xs
xsm
sm
md
lg

“เกี่ยวก้อย”-“ศักดิ์สิริ มีสมสืบ” ฟังเพลงกวีงามจับใจ/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์เพลงวาน : โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ครูไวท์-ศักดิ์สิริ มีสมสืบ(ภาพจาก http://api.ning.com)
หากเอ่ยชื่อของ “ศักดิ์สิริ มีสมสืบ” หลายคนอาจรู้จักเขาในฐานะกวีซีไรต์

แต่อันที่จริงชายผู้นี้ความสามารถทางศิลปะหลายอย่าง เพราะนอกจากจะเป็นกวี(ซีไรต์)แล้ว ศักดิ์สิริยังเป็นนักเขียน เป็นจิตรกร รวมถึงเป็นนักแต่งเพลง นักร้อง นักดนตรี ที่งานเพลงของเขาล้วนต่างเป็นบทเพลงกวีที่ใช้ภาษาได้อย่างสวยงามรื่นไหลไปกับดนตรีอันไพเราะ ชวนฟังไม่น้อย

“ศักดิ์สิริ มีสมสืบ” เป็นนามปากกาเขาชายชื่อ “กิตติศักดิ์ มีสมสืบ” ผู้มีชื่อเล่นว่า “ไวท์” ซึ่งหลายคนมักเรียกเขาว่า “ครูไวท์” เพราะเคยเป็นครูสอนศิลปะมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะออกมาเป็นศิลปินอิสระดังในปัจจุบัน

กิตติศักดิ์ เกิดที่ชัยนาทแต่ไปโตที่ อ.ไพสาลี จ.นครสวรรค์ ช่วงวัยเด็ก เขาเรียนชั้นประถม มัธยมที่ อ.ไพศาลี นครสวรรค์ จากนั้นได้ไปเรียนศิลปะต่อที่เพาะช่าง(ปัจจุบันคือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์) ระหว่างนี้เขาได้พบกับ“จ่าง แซ่ตั้ง” อีกหนึ่งบุคคลสำคัญแห่งวงการศิลปะบ้านเรา

ความที่กิตติศักดิ์มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับครูจ่าง เขาจึงถูกปลุกเร้าให้วาดภาพและเขียนบทกวีอย่างจริงจัง อีกทั้งครูจ่างยังแนะนำให้เขาพิมพ์บทกวีโดยใช้นามปากกาว่า “ศักดิ์สิริ มีสมสืบ” กับบทกวีรวมเล่มเล่มแรก คือ “ตุ๊กตารอยทราย” ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2526 จากนั้นก็มีเล่มที่สอง “คนสอยดาว” (2529) และ “มือนั้นสีขาว”(2531) ที่สามารถคว้ารางวัลซีไรต์มาครองได้ในปี 2535 ซึ่งมีข้อมูลระบุว่า ณ วันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ส่งหนังสือกวีเล่มนี้เขาประกวด

นอกจากจะเป็นกวีที่มีดีกรีระดับซีไรต์แล้ว ศักดิ์สิริหรือน้าไวท์ยังเป็นนักเขียน ซึ่งความสามารถวรรณศิลป์ของเขามีผลงานการันตีในเกียรติประวัติด้วยรางวัลศิลปาธร สาขาวรรณศิลป์ จากสำนักศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ในปี 2548

ไม่เพียงเท่านั้นน้าไวท์ยังเป็นจิตรกรที่มีผลงานออกมาหลากหลาย รวมถึงเป็นนักร้อง นักดนตรี ที่สามารถแต่งเพลงได้(ด้วยภาษากวีที่สวยงาม) รวมถึงร้องเพลงได้อย่างไพเราะเสียงนุ่มละมุน ซึ่งหลังจากได้เคยแต่งเพลงให้ “มาชารี”พิบูลศักดิ์ ละครพล เขาก็ได้ทดลองทำเทปชุด “เกี่ยวก้อย”(ผลงานเดี่ยวอัลบั้มแรก)ออกมาในปี 2535 แบบทำเองขายเอง
ปกอัลบั้ม บทเพลงกวี : เกี่ยวก้อย
อัลบั้มเกี่ยวก้อยแม้ไม่ประสบความสำเร็จทั้งยอดขายและชื่อเสียง แต่ก็เป็นบทเพลงที่มีภาษาเป็นกวีสวยงาม ดนตรีไพเราะ ซึ่งมีผู้สนใจเฉพาะกลุ่มอยู่พอสมควร นั่นจึงทำให้หลังยุคเปลี่ยนผ่านจากเทปคลาสเซ็ทเป็นซีดี อัลบั้มเกี่ยวก้อยได้ถูกนำมาผลิตใหม่ในชื่อชุด “บทเพลงกวี : เกี่ยวก้อย” (ผลิตปี 2552) โดย บริษัทกะทิกะลา จำกัด

บทเพลงกวี : เกี่ยวก้อย จัดทำเป็นซีดีที่มีความพิเศษในรูปแบบ“พ็อกเก็ตบุ๊คเพลงกวี”(250 บาท) ที่มีพ็อกเก็ตบุ๊คเล่มเล็กๆบางๆ(30 หน้า) เล่าที่มาของอัลบั้มและความคิดที่ไม่ได้ถูกบันทึกเสียงของบทเพลงต่างๆในผลงานเพลงชุดนี้พร้อมกับภาพประกอบเก๋ๆ ซึ่งน้าไวท์ได้เขียนบอกเล่าบางส่วนบางตอนถึงที่มาของการก่อกำเนิดอัลบั้มชุดนี้ในหัวข้อ “มาเธอมีก้อยเรียวมาเกี่ยวก้อยกัน” ว่า

...เพลงชุดนี้ บันทึกเสียงเมื่อปี พ.ศ. 2535 หลังจากที่ได้พบกับ “มาชารี” พิบูลศักดิ์ ละครพล(ปอน) และ พยัต ภูวิชัย ฉันได้ร้องเพลง “เกี่ยวก้อย” ให้ฟัง หลังมื้ออาหารในค่ำคืนวันที่เดือนรูปเคียวมาเกี่ยวดาวนน้อย ณ กระท่อมเกี่ยวก้อยของฉัน ในวันที่เรานั่งเรือทวนกระแสแควยม แล้วหอบหิ้วเครื่องดีดสีตีเป่า รวมทั้งหม้อข้าวหม้อแกง ย่ำโคลนเลนขึ้นตลิ่งมา

พิบูลศักดิ์ ได้ฟังเพลงแล้วเพลงเล่าของฉัน ก็รำพึงกึ่งรำพันว่า เพลงดีอย่างนี้น่าจะให้คนอื่นๆได้มีโอกาสฟังบ้าง ไม่ใช่ฟังกันเฉพาะพวกมีวาสนา(เขาพูดอย่างนี้จริงๆนะ) ดังนั้น เพลงชุดนี้จึงบังเกิดขึ้น ในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนอาหารตามสั่ง ย้อนรำลึกทีไรก็เห็นเป็นอัศจรรย์ เรา 3 คนปรุงเพลงกัน 2 วัน 2 คืน ที่ห้องอัด “จาตุรงค์”(ห้องบันทึกเสียงรุ่นบุกเบิก ตั้งแต่สมัยละครวิทยุ) ไม่ได้หลับไม่ได้นอน พอเพลงสุดท้ายเสร็จ เราก็หงายท้องสลบไม่ได้สติแต่ก็สมประดี...

ครับนี่ขนาดแค่น้ำจิ้มเล่าที่มาของอัลบั้มยังมีภาษาที่เต็มไปด้วยสีสันอ่านกันเพลิน ทีนี้เรามาฟังเพลงในชุดนี้กันบ้าง

อัลบั้ม(บทเพลงกวี)เกี่ยวก้อย มีทั้งหมด 10 เพลง เปิดประเดิมกันด้วย “ความรักอยู่หนใด” บทเพลงเก่าที่สุด(ของอัลบั้ม) แต่งไว้ตั้งแต่สมัยเป็นครูใหม่ๆที่ได้ตั้งวง “หลังคามุงจาก” เล่นกับเด็กๆ เพลงนี้เป็นโฟล์คสบายๆ ฟังเพลิน ยิ่งได้เสียงของเด็กๆมาร่วมร้องประสานยิ่งฟังน่ารักสดใส แต่ว่าเบื้องหลังของเพลงที่น้าไวท์แกเขียนไว้นั้น ออกจะน่าเศร้ารันทดทีเดียว

ยังคง” เพลงช้าๆกีตาร์เล่นปิ๊กกิ้งพลิ้วไหว รำพึงรำพังถึงความรักที่แม้เธอจะหนีไปแต่ใจฉันก็ยังมั่นคงกับภาษาสวยๆ ...ก็ยังคงรักเธออยู่ดี ก็ยังคงรักเธออยู่ดี แต่วันนี้เธอหนีไป ฉันก็ยังมั่นคง ปลูกดอกไม้ สวย หอม ฉันอ่อนล้า เธอจากฉันไป ปลูกดอกฝันอยู่ที่ใดหนอ...

ส่วน“ขอเพียง(ขวัญใจ)” กีตาร์ตีคอร์ดแน่นๆฟังเพลิน ต่อกันด้วย“ดวงจันทร์ในดวงใจ” เพลงช้าๆหวานซึ้งที่นำเรื่องราวของดวงจันทร์มาผูกโยงกับความรักได้อย่างมีสีสัน เอาแค่ชื่อเพลงก็ใช้คำสวยงามได้โล่ห์แล้ว

นกในดวงใจ” บทเพลงที่น้าปอนแซวน้าไวท์ว่าเป็นเพลง“หาเมีย” เพราะบทเพลงออกแนวโรแมนติกกรุ้มกริ่ม ขอจับมือสาวเพื่อชวนไปดูต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีนกน้อยเกาะอยู่
ปกในอัลบั้มบทเพลงกวี : เกี่ยวก้อย
เกี่ยวก้อย” นี่เป็นหนึ่งในบทเพลงเอกของอัลบั้ม เนื้อหา ดนตรี หวาน ซึ้ง โรแมนติก ใช้คำใช้ภาษาได้สวยงามเฉียบขาดมาก ดังตัวอย่าง “...มองดูเดือนรูปเคียวเกี่ยวดาวน้อย เราเคยมีก้อยเรียวเกี่ยวก้อยมา มามีเราก้อยเดียวจะเกี่ยวก้อยใครก้าวไปข้างหน้า มามีใครก้อยเรียวมาเกี่ยวก้อยกัน...”

ฝนดอกไม้” เป็นการต่ออารมณ์(แสน)โรแมนติกจากเพลงเกี่ยวก้อยได้เป็นอย่างดี เพลงนี้แต่งโดยน้าปอน-พิบูลศักดิ์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “เจ้าชายโรแมนติก”

มาต่ออารมณ์เนียนๆกับเมฆในเพลง “เมฆคิดถึง” นำเรื่องราวของเมฆ ฝน นก มาร้อยเรียงเป็นเพลงผ่านภาษาสวยๆในอารมณ์คิดถึ๊ง คิดถึง ได้อย่างโรแมนติกงดงาม แถมในเพลงมีเสียงผิวปากเท่ๆยิ่งหนุนส่งให้เพลงนี้เจ๋งมากขึ้น

ลังเล” เพลงรักที่ฟังหม่นเหงาเศร้ามากเกินกว่าจะบรรยาย เอาเป็นว่าไปดูภาษาสวยๆคำเศร้าๆของเพลงนี้ในท่อนจบกันดีกว่า “...ฝันถูกทำลาย แก้วใจสลาย แล้วยังเหลือเศษฝัน ดวงดาวนั้นจำนรรจ์ มอบดวงตาฉันคืนมา ใจฉันคืนศรัทธา มือสองเก็บเศษฝันมาประสานต่ออีกครา ที่ลังเลนั้นเพราะฉันไม่รู้ว่า เธอรักฉันหรือเปล่า...”

จากนั้นมาปิดท้ายกันกับ “แน่วแน่” เป็นโฟล์คสนุกๆกีตาร์ตีคอร์ดเล่นรับกับเพอร์คัสชั่น มีซาวนด์ติดกลิ่นอาหรับเจือแฝงมา ฟังมีสีสันทีเดียว

และนั่นก็เป็น 10 บทเพลงกวีจาก “บทเพลงกวี : เกี่ยวก้อย” กับงานภาคดนตรีที่เน้นแนวโฟล์คอะคูสติก เครื่องดนตรีน้อยชิ้นแต่ฟังละเมียดละไม กีตาร์ในหลายเพลงเล่นลูกปิ๊กกิ้งได้อย่างสวยงามมีเสน่ห์(น่าแกะเล่นตาม) ขณะที่ในภาคของเสียงร้องนั้น น้าไวท์-ศักดิ์สิริ ร้องเพลงได้ดี น้ำเสียง นิ่ง นุ่มลึก ในเพลงสนุกๆฟังอบอุ่น ส่วนในเพลงช้าซึ้งๆเหงา เศร้า นี่แกยิ่งตีแตก ดึงอารมณ์ให้จมดิ่งหม่นตามไปด้วย

ในอัลบั้มเกี่ยวก้อยยังมีอีกสิ่งอันโดดเด่นที่ถือเป็นไฮไลท์ของอัลบั้มชุดนี้ก็คือ ภาคเนื้อร้องที่ใช้ภาษาได้อย่างสวยงาม หลายเป็นบทกวีสวยๆที่นำมาร้อยเรียงผูกเรื่องราวได้อย่างน่าฟัง ขณะที่บางเพลงแม้จะฟังดูง่ายๆแต่ว่าก็มีการใช้คำกลั่นภาษาออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับอัลบั้มชุดนี้แม้จะเป็นงานเพลงเก่าที่ทำเป็นเทปออกมานานแล้ว ก่อนจะมาผลิตใหม่เป็นซีดี แต่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเพลงทางเลือกที่มีเนื้อหา ภาษาแสนงาม ขณะที่ภาคดนตรีก็ฟังไพเราะ กลมกล่อมละมุนละไม

นับเป็นงานเพลงกวีคุณภาพที่สวนกระแสเนื้อหาและภาษาจากบทเพลงกระแสหลักในปัจจุบัน ที่หลายต่อหลายงานเป็นการนำภาษาไทยมาปู้ยี่ปู้ยำ(เพียงเพื่อสร้างจุดขาย) มากกว่าที่จะเรียกว่า “บทเพลง”!?!

*****************************************

นอกจากผลงานเพลงชุด “เกี่ยวก้อย” ศักดิ์สิริยังมีผลงานอัลบั้มเดี่ยว คือ “จินตนาการ”, “รู้ว่าความรักมีพลัง”, “รัก ณ ตัวเอง” และ “สบตาอาเซียน”
คลิกฟังเพลง เมฆคิดถึง
 

คลิกฟังเพลง ดวงจันทร์ในดวงใจ

คลิกฟังเพลง ลังเล
กำลังโหลดความคิดเห็น