีที่ดีสุดคือการออกมาขอโทษ เพื่อให้เรื่องสงบ
“ความจริงแล้ว ไม่ควรผลีผลามออกมาให้ข้อมูลโดยไม่ตรวจเช็กก่อน แล้วต้องมาขอโทษทีหลัง เรื่องนี้ไม่เห็นด้วย คือไม่ว่าจะยังไงก็ตาม รายการไม่ควรจะไปทะเลาะกับใครทั้งสิ้น นอกจากว่าผิดพลาดแล้วขอโทษจะดีที่สุด เช่น อาจจะขอโทษในแง่การตรวจเช็กว่าไม่ได้มีการตรวจเช็กว่ารูปนั้นเป็นของเขาจริงหรือเปล่า คือ ควรขอโทษความผิดพลาด อย่าไปแก้ตัวเลย เพราะการแก้ตัวทำให้ต่อความยาวสาวความยืด อย่าไปนั่งเถียงว่าใครจริง ใครเท็จ ใครดรามา เพราะไม่ใช่ประเด็น
“ถ้าตอนแรกเขายืนยันว่าเขาตรวจสอบแล้ว เขาก็ต้องบอกว่าการตรวจสอบดังกล่าวนั้น เขาผิดพลาดเอง คือ คนเราทำอะไรที่ผิดพลาดไป แก้ตัวไป ไม่เกิดประโยชน์ คำขอโทษคือเป็นการยอมรับว่าผิด ถึงจะดิสเครดิตยังไงก็ต้องยอมรับ จะมายืนยันแก้ตัวยังไงก็ไม่ได้ ถ้ายิ่งไปเถียงกัน ก็จะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายมากขึ้น”
นอกจากนั้นดร.เสรียังแนะนำว่า การเสพข้อมูลสื่อต่างๆ ที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง ไม่ควรคาดหวังมากนัก และซีรีส์ควรจะระบุว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
“เวลาที่พี่อ่านอะไร หรือดูละครพวกนี้ จะไม่เคยคิดว่ารายละเอียดเป็นจริงทั้งหมด ดรามาก็คือดรามา อย่าไปคาดหวังว่าทุกอย่างที่ปรากฏบนเรื่องดราม่าคือเรื่องจริง ให้ลองคิดอย่างนี้
“แนะนำว่าควรจะบอกว่าเรื่องทั้งหมดได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง โดยไม่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องจริงทั้งหมด เพราะมันจะเป็นประโยชน์ต่อรายการตรงที่ว่า จะไม่มีใครมานั่งทักท้วงรายการในเรื่องข้อมูลต่างๆ หรือว่าอันไหนจริง ไม่จริง เพราะเราก็ไม่ได้บอกว่าเรื่องจริงทั้งหมด แต่เราใช้เรื่องจริงมาเป็นพื้นฐานทำละครเรื่องนี้ จะได้ไม่ต้องมานั่งเถียงกัน ถ้ามีใครเถียงมา ก็จะเถียงกลับได้ว่า ชั้นบอกเธอเหรอว่าเรื่องจริง แต่ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงต่างหาก
“แล้วการไปนั่งลงรายละเอียดว่าตรงไหนจริง ไม่จริง ก็จะทำให้เกิดทะเลาะกันได้ ควรจะบอกไปว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง โดยที่รายละเอียดต่างๆ อาจเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกมากขึ้น” ดร.เสรีกล่าว
ด้าน “ธาม เชื้อสถาปนศิริ” นักวิชาการ สถาบันวิชาการสื่อสาธารณะ (สวส.) ได้กล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคนดู ดังนั้นรายการฯ ควรจะมีวิธีการสื่อสารที่จริงใจ ทั้งยังต้องมีวิธีสื่อสารกับสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
“ถ้าเรื่องฉาวแบบนี้เกิดขึ้น คนอาจจะรู้สึกว่าเรื่องจริงหรือเปล่าหรือเรื่องเตี๊ยมขึ้นมา จะเริ่มไม่วางใจล่ะ แล้วเรื่องจะเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าเกิดรายการไม่สามารถกอบกู้วิกฤติได้ ก็จะสูญเสียความไว้วางใจจากคนดู และชุมชนคลับ ฟรายเดย์ก็จะกลายเป็นชุมชนดรามา ดังนั้นเรื่องที่เกิดขึ้น รายการไม่สามารถปฎิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะความน่าเชื่อของคนต้นเรื่องย่อมกระทบต่อรายการอยู่แล้ว เพราะคนดูที่ไม่รู้เรื่อง ก็ต้องสงสัยว่าข้อเท็จจริงเรื่องนี้คืออะไร มีส่วนผิดตรงไหน
“ ดังนั้นวิธีแก้ปัญหาคือ รายการต้องแสดงความจริงใจออกมา เดีเจพี่ฉอด ดีเจพี่อ้อย หรือทีมงานต้องมาออกมาบอกว่าข้อเท็จริงที่ทีมงานรู้คืออะไร โดยบอกเหตุผลว่าทำไมทีมงานถึงตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไร และที่สำคัญคือรายการต้องสื่อสารอย่างจริงใจกับคนต้นเรื่องว่าปัญหาที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่
“ ส่วนเรื่องอื่น ที่เกี่ยวกับคดีความ เช่น การหมิ่นประมาท การทำให้เสื่อมเสีย หรือเรื่องอื่นๆ ผมมองว่าให้เป็นเรื่องของกฎหมายดีกว่า อย่าไปพยายามสร้างกรณีพิพาท เพราะสังเกตว่าหลังๆ เวลาที่สื่อหรือรายการเกิดข้อพิพาทยาวนานขึ้นมา หรือการเกิดดราม่าต่างๆ เช่น การทะเลาะในกองถ่าย การทะเลาะในกระบวนการผลิตต่างๆ มักจะไม่เป็นผลดีต่อรายการทั้งนั้น ดังนั้นในเมื่อรายการรู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ก็ควรรีบออกมาเฉลยความจริง อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นจะดีกว่า
“นอกจากนั้นควรต้องสร้างมาตรฐานในการผลิตว่า ต่อไปเวลาเอาเรื่องอะไรมาผลิต ก็ต้องเข้มงวดในเรื่องกฎหมาย เช่น ควรจะต้องดัดแปลงเนื้อหาอะไรบ้า งหรือเวลามีหน้าเพจเฟซบุ๊ก หรือเวลามีบุคคลที่ 3 บุคคลที่ 4 เข้ามาโพสต์อะไร รายการก็ควรมีหน้าที่ดูและและปกป้อง เช่น กรณีที่เพจของน้องแอร์เอารูปคนอื่นมาใช้ ถ้ามีการทักท้วงว่าไม่ใช่รูปของตัวจริงก็ควรจะมีการสื่อสารหรือสอบถามไปยังคนต้นเรื่อง เพื่อเป็นการตรวจสอบ
“หากพบว่าคนที่เป็นเจ้าของเพจไม่ใช่คนต้นเรื่องและเป็นการแอบอ้าง ก็ต้องเข้าไปสื่อสาร หรืออีกวิธีคือ เวลาเห็นคนโพสต์อะไรที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องสื่อสารว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นะ หรือภาพนี้ไม่ใช่ภาพจริงนะ คือ ควรมีวิธีการสื่อสารกับสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live
ขอบคุณภาพประกอบจากเฟซบุ๊ก Aiir Apirati ,พันทิปดอทคอม,รายการคลับ ฟรายเดย์
ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754