“แพร” ผู้จัดการ “หมาก ปริญ” เปิดใจ กรณีหมากด่า “แม่มิ้นต์ ชาลิดา” เชื่อว่ามีเหตุผลที่มาที่ไป ลั่นไม่เคยเสี้ยมให้หมากทะเลาะกับแม่มิ้นต์ และไม่เคยกีดกันงานมิ้นต์ แฉกลับแม่มิ้นต์นั่นแหละที่ปฏิเสธร่วมงานกับหมาก ยอมรับก่อนหน้านี้มีปัญหากันและเคยขอเคลียร์แล้วแต่ถูกแม่มิ้นต์ปฏิเสธ ขอโทษที่หมากทำให้ทุกคนผิดหวัง หวั่นโดนช่อง 3 แบนงานเพราะเป็นตัวอย่างไม่ดี
หลังจากที่ “รัชชนก วิจิตรวงศ์ทอง” แม่ของ “มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” ออกมาให้สัมภาษณ์ซัด “หมาก ปริญ สุภารัตน์” สองวันเต็มถึงกรณีที่มีข้อความแชตไลน์ของแก๊ง 4 หัวใจแห่งขุนเขาหลุด โดยหมากได้ต่อว่ามิ้นต์ และฝากไปถึงแม่มิ้นต์ว่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า ก่อนจะสบถคำว่า “สัตว์” เพราะไม่พอใจที่แม่มิ้นต์โพสต์ข้อความในอินสตาแกรมในลักษณะกระทบกระเทียบ
ส่งผลให้แม่มิ้นต์ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะมีสาเหตุมาจากหมากโดน “แพร ภรณ์มณี เมษสิทธิสิริ” ผู้จัดการส่วนตัวของหมากเสี้ยม และก่อนหน้านี้ก็เคยเสี้ยมให้แม่มิ้นต์กับผู้จัดการส่วนตัวของมิ้นต์เข้าใจกันผิด พร้อมทั้งแฉแหลกเรื่องที่แพรให้มิ้นต์ทำตัวสนิทสนมกับหมาก ให้ไปกินข้าว ไปดูหนังด้วยกันเพื่อเรียกกระแส และยังต้องการให้มิ้นต์ดึงหมากให้พ้นจากนางเอกช่อง 5 ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็น “วิว วรรณรท สนธิไชย” ที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวกับหมาก
นอกจากนั้นแล้ว แม่มิ้นต์ก็ยังบอกว่าที่ผ่านมาแพรกีดกันไม่ให้หมากมาเป็นคู่จิ้นกับมิ้นต์ ถึงขั้นปฏิเสธรับงานที่คู่กับมิ้นต์ และบอกกับทีมงานที่ติดต่องานมาว่า งานไหนมีหมากต้องไม่มีมิ้นต์ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า สาเหตุที่น่าจะทำให้ทั้งคู่ถึงจุดแตกหักน่าจะเป็นเรื่องที่มิ้นต์ได้โฆษณาแต่เด็กของแพรไม่ได้ และพอมีงานโฆษณาติดต่อให้หมากต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์คู่กับมิ้นต์ ด้านแพรก็เลยเสนอ “คิมเบอร์รี่ แอน เทียมสิริ” แทน ทำให้มิ้นต์ชวดงานเป็นการเอาคืน
อย่างไรก็ตาม แพรได้ปฏิเสธเรื่องกีดกันงาน แต่ยอมรับว่าการฟิชชิงงานแข่งกันเป็นเรื่องธรรมดา และเมื่อมีที่ว่างก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ตนจะเสนอดาราคนอื่นให้ลูกค้าเลือก นอกจากนั้นแล้วก็ยังเปิดใจถึงความขัดแย้งทั้งหมดว่าน่าจะเกิดจากการเข้าใจผิดและไม่ได้เคลียร์กัน ทำให้เรื่องบานปลาย โต้กีดกันงานมิ้นต์แต่เป็นทางมิ้นต์นั่นแหละที่ปฏิเสธจะร่วมงานกับหมาก เรียกว่าเป็นหนังคนละม้วนกับสิ่งที่แม่มิ้นต์ให้สัมภาษณ์เลยทีเดียว
“ตัวแพรเองแพรรับรู้ว่าเรามีความเข้าใจผิดกัน แต่ถ้ากับแม่มิ้นต์โดยตรงแพรรู้สึกว่า แพรไม่มีนะ แต่รู้ว่ามีความเข้าใจผิดกัน ก่อนจะมาถึงจุดนี้ก็พยามนัดว่า เคลียร์กันไหมคะ ก็พยายามนัดแล้วหลายครั้งแต่คุณแม่ก็ไม่ได้รับนัด มันก็เลยเถิดไปแต่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร ก็ต่างคนต่างอยู่ไป”
“ก่อนหน้านี้มีเรื่องคาใจกันอยู่ เอาเริ่มต้นว่าแพรมีผิดใจกับทางผู้จัดการเขา (ผู้จัดการส่วนตัวของมิ้นต์) ก็ค่อนข้างรุนแรง เขาเคยเป็นโบรกเกอร์ขายโฆษณาให้เด็กๆ แพร เรามีการผิดใจกันเรื่องผลประโยชน์ ตัวแพรเองไม่ได้พูดหลายครั้งแล้ว หลายคนก็ถามว่าทำไมมีเรื่องหลายครั้งแล้ว อย่างครั้งที่แล้วมีรูปหลุด บางคนก็คิดว่าเป็นแพรหรือเปล่าที่เป็นอดีตาผู้จัดการ ซึ่งเราก็ไม่ได้พูดอะไรคิดว่าเดี๋ยวก็เงียบเอง ในเรื่องจริงๆ แล้วมันเป็นการผิดใจเรื่องการทำงานและมีปัญหาเรื่องการทำงาน มากกว่าที่จะเป็นเรื่องวงการบันเทิง ตรงนั้นก็ทำให้แพรไม่อยากจะพูดอะไร พูดไปก็เจ็บหลายฝ่าย และหลายคนก็เป็นผู้ใหญ่ที่เรานับถือก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงให้ ไม่อยากให้ไปเป็นธุระกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง"
ยันไม่เคยกีดกันงาน “หมาก” ไม่ให้รับงานคู่กับ “มิ้นต์”
“ไม่ได้กีดกันงาน ดาราชายกับดาราหญิงส่วนใหญ่ไม่ได้แข่งงานกันอยู่แล้วค่ะ เรื่องการรับงานถ้าย้อนกลับไปมันมีภาพที่มิ้นต์กับหมากไปงานคู่กันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นถ่ายแบบหรืออีเวนต์ (อันนั้นมันช่วงแรกๆ หรือเปล่า) ถ้าเป็นช่วงหลังต้องไปถามทางเขาค่ะว่า ไม่ทำงานกับเราหรือเปล่า แต่แพรไม่เคยพูดว่า ไม่ถ่ายโฆษณา ไม่ถ่ายละคร ไม่มี”
“แพรก็ยอมรับว่าเราเคยมีการผิดใจกันเคยมีการเคลียร์กัน แต่ในดีเทลว่าพูดอะไร หรือขอโทษประเด็นไหน มันก็ค่อนข้าง...แพรพูดรวมๆ กับแม่ว่า เมื่อก่อนไม่รู้จักกันแต่วันนี้ได้รู้จักกับแม่กับน้องน่ารัก แพรซอรี่จริงๆ ที่เมื่อก่อนที่เข้าใจผิด คือมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะมีเรื่องที่เราไปฟังคนนี้ไปฟังคนโน้น เราก็ไม่หนักแน่นด้วยแหละ เราก็ปากหนักไม่เคยเคลียร์ พอวันหนึ่งเราได้มารู้จักมันแย้งกันเราก็ขอโทษ อันนี้คือนิสัยแพรนะ หลังจากนั้นเราก็ร่วมงานกันปกติ จนกระทั่งตอนหลังมันมีปัญหาที่คุณแม่พูดถึงได้รู้ว่ามันร้ายแรงขนาดนี้ พึ่งรู้ว่ามันร้ายแรงขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามันไปกันใหญ่อย่างนี้ได้ไง”
ส่วนเรื่องเสี้ยม “ผู้จัดการมิ้นต์” กับ “แม่มิ้นต์” ให้ทะเลาะกัน ไม่ใช่เรื่องจริง ลั่นจะตัดผลประโยชน์ตัวเองทำไม ถามกลับแม่มิ้นต์ไปฟังเรื่องนี้มาจากใคร
“เอางี้ดีกว่าถ้าเอาเรื่องตามตรรกะผลประโยชน์ ยิ่งน้องมีคู่จิ้นมากโอกาสในการได้งานก็สูงขึ้น ดังนั้น ถ้าแพรเป็นนักธุรกิจแพรจะตัดผลประโยชน์แพรทำไม ดังนั้น แพรไม่ได้รู้สึกว่ามันจะอย่างนั้นอย่างนี้ ทีนี้ก็ต้องย้อนกลับไปว่าในทุกๆ เรื่องแม่ฟังมาจากใคร ตัวแพรเองแพรกล้าพูดออกตัวว่าอยากจะเคลียร์ เพราะรู้สึกแปลกๆ เราเคยสนิทกันเคยโทรหากัน คุณแม่บอกว่ามีการกระแทกไอจี เราก็รู้สึกนะเราก็พยายามเคลียร์นะ แต่ยังไม่เคยได้รับนัด(สรุปไม่ได้ไปเสี้ยมทั้งสองฝั่ง) ไม่ได้เสี้ยมไม่มีประโยชน์ไม่ก่อประโยชน์ทั้งคู่”
ยันไม่เคยให้ “มิ้นต์” สร้างกระแสจับคู่กับ “หมาก”
“แพรมีน้องผู้ชายน้อยนอกนั้นแพรมีน้องผู้หญิงเกือบ 10 คน ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยถ้าแพรจะมีนโยบายการทำงานแบบนี้ แล้วน้องอีก 10 คนที่ทำงานกับแพร พ่อแม่เขาไว้ใจให้ทำงานจะว่ายังไง การเป็นคู่จิ้นไม่ใช่ว่าการไปกินข้าวกันแล้วจะดัง แต่มันเป็นเรื่องคนดูทางบ้านแล้วจิ้นแล้วชอบ แพรว่าคนเป็นแฟนกันทุกคนไม่ได้เป็นคู่จิ้นกันทุกคนน่ะค่ะ ดังนั้นประเด็นตรงนี้แพรไม่ได้รู้สึก การทำงานของแพรไม่ได้เน้นเรื่องอีเวนต์ ฉะนั้นแพรก็ไม่ได้มีเหตุผลในการสร้างข่าวด้วยจับคู่ให้”
ไม่ได้ให้ “มิ้นต์” ไปยุ่งกับ “หมาก” เพื่อกัน “วิว วรรณรท”
“คนสนิทกันน่ะ ใครก็ห้ามไม่ได้หรอกนะ แพรมั่นใจว่าทุกคนถ้าจะสนิทกับใครมันห้ามไม่ได้ คนเป็นผู้จัดการก็ไม่สามารถห้ามได้หรอก แพรไม่ได้มีกฎกับเด็กเรา แพรมองว่าเขาจ้างเราให้เปอร์เซ็นต์เราให้จัดการเรื่องงานและที่เกี่ยวกับสื่อบันเทิงด้านภาพลักษณ์หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เรื่องหัวใจเขาจะไปสนิทกับใครเขาไม่ได้ขอให้เราช่วย (ไปทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดว่าเป็นการขอให้จัดฉากจับคู่กับหมากหรือเปล่า) คือน้องมีผู้จัดการด้วยมารยาทาเราจะไม่คุยข้ามไลน์กันอยู่แล้ว ดังนั้นแพรไม่เคยคุยกับแม่เพื่อสิ่งนี้แน่นอน และไม่เคยคุยกับคนไหนเพื่อสิ่งนี้"
โต้ข่าวชวน “มิ้นต์” ไปเป็นเด็กในสังกัด
“ถ้าแพรจำได้นะ...ไม่มีนะ คือเอาอย่างนี้ ตอนนี้มีข่าวว่าคิมมาอยู่กับแพรก็ไม่เป็นผลดีกับแพรนะ ดังนั้นช่วงนั้นมิ้นต์ก็เป็นคู่จิ้นกับหมาก และมิ้นต์ก็มีผู้จัดการดูแลมันก็ไม่เป็นผลดีอะไรกับแพรเลย แพรก็แค่รู้สึกว่ามันจะไปต่อยอดให้การทำงานของแพรง่ายขึ้นหรือมีเงิน หรือทำให้ตัวแพรดูดีขึ้น คือคนเราต้องมีสเปซในการทำงานกัน แต่ถ้ามันไม่ใช่ถามว่าทำไมเกิดเรื่อง มันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า ฟังมาจากใคร ฟังมาจากฝ่ายไหน”
“เข้าใจว่าคนเป็นแม่รักลูก ถ้าหากว่าใครมาทำร้ายลูกจะต้องปกป้องอันนี้เข้าใจ เขาก็คงได้ยินใครพูดมาแหละเขาถึงออกตัวมาดูแลลูกเขาปกป้องลูกเขา แต่ส่วนหนึ่งที่เรารู้สึกคือ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แล้วได้ยินจากใคร แล้วมาถามเราไหมว่ามันจริงหรือเปล่า”
เผยเคยได้ยินคนอื่นเอามาเล่าให้ฟังเรื่องที่ “แม่มิ้นต์” ไม่พอใจตนเองที่ขวางไม่ให้ “หมาก” มาจิ้นกับ “มิ้นต์”
“ก็เคยได้ยินมาเรื่องคู่จิ้น หรือขวางงานไม่ให้เป็นคู่จิ้น นอกจากนั้นแล้วมันก็จะมีไอจีต่างๆ ที่มาแท็กให้แพรชอบพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้ เดี๋ยวนี้ทำไมไม่มีงานด้วยกัน แพรว่าการที่นักแสดงจะมีงานร่วมกันมันเป็นเรื่องของละครเป็นหลัก นักแสดงจะขึ้นจะลงจะจิ้นกับใครไม่จิ้นกับใครมันเป็นผลจากละครล้วนๆ ช่วงไหนมีผลงานละครกับใครคนก็อยากเห็นไปออกอีเวนต์กับคนนั้นไปถ่ายแบบกับคนนั้น มันเป็นเรื่องความต้องการของตลาด น้องสองคนก็ไม่มีงานร่วมกันมานานอันนี้หมายถึงละครนะ กับสิ่งที่เกิดขึ้นถามว่าโกรธไหม...ไม่โกรธเพราะคิดว่ามันมีที่มาที่ไปทำไมเขาถึงเข้าใจผิด ซึ่งเราก็อยากเคลียร์เราเคยทำนัดแล้ว แต่แม่เขาไม่รับนัด”
โต้เป่าหู “หมาก” ให้ทะเลาะกับ “แม่มิ้นต์”
“จริงๆ น่าจะรอฟังจากหมากว่ายังไง แต่เรื่องที่แม่บอกว่าแพรเป่าหู แพรแค่อยากจะพูดว่า หมากก็โตพอที่จะแยกแยะประเด็น แต่บางทีบางอย่างด้วยความเป็นวัยรุ่นการแสดงออกมาก็เป็นไปในทิศทางแบบนั้น หมากกับมิ้นต์เขาเป็นเพื่อนสนิทกัน ตรงนี้มันเป็นเรื่องของหมากกับมิ้นต์”
“แพรไม่ค่อยเล่าอะไรให้เด็กแพรฟัง เพราะเขาจ้างเรามาเพื่อรับผิดชอบ ถ้าแพรบอกเขาทุกเรื่องเขาถ่ายละคร 7 วันต้องตื่นตี 5 ไปถ่ายถึง 4 - 5 ทุ่มแล้วยังต้องมาฟังความเครียดอีก และถ้าน้องเล่นไม่ได้ น้องมีปัญหา น้องไม่อยู่ในอารมณ์แล้วไปเบี่ยงใครไปทำอะไร ท้ายที่สุดมันก็โยนกลับมาที่แพรอยู่ดี แพรคงไม่หาเรื่องให้มาเพิ่มความเดือดร้อน เพิ่มงาน เพิ่มความหนักใจให้กับตัวเอง อะไรที่เรารับเองได้เราก็รับ อะไรที่เราเคลียร์ได้เราก็เคลียร์ อะไรที่ต้องเก็บไว้ก็ต้องแบกไว้”
“แต่หมากเขาก็คงจะได้รับรู้บ้างมั้งคะ เพราะเดี๋ยวนี้โลกมันเป็นโซเชียลน่ะค่ะ บางทีมันกระแสคู่จิ้น ก็ไอจีแปลกๆ มีการตั้งอินสตาแกรมบุคคลที่ไม่แสดงตัวมาแท็กถึงเขาแท็กถึงแพร เรากดไปดูหน้าจอก็ไม่มีซักรูปกดไปก็เป็นไพรเวท เผลอๆ บางทีเราไปเม้นท์กลับไม่ดีเขาก็หายไป เราก็ไม่รู้ว่าที่มาที่ไป”
ข่าวออกมาตอนแรกเป็นเรื่อง “หมาก” เปิดศึก “แม่มิ้นต์” แต่ถ้าอ่านบทสัมภาษณ์ของแม่มิ้นต์จะเห็นได้ว่า แม่มิ้นต์ไม่ได้โทษหมาก แต่โทษที่ “แพร” ผู้จัดการส่วนตัวของหมากเป็นคนเสี้ยมเป้าหู
“แพรก็ต้องขอบคุณแม่ที่เอ็นดูหมาก เพราะแพรก็ไม่อยากให้เขาเดือดร้อน ถ้าสมมติว่าใดๆ ทั้งหมดแล้วปัญหามันเกิดจากความไม่เข้าใจในตัวแพร แพรก็พร้อมเคลียร์ อะไรผิดพร้อมขอโทษ อะไรที่เข้าใจกันผิดก็พร้อมชี้แจง“
เคลียร์เรื่องไม่พอใจที่ “มิ้นต์” ได้โฆษณาแต่เด็กของ “แพร” ไม่ได้ ก็เลยแก้เผ็ดโดยการไม่รับพรีเซ็นเตอร์คู่กับมิ้นต์ ยันไม่ใช่เรื่องจริง แฉจริงๆ แล้วทางมิ้นต์เองนั่นแหละที่เป็นคนปฏิเสธร่วมงานกับ “หมาก”
“เรื่องแย่งงานโฆษณาในประเทศนี้ใช้ดาราเยอะมาก การที่ฟิชชิ่งงานแข่งกันมันเป็นเรื่องปกติ การได้งานไม่ได้งานเป็นเรื่องปกติ แค่การรับอีเวนต์หรือแม้แต่ในละครมันก็การเสนอตัว มีการสับเปลี่ยนกันตลอดเวลา มันเป็นสัจธรรมโลก เราก็เป็นแค่อันหนึ่งที่เขาจะเลือกหรือไม่เลือก แต่ถ้าแพรมีโอกาสที่จะนำเสนอเด็ก แพรก็ต้องนำเสนอมันเป็นหน้าที่มันเป็นงาน (แสดงว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริงๆ) ไม่รู้เพราะโฆษณาส่วนใหญ่จะเป็นคอนฟิเดนเชียล เขาจะไม่ได้บอกว่าเรารับงานแข่งกับใคร ลูกค้าก็จะไม่บอกว่าเรากำลังแข่งกับใครอยู่เพราะมันเป็นมารยาทในการทำงาน”
“ส่วนเรื่องลูกค้าจะเอาหมาก-มิ้นต์ แต่แพรไปเสนอหมาก-คิม....คือ เขาปฏิเสธรับงานแพร ปฏิเสธไม่ทำงานกับหมาก (งั้นสิ่งที่แม่มิ้นต์พูดก็เป็นสิ่งที่เราโดนสิ) ไม่รู้ อย่างที่บอกต้องไปถามคนที่บอกแม่ เรื่องนี้มันตั้งแต่ต้นปีแล้ว แพรเองก็ได้รับสารมาแบบนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วงานชิ้นนี้ตกลงกันตั้งแต่ปีที่แล้วว่าจะทำด้วยกันแต่เราก็โดนเขาปฏิเสธ (ก็เลยไปเสนอ หมาก-คิม) มันเป็นเรื่องปกติค่ะถ้ามีตำแหน่งว่างแล้วเราจะนำเสนอใคร ตัวหมากเองตอนนี้มีละคร 2 เรื่อง นางเอกคือเบลล่า กับคิม และก็นางเอกจุฑาเทพหลายๆ คน คือคนในวัยนี้เรามีสิทธิ์เสนอชื่อหมด ถ้าเป็นเด็กแพรได้เราก็ได้เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นเด็กคนอื่นเราก็เหมือนเป็นโบรกเกอร์ ฉะนั้น ก็ไม่ได้ถือว่าแพรทำผิดถ้าแพรจะเสนอใครถ้ามันเกิดที่ว่างตรงนี้ ต่อให้ไม่ใช่แพรเป็นใครก็ต้องทำ”
หมากเสียใจที่ทำให้คนที่ชื่นชมผิดหวัง แต่เชื่อว่าหมากมีเหตุผล มันต้องมีที่มาที่ไปในการออกว่า “แม่มิ้นต์”
“หมากไม่ค่อยคุยเรื่องส่วนตัวกับแพรมากนัก อะไรที่เขาบริหารจัดการชีวิตเองได้เขาก็ทำ น่าจะรอให้หมากพูดดีกว่า ในฐานะผู้จัดการเมื่อเห็นแชตก็ตกใจ และก็ปรึกษาเขาและให้เขาคิดทบทวน เดี๋ยวคงต้องรอให้เขาพูดว่าไลน์นี่เป็นเขาไหม ทำไมเขาถึงทำ อยากให้รอฟังเขาพูดดีกว่า”
“สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือน้องเขาก็คงเสียใจที่ทำให้คนที่ชื่นชมเขารู้สึกผิดหวัง อันนี้เป็นสิ่งที่เขาต้องรู้สึกอยู่แล้ว ณ วันนี้ถ่ายละครอยู่ก็รู้สึก แต่ก็รู้สึกว่าเขาก็คงมีเหตุผลในมุมของเขา มันก็ต้องมีที่มาที่ไปมีเหตุมีผล ดังนั้น ของทุกอย่างถ้าจะคุยกันมันก็ต้องคุยตั้งแต่ต้นจนจบ เราก็มีการตักเตือนน้องไปแล้ว และก็มีการคุยกับผู้ใหญ่ทางช่องไปแล้ว ทางผู้ใหญ่ก็ได้ตักเตือนและก็หาวิธีที่จะทำให้เรื่องเรียบร้อยเร็วที่สุด ซึ่งปกติหมากเขาไม่ใช่คนแบบนี้”
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “หมาก” ทำให้นึกถึงกรณีของ “ฝ้าย เวฬุรีย์” ที่ตอนนี้กลายเป็นอดีตมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไปแล้วหลังประกาศสละตำแหน่ง เพราะทนกระแสต่อต้านตนเองไม่ไหวกรณีที่โพสต์ข้อความหยาบคายไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง งานนี้หลายคนเลยเป็นห่วงว่า หมากจะตกที่นั่งเดียวกับฝ้ายหรือเปล่า ช่อง 3 อาจจะสั่งพักงานเป็นการลงโทษ
“แพรก็กังวลใจ หมากก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ ตอนนี้ทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ก็คงเริ่มตัดสินใจ และช่างน้ำหนักกับตัวหมากว่ามันยังไง อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่แต่ละท่าน สิ่งนี้ที่มันเกิดขึ้นเราก็น้อมรับเพราะทำให้คนผิดหวัง ก็ต้องขอโทษแทนน้องด้วยที่น้องวู่วามและทำให้คนผิดหวัง หมากเขาก็เครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นและกังวลใจที่มันบานปลายอยากจะรีบออกมาจัดการปัญหาด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้คิวงานเป็นงานละครที่ถูกวางไว้แล้วยกเลิกไม่ได้ ตอนนี้ก็พยายามหาคิวที่ต้องออกมาชี้แจง”
เรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบกับภาพลักษณ์พระเอกอย่าง “หมาก” มาก และอาจจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสินค้าที่หมากเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งจากนี้ไปก็ไม่ทราบว่าหมากจะโดนถอดจากพรีเซ็นเตอร์สินค้าหรือไม่ อย่างไรก็ตาม “แพร” ยืนยันว่าได้ทำการขอโทษไปยังทุกฝ่ายแล้ว และขณะนี้ยังไม่มีสินค้าตัวไหนยกเลิกงานหมาก
“ตอนนี้ก็ได้ทำการขอโทษทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวแล้วมันหลุดไปพลับบลิกมันอาจจะส่งผลกระทบ ก็ไม่รู้จะส่งผลไปไกลแค่ไหน แต่เรารู้ว่าเราผิดเราก็รีบขอโทษ และจะรีบออกมาชี้แจงให้ทุกคนได้ฟังจากหมากให้เร็วที่สุด ตอนนี้ยังไม่มีผลอะไรลูกค้าทุกคนให้กำลังใจเพราะเขารู้ว่าเราอยู่ในช่วงที่เกิดปัญหาและเราต้องการกำลังใจ ลูกค้าก็ให้กำลังใจ ณ วันนี้ยังไม่มีใครแคนเซิล”