xs
xsm
sm
md
lg

วันโลกไม่สวยของจีทีเอช : ฝากไว้ในกายเธอ

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


ก่อนหน้านี้หนึ่งอาทิตย์ ผมทายไว้เล่นๆ ในรายการวิวไฟน์เดอร์ ช่องซูเปอร์บันเทิง เหมือนกับที่ชอบทายอยู่เรื่อยๆ ว่าหนังเรื่องใหม่นี้ของจีทีเอช น่าจะทำเงินได้มากประมาณหนึ่ง ซึ่งตัวเลขกลมๆ ที่ผมกะประมาณไว้ก็คือ 120 ล้านบาท

ครับ การคาดเดาก็คือการคาดเดา และเป็นการคาดเดาล่วงหน้าตั้งแต่ยังไม่ได้ดูหนัง เหตุผลที่ทำให้คาดเดาเช่นนั้นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการอิงอยู่กับข้อมูลเก่าของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนังทั้งหมด คือถ้าทำเป็นแกล้งลืมๆ ไปบ้างก็ได้ว่า นี่คือหนังจากค่ายจีทีเอชที่มีกลุ่มแฟนคลับติดตามหนาแน่น และทำหนังออกมากี่เรื่องต่อเรื่อง ส่วนมากจะได้กระแสตอบรับในทางที่ดี มีน้อยถึงน้อยมากที่เมนูหนังของจีทีเอชจะไม่ถูกปากมวลมหาประชาชนคนดูหนัง “ฝากไว้ในกายเธอ” ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ ที่สามารถจะชักชวนความสนใจได้

ไล่ตั้งแต่ตัวของผู้กำกับและคนเขียนบท ซึ่งอยู่ในระดับเชื่อมือได้และถือเป็นมือเขียนบทตัวฉกาจคนหนึ่งของจีทีเอช อย่างคุณจิม-ศักดา โสภณพิศิษฏ์ ซึ่งเคยเขียนบทหนังให้กับหนังผีดีๆ หลายเรื่อง ไม่ว่าจะร่วมเขียนบทในเรื่องชัตเตอร์, แฝด, ห้าแพร่ง หรือแม้แต่เขียนบทและกำกับ “โปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาต” ก่อนจะมาพีคสุดๆ ในเรื่องลัดดาแลนด์ ที่ได้รับคำชื่นชมในแง่ที่สามารถผสมผสานความเป็นหนังผีเข้ากับความเป็นดราม่าชีวิตได้อย่างลงตัว

แต่เหนืออื่นใด ปัจจัยอีกอย่างซึ่งสามารถจะมองว่าเป็นแม่เหล็กดึงดูดคนดูให้ตีตั๋วเข้าไปชมหนังเรื่องนี้ ก็คือทีมนักแสดง อย่างน้อยที่สุด เชื่อว่ากลุ่มแฟนคลับวัยรุ่นที่รู้จักมักคุ้นกับซีรี่ย์เรื่องดังอย่างฮอร์โมนส์ ก็พร้อมที่จะกระโจนเข้าไปในโรงหนังเพื่อดูดาราดังจากซีรี่ย์ทั้งสามคน ไม่ว่าจะเป็น “เก้า-สุภัสสรา ธนชาต”, “มาร์ช-จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล” รวมไปจนถึง “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร” ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า นี่คือมวลมหาความคิดแห่งกลยุทธ์การต่อยอดทางการตลาดที่ชาญฉลาดของจีทีเอชในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับดาราซึ่งปั้นมาจนโด่งดังแล้ว ซึ่งอันที่จริง ไม่ใช่แค่จีทีเอชที่ทำแบบนี้ เพราะมันก็เป็นมุกที่ทุกๆ ค่ายพร้อมจะทำเหมือนกัน ขอเพียงมี “ตัวขาย” ที่ขายได้

แน่นอนครับ นอกเหนือจากสิ่งที่พูดมา เราคงมิอาจปฏิเสธได้ว่า จุดแข็งอย่างหนึ่งซึ่งเรามักจะพบเห็นได้ในหนังส่วนใหญ่ของจีทีเอช (นอกเหนือไปจากความฟีลกู๊ดที่กลายเป็นประเด็นให้กระแนะกระแหนมากกว่าจริงใจจะกล่าวชมไปแล้วเรียบร้อย) ก็คือ ความดีงามของบทภาพยนตร์ ซึ่งผ่านการคิด การวางแผน ทั้งในเชิงของไอเดียและการรีเสิร์ชข้อมูล เอาง่ายๆ ว่างานส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ทั้งหมด) ไม่ลวก ไม่เผา ไม่สุกเอาเผากิน การที่จีทีเอชมีหนังเข้าฉายน้อยเรื่องในแต่ละปี เหตุผลด้านความต้องการที่จะละเลียดละเอียดกับหนังเพื่อให้มีความสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ก็อาจเป็นปัจจัยข้อหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่า เพราะอย่างนี้นี่เอง ที่นำไปสู่ความคาดหวังของคนดูเสมอๆ เวลามีหนังเรื่องใหม่ของค่ายจีทีเอชสัญจรสู่โรงฉาย

และเมื่อดูมวลสารโดยรอบ แทบจะพูดได้ว่า “ฝากไว้ในกายเธอ” มีองค์ประกอบที่สามารถชักจูงให้คนดูเดินเข้าโรงหนังได้ไม่ยากนัก จากรอบที่ผมดูเมื่อปลายสัปดาห์ ก็เป็นไปอย่างที่คาดหมาย คือคนดูที่แทบจะเต็มโรงทุกที่นั่ง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นวัยรุ่นนักศึกษา ซึ่งก็สามารถมองสะท้อนย้อนกลับไปได้ว่า คนดูเหล่านี้อาจเป็นผลพวงแห่งความผูกพันที่มีอยู่แล้วต่อนักแสดงของซีรี่ย์ฮอร์โมนส์

“เก้า-สุภัสสรา ธนชาต” กับบทบาทบนจอเงินครั้งแรก มาพร้อมบทที่สวยใสสมวัย เธอคือไอซ์ นักเรียนชั้นมัธยมปลายผู้เป็นแฟนกับ “แทนไท” (ต่อ-ธนพล) แต่เมื่อเธอได้พบกับ “เพิร์ท” (มาร์ช-จุฑาวุธ) ซึ่งเป็นเพื่อนของแทนไท ทำให้เธอเผลอใจแอบคบหากัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดำเนินไปอย่างลับๆ ก่อนจะเกิดจุดพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่อไอซ์ตั้งท้อง ซึ่งทางออกของเธอในเรื่องนี้คือความตาย และในขณะที่แทนไทพยายามสืบหาว่าใครเป็นต้นเหตุตัวการให้ไอซ์ฆ่าตัวตาย ฝ่ายเพิร์ทเองก็ต้องตกอยู่ในภาวะชีวิตไม่ปกติสุขและดูเหมือนว่าจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกเลย ความลับที่เก็บงำ สร้างความบีบคั้น พอๆ กับความรู้สึกหลอกหลอนเพราะเรื่องราวในวันเก่าก่อนที่ตามหลอนไม่เลิกรา

เหมือนเรื่องย่อที่เล่ามา จะพบครับว่าผมแทบไม่พูดถึงผีเลย เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น?

ใช่ครับ นี่คือหนังที่ดูแตกต่างไปจากผลงานก่อนหน้าของคุณจิม-โสภณ อย่างเด่นชัด เพราะในลัดดาแลนด์ เราจะเห็นสัดส่วนของหนังได้อย่างแน่ชัดว่าแม้จะมีเรื่องดราม่าชีวิตเข้ามาข้องเกี่ยว แต่ในส่วนของความเป็นหนังผี ลัดดาแลนด์ก็จัดเต็มเช่นกัน ซึ่งผมเชื่อว่าใครก็ตามที่คาดหวังประสบการณ์แบบเดิมนั้น (คือโดนผีหลอก) อาจจะรู้สึกผิดคาดอย่างรุนแรง เพราะอันที่จริง นี่ไม่ใช่หนังผีที่มุ่งเน้นเอาผีมาหลอกหลอนตัวละครหรือคนดูผู้ชมเหมือนที่คุ้นเคย

ความน่ากลัวของหนัง อยู่ที่บรรยากาศของเรื่อง ซึ่งมีความพยายามในการสร้างความกดดันบีบคั้นให้เกิดกับตัวละคร “ผี” ที่เราเห็นเด่นชัดที่สุด เป็น “ผีไร้รูป” ที่มาในรูปลักษณ์ของความรู้สึกผิด หรือจิตใต้สำนึกของคนที่ผ่านการทำเรื่องไม่ดี เราอาจจะลุ้นให้เพิร์ทได้เจอผีตัวเป็นๆ แต่ตามความเป็นจริง “ผี” ตัวนั้นซ่อนสิงอยู่ในมโนของเขาตลอดเวลา โดยไม่ต้องรอให้ผีตัวเป็นๆ ที่ไหนโผล่หน้ามาหลอกหลอน แม้ดูเหมือนว่า “ผีสาว” จะมากระซิบข้างหูของเพิร์ท แต่เราก็เชื่อว่ามันเป็นผีที่ตัวละครผลิตสร้างขึ้นมาเองจากความรู้สึกผิดภายในใจมากกว่า เช่นเดียวกับความกลัวว่าตนเองจะตั้งท้องซึ่งกลายเป็นจุดพลิกผันครั้งสำคัญของอาการประสาทหลอนที่บั่นทอนความผ่อนคลายในชีวิตให้มลายหายไป

ด้วยเหตุนี้ ถ้าคุณจะไปให้ผีหลอก จะไม่โดนผีหลอก เพราะเรื่องราวในส่วนของผี มีน้อยมาก เมื่อเทียบกับโปรแกรมหน้าวิญญาณอาฆาตหรือลัดดาแลนด์ที่มี “ผีชบา” และ “ผีมะขิ่น” ซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเสาหลักเสาหนึ่งของหนัง กระนั้นก็ดี สิ่งที่เป็นคุณลักษณะของหนังผีแบบที่เราคุ้นเคย ก็ยังพอมีอยู่บ้าง ซึ่งเกิดจากการจัดวางจังหวะของบรรยากาศที่กดดันแล้วทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าจะมีผีโผล่มาแล้วปล่อยซาวด์เอฟเฟคต์ผ่างๆ ออกมากระตุ้นความตกใจ ส่วนที่ผมชอบในหนัง ในแง่ความหลอน กลับเป็นภาวะของตัวละครมากกว่า คือถ้าไม่นับรวมท่าทีที่เหมือนถูกผีหลอกอยู่ตลอดเวลาของเพิร์ทนั้นแล้ว บทเล็กๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับแม่ของไอซ์ กลับเป็นสิ่งที่น่าจดจำมากกว่าในแง่ของความหลอน หรือแม้กระทั่งภาพคราบเลือดบนพื้นกระเบื้องข้างสระว่ายน้ำที่ฝังลึกจนต้องเปลี่ยนกระเบื้องใหม่ หนังทำได้ดี (ถึงขนาดที่ว่า คราวต่อไป เวลาไปว่ายน้ำที่สระไหน อย่าลืมสังเกตพื้นกระเบื้องริมสระด้วยละกัน)

ในส่วนของตัวละครที่เป็นคน...ผมว่าหนังทำได้ค่อนข้างดีในการสื่อให้เห็นถึงโลกของวัยรุ่นร่วมสมัย ผ่านเรื่องราวของสามตัวละคร แน่นอนล่ะว่า เราอาจจะคลับคล้ายคลับเหมือนว่ามันเป็นฮอร์โมนส์บนจอเงิน เพราะทั้งนักแสดงและเรื่องวัยรุ่น เป็นกระดูกสันหลังของทั้งสองเรื่อง เรื่องราวด้านมืดของวัยรุ่นร่วมสมัยถูกถ่ายทอดออกมาได้น่าสะเทือนใจ ความไร้เดียงสา ความใจเร็วด่วนได้ การหาทางออกแบบเด็กๆ รวมไปจนถึงการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา หรือแม้กระทั่งค่านิยมในการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่คิดอะไรมาก (จากบทเสริมของวี-วิโอเลต วอร์เทียร์) ถือว่าเป็นโจทย์ที่หนังสื่อออกมาได้ค่อนข้างดี ถ้าพูดถึงหนังของจีทีเอช ผมมองว่า นี่ก็เป็นความแตกต่างอย่างหนึ่งซึ่งพยายามออกไปจากคอมฟอร์ทโซนอย่างที่หลายคนพูดว่า เอะอะอะไรก็ฟีลกู๊ด...หนังเรื่องนี้ไม่ฟีลกู๊ดแน่นอน ไม่โลกสวยอย่างที่เคยเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหนังเดินทางไปถึงบทสรุป เราจะพบว่ามุมมองของจีทีเอชที่มีต่อเรื่องราวในโลกนั้น ออกจะหนักไปทางดาร์กไซด์เสียด้วยซ้ำ

คือที่ผ่านมา เท่าที่สังเกตหนังของจีทีเอชส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะพาตัวละครไปตกระกำลำบากยุ่งยากอย่างไร บทสรุปสุดท้ายก็ยังรีเทิร์นกลับมาที่การให้ความหวังหรือความรู้สึกดีๆ ที่จะทำให้ชีวิตก้าวเดินไปข้างหน้าได้เสมอๆ แต่สำหรับฝากไว้ในกายเธอ เราจะไม่รู้สึกแบบนั้น มันคือส่วนเสี้ยวแห่งโลกทัศน์ของหนังจีทีเอชที่พลิกเปลี่ยนไป คือไม่จำเป็นต้องโลกสวย ไม่จำเป็นต้องตบกลับให้ฟีลกู๊ด

ด้วยเหตุนั้น ขณะที่เราอาจจะรู้สึกอึ้งๆ กับตอนจบของหนัง แบบเดียวกับที่เคยรู้สึกต่อตอนจบของตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาคยุทธหัตถี ผมว่าสิ่งที่หนังฝากไว้ในกายเธอ ทำให้เราเหวอในตอนจบ ไม่ใช่เพียงเพราะมันจบแบบปาหมอน แต่ส่วนหนึ่งนั้น เพราะมันจบแบบเหนือความคาดหมายของเราไปค่อนข้างไกล ซึ่งแน่นอนว่า ลึกๆ แล้ว มันทุบตีความคาดหวังของเราพอสมควร

แต่ก็นี่แหละครับคือการเดินเข้าใกล้กับโลกความเป็นจริง เราเหวอกับตอนจบ เพราะส่วนหนึ่ง เราไม่ได้พบกับโลกในอุดมคติที่มักจะขับกล่อมประสาทเราว่าทำดีแล้วต้องได้ดี คนทำเลวก็ต้องได้ผลลัพธ์ที่เลว แน่นอนเราไม่ปฏิเสธว่ามันมีความจริงอยู่ในถ้อยคำนี้ แต่ก็เป็นความจริงไม่ใช่หรือว่า โลกหาได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป เพราะสิ่งที่มันเป็นอยู่เรื่อยมาก็คือว่า ขณะที่คนทำเลวจำนวนไม่น้อย รอดและมีชีวิต จิบไวน์สบายใจ แต่คนดีๆ หลายคน อาจต้องผจญกับความทุกข์ยากถึงขั้นสูญเสียชีวิต

ไม่มีคำว่า “โลกสวย” ในหนังเรื่องนี้ของจีทีเอช!
และก็คงมิอาจปฏิเสธเช่นกันว่า นี่อาจเป็นวันที่โลกไม่สวยเท่าไรนักสำหรับจีทีเอช...


เพราะจากกระแสตอบรับที่ออกมา ทั้งจากคนดูส่วนใหญ่รวมทั้งผมด้วย ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าตัวหนังนั้นค่อนข้างมีปัญหาอย่างไม่น่าจะเป็น

ผมคิดว่าหนังแบบนี้ที่เล่นกับความกดดันบีบคั้นของตัวละครมากๆ สิ่งหนึ่งที่พึงมี คือความสมเหตุสมผลหรือตรรกะความเป็นไปได้ แต่ทว่าตลอดระยะเวลาแห่งการดูหนังเรื่องนี้ เราจะมีคำถามผุดขึ้นมาในใจอยู่เรื่อยๆ ว่า ตัวละครตัวนั้นตัวนี้ไปตรงนั้นตรงนี้ หรือทำนั่นทำนี่แบบนั้นได้อย่างไร พฤติกรรมของตัวละครหลักแทบทุกตัวล้วนเปิดรอยรั่วรูโหว่ให้คนดูเกิดความสงสัย ซึ่งปกติ บทหนังของจีทีเอชจะมีตรรกะรองรับให้กับการกระทำของตัวละครได้หนักแน่น

เช่น ทำไมเพิร์ทถึงเข้าไปตรวจท้องในห้องของโรงพยาบาลได้ง่ายขนาดนั้น เหมือนกับที่เข้าไปในบ้านของไอซ์ หรือเพราะอะไร แทนไทถึงไปลากเพื่อนที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลออกมาได้โดยไม่ถูกใครพบเห็น? นี่เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างที่พร้อมจะเปิดที่ว่างให้เกิดคำถามจากคนดู ยังไม่นับรวมเรื่องการให้ความสำคัญกับข้อมูลพื้นฐานหรือการค้นคว้าหลักการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์ ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญออกมาให้ความเห็นไว้อย่างรุนแรงว่าหนังทำออกมาคล้ายไม่ได้ศึกษาข้อมูล ไม่ว่าจะในส่วนที่เกี่ยวกับยาทำแท้ง หรือการเป็นโรคท้องมานของตัวละคร

ยอมรับครับว่า ไอเดียของหนังนั้นดี ในแง่ที่จะทำให้หนังผีเป็นมากกว่าหนังผี หรือไม่จำเป็นต้องเห็นผี ก็สร้างความสยองขวัญสั่นประสาทได้ แต่ด้วยบทหนังที่เปิดแผลให้เห็นมากเกินไป มันส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของตัวเรื่องอย่างปฏิเสธไม่ได้ เหมือนหนังมุ่งเน้นไปที่ปลายทางในการคลี่คลายปมปริศนา (ซึ่งเราก็ยอมรับอีกนั่นแหละว่า มันเป็นสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเช่นกัน) แต่ทว่าระหว่างทาง กลับอุดมไปด้วยหลุมด้วยบ่อที่สุดท้ายแล้ว หลุมและบ่อพวกนั้นก็ไปส่งผลกระทบต่อตอนจบของหนังที่ทำให้พลังของการคลี่ปมมันดูเบาไป

ในขณะที่มองว่า ฝากไว้ในกายเธอไม่ได้อยู่ในกลุ่มของหนังไม่ดีถึงขั้นต้องต่อว่าแบบสาดเสียเทเสีย ตรงกันข้าม ถ้าหากเรามองข้ามรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ออกไป แล้วติดตามเรื่อง ติดตามตัวละครไปเรื่อยๆ หนังก็ดึงเราให้ก้าวไปพร้อมกับมันได้ตลอดรอดฝั่ง คือไม่ว่าจะมีคำถามอย่างไร แต่เราก็ดูไปได้จนจบแบบไม่รู้สึกว่าอยากจะลุกออกจากโรง อีกทั้งหลายฉากหลายช่วงก็ทำได้ดี บีบคั้นกดดันความตึงเครียดให้กับเราได้ และเหนืออื่นใด คือการเล่นกับสัญลักษณ์บางอย่าง ก็นับเป็นไอเดียที่ผ่านการคิดมาอย่างดี เหมือนที่ผู้กำกับให้สัมภาษณ์ว่า ภาวะท้องโตเหมือนคนตั้งท้องของเพิร์ทนั้น จริงๆ ก็สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาของตัวละครที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และยากต่อการปกปิด คนมีความผิดติดตัว ความขุ่นมัวและรู้สึกผิดในจิตใจ ยิ่งต้องการปกปิดมากเท่าไหร่ มันกลับจะยิ่งขยายใหญ่และปะทุออกมาประจานต่อสายตาของคนอื่นๆ ในสักวัน

พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าจะกล่าวถึงความดีของหนังเรื่องนี้ คงต้องว่ากันเป็นจุดๆ ไปครับ ไม่เหมือนกับหนังผีหลายเรื่องก่อนหน้านี้ของจีทีเอชที่ดีทั้งในภาพรวมและรายละเอียดปลีกย่อย

มองโลกในแง่สวย ผมว่าจีทีเอชน่าจะดีใจนะครับกับกระแสตอบกลับที่เกิดขึ้น เรื่องรายได้ ผมว่าถึงอย่างไรก็ไม่น่าจะขาดทุนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แฝงมาในถ้อยคำตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์นั้นมันเจือด้วยความปรารถนาดีและรักอย่างยากจะปฏิเสธ เพราะบางที รักมากก็คาดหวังมาก และบ่อยครั้ง ความรักก็เป็นดาบสองคมได้เช่นกัน นั่นหมายความว่า เพราะคนดูรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจในศักยภาพของจีทีเอช แต่เมื่อเกรดของหนังไม่เป็นเช่นที่คาด ก็ต้องติติงกันไปเป็นเรื่องปกติ

ชีวิตก็คงเป็นเช่นนี้กระมังครับ มันมีวันที่โลกสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง เป็นสัจธรรมธรรมดา
เข้าใจว่าจีทีเอชก็คงจะเข้าใจ




ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก








กำลังโหลดความคิดเห็น