ถึงจะเปิดฉายด้วยโรงภาพยนตร์เกือบ 1,000 โรง แต่สุดท้ายหนังแอ็กชันสุดดังจากแดนอิเหนา The Raid 2 กลับทำรายได้ในสหรัฐฯ อย่างน่าผิดหวัง ถึงตอนนี้รายได้น้อยกว่าภาคแรกเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว
ด้วยกระแสวิจารณ์ในแง่บวกชนิดคะแนนจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 81% และความแรงของหนังภาคแรกที่เก็บเงินในสหรัฐฯ ไปได้ถึง 4 ล้านเหรียญฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากใครจะตั้งความหวังกับหนังแอ็กชันขวัญใจคอหนังบู๊ The Raid 2 แต่กลายเป็นว่าการเข้าฉายในวงกว้างเป็นสัปดาห์แรกของหนังเรื่องนี้กลับทำเงินไปได้แค่ 956,000 เหรียญฯ และทำดีที่สุดเพียงอันดับ 11 ของตารางหนังทำเงินประจำสัปดาห์เท่านั้น
เทียบแล้วถือว่าน้อยกว่ารายได้ในการฉายวงกว้างสัปดาห์แรกของหนังภาคแรก The Raid เมื่อ 2 ปีก่อนที่ทำเงินไป 961,454 เหรียญฯ จากแค่ 881 โรงภาพยนตร์ โดยสรุปแล้ว The Raid ภาคแรกทำเงินในการฉายที่สหรัฐฯ ไปได้ประมาณ 4 ล้านเหรียญฯ ส่วนหนังภาค 2 กลับทำเงินไปแค่ 2.48 ล้านเหรียญฯ หลังเข้าฉายมาแล้วหนึ่งเดือนเต็ม
The Raid ทั้งสองภาคเป็นหนังแอ็กชันดุเดือดเลือดพล่านที่มี อูโก อิไวส์ แสดงนำ และคนทำหนังชาวเวลส์ แกเร็ต อีแวนส์ รับหน้าที่กำกับ และเป็นหนังที่โด่งดังถูกพูดถึงไปทั่วโลก แต่ด้านรายได้หนังกลับไม่สามารถสร้างความฮือฮาได้อย่างที่ผู้จัดจำหน่าย Sony Classics คาดหวังเอาไว้
เทียบแล้วรายได้จากการฉายทั่วประเทศในสัปดาห์แรกของ The Raid 2 ดูจะน้อยกว่าหนังแอ็กชันจากเอเชียที่ได้ฉายในวงกว้างที่สหรัฐฯ แทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Crouching Tiger, Hidden Dragon ที่โกยไปถึงระดับเกิน 100 ล้านเหรียญฯ, หรือ Hero และ Fearless ซึ่งต่างมี หลี่เหลียนเจี๋ย นักแสดงชาวจีนซึ่งคนแถบตะวันตกรู้จักกันดีเป็นผู้แสดงนำ
นอกจากนั้นรายได้ของหนังแอ็กชันจากอินโดนีเซียก็ยังทำเงินแพ้หนังจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย ทั้ง Ong Bak: The Thai Warrior ที่ทำเงินในสหรัฐฯไปถึง 4.5 ล้านเหรียญฯ The Protector หรือที่คนไทยเรารู้จักกันดีอย่าง “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งเปิดตัวด้วยรายได้ถึง 5 ล้านเหรียญฯ ในการฉายเมื่อปี 2005 โดยหนังได้ The Weinstein Company รับหน้าที่จัดจำหน่าย พร้อมทุ่มโปรโมตไปในตอนนั้นไม่น้อยเลย น่าเสียดายที่หนังเรื่องต่อมาอง “จา พนม” กลับไม่เคยสร้างความฮือฮาที่สหรัฐฯ ในระดับนั้นได้อีกเลย
สื่อตะวันตกเชื่อว่าความล้มเหลวของ The Raid 2 ในการฉายที่สหรัฐฯ น่าจะมาจากสาเหตุเดิมๆ .... “เป็นเรื่องง่ายที่จะโทษแผนการตลาด และมันก็จริงที่ Sony Classics ไม่ได้ซื้อสื่ออย่างเพียงพอที่จะทำให้หันงประสบความสำเร็จในวงกว้าง แต่ส่วนหนึ่งในความล้มเหลวของ The Raid 2 ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงที่ว่านักดูหนังชาวสหรัฐฯ ไม่ดูหนังต่างชาติด้วย” เรย์ ซูเปอร์ส แห่ง Box Office Mojo แสดงความเห็น
อย่างไรก็ตาม The Raid 2 ยังน่าจะมีอนาคตในตลาดสหรัฐฯ อยู่บ้าง เพราะอย่างน้อยหนังก็น่าจะไปได้ดูในการขายแผ่น DVD และ Blu-ray ในอนาคตหลังจากนี้
รายได้ 9 หนังแอ็กชัน-กำลังภายในเอเซียในแดนมะกัน
1. Crouching Tiger, Hidden Dragon รายได้รวม 128.0 ล้านเหรียญฯ
2. Hero รายได้รวม 53.7 ล้านเหรียญฯ
3. Fearless รายได้รวม 24.6 ล้านเหรียญฯ
4. Kung Fu Hustle รายได้รวม 17.1 ล้านเหรียญฯ
5. Iron Monkey รายได้รวม 14.7 ล้านเหรียญฯ
6. The Protector (ต้มยำกุ้ง) รายได้รวม 12.0 ล้านเหรียญฯ
7. Ong Bak: The Thai Warrior (องค์บาก) รายได้รวม 4.5 ล้านเหรียญฯ
8. The Raid: Redemption รายได้รวม 4.1 ล้านเหรียญฯ
9. The Raid 2 รายได้รวม 2.48 ล้านเหรียญฯ
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
ด้วยกระแสวิจารณ์ในแง่บวกชนิดคะแนนจากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes สูงถึง 81% และความแรงของหนังภาคแรกที่เก็บเงินในสหรัฐฯ ไปได้ถึง 4 ล้านเหรียญฯ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากใครจะตั้งความหวังกับหนังแอ็กชันขวัญใจคอหนังบู๊ The Raid 2 แต่กลายเป็นว่าการเข้าฉายในวงกว้างเป็นสัปดาห์แรกของหนังเรื่องนี้กลับทำเงินไปได้แค่ 956,000 เหรียญฯ และทำดีที่สุดเพียงอันดับ 11 ของตารางหนังทำเงินประจำสัปดาห์เท่านั้น
เทียบแล้วถือว่าน้อยกว่ารายได้ในการฉายวงกว้างสัปดาห์แรกของหนังภาคแรก The Raid เมื่อ 2 ปีก่อนที่ทำเงินไป 961,454 เหรียญฯ จากแค่ 881 โรงภาพยนตร์ โดยสรุปแล้ว The Raid ภาคแรกทำเงินในการฉายที่สหรัฐฯ ไปได้ประมาณ 4 ล้านเหรียญฯ ส่วนหนังภาค 2 กลับทำเงินไปแค่ 2.48 ล้านเหรียญฯ หลังเข้าฉายมาแล้วหนึ่งเดือนเต็ม
The Raid ทั้งสองภาคเป็นหนังแอ็กชันดุเดือดเลือดพล่านที่มี อูโก อิไวส์ แสดงนำ และคนทำหนังชาวเวลส์ แกเร็ต อีแวนส์ รับหน้าที่กำกับ และเป็นหนังที่โด่งดังถูกพูดถึงไปทั่วโลก แต่ด้านรายได้หนังกลับไม่สามารถสร้างความฮือฮาได้อย่างที่ผู้จัดจำหน่าย Sony Classics คาดหวังเอาไว้
เทียบแล้วรายได้จากการฉายทั่วประเทศในสัปดาห์แรกของ The Raid 2 ดูจะน้อยกว่าหนังแอ็กชันจากเอเชียที่ได้ฉายในวงกว้างที่สหรัฐฯ แทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Crouching Tiger, Hidden Dragon ที่โกยไปถึงระดับเกิน 100 ล้านเหรียญฯ, หรือ Hero และ Fearless ซึ่งต่างมี หลี่เหลียนเจี๋ย นักแสดงชาวจีนซึ่งคนแถบตะวันตกรู้จักกันดีเป็นผู้แสดงนำ
นอกจากนั้นรายได้ของหนังแอ็กชันจากอินโดนีเซียก็ยังทำเงินแพ้หนังจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย ทั้ง Ong Bak: The Thai Warrior ที่ทำเงินในสหรัฐฯไปถึง 4.5 ล้านเหรียญฯ The Protector หรือที่คนไทยเรารู้จักกันดีอย่าง “ต้มยำกุ้ง” ซึ่งเปิดตัวด้วยรายได้ถึง 5 ล้านเหรียญฯ ในการฉายเมื่อปี 2005 โดยหนังได้ The Weinstein Company รับหน้าที่จัดจำหน่าย พร้อมทุ่มโปรโมตไปในตอนนั้นไม่น้อยเลย น่าเสียดายที่หนังเรื่องต่อมาอง “จา พนม” กลับไม่เคยสร้างความฮือฮาที่สหรัฐฯ ในระดับนั้นได้อีกเลย
สื่อตะวันตกเชื่อว่าความล้มเหลวของ The Raid 2 ในการฉายที่สหรัฐฯ น่าจะมาจากสาเหตุเดิมๆ .... “เป็นเรื่องง่ายที่จะโทษแผนการตลาด และมันก็จริงที่ Sony Classics ไม่ได้ซื้อสื่ออย่างเพียงพอที่จะทำให้หันงประสบความสำเร็จในวงกว้าง แต่ส่วนหนึ่งในความล้มเหลวของ The Raid 2 ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริงที่ว่านักดูหนังชาวสหรัฐฯ ไม่ดูหนังต่างชาติด้วย” เรย์ ซูเปอร์ส แห่ง Box Office Mojo แสดงความเห็น
อย่างไรก็ตาม The Raid 2 ยังน่าจะมีอนาคตในตลาดสหรัฐฯ อยู่บ้าง เพราะอย่างน้อยหนังก็น่าจะไปได้ดูในการขายแผ่น DVD และ Blu-ray ในอนาคตหลังจากนี้
รายได้ 9 หนังแอ็กชัน-กำลังภายในเอเซียในแดนมะกัน
1. Crouching Tiger, Hidden Dragon รายได้รวม 128.0 ล้านเหรียญฯ
2. Hero รายได้รวม 53.7 ล้านเหรียญฯ
3. Fearless รายได้รวม 24.6 ล้านเหรียญฯ
4. Kung Fu Hustle รายได้รวม 17.1 ล้านเหรียญฯ
5. Iron Monkey รายได้รวม 14.7 ล้านเหรียญฯ
6. The Protector (ต้มยำกุ้ง) รายได้รวม 12.0 ล้านเหรียญฯ
7. Ong Bak: The Thai Warrior (องค์บาก) รายได้รวม 4.5 ล้านเหรียญฯ
8. The Raid: Redemption รายได้รวม 4.1 ล้านเหรียญฯ
9. The Raid 2 รายได้รวม 2.48 ล้านเหรียญฯ
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
| เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |
