“หมอโอ๊ค-โอปอล์” ควงคู่เลี้ยงฉลองมงคลสมรส ฝ่ายหญิงน้ำตาซึมขอฝากชีวิตให้ดูแล เผยไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วไม่มีฝ่ายชาย และไม่ว่าจะเจอปัญหาหนักแค่ไหนแค่กลับมาเห็นหน้ากันก็โอเค ด้านหมอโอ๊คสัญญาจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า รักโอปอล์ที่มีความรักมากมายให้กับทุกคน
หลังจากเข้าพิธีวิวาห์กันไปเมื่อวันที่ 23 มีนาคม “หมอโอ๊ค นายแพทย์ สมิทธิ์ อารยะสกุล” กับ “โอปอล์ ปาณิสรา” ก็ควงคู่กันจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี่ ท่ามกลางคนในวงการบันเทิงที่มาร่วมงานอย่างมากมาย ซึ่งทั้งคู่ก็ได้เผยถึงความรู้สึกหลังจากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันว่า....
โอปอล์ :“ที่รักรู้สึกยังไงบ้างคะ” (นักข่าวกรี๊ด)
โอ๊ค : “ดีครับ ดีใจเพราะว่ามีแต่คนที่เรารัก ทุกคนก็มาแสดงความยินดีกับเรา ขอบคุณมากๆ เลย
โอปอล์ :“สวยไหมวันนี้”
โอ๊ค :“แน่นอนสวยทุกวันครับ”
โอปอล์ :“วันนี้ก็แต่งตัวตามปกติ หน้าผมก็ทั่วไป แต่เขาก็ชอบ” (หัวเราะ)
เผยใช้ชีวิตร่วมกันแล้วมีความสุข “โอปอล์” เป็นแม่บ้านที่ดี ไม่สวยแต่ครบ
โอปอล์ : “ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ที่จดทะเบียนตอนจดก็จดไป และเพิ่งมาตระหนักว่าเราเป็นนางจริงๆ วันนั้น 4 ทุ่มครึ่งฤกษ์ปูเตียง พอตื่นมาอีกวันหนึ่งตระหนักได้ว่าเรานอนอยู่ที่ไหนสถานะภาพเราเปลี่ยน วันนั้นค่อยตื่นเต้นจริง ก็ใช้เวลาแป๊บเดียวชินทันที (หัวเราะ) ชินทันทีเลยค่ะ ก็รอให้ถึงวันนี้เร็วๆ อันนั้นเป็นญาติๆ และเพื่อนสนิท วันนี้เราอยากจะเชิญพี่ๆ สื่อมวลชนและบอกกับคนทั่วไปว่าเราตกลงใจใช้ชีวิตกันแล้ว”
โอ๊ค : “ดีครับ มีความสุขดีครับ เหมือนกับมีคนดูแลเราอีก 1 คน และน้องเขาเป็นคนน่ารักดูแลเราดีมาก เขาเป็นแม่บ้านเต็มตัวครับ บีบยาสีฟันให้”
โอปอล์ :“คือเราไม่ได้สวยอะไรมากแต่เราครบจริงๆ ดูแลเอาใจทำกับข้าว อร่อยไหม”
โอ๊ค :“ดีครับ”
โอปอล์ :“ขอบคุณฟู๊ดแลนด์นะคะที่เสิร์ฟอาหารฉีกได้เลย ก็พยายามทำตัวเป็นแม่บ้านและปรับชีวิตเพราะว่าตั้งแต่แต่งเข้าบ้านพี่โอ๊คมา 2 อาทิตย์ ต้องตื่น 6 โมงเช้าทุกวันจริงๆ เพราะพี่โอ๊คต้องตื่นไปทำงาน 6.30 น.ซึ่งหมายความว่า 6.30 น.ที่เขาออกจากบ้านนั่นคือเราแต่งหน้าแล้ว นั่งสวยๆ เสิร์ฟอาหารและยิ้มมาเป็นเวลา 2 อาทิตย์แล้วชินแล้วค่ะ” (หัวเราะ)
โอ๊ค :“งานเช้าหน่อยครับ พอดีเข้างาน 8 โมง”
“โอปอล์” ยังไม่ชินเพราะเรือนหออุปกรณ์ส่วนใหญ่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
โอ๊ค :“ก็ดูแลเต็มที่ครับ”
โอปอล์ :“เขาดูแลดีมากค่ะ
โอ๊ค :“อยากให้เขาชินกับบ้านใหม่ที่เป็นเรือนหอของเรา อาจจะมีขลุกขลักบ้างเพราะว่าเป็นระบบไฟฟ้าหมดเป็นความชอบของผม เขาอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่”
โอปอล์ :“ยังไม่ชินรอพี่โอ๊คเปิดทุกอย่าง กำลังฝึกอยู่แต่เก้าอี้ยังไม่ไฟฟ้านะ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าแต่งงานคืนแรกพี่ๆ สื่อถามว่าได้นอนไหม แต่งงานคืนแรกไม่ได้นอนเรียงตู้เสื้อผ้าค่ะ และที่เคยคิดว่าตู้จะไม่พอ ทุกอย่างเหมือนกล่องข้าวน้อยฆ่าแม่ ยัดเข้าไปแล้วที่เหลือตกใจ แต่ทุกอย่างโอเค”
โอ๊ค : “เราจะไปฮันนีมูนช่วงประมาณมิถุนายนครับ กลางๆ ปีเคลียร์คิวกันนิดหนึ่ง”
โอปอล์ : “พี่โอ๊คอยากไปยุโรป”
โอ๊ค :“แต่ยังไม่รู้ว่าไปไหนกันแน่ ไปประมาณอาทิตย์กว่าๆ ครับ”
โอปอล์ : “เพราะว่าพี่โอ๊คทำงานประจำลาไม่ได้”
ตั้งกฎวันอาทิตย์ถือเป็นวันครอบครัว
โอ๊ค :“จริงๆ งานก็ยังทำเหมือนเดิมแต่ก็พยายามหาเวลาให้อยู่ด้วยกันได้มากขึ้น ตกลงใจกันว่าวันอาทิตย์เป็นวันสำหรับเราสองคนที่ต้องมีเวลาให้กัน”
โอปอล์ : “ซึ่งวันอื่นๆ รับอีเวนต์เหมือนเดิมนะคะ ถ้าเป็นวันอาทิตย์ก็เคลียร์กันว่าจะอยู่ด้วยกันเพราะว่าพี่โอ๊คทำงานจันทร์ถึงศุกร์ พอเราแต่งานแล้วชีวิตมันไม่ได้เป็นของเราคนเดียวที่เราจะทำอะไรก็ได้ มันต้องมีเวลาให้กันและต้องใส่ใจกันมากๆ ต้องสร้างครอบครัว พี่โอ๊คใช้คำว่าเดี๋ยวเราต้องสร้างครอบครัวกันแล้ว มันก็เลยได้สติว่ามันไม่ใช่แค่เราสร้างเนื้อสร้างตัว เงินมันก็แค่ส่วนหนึ่งแต่จริงๆ แล้วเราต้องรอดูแลเขาเป็นครอบครัวกัน”
แต่งงานแล้วชีวิตเปลี่ยน
โอปอล์ :“เปลี่ยนมาก” (หัวเราะ) ตอนเป็นหญิงโสดมันก็เรื่องหนึ่ง พอมีแฟนแล้วมันก็เรื่องหนึ่ง พอคำว่ามีสามีแล้วมันคือเราไม่ใช่คนๆ เดียว คำว่าภรรยามันคือการต้องดูแลเขา การวางตัวการจะไปเที่ยวไหนเราก็ต้องมีความละอายต่อสถานภาพปัจจุบัน ตั้งแต่เปลี่ยนเฟสบุ๊คว่าสมรสแล้ว มันก็ต้องเปลี่ยนค่ะ”
โอ๊ค :“เรามีข้อตกลงว่าจะไม่ทะเลาะกันข้ามวัน มีอะไรก็คุยกัน”
โอปอล์ :“เราไม่ค่อยผิดเลยตั้งแต่คบกันมา (โอ๊คหัวเราะ) ส่วนใหญ่ก็เป็นพี่โอ๊คที่ต้องง้อ”
โอ๊ค : “ผมถือว่าการทะเลาะเกิดขึ้นเมื่อมีทั้ง 2 ฝ่ายครับ ถ้าทะเลาะอยู่ฝั่งเดียวมันก็จะไม่เกิดขึ้น
พร้อมมีทายาท
โอ๊ค : “ตามธรรมชาติเนาะ ถือว่าแล้วแต่โชค ก็รอครับ”
โอปอล์ :“ก็ปล่อย จริงๆ อยากมีทั้งคู่แหละค่ะ แต่ไม่ได้กะเกณฑ์ว่าต้องมีเลยนะมันดูมุ่งมั่น เราปล่อยไปเลยถ้าเขามามันก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะว่าด้วยทุกอย่างเราพร้อม แต่ใจหนึ่งอยากอยู่กับพี่โอ๊คสองคนก่อน แต่เรารู้สึกว่าถ้าเขามาก็มาเลย”
ตอนที่ทั้งคู่เริ่มคบกันใหม่ๆ มีแต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความต่างกันสุดขั้ว แต่ในที่สุดก็สามารถฝ่าฟันเข้าสู่ประตูวิวาห์ได้ “โอปอล์” เผย ไม่อยากตื่นมาโดยที่ไม่มี “โอ๊ค” ด้านฝ่ายชายเผยเลือกโอปอล์เพราะเป็นคนที่มีความรักให้กับทุกคนมากมาย
โอปอล์ : “ตอนเราตัดสินใจคบกันเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องเล่นตั้งแต่แรก และเรารู้สึกว่าเราโชคดีจังเลยที่เราเจอคนที่รักเราและเราก็รักเขาขนาดนี้ ดังนั้นภาวะอื่นๆ ตอนแรกที่คนนั้นไม่พอใจ คนนั้นไม่ชอบ คนนั้นเมาส์มันเป็นสิ่งที่หนัก แต่มันก็แค่ผ่านมาและผ่านไปแต่แรก ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอุปสรรคอะไรทั้งนั้น เมื่อวันนี้มาถึงเพราะว่ามันถึงเวลาแล้ว ไม่อยากอยู่โดยที่ไม่มีเขาแล้ว ดังนั้นปัจจัยใดๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าใครจะรู้สึกอะไร มันไม่ได้ส่งผลอะไรกับเราอยู่แล้วค่ะ”
โอ๊ค :“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามองได้ 2 อย่าง มันจะมองให้เป็นสิ่งที่บั่นทอนเราก็ได้ จะเก็บไปคิดและเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้ หรือจะคิดในแง่ดีก็ได้ว่ามันคือบททดสอบบทหนึ่งที่ทำให้เรารู้ว่า ใครที่รักเราและอยู่ข้างเราตลอดครับ และใครที่เรารักจริงๆ และพร้อมที่จะฝ่าฟัน แม้แต่เรื่องร้ายที่สุด”
“เขาเป็นคนที่คิดถึงคนอื่นเสมอ เป็นคนที่มีความรักมากมายให้ผม ให้้ครอบครัวผม ให้ครอบครัวของเขาและทุกๆ คน ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญครับ เพราะว่าเขาทำให้ผมเข้าใจว่าความรักมันสำคัญต่อคนรอบข้างและมันก็สำคัญต่อโลกใบนี้เลย”
โอปอล์ :“เวลาเราเจอใครสักคนเราไม่มีคำถามอะไรเลยค่ะ ไม่มีคำถามเลยว่าตกลงเขายังไง เรายังไง เป็นความรู้สึกที่เจอแล้วและหลังจากนี้ชีวิตฉันจนตายจะไม่มีวันไหนที่จะไม่มีคนนี้ ไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งต้องมาแต่งชุดแต่งงานและแถลงข่าว และมีงานแต่งงานของตัวเอง เพราะไม่เคยคิดว่าจะแต่งงานจนเจอพี่โอ๊ค”
“วันที่เราได้เจอกันแรกๆ วันที่เราตกลงคบกันแรกๆ รู้เลยว่าพอคนเขาบอกว่าใช่มันเป็นอย่างนี้ มันไม่ลังเล ไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ไม่ต้องอะไรเลยมันรู้แค่ว่าหลังจากนี้ไม่อยากตื่นมาโดยไม่มีเขาแล้ว แล้วพอทุกวันนี้ตื่นมาเจอเขาทุกวัน ชีวิตลำบากแค่ไหนแล้วกลับมาเจอเขามันจบ” (โอปอล์น้ำตาซึม)
ย้อนเล่าเรื่องวันที่ “โอ๊ค” ขอแต่งงานที่ฮอกไกโด
โอ๊ค :“อันนี้เป็นการวางแผนกันระยะยาวเลยครับ เพราะว่าตอนนั้นไปขอกันที่ฮอกไกโดที่ทุ่งลาเวนเดอร์ เป็นที่ที่เขาอยากไปเที่ยวมานานแล้ว ก็เลยตั้งใจเอาแหวนไปซ่อนไว้ในกองลาเวนเดอร์ และก็ไปขอแต่งงานครับ”
โอปอล์ : “ก็ยังยืนยันว่าตอนนั้นไม่รู้ว่าคือขอแต่งงาน รู้ว่าเขาน่าจะซื้อแหวนให้ค่ะ จนเราเข้ามานั่งกินข้าวเช้าและเขาบอกว่าเดี๋ยวกลับไปเราไปดูฤกษ์กันนะ ถึงรู้ว่าฤกษ์แต่งงานเหรอ”
จะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า
โอปอล์ : “บอกกับพี่โอ๊คตั้งแต่ก่อนจดทะเบียนแล้วว่า ทั้งชีวิตให้เขาแล้วนะดูแลฉันด้วย บอกเขาอย่างนี้ค่ะ”
โอ๊ค : “พูดกันอยู่ตลอดครับว่า จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตลอดไปจนถึงวันที่แก่เฒ่าไปเรื่อยๆ ครับ ผมว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด”