“ติ๊ก ฉัตรมงคล” กลับมาแล้ว! เปิดใจถึงบทเรียนแสนแพงในอดีต หลังโดนจับเสพกัญชาจนถูกเขี่ยพ้นวงการบันเทิงถูกแบน 2 ปี ต้องระเห็จตัวเองไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่อเมริกา โชคดีไม่ใช่ดาราประเภทจมไม่ลง ช่วงไม่มีงานดิ้นรนทำมาหากินทุกทางทั้งเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทองธานี และเปิดบริษัทรับจ้างผลิตรายการ ตอนนี้เคาะสนิมตัวเองกลับมาเล่นร้าย เรื่อง คาดเชือก ช่อง 7 หวังแจ้งเกิดอีกครั้ง ฝันอยากเป็นตัวตายตัวแทน “ฤทธิ์ ลือชา” บั้นปลายชีวิตจะผันตัวเองไปเป็นหมอดู
หายหน้าไปนานทีเดียว สำหรับอดีตพระเอกและนักแสดงชื่อดัง “ติ๊ก ฉัตรมงคล บำเพ็ญ” ที่เคยแจ้งเกิดสุดๆ กับบท “พี่ไม้” ในละครเรื่องดอกแก้ว เวอร์ชั่น “กบ สุวนันท์ คงยิ่ง” เป็นนางเอก แต่ดังอยู่ดีๆ ชีวิตกลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อเจ้าตัวโดนจับเสพกัญชาจนโดนต้นสังกัดช่อง 7 แบนงาน 2 ปี ต้องระเห็จตัวเองไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่อเมริกา กลับมาถึงจะมีละครบ้างแต่ก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม โชคดีที่ ติ๊ก ไม่ใช่ดาราที่จมไม่ลง ถึงจะไม่มีงานและไม่ได้มีชื่อเสียงมีคนห้อมล้อมเอาใจเหมือนสมัยเป็นดาราดังแต่เจ้าตัวก็ไม่น้อยเนื้อต่ำใจ พยายามดิ้นรนทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริต ทั้งไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทองธานี นอกจากนี้ยังเคยรวมกลุ่มกับเพื่อนรับจ้างผลิตรายการ ล่าสุดติ๊กกลับมาเล่นละครในบทตัวร้ายหลังร้างจอไปนาน เรื่อง คาดเชือก เผยทุ่มเทสุดตัวและหวังกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง ฝันอยากเป็นตัวตายตัวแทน “ฤทธิ์ ลือชา” เพราะชื่นชมในฝีมือทางการแสดง แพลนบั้นปลายชีวิตจะผันตัวเองไปเป็นหมอดู
เป็นดารามีอนาคตรุ่งโรจน์อยู่ดีๆ โดนจับเสพกัญชา จนโดนแบน 2 ปี ต้องระเห็จตัวเองไปเป็นเด็กเสิร์ฟที่เมืองนอก
“ย้อนกลับไปก็ 10 ปีได้แล้วนะ ตอนนั้นเรากำลังไปได้สวย ผู้ใหญ่ก็สนับสนุน แต่เป็นความสนุกคึกคะนองครับ ก็ขอแบ่งสูบกัญชากับเพื่อนแล้วเหลือติดตัวกลับบ้าน แล้วไปเจอด่านตรวจก็เลยโดนจับ แต่ผมไม่ได้ติดนะ เจอเพื่อนเวลาไปเที่ยวถึงสูบแต่อยู่บ้านผมก็ไม่ได้สูบ แต่ตอนนั้นข่าวที่ออกไปเขาใช้คำว่าพัวพันยาเสพติด แต่ผมเสพกัญชาแค่อย่างเดียว เพราะคำว่าพัวพันยาเสพติดมันรวมถึงยาบ้า ยาไอซ์ ยาอี โคเคน แต่ผมไม่ได้ยุ่งกับพวกนี้เลย ผมเสพกัญชาอย่างเดียวเพราะคิดว่ากัญชามันมาจากธรรมชาติตามป่าเขาก็หาได้แล้ว บางคนเอาใส่อาหารก็เสพสนุกๆ แต่ผลกลับมามันร้ายแรงมาก มันไม่คุ้มเลย แต่โอเคผมก็ทำตามกฎของสังคมช่องแบน 2 ปี เรารู้ชะตาตัวเองแล้วล่ะว่าจะเป็นยังไง ก็เข้าไปขอโทษผู้ใหญ่”
“ช่วงโดนแบน 2 ปีผมต้องหาอะไรทำเพราะไม่งั้นเราจะคิดมาก หลังจากลาผู้ใหญ่แล้วผมก็บินเดี่ยวไปอยู่อเมริกาเลย ไปเสิร์ฟอาหาร ไปเรียนรู้ภาษา ไปหาประสบการณ์ดีกว่ามาจมอยู่กับอดีต ผมว่าบางทีชีวิตมันก็ลิขิตไม่ได้และไม่ได้เป็นอย่างที่เราคาดหวังไว้หรอก ตอนนั้นก็มองคนรอบข้างด้วยทำไมเขายังอยู่ได้แล้วทำไมเราจะอยู่ไม่ได้ ตอนนั้นที่ผมไม่เครียดอาจจะเป็นเพราะวัยเด็กก่อนมาเป็นนักแสดงผมก็สู้ชีวิตมาอยู่แล้วด้วย ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องมาเป็นนักแสดงใหญ่โต มีชื่อเสียง ถ้าพูดภาษาดวงก็คือเราได้มาเป็นดาราเพราะโชคมากกว่า แต่พอโอกาสตรงนี้มันเสียไปจากการที่เราทำตัวเองมันก็ลบล้างกันไป ทำผิดก็ยอมรับผิด ความผิดพลาดมันทำให้เราฉลาดขึ้น ถามว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นมีผลกับชีวิตผมยังไงบ้าง เอาจริงๆ นะในความคิดผมใครจะมองยังไงก็แล้วแต่เราต้องเชื่อมั่นใจตัวเรา เพราะถ้าเรามัวแต่แคร์สายตาคนรอบข้างเราก็จะไม่สามารถสู้กับความจริงได้ ผมยอมรับผิดแล้วคุณยอมรับผมได้มั้ยล่ะ ถ้าคุณรับผมไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เราก็ทำมาหากินของเราไปเราไม่ได้ขอใครกินอยู่แล้ว คนเราเวลาประสบปัญหาก็ต้องแก้ไขต่อไปไม่งั้นก็เดินต่อไม่ได้”
ปากกัดตีนถีบ เป็นถึงดาราแต่ไม่อายทำกิน เคยไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทองธานี
“ผมเคยไปเปิดท้ายขายของที่ตลาดนัดเมืองทอง เมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว เป็นงานที่ผมได้ลองทำดู ตอนนั้นขายสร้อยเลทที่เป็นทองเหลืองและรองเท้าสานของผู้หญิง แต่ตอนนี้ไม่ได้ไปแล้วเพราะขายไม่ค่อยเวิร์กเท่าไหร่ก็เลยเลิก ใครจะมองตกอับต้องมาขายของเปิดท้ายคือผมไม่ได้มองตรงนั้น ไม่ได้อายที่จะงาน อย่างการที่ผมไปขายแบบนั้นผมหวังต่อยอดขายส่งด้วย เวลาลูกค้ามาเห็นของเราแล้วเขาสั่งไปขายต่อ เราไม่ได้หวังขายปลีกอย่างเดียว ผมไม่สนใจว่าคนจะดูถูกเรามั้ย ผมอยากทำให้เขาเห็นด้วยว่าเราขยันไม่เกี่ยงงาน เรามีความสามารถทำได้หลายๆ อย่าง สายตาคนอื่นกำหนดชีวิตผมไม่ได้ คนเราต้องกินต้องใช้ถ้าจะมัวแต่กลัวว่าคนอื่นจะมองเรายังไงชีวิตมันจะยุ่งไปมั้ย ผมค่อนข้างวางแผนชีวิตให้ตัวเองไม่อยากแบบว่าแก่ตัวไปแล้วโดนว่าได้ว่าแค่ค่ารักษาพยาบาลตัวเองยังไม่มีเลย ตอนนี้ผมขายของบนอีเบย์(เป็นตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก)รายได้ก็โอเคเลยนะ”
“ผมมาจากครอบครัวที่ค่อนข้างยากจนอยู่แล้ว เติบโตมากับการต้องดิ้นรนอยู่แล้ว ไม่ใช่มาจากคนที่สุขสบาย ตอนเข้าวงการผมอายุ 20 กว่าแล้วนะ วิถีชีวิตมันมีขึ้นมีลงมันเป็นเรื่องปกติของคนเรานะ ผมเป็นคนที่เข้าใจสัจธรรมชีวิต ในวันที่เราไม่ได้มีชื่อเสียงหรือมีคนห้อมล้อมเหมือนเดิม มันก็เลยไม่ถึงกับขาก้าวไม่ออกมือไม้หมดแรงมันไม่ใช่ครับ(หัวเราะ) เหมือนที่มีคนเคยพูดไว้ว่าชีวิตต้องเดินไปข้างหน้าทุกวัน มีน้อยก็ใช้น้อย การเป็นดาราก็เหมือนนักธุรกิจแหละ ปีนี้เราอาจจะประสบความสำเร็จ แต่ปีหน้าเราอาจเจ๊งก็ได้ อย่างพระเอกบางคนก็ไม่ได้เป็นพระเอกตลอด ผมก็เข้าใจสัจธรรมตรงนี้”
ช่วงไม่มีงานแสดงผันตัวไปทำเบื้องหลังแต่เจ๊งสนิท
“หลังจากที่โดนแบนกลับมาจริงๆ ผมก็ไม่ได้หายไปไหน ที่ผ่านมาผมเล่นละครดาวเทียมให้ช่องจ๊ะทิงจา ของบริษัทสามเศียร ก็เล่นตลอดละครก็ออนแอร์ต่อกันแค่อาจจะเฉพาะกลุ่มไม่เหมือนฟรีทีวี แล้วก็ได้เล่นแนวจักรๆ วงศ์ๆ ทางช่อง7 ประมาณ 2-3 เรื่อง ก่อนหน้านี้ที่งานเราน้อยอาจจะเป็นเพราะหน้าใหม่เข้ามาเยอะ ผมเองก็ไม่ได้เข้ามาของานกับผู้ใหญ่ด้วยเพราะเราเกรงใจ และผมเป็นคนที่ไม่เข้าหาผู้ใหญ่งานสำคัญๆ อย่างวันเกิด ปีใหม่ สงกรานต์ จริงๆ เราควรที่จะต้องเข้าไปหาผู้ใหญ่แต่เราก็ไม่เข้าไปไหว้ผู้ใหญ่เลย ก็เคยคิดนะว่าถ้าเราทำตรงนั้นโอกาสของเราก็น่าจะมีบ้าง เพราะอย่างค่ายดีด้าผมแทบจะเป็นลูกหม้อเขา อย่างแนวจักรๆ วงศ์ๆ ถ้าพูดภาษากันเองคือผมเป็นเด็กของดีด้าเลยนะ เขาปั้นผมมา แต่เพราะผมคิดว่าเด็กใหม่ที่เข้ามาในค่ายก็เยอะก็เลยไม่อยากไปรบกวน พอเราหลุดไปแล้วก็เลยอยากไปทำเบื้องหลังดู หลังจากนั้นเราก็มุ่งไปทางนั้นเลย”
“ช่วงที่หายไปผมไปทำโปรดักชั่นเฮาส์กับเพื่อน แต่มันไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ก็เลยเลิก อาจเป็นเพราะทีมเราไม่เก่งเท่าไหร่ ช่วงก่อนที่มีข่าวว่าจะมีทีวีดิจิตอลเราพยายามจะเซ็ตทีมเพื่อผลิตรายการหรือไม่ก็ทำละครซีรี่ส์เล็กๆ ที่คิดไว้ว่าอยากทำก็คือซีรี่ส์แนวธรรมะ เรื่องราวของพระพุทธเจ้า สอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ เสนอเป็นตอนๆ คล้ายๆ นิทานพื้นบ้านแต่อิงของพุทธศาสนาสมัยพุทธกาล ก็อยากเอาไอเดียนั้นไปเสนอช่องทีวีดิจิตอลลองดูครับ ตอนนี้ก็เริ่มคุยกับเพื่อนๆ แล้วแต่ยังไม่ได้เสนอกับช่องไหนเลยแต่ก็มีช่องในใจเหมือนกันครับ อีกรายการที่เราอยากทำก็คือรายการท่องเที่ยว”
ล่าสุดหวนคืนจอ กลับมาเล่นละครอีกครั้งในบทดาวร้าย หวังแจ้งเกิดให้ตัวเอง ฝันอยากเป็นตัวตายตัวแทนรุ่นใหญ่ “ฤทธิ์ ลือชา”
“น่าจะ 2 ปีที่ไม่ได้เล่นละครหลังข่าวฟรีทีวี ได้กลับมาเล่นเรื่องนี้(คาดเชือก) เพราะพี่ลอร์ด สยม(บอสค่ายดีด้า) คงเห็นว่าเป็นบทที่เหมาะสมกับผม เพราะในเรื่องผมเล่นเป็นตัวร้ายชื่อเสือยิ่ง เป็นตัวที่มีสารพัดความเลวอยู่ในตัว ทั้งปล้น ข่มขืน ฆ่าตำรวจ ต้องบู๊เยอะ และต้องสื่อทางอารมณ์เยอะ ในเรื่องตัวร้ายเบอร์หนึ่งคือพี่เล็ก ไอศูรย์ ผมเป็นตัวร้ายรองลงมา ซึ่งในบทต้องมีเรื่องกับพระเอกอยู่ตลอดเวลาก็ออกฉากเยอะอยู่เหมือนกัน ตอนเข้าฉากแรกๆ ผู้ใหญ่ก็บอกว่าเราห่างไปนานต้องเคาะสนิมนะ ผมก็เลยต้องทำการบ้านเยอะ ผมก็ไปหาดูหนังฝรั่งที่บทบาทคล้ายๆ ในเรื่องนี้เพื่อดูว่าเขาเล่นยังไง และต้องเข้าฟิตเนสเพราะเสือยิ่งต้องถอดเสื้อ สักเสือเผ่นบนหน้าอก ก็เลยต้องฟิตหุ่นคืนเพื่อให้มีกล้ามเนื้อและซิกแพก ต้องประคองหุ่นให้ได้เพราะวัยผมนี่จริงๆ ลงพุงไปหมดแล้ว(หัวเราะ) กลับมาครั้งนี้ผมอยากให้คนประทับใจไม่ผิดหวังกับการกลับมาของเรา อยากให้คนดูรู้สึกแบบ ติ๊ก ฉัตรมงคล กลับมาแล้วนะ อยากให้คนพูดถึงเหมือนตอนผมเล่นร้ายเป็นไอ้เจิด ในมนต์รักลูกทุ่ง เป็นเรื่องที่คนจดจำผม”
“ผมก็แอบหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นใบเบิกทางให้เราได้กลับมาอีกครั้ง เพราะโอกาสมันมาถึงแล้ว และเราก็ทิ้งห่างไปนาน การได้โอกาสครั้งนี้ผมก็อยากพัฒนาตัวเอง อยากทุ่มเทเยอะๆ เพราะบทนี้ก็เด่นมาก ถ้าเล่นดีๆ ก็อาจเป็นใบเบิกทางให้เราก็ได้ ตอนนี้ผู้จัดเยอะมาก แล้วช่องที่ผลิตละครก็เยอะขึ้น ถ้าผมตีบทแตกแล้วทำให้เขาเห็นว่าฝีมือเราไม่ได้ด้อยลงไปเขาก็อาจจะชวนเราไปร่วมงานก็ได้ครับ ผมก็คาดหวังอยู่เหมือนกัน อีกอย่างผมคิดไว้นะว่าอีกสัก 10-20 ปีอยากอัปตัวเองไปแทนตัวร้ายรุ่นเก่าๆ อย่าง อาฤทธิ์ ลือชา เพราะเป็นธรรมดาของวงการอยู่แล้วที่พออายุเยอะขึ้นก็จะเฟดตัวเองออกไป เหมือนมีคลื่นลูกใหม่มาแทน ต่อไปก็จะเป็นรุ่นพวกผมที่จะต้องพัฒนาตัวเองเพื่อเข้าไปแทนรุ่นนั้นให้ได้ อย่างนักแสดงรุ่นเก่าผมยึดเป็นแบบอย่างในเรื่องของการแสดงเลยนะ เพราะนักแสดงรุ่นเก่าอินเนอร์เขาเจ๋งมาก อย่างถ้าเป็นพระเอกก็ต้องนึกถึง สมบัติ เมทะนี ถ้าตัวร้ายก็ต้อง ฤทธิ์ ลือชา ซึ่งผมอยากที่จะเป็นแบบนั้น”
อนาคตจะเป็นหมอดู ยึดอาชีพนี้เลี้ยงตัวเองตอนบั้นปลาย
“2 ปีที่แล้วผมไปเรียนโหราศาสตร์กับอาจารย์ลักษณ์ เรขานิเทศ เลือกดู วัน เดือน ปีเกิด เวลาเกิด เพราะเป็นโหราศาสตร์ไทยแท้ ตอนนี้เรียนจบแล้วถือว่าเป็นมือสมัครเล่นครับ ที่ไปเรียนเพราะอยากรู้ว่าวิชาโหราศาสตร์เป็นเรื่องจริงมั้ย ดาวต่างๆ ส่งผลกับชะตาชีวิตจริงมั้ย พอไปเรียนก็ทำให้รู้ว่าวิชาโหราศาสตร์ก็คือเป็นการเรียนรู้แผนที่ของชีวิต ได้รู้ว่าคนเรามีทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ พอเรารู้ว่าอันไหนที่มันเป็นจุดเสียของชีวิตก็พยายามหลีกเลี่ยงซะ และไปหาจุดเด่นของตัวเองว่าทำอะไรแล้วจะดีกับชีวิตซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนค้าขายมาตั้งนานก็ไม่รวยเพราะไม่รู้ว่าจริงๆ ดวงตัวเองถูกโฉลกกับอาชีพไหน แต่พอไปดูดวงก็ถึงรู้ว่าตัวเองถูกโฉลกและดวงดีกับเรื่องอะไร”
“ตอนนี้ทางอาจารย์ลักษณ์ให้ลูกศิษย์ที่เรียน เขาเรียกรุ่น 60 อรหันต์ไปนั่งพยากรณ์ที่วัดบัวขวัญ แถวงามวงศ์วาน คนละ 15 นาที แล้วค่าดูดวง 199 บาท ให้รวมกันเพื่อเอาไปถวายวัดเป็นกฐิน 100 ล้านเพื่อนำไปสร้างโบสถ์ ผมก็มีตารางเวรไปนั่งดูดวงที่วัดเดือนละ 7-8 ครั้ง ผมไปมา 2 เดือนแล้วครับ คนที่มาดูดวงกับผมบางคนก็จำได้ว่าเราเป็นนักแสดง ตอนเรียนอาจารย์จะมีประเมินความแม่นของเราเพื่อไปร่วมโครงการดูดวงทำกฐินที่วัดบัวขวัญ ถ้าได้ 80-100 คะแนนขึ้นไปจะได้เข้าร่วมโครงการซึ่งผมก็ได้เข้าร่วม แต่ถ้าให้ประเมินตัวเองผมแม่น 50 ละกัน เอาต่ำๆ ไว้ก่อน(หัวเราะ)”
“การที่เราเรียนจบแล้วได้ไปดูจริง มันทำให้เราได้เรียนรู้ประสบการณ์จริงเพราะการจะเป็นหมอดูต้องดูดวงอย่างต่ำ 1,000 ดวง ถึงจะเก่ง ซึ่งอาจารย์ลักษณ์ก็ให้ไปตั้งแฟนเพจดูดวงของตัวเอง ก็มีคนเข้ามาดูกับผมเหมือนกัน ลูกศิษย์อาจารย์ลักษณ์จะมีชื่อเรียกหมด อย่างผมก็ ติ๊ก ฉัตรมงคล ศิษย์โหรฟันธง ซึ่งอาจารย์ลักษณ์ตั้งฉายาให้ผมด้วยนะ ชื่ออาจารย์มงคลผู้นำจิตวิญญาณ แต่ตอนนี้ผมยังไม่ได้เปิดตัวว่าจะมาทางนี้ อนาคตถ้าผมจะทำก็อาจจะเปิดโต๊ะดูดวงที่ไหนก็ได้ แต่ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงเริ่มต้นอาชีพนี้ แต่ถ้าเราเป็นมือสมัครเล่นไปสัก 5-10 ปีจนเรามีความแม่นมากๆ แล้วก็ค่อยยึดเป็นอาชีพ”
“อนาคตก็คิดว่าอาจยึดเป็นอาชีพเพราะดูดวงมันเป็นเรื่องของปากต่อปากเหมือนกัน ถ้าเราแม่นเขาอาจลากคนรอบข้างมาดูกับเราก็ได้ แก่ตัวไปผมไม่อยากจะเป็นคนแก่อยู่กับลูกกับหลานหรือรดน้ำต้นไม้เฉยๆ ไง สู้ออกมาเปิดโต๊ะดูดวงได้เจอผู้คนแล้วยังได้เงินค่าน้ำค่าไฟจ่ายที่บ้านเราอีก เป็นอาชีพที่เราใช้ยังชีพได้ด้วย ทุกวันนี้ชีวิตก็มีความสุขดี ผมมีแฟนแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เรายังไม่พร้อมในหลายๆ อย่าง อีกอย่างนึงที่ผมคิดเสมอว่าผมอยากเก็บเงินเตรียมพร้อมให้ตัวเองถ้าวันนึงเราไม่มีแรงจะทำงาน แก่ตัวไปผมไม่อยากเป็นนักแสดงที่ไม่มีแม้แต่เงินรักษาตัว ไม่อยากเป็นภาระใครครับ”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |