โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
แม้จะผ่านพ้นยุคทองของเฮฟวีเมทัลมานานแล้ว
แต่ตราบใดที่ดนตรีร็อกไม่เคยตาย ฉันใดก็ฉันเพล ที่แวดวงยุทธจักรขุนขวานดนตรีเมทัลก็ไม่เคยสิ้นยอดฝีมือ หากแต่มีคลื่นลูกใหม่เติบโตขึ้นมาให้เหล่าสาวกชาวหูเหล็กได้มันสะใจไปกับดนตรีหนักกะโหลกที่ครั้งหนึ่งมันได้เคยแผ่สยายอิทธิพลเข้ายึดครองโลกอยู่พักใหญ่
สำหรับในยุคนี้ที่บ้านเรายังคงหนีไม่พ้นจากผู้ปกครองเผด็จการ ทรราช โกงกิน ขายชาติ หน้าด้าน สารพัดที่จะสรรหาคำมาบรรยาย ซึ่งนี่แม้จะไม่ใช่ยุคทองของดนตรีเฮฟวี่เมทัลเหมือนช่วงยุค 70-80 แต่ในยุทธจักรดนตรีก็ยังมียอดฝีมือวงเมทัลเจ๋งๆกำเนิดเติบโตมาสานสืบเจตนารมณ์ต่อจากเหล่ารุ่นพี่ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “Avenged Sevenfold”(อเวนจ์ เซเวนโฟลด์)หรือ “A7X” ที่โลดแล่นอยู่ในยุทธจักรขุนขวานมากว่า 10 ปี
A7X เริ่มก่อตั้งวงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 ในเมื่อครั้งสมาชิกยังเป็นละอ่อนอยู่ไฮสคูล พวกเขามีอัลบั้มออกมาทั้งหมด 6 ชุด โดยชุดล่าสุด(ชุดที่ 6 )“Hail to the King”(2013)นั้น สามารถทะลุทะลวงขึ้นไปครอบอับดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ด 200 รวมถึงในอีกหลายประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ ส่งผลให้ A7X กลายเป็นวงอันดับ 1 ขวัญใจมหาชนชาวหูเหล็กแห่งยุคสมัย
อัลบั้ม Hail to the King ที่ออกมาภายใต้สังกัด “Warner Music” ประกอบด้วยสมาชิก 5 พะหน่อ คือ “M. Shadows”-แหกปากร้องนำ, “Synyster Gates”-ลีดกีตาร์, “Zacky Vengeance”-ริทึ่มกีตาร์, “Johnny Christ”-ทึ้งเบส และมือกลองคนใหม่คือ“แอริน อิเลเจย์”(Arin Ilejay) ที่เข้ามาตีกลองต่อจาก “ไมค์ พอร์ทนอย” (Mike Portnoy) อดีตมือกลอง(โคตรเทพ)จากวง"ดรีม เธียเตอร์"(Dream Theater) ที่เคยเข้ามาร่วมหวดลีลาเป็นมือกลองรับเชิญในชุดที่แล้ว(Nightmare - 2010) แทน “เดอะ เรฟ” (The Rev) มือกลองคู่บารมีผู้ล่วงลับ โดยมี “Mike Elizondo” เป็นโปรดิวเซอร์
Hail to the King มีทั้งหมด 10 เพลง เปิดประเดิมความมันกันด้วย “Shepherd Of Fire” ที่ขึ้นนำมาด้วยเสียงระฆังกังวานก้อง ตามด้วยริฟฟ์กีตาร์ในแบบย้อนยุค มีเสียงเครื่องเป่าในโทนต่ำฟังกดประสาทเติมทับเข้ามา จากนั้นก็จัดหนักมาด้วยกลอง เบส ที่ฟังซาวนด์แล้วอดนึกถึงเพลง “Enter Sandman” ของป๋าๆวง“เมทัลลิก้า”ไม่ได้
ต่อด้วย “Hail To The King” ที่เทมโป้จังหวะหน่วงลงมาหน่อย แต่ยังอัดไว้ด้วยความหนักแน่น กีตาร์จิ้มสายเล่นนำมาก่อนเข้าเพลงกันในกลิ่นของเมทัลลิก้าอีกครั้ง ทั้งลีลากระหน่ำคอร์ด ริทึ่ม ซาวนด์กระหน่ำกลอง เรียกว่าเป็นร็อกโบราณย้อนยุคให้ผู้โหยหาดนตรีเฮฟวีเมทัลได้รำลึกความหลังกัน
ส่วน “Doing Time” ในแทรคที่ 3 นี้เฮ้ย!!! พวกเล่นซาวนด์แทรชของเมทัลลิก้าอยู่ดีๆ มาเปลี่ยนเป็นซาวนด์กันส์แอนโรสเซสเฉยเลย ทั้งไลน์กีตาร์ ลูกโซโล ทางเบส กลอง โดยเฉพาะเสียงร้องนี้ แหกปากแบบ แอกเซิล โรสมาเลย Doing Time เป็นซาวนด์ฮาร์ดร็อกย้อนยุคที่ดิบและมันมาก
เปลี่ยนกลับมาสู่โหมดเมทัลลิก้าอีกครั้งกับ “This Means War” ที่ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเพลง “Sad But True” ไม่น้อย กีตาร์ในเพลงนี้โซโลได้เยี่ยมมาก โดยเฉพาะท่อนที่เล่นไลน์สวยๆประวานกัน 2 ตัวนั้น ถือเป็นดังการบอกว่า ข้าก็ยังเป็นตัวตนของตัวเองอยู่ ที่เหมือนวงนั้นวงนะตั้งใจคารวะรุ่นพี่ต่างหาก
“Requiem” เพลงนี้ขึ้นนำมาด้วยเสียงคอรัสเพลงสวดชวนให้นึกถึงวงพาวเวอร์เมทัลอย่าง “ราฟโซดี้”(Rhapsody) ขณะที่ในท่อนโซโลกีตาร์นั้น นอกจากทางโน้ตมันๆอันรวดเร็วรื่นไหลแล้ว ยังมีไลน์ออร์เคสตร้าแน่นๆในอารมณ์เพลง“แคชเมียร์”(Kashmir)ของยอดวงเฮฟวี่รุ่นบุกเบิกอย่าง“เลด เซพเพลิน”(Led Zeppelin) เล่นเป็นแถวสอง ก่อนผสมด้วยเสียงพูด เสียงเครื่องเป่าโน้ตต่ำๆ และเสียงคอรัสในแบบพาวเวอร์เมทัล Requiem นับเป็นเพลงที่มีไลน์ประสานซับซ้อนเอาเรื่องที่เดียว
เบรกอารมณ์กับ“Crimson Day” เป็นบัลลาดร็อกซาวนด์ย้อนยุค แต่ฟังเท่ ไม่โหล มีไลน์ออร์เคสตร้าเล่นเสริมประสานหวานพลิ้ว กีตาร์โซโลเมโลดี้สวยกระชากใจ ส่วน “Heretic” เป็นร็อกโจ๊ะๆ มันแบบติดกลิ่น เมกาเดธ(Megadeth)
ต่อกันด้วย “Coming Home” กับลีลามันๆลุยกระหน่ำสู่การปฏิรูปประเทศ เอ้ย!!! เพื่อการกลับบ้าน เพลงนี้กีตาร์เจ๋งมากทั้งลูกโซโล ริทึ่ม กระชากคอร์ด และเล่น 2 ไลน์ซ้อนประสานกัน ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของวง A7X
“Planets” เป็นเมทัลมันสุดติ่ง เพลงนี้แอรินมือกลองโชว์ลีลาการหวดกระหน่ำได้อย่างสะใจ ทั้งจังหวะขัดในช่วงขึ้นนำเพลง และจังหวะรัวเบิ้ลกระเดื่องในเพลงที่พวกจัดใส่มาได้อย่างสุดมัน
มาถึงแทรคสุด “Acid Rain” บัลลาดร็อกความยาวกว่า 6 นาที ขึ้นนำมาด้วยเปียโน ก่อนเติมไลน์ออร์เคสตร้าและกีตาร์เล่นโน้ตโซโลใส่เข้ามา เพลงนี้พี่เอ็ม ชาโดว์ โชว์ลีลาการแหกปากร้องนำได้อย่างสุดยอด หมองเศร้าบาดลึกในอารมณ์ ขณะที่ไลน์เครื่องสายในเพลงนี้ที่เล่นคลอไปตลอดนั้นก็สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงามอลังการ ถือเป็นบทสุดเจ๋งสั่งลา
สำหรับ ชุด Hail to the King เป็นดังการกลับไปหารากของดนตรีเมทัลในยุค 80’s-90’s ของ A7X ซึ่งทางวงได้แสดงการคารวะต่อวงรุ่นพี่ผู้ยิ่งใหญ่ ผสมไปกับความเป็นตัวตนของ A7X ผ่านงานเพลงที่ทำออกมาได้อย่างน่าฟัง เป็นบทเพลงเมทัลในกลิ่นอายย้อนยุคที่ยังคงไปด้วยความร่วมสมัย
ขณะที่ฝีมือของสมาชิกในวงนั้นก็ฟังเติบโตขึ้น ไม่ได้เน้นเล่นหนัก มัน เร็ว เหมือนแต่ก่อน หากแต่เน้นการสร้างสรรค์ที่มีลีลามีจังหวะจะโคน มีเมโลดี้ที่สวยงาม เรียกว่าเอาสิ่งเหล่านี้มาทดแทนกัน ส่วนฝีไม้ลายมือของมือกลองคนใหม่นั้น ก็ถือว่าสอบผ่าน ไม่ได้ตีโดดเด่นแบบพี่ไมค์ พอร์ทนอย เหมือนในชุดก่อน หากแต่เน้นความเป็นทีมเวิร์คเป็นหลัก
และนี่ก็คือความลงตัวของอัลบั้ม Hail to the King ที่ได้ส่งผลให้วง A7X ขึ้นชั้นกลายเป็นวงเมทัลอันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยขวัญใจมหาชนได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งนิตยสารกีตาร์ เวิลด์ ได้กล่าวยกย่องเอาไว้ว่า
“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อเวนจ์ เซเวนโฟลด์ คือราชันย์ของวงการเพลงร็อกยุคใหม่ของอเมริกา นี่คือวงดนตรีที่ควรค่ากับการสานต่อความสำเร็จของ แอโร่สมิธ, กันส์แอนโรสเซส และ คิสส์”
***********************************************************
คลิกฟังเพลง Acid Rain
แม้จะผ่านพ้นยุคทองของเฮฟวีเมทัลมานานแล้ว
แต่ตราบใดที่ดนตรีร็อกไม่เคยตาย ฉันใดก็ฉันเพล ที่แวดวงยุทธจักรขุนขวานดนตรีเมทัลก็ไม่เคยสิ้นยอดฝีมือ หากแต่มีคลื่นลูกใหม่เติบโตขึ้นมาให้เหล่าสาวกชาวหูเหล็กได้มันสะใจไปกับดนตรีหนักกะโหลกที่ครั้งหนึ่งมันได้เคยแผ่สยายอิทธิพลเข้ายึดครองโลกอยู่พักใหญ่
สำหรับในยุคนี้ที่บ้านเรายังคงหนีไม่พ้นจากผู้ปกครองเผด็จการ ทรราช โกงกิน ขายชาติ หน้าด้าน สารพัดที่จะสรรหาคำมาบรรยาย ซึ่งนี่แม้จะไม่ใช่ยุคทองของดนตรีเฮฟวี่เมทัลเหมือนช่วงยุค 70-80 แต่ในยุทธจักรดนตรีก็ยังมียอดฝีมือวงเมทัลเจ๋งๆกำเนิดเติบโตมาสานสืบเจตนารมณ์ต่อจากเหล่ารุ่นพี่ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “Avenged Sevenfold”(อเวนจ์ เซเวนโฟลด์)หรือ “A7X” ที่โลดแล่นอยู่ในยุทธจักรขุนขวานมากว่า 10 ปี
A7X เริ่มก่อตั้งวงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1999 ในเมื่อครั้งสมาชิกยังเป็นละอ่อนอยู่ไฮสคูล พวกเขามีอัลบั้มออกมาทั้งหมด 6 ชุด โดยชุดล่าสุด(ชุดที่ 6 )“Hail to the King”(2013)นั้น สามารถทะลุทะลวงขึ้นไปครอบอับดับหนึ่งบนชาร์ตบิลบอร์ด 200 รวมถึงในอีกหลายประเทศได้อย่างเต็มภาคภูมิ ส่งผลให้ A7X กลายเป็นวงอันดับ 1 ขวัญใจมหาชนชาวหูเหล็กแห่งยุคสมัย
อัลบั้ม Hail to the King ที่ออกมาภายใต้สังกัด “Warner Music” ประกอบด้วยสมาชิก 5 พะหน่อ คือ “M. Shadows”-แหกปากร้องนำ, “Synyster Gates”-ลีดกีตาร์, “Zacky Vengeance”-ริทึ่มกีตาร์, “Johnny Christ”-ทึ้งเบส และมือกลองคนใหม่คือ“แอริน อิเลเจย์”(Arin Ilejay) ที่เข้ามาตีกลองต่อจาก “ไมค์ พอร์ทนอย” (Mike Portnoy) อดีตมือกลอง(โคตรเทพ)จากวง"ดรีม เธียเตอร์"(Dream Theater) ที่เคยเข้ามาร่วมหวดลีลาเป็นมือกลองรับเชิญในชุดที่แล้ว(Nightmare - 2010) แทน “เดอะ เรฟ” (The Rev) มือกลองคู่บารมีผู้ล่วงลับ โดยมี “Mike Elizondo” เป็นโปรดิวเซอร์
Hail to the King มีทั้งหมด 10 เพลง เปิดประเดิมความมันกันด้วย “Shepherd Of Fire” ที่ขึ้นนำมาด้วยเสียงระฆังกังวานก้อง ตามด้วยริฟฟ์กีตาร์ในแบบย้อนยุค มีเสียงเครื่องเป่าในโทนต่ำฟังกดประสาทเติมทับเข้ามา จากนั้นก็จัดหนักมาด้วยกลอง เบส ที่ฟังซาวนด์แล้วอดนึกถึงเพลง “Enter Sandman” ของป๋าๆวง“เมทัลลิก้า”ไม่ได้
ต่อด้วย “Hail To The King” ที่เทมโป้จังหวะหน่วงลงมาหน่อย แต่ยังอัดไว้ด้วยความหนักแน่น กีตาร์จิ้มสายเล่นนำมาก่อนเข้าเพลงกันในกลิ่นของเมทัลลิก้าอีกครั้ง ทั้งลีลากระหน่ำคอร์ด ริทึ่ม ซาวนด์กระหน่ำกลอง เรียกว่าเป็นร็อกโบราณย้อนยุคให้ผู้โหยหาดนตรีเฮฟวีเมทัลได้รำลึกความหลังกัน
ส่วน “Doing Time” ในแทรคที่ 3 นี้เฮ้ย!!! พวกเล่นซาวนด์แทรชของเมทัลลิก้าอยู่ดีๆ มาเปลี่ยนเป็นซาวนด์กันส์แอนโรสเซสเฉยเลย ทั้งไลน์กีตาร์ ลูกโซโล ทางเบส กลอง โดยเฉพาะเสียงร้องนี้ แหกปากแบบ แอกเซิล โรสมาเลย Doing Time เป็นซาวนด์ฮาร์ดร็อกย้อนยุคที่ดิบและมันมาก
เปลี่ยนกลับมาสู่โหมดเมทัลลิก้าอีกครั้งกับ “This Means War” ที่ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเพลง “Sad But True” ไม่น้อย กีตาร์ในเพลงนี้โซโลได้เยี่ยมมาก โดยเฉพาะท่อนที่เล่นไลน์สวยๆประวานกัน 2 ตัวนั้น ถือเป็นดังการบอกว่า ข้าก็ยังเป็นตัวตนของตัวเองอยู่ ที่เหมือนวงนั้นวงนะตั้งใจคารวะรุ่นพี่ต่างหาก
“Requiem” เพลงนี้ขึ้นนำมาด้วยเสียงคอรัสเพลงสวดชวนให้นึกถึงวงพาวเวอร์เมทัลอย่าง “ราฟโซดี้”(Rhapsody) ขณะที่ในท่อนโซโลกีตาร์นั้น นอกจากทางโน้ตมันๆอันรวดเร็วรื่นไหลแล้ว ยังมีไลน์ออร์เคสตร้าแน่นๆในอารมณ์เพลง“แคชเมียร์”(Kashmir)ของยอดวงเฮฟวี่รุ่นบุกเบิกอย่าง“เลด เซพเพลิน”(Led Zeppelin) เล่นเป็นแถวสอง ก่อนผสมด้วยเสียงพูด เสียงเครื่องเป่าโน้ตต่ำๆ และเสียงคอรัสในแบบพาวเวอร์เมทัล Requiem นับเป็นเพลงที่มีไลน์ประสานซับซ้อนเอาเรื่องที่เดียว
เบรกอารมณ์กับ“Crimson Day” เป็นบัลลาดร็อกซาวนด์ย้อนยุค แต่ฟังเท่ ไม่โหล มีไลน์ออร์เคสตร้าเล่นเสริมประสานหวานพลิ้ว กีตาร์โซโลเมโลดี้สวยกระชากใจ ส่วน “Heretic” เป็นร็อกโจ๊ะๆ มันแบบติดกลิ่น เมกาเดธ(Megadeth)
ต่อกันด้วย “Coming Home” กับลีลามันๆลุยกระหน่ำสู่การปฏิรูปประเทศ เอ้ย!!! เพื่อการกลับบ้าน เพลงนี้กีตาร์เจ๋งมากทั้งลูกโซโล ริทึ่ม กระชากคอร์ด และเล่น 2 ไลน์ซ้อนประสานกัน ซึ่งนี่ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของวง A7X
“Planets” เป็นเมทัลมันสุดติ่ง เพลงนี้แอรินมือกลองโชว์ลีลาการหวดกระหน่ำได้อย่างสะใจ ทั้งจังหวะขัดในช่วงขึ้นนำเพลง และจังหวะรัวเบิ้ลกระเดื่องในเพลงที่พวกจัดใส่มาได้อย่างสุดมัน
มาถึงแทรคสุด “Acid Rain” บัลลาดร็อกความยาวกว่า 6 นาที ขึ้นนำมาด้วยเปียโน ก่อนเติมไลน์ออร์เคสตร้าและกีตาร์เล่นโน้ตโซโลใส่เข้ามา เพลงนี้พี่เอ็ม ชาโดว์ โชว์ลีลาการแหกปากร้องนำได้อย่างสุดยอด หมองเศร้าบาดลึกในอารมณ์ ขณะที่ไลน์เครื่องสายในเพลงนี้ที่เล่นคลอไปตลอดนั้นก็สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงามอลังการ ถือเป็นบทสุดเจ๋งสั่งลา
สำหรับ ชุด Hail to the King เป็นดังการกลับไปหารากของดนตรีเมทัลในยุค 80’s-90’s ของ A7X ซึ่งทางวงได้แสดงการคารวะต่อวงรุ่นพี่ผู้ยิ่งใหญ่ ผสมไปกับความเป็นตัวตนของ A7X ผ่านงานเพลงที่ทำออกมาได้อย่างน่าฟัง เป็นบทเพลงเมทัลในกลิ่นอายย้อนยุคที่ยังคงไปด้วยความร่วมสมัย
ขณะที่ฝีมือของสมาชิกในวงนั้นก็ฟังเติบโตขึ้น ไม่ได้เน้นเล่นหนัก มัน เร็ว เหมือนแต่ก่อน หากแต่เน้นการสร้างสรรค์ที่มีลีลามีจังหวะจะโคน มีเมโลดี้ที่สวยงาม เรียกว่าเอาสิ่งเหล่านี้มาทดแทนกัน ส่วนฝีไม้ลายมือของมือกลองคนใหม่นั้น ก็ถือว่าสอบผ่าน ไม่ได้ตีโดดเด่นแบบพี่ไมค์ พอร์ทนอย เหมือนในชุดก่อน หากแต่เน้นความเป็นทีมเวิร์คเป็นหลัก
และนี่ก็คือความลงตัวของอัลบั้ม Hail to the King ที่ได้ส่งผลให้วง A7X ขึ้นชั้นกลายเป็นวงเมทัลอันดับหนึ่งแห่งยุคสมัยขวัญใจมหาชนได้อย่างไม่ยากเย็น ซึ่งนิตยสารกีตาร์ เวิลด์ ได้กล่าวยกย่องเอาไว้ว่า
“ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อเวนจ์ เซเวนโฟลด์ คือราชันย์ของวงการเพลงร็อกยุคใหม่ของอเมริกา นี่คือวงดนตรีที่ควรค่ากับการสานต่อความสำเร็จของ แอโร่สมิธ, กันส์แอนโรสเซส และ คิสส์”
***********************************************************
คลิกฟังเพลง Acid Rain