“จิ๊บ วสุ” โร่ขอโทษ “หนิม AF5” ทำให้เสียใจ เผยยังไม่มีโอกาสปรับความเข้าใจเพราะติดทัวร์คอนเสิร์ตและติดต่อฝ่ายหญิงไม่ได้ ยันไม่เคยเมาท์ลับหลังจนทำให้เสียหาย รับตนเป็นฝ่ายไม่พร้อมใช้คำว่าแฟนแต่วอนขอโอกาสเคลียร์หนิมอีกครั้ง น้อมรับการตัดสินใจของอีกฝ่าย ป้อง “จ๊ะจ๋า” ไม่ใช่มือที่สาม ยันสนิทแต่ไม่มีอะไรเกินเลย
หลังจากที่ “หนิม เอเอฟ 5” คะนึงนิจ ธนพิชชาภรณ์ ออกมาแฉ “จิ๊บ วสุ แสงสิงแก้ว” ในอินสตาแกรมจนสะเทือนวงการ ก่อนออกมาเปิดใจต่อสื่อมวลชนถึงเรื่องทั้งหมดในงานลุ้นแชมป์บอลโลก 2014 ลุ้นโชคกับเดลินิวส์ ว่าได้ยุติความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มรุ่นใหญ่ไปแล้ว และไม่ขอพูดถึงบุคคลที่สาม โดยภายหลังงานดังกล่าวจบไปแล้ว และสื่อมวลชนต่างทยอยกลับกันเกือบหมด ก็ปรากฏว่าจิ๊บได้เดินเข้ามาภายในงาน ผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าช่วงเวลาที่เป็นข่าวตนไม่สามารถติดต่อหนิมได้เลย และที่มาครั้งนี้ก็หวังว่าอยากจะสื่อสารผ่านสื่อให้ตนได้มีโอกาสปรับความเข้าใจสาวหนิมอีกครั้ง ป้อง “จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม” ไม่ใช่มือที่สาม
“ขอชี้แจงประเด็นแรกเลยนะครับ มันเป็นความเข้าใจผิดของการสื่อสารที่อาจจะยังไม่ครบถ้วน ในแง่ที่ควรจะมีเวลาคิดไตร่ตรองและใจเย็นลงสักนิดหนึ่งก่อนที่จะมาปรับความเข้าใจ แต่ช่วงเวลานั้นมันไม่เกิด เพราะว่าช่วงขณะที่มีความไม่เข้าใจกัน ผมมีละครเวที มีงานอยู่ ตอนแรกก็เข้าใจว่าให้เขาเย็นลงสักนิดหนึ่ง แล้วก็จะได้มีเวลาพูดคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน แต่ช่วงเวลาตรงนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้น”
“จะเรียนว่าคนเราเวลาสนิทสนมกัน ใกล้ชิดกัน พูดคุยกัน การที่จะมีทักษะคติไม่ตรงกัน มีความไม่เข้าใจกันบ้าง มันเป็นเรื่องปกติ ผมเชื่อว่าเกิดขึ้นกับทุกคู่นะครับ อย่างผมเองด้วยวัยก็ห่างกันพอสมควร ก็มีหลายเรื่องที่เคยไม่เข้าใจกันในลักษณะเช่นนี้ แต่เมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกันส่วนตัวมันก็ดีขึ้น พอไม่เข้าใจก็ห่างกัน พอใจเย็นลงหันกลับมาคุยกันก็ดีขึ้นก็กลับมาคุยกันอีก มันเป็นอย่างนี้ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา”
บอกที่ไม่เคยออกมาเปิดเผยว่าคบกัน เพราะตนยังไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะเคยผิดหวังกับการมีครอบครัวมาแล้ว
“ที่ไม่ได้เปิดเผยว่าคบกัน หรือทำไมไม่ใช้คำว่าแฟน คือยุคของผมถ้าใช้คำว่าแฟนมันเป็นการผูกข้อมือกันชัดเจนเลยว่ามันจะต้องไปสู่อนาคตที่มั่นคง ทีนี้เราเองก็ผ่านชีวิตมาระดับหนึ่งแล้ว เคยมีชีวิตคู่มาแล้วและก็ล้มเหลวจนต้องกลับมาอยู่คนเดียวอีก มาคราวนี้เราก็คิดเยอะ แต่เรื่องนี้ทุกๆ คนรอบข้างหรือพี่ๆ ในวงเดอะ พาเลซที่ทัวร์คอนเสิร์ตกันอยู่ ก็จะทราบดีว่าเรายังไม่มีความมั่นใจ 100%”
“ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องพื้นฐานของคนเราที่เคยพลาดเรื่องอะไรมา เราก็จะมีความกลัว มีความหวาดระแวงได้ อีกเรื่องคือถ้าเราใช้คำๆ นี้ออกไป แล้วมันมีอะไรเกิดขึ้น ผมก็คิดล่วงหน้าเลยว่ามันอาจจะไม่ดีโดยเฉพาะทางฝ่ายหญิง แต่ผมไม่เป็นไรหรอกเพราะเราผู้ชายผ่านอะไรมาเยอะแล้ว แต่ถ้าฝ่ายหญิงเกิดมันมีอะไรเปลี่ยนแปลง และเขาจะต้องถูกพ่วงคำนี้ไปในอนาคตมันก็จะกลายเป็นเรื่องที่ไม่ดี ซึ่งในยุคปัจจุบันพอเราไม่พูดคำนี้ก็กลายเป็นไม่ให้เกียรติ อันนี้เป็นเรื่องหนึ่งของทัศนคติที่พูดคุยกันมาตลอด”
ยืนยันไม่ใช่ปัญหามือที่สาม แต่ยอมรับสนิทกับ “จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดมศักดิ์” จริง
“แต่ผมเรียนได้เลยว่าเรื่องของมือที่สามไม่เข้ามาอยู่ในภาพเลยแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากเรามีความสนิทกันแบบทะเลาะบ้าง ดีบ้างอะไรแบบนั้น บางครั้งก็มีคนเข้ามาคุยกับเขา บางครั้งก็มีคนเข้ามาคุยกับเรา แต่ว่าในแต่ละครั้งมันก็ไม่เคยก้าวข้ามเส้นที่สมควรเลยแม้แต่นิดเดียว เวลาที่มีความไม่เข้าใจตรงนี้เกิดขึ้นมาก็จะมีการปรับความเข้าใจกัน และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ผมเรียนได้ตรงๆ ว่าไม่มีภาพของบุคคลที่สามที่เป็นข่าวขึ้นมาเลยแม้แต่นิดเดียว”
“แต่กับคุณจ๊ะจ๋าเราร่วมงานกัน สนิทกันผ่านทางงานดนตรี ซึ่งคุณจ๊ะจ๋ามาเป็นพิธีกรให้กับทางคอนเสิร์ตของวงเดอะ พาเลซตลอด คุณจ๊ะจ๋าเป็นคนที่เก่ง คล่อง มนุษย์สัมพันธ์ดี ทุกคนในวงรักไคร่เอ็นดูหมดเหมือนกับเป็นน้องสาว ทีนี้ในส่วนของภาพตรงนี้ผมว่ามันอาจจะเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาดและเข้าใจผิดกันขึ้นมา และพอไม่มีโอกาสได้คุย ยิ่งพอไปอยู่ในโลกโซเชียลมันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่แตกประเด็นบานปลายขึ้นมา แต่ยืนยันเลยว่าไม่ได้มีอะไรกับคุณจ๊ะจ๋าครับ”
บอกไม่เคยพูดถึงฝ่ายหญิงในทางเสียหาย แต่พูดความจริงว่าตนยังไม่พร้อมยกระดับในสถานะแฟน
“ส่วนที่หนิมเขาบอกว่าผมเอาเรื่องเขาไปพูดในทางที่ไม่ดี ผมต้องเรียนว่าในวงของเราที่ใกล้ชิดสนิทกัน ผมไม่ปิดบังกับทุกคนในเรื่องที่ว่าผมยังมีความไม่มั่นคงเกี่ยวกับสถานะตัวเอง ว่าโสดรอบสองแล้วจะกลับไปไม่โสดรอบสองอีกหรือไม่ คือมันอาจจะเหลือเวลาให้คิดไม่เยอะสักเท่าไหร่ (หัวเราะ) แต่ว่าก็คิดนะ ฉะนั้นถ้าเราไปประกาศชัดเจนแน่นอนว่าเราจับข้อมือคนนี้เพื่อที่จะมีชีวิตร่วมกันต่อไปในอนาคต ผมต้องคิดเยอะ เพราะว่ามันมีหลายองค์ประกอบที่เราต้องคิดอย่างนั้น”
“ผมก็พูดกับคนใกล้ตัวทุกคน คนที่เข้ามาสนิทกัน ซึ่งคำถามแรกๆ ที่โดนถามเสมอก็คือเมื่อไหร่จะคิดเรื่องแต่งงานใหม่ เมื่อไหร่จะลงหลักปักฐานอีกครั้ง ผมก็จะพูดเหมือนเดิมทุกครั้งว่าผมยังไม่มั่นใจ ผมยังต้องใช้เวลา และตลอดเวลาที่ผ่านมาเวลาเรามีการคบหาสมาคมกับสุภาพสตรี ไม่ว่าจะในวงสังคมไหนก็ตามก็จะกลายเป็นข่าวขึ้นมาตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง ซึ่งจริงๆ มันก็อยู่ในสถานะความเป็นเพื่อน แต่พอเรายังโสดเวลาไปนั่งดริงก์กัน กินข้าวกัน พอมีภาพออกมาก็กลายเป็นว่ากำลังจะคบคนนี้มั้ย กำลังจะคุยกับคนนั้นไหม”
“แต่ถามว่าเอาเรื่องหนิมมาพูดกับคุณจ๊ะจ๋าจริงไหม คือผมก็พูดกับคนทั้งวงนะ เราก็พูดไปตามความรู้สึกของเราก็เข้าใจว่าเขาอาจจะน้อยใจ แต่มันก็ไม่ได้เป็นคำพูดที่ไม่ดีนะครับ แต่มันเป็นความจริงว่าผมเองยังไม่กล้าลงเอยกับใครที่จะมาถึงคำว่าแฟนจริงๆ และช่วงนี้วงเดอะ พาเลซกำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ เราก็เลยมีทัวร์คอนเสิร์ตกันตลอดทั้งสัปดาห์ และทุกสัปดาห์คุณจ๊ะจ๋าก็จะเป็นพิธีกร ฉะนั้นหลังเลิกคอนเสิร์ตเราก็จะมานั่งกินข้าวต้ม คุยกันเรื่องงานอะไรเป็นยังไง มันก็อาจจะเป็นเรื่องที่เราพูดออกมา และผมเชื่อว่าคนที่รับรู้ในข้อเท็จจริงตรงนี้มันไม่ใช่แค่บุคคลที่ถูกหยิบชื่อขึ้นมาเป็นข่าว ทุกคนทราบ อย่างทีมงานที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ได้ยิน คือมันไม่ได้เป็นความลับอะไร”
“แต่ก็ยืนยันว่าคุณจ๊ะจ๋าไม่ใช่มือที่สามครับ และฝากขอประทานโทษด้วยถึงทางฝั่งคุณจ๊ะจ๋าว่าขอโทษที่อยู่ๆ มีชื่อเขาขึ้นมา แต่ก็ยังเรียนยืนยันว่าความสนิทกันและต้องร่วมงานกันมันก็จะต้องเป็นอย่างนี้ต่อไป คงจะไม่ให้สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ต้องเขินเข้าหน้ากันไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นความเป็นมืออาชีพมันก็จะหายไป”
บอกที่มาในงานวันนี้เพราะได้รับเชิญ แต่ถ้ามาเจอหนิม ตนก็พร้อมที่จะเข้าไปคุย
“แต่ถามว่าวันนี้มาง้อหนิมไหม คือวันนี้ผมได้รับเชิญจากทางเดลินิวส์ว่ามีงานบอลโลก พอผมมาถึงก็ทราบว่ามีพี่ๆ น้องๆ สื่ออยู่กันเยอะ ก็เลยคุยกับทีมงานเดลินิวส์ว่าถ้าเกิดผมขึ้นมา แล้วกำลังเป็นประเด็นอยู่ มันจะไปเบี่ยงเบนงานของเขาไหม ก็เลยไม่ได้ขึ้นมาในโอกาสแรก พอขึ้นมาก็เลยพักรออยู่ก่อน แต่ถามว่าตั้งใจจะคุยกับน้องเขาไหม คือถ้าขึ้นมาแล้วเห็นว่าน้องเขาอยู่ด้วยนิสัยผมก็คงเดินเข้าไปหาเลย และถ้าผมเดินเข้าไปหาทั้งสื่อ ทั้งกล้องก็คงเดินเข้ามาถามความคืบหน้าว่าเป็นอย่างไร ก็เลยหาจังหวะที่เหมาะเลยเข้ามา”
“ก็เลยยังไม่ได้คุยกันเลยครับ แต่ที่ออกมาพูดตรงนี้ก็เพื่ออยากจะให้เกิดความกระจ่าง และต้องการจะส่งสารไปถึงคุณหนิมด้วยว่าสิ่งที่ดีที่สุดคือการพูดคุยกัน ก็คือว่าเรื่องที่ต้องมายืนคุยกันแบบนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดผมมาก่อนเหมือนกัน ก็ขอส่งสารไปถึงแล้วกัน และขออนุญาติเคลียร์ตัวเองและเคลียร์ประเด็นที่เกิดขึ้นด้วย ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นและไปโยงถึงท่านอื่นๆ มันไม่ได้มีอะไรในกอไผ่”
“ช่วงที่ผ่านมา 2 - 3 วันนี้ก็กลายเป็นเรื่องกระเพื่อมมากในโลกโซเชียล แต่ผมไม่ใช่คนที่ตามเท่าไหร่ และไม่ได้มีโอกาสตามทุกๆ ความเห็น และไม่ได้เข้าไปเช็กทุกๆ รายละเอียด แต่ก็ขออนุญาตเรียนผ่านสื่อว่าสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับทุกความเห็นที่เข้ามา ผมขอขอบพระคุณไม่ว่าจะเป็นความเห็นในด้านไหนก็ตาม และส่วนของสิ่งที่เกิดขึ้นหากจะไปกระทบผู้ใดหรือใคร แล้วทำให้เกิดความขุ่นเคืองใจ เกิดความรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ก็ขอประทานโทษจริงๆ ผมไม่ได้อยากมีข่าวในลักษณะนี้เลยจริงๆ”
เผยจนถึงวันนี้ก็ยังติดต่อหนิมไม่ได้
“ตอนนี้ยังติดต่อน้องเขาไม่ได้เลยครับ ถ้าได้ก็คงจะไม่ได้มายืนตรงนี้ (หัวเราะ) แต่ถามว่าอยากคบต่อไหม อย่างที่เรียนว่าถ้ามีโอกาสสื่อสารกันได้ ความเข้าใจก็น่าจะปรับกันได้ แต่ถ้าไม่มีการสื่อสารเกิดขึ้น เราก็คงจะจนปัญญา เพราะผมก็ไม่ได้เล่นอะไรเลย ไม่ว่าจะไลน์หรือเฟซบุ๊ก แต่ที่เห็นมีอยู่ก็เป็นท่านอื่นๆ ทำให้ ตอนนี้ผมก็ใช้แค่มือถืออย่างเดียว แต่เมื่อติดต่อไม่ได้ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร”
“ถามว่าเวลาอยู่ด้วยกันเรียกว่าเป็นแฟนกันได้ไหม คือเรื่องที่เขาบอกว่าทัศนคติไม่ตรงกัน เรื่องหนึ่งก็คือตรงนี้ด้วย ผมอาจจะยังมีความกลัวอยู่ แต่เรื่องของความสนิทสนม ความคุ้นเคย ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยู่รอบข้างก็ทราบดีว่าสนิทกัน เพราะสนิทกันมา 3 ปีแล้ว และที่ผ่านมาก็มีคุณหนิมมาโดยตลอด แต่จังหวะที่อาจจะมีคนอื่นเดินเข้ามาบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ใช่ทางผมคนเดียวนะครับ มันก็มีทางเขาด้วยที่เข้ามาขอศึกษา อันนี้คือเขาบอกผมเอง และผมก็ตามดูนิดหน่อย แต่ก็อยู่ด้วยความเข้าใจอย่างนี้ มันเหมือนจะมีภาพเป็นอย่างนี้มาตลอด ฉะนั้นก็เลยอาจจะดูคลุมเครือบ้าง เหมือนซุ่มคบบ้าง แต่เราก็เปิดใจพูดตรงๆ แล้วมันก็แฟร์”
“แต่ถามว่าผมเจ้าชู้ไหม ผมเป็นผู้ชายที่ผ่านชีวิตครอบครัวมาแล้ว และมาถึงตอนนี้กลับมาอยู่คนเดียว และถ้าหากว่าเรายังไม่ได้ตกลงปลงใจกับใครอย่างที่เรียกว่าประกาศแต่งงานกันอีกรอบ การที่จะมีการพูดคุย รู้จักกันกับสุภาพสตรีท่านอื่นๆ ผมว่ามันก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่เราจะรักษาของเขตให้อยู่ในเส้นที่สมควรหรือไม่ ถ้าเราไม่ก้าวข้ามเส้นไปมันก็น่าจะอยู่ในวิสัย”
“แต่ถามว่าจะง้อไหม ก็มายืนอยู่ตรงนี้แล้วนะครับ ก็ตามความต้องการของคุณหนิมที่บอกว่าถ้าหากมาอยู่ตรงนี้แล้วสามารถที่จะพูดคุยกับสื่อได้ เขาก็จะรับฟัง เพราะไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่มายืนตรงนี้จริงๆ ก็อยากจะบอกว่าเวลามีความเข้าใจผิด หรือเกิดมีการเข้าใจผิดเกิดขึ้น สิ่งที่ดีที่สุดคือหันหน้ามาพูดคุยกัน แต่ถ้าหันหลังเดินหนีหรือว่าการที่ปิดช่องทางการสื่อสาร มันไม่สามารถทำให้ประเด็นที่ค้างคาต่างๆ มันจบลงได้อย่างกระจ่าง”
“ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าจากนี้ไปถ้าได้พูดคุยกันแล้วจะมีผลสรุปอย่างไร ซึ่งถ้ามีผลสรุปอย่างไรจากฝั่งคุณหนิมเองผมก็ต้องยอมรับ ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเขา แต่อย่างน้อยที่สุดขอให้มีโอกาสได้พูดคุยกัน ซึ่งขณะนี้การสื่อสารมันไม่เกิดขึ้น ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องของการมาดึงดันกันแบบเด็กๆ ว่ามาคุยแล้วดีหรือไม่อย่างไร ถ้าหากว่าคุณหนิมยังตั้งใจในการปฏิเสธว่าแค่นี้พอแล้ว ไม่มีความต้องการจะเดินต่อ ผมก็เคารพในการตัดสินใจ แต่ถ้าหากคิดว่ายังมีโอกาสที่จะพูดคุยกันได้ และปรับความเข้าใจให้ตรงกันได้ ผมก็จะรอโอกาสนั้นอยู่ และอะไรที่ทำให้เขาขุ่นข้องหมองใจไป รู้สึกเศร้า รู้สึกโกรธไป ผมขอโทษจริงๆ และรวมไปถึงเพื่อนๆ ของเขาทุกคนด้วย ซึ่งผมก็รักเอ็นดูเป็นเหมือนน้องสาว น้องชายทุกคน”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |