เปิดใจนักแสดงรุ่นใหญ่มากฝีมือ “เปิ้ล จารุณี” ลั่นบ้านเมืองถึงจุดที่จะต้องเลือกแล้วระหว่างความดีกับความเลว บอกไม่เคยมียุคไหนที่ดี-ชั่วจะชัดเจนเท่านี้ ยันไม่กลัวผลกระทบที่จะตามมา ถามจะอยู่กันอย่างไรถ้าปล่อยให้คนเลวมีอำนาจ
เป็นอีกหนึ่งนักแสดงมากฝีมือคนหนึ่งที่อยู่ในวงการมาได้อย่างยาวนานในส่วนของอดีตกนางเอกคนดัง “เปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์”
โดยล่าสุดนักแสดงเจ้าของฉายา “ราชินีจอเงิน” ก็ได้ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่ออกมาแสดงจุดยืนทางการเมืองร่วมกับกลุ่ม “คปท.” บริเวณย่านแยกอุรุพงษ์ กระทั่งกลายเป็นที่ฮือฮาขึ้นมา และจากนี้ไปคือความในใจของผู้หญิงคนนี้ที่มีต่อสถานการณ์บ้านเมืองของเรา ณ ห้วงเวลานี้
“เรารู้สึกว่าบ้านเมืองของเราถึงจุดที่จะต้องเลือกแล้วว่าคุณจะอยู่ฝั่งดีหรือฝั่งเลว มันเห็นชัด มันเห็นชัดๆ อยู่แล้ววันนี้ แต่ถ้าคุณยังคงหลับตาอยู่คุณจะไม่เห็นอะไร ถ้าคุณยังหลับตาอยู่ก็จะถูกต้อนไปเรื่อยๆ อยู่อย่างนี้ เราลืมตาขึ้นมาเผชิญทุกสิ่งทุกอย่าง เราลืมตาเลือกในสิ่งซึ่งเราสบายใจเพราะเราเติบโตมาในวัฒนธรรมที่ดีที่เราสามารถอยู่ร่วมกันได้ นี่คือประเทศไทยของเรา”
“แต่กลับอีกฟากนึงสิ มันไม่ใช่ มันดูโหดร้าย ดูรุกราน ดูทำลาย ในเมื่อเราลืมตามาเห็นแล้ว แล้วเราก็ลุกขึ้นมาเลือกแล้วก็อย่าว่าเราเลย เราก็อยากจะหาความจริง แล้ววันนี้เราก็เลือกข้างแล้ว ถ้าใครจะไม่เห็นด้วยถามว่าเขาเลือกอะไรล่ะ ถ้าเขามองว่าอีกทางนึงมันมีประโยชน์สำหรับเขาเราก็ไม่รู้จะไปว่าเขายังไง กับธุรกิจของเราซึ่งเราทำอยู่ถ้าวันนึงมีคนมายืนชี้หน้า ว่าคุณทำอย่างนี้ได้ยังไง คุณไปขึ้นเวทีอุรุพงษ์ให้ข่าวอย่างนี้ฉันจะไม่จ้างคุณทำงาน ฉันจะไม่ซื้อของคุณ เราก็เจียมตัวค่ะ ก็บอกเขาไปว่าไม่เป็นไร เพราะเราอยู่อย่างนี้เราสบายใจมากกว่า และเรามีความสุขมากกว่าที่เราได้ทำอะไรที่เราสบายใจ”
หลังจากขึ้นเวทีไปแล้วมีผลกระทบอะไรบ้างไหม?
“มีค่ะ แต่บังเอิญว่าเราเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่แล้วอาจจะไม่มีการเรียกมาคุยชัดเจนนักสำหรับกองละคร แต่ก็มีเตือน มีบอก แล้วบางคนที่ติดต่อกันอยู่ก็หายไปเลยก็มี ละครใครจะตัดพี่ก็ตัดไป เพราะที่มาใหม่ก็ยังมี จริงๆ ที่ตัดออกไปก็มีเข้ามาอีกตั้ง 3 เรื่อง ซึ่งปกติพี่มีละครปีละเครื่องเอง แต่ถึงจะไม่มีก็ไม่เป็นไร เราไม่สนใจเพราะเราก็ทำธุรกิจสุขภาพอยู่ คุณจะมาบอกว่าเขาเป็นเสื้อแดงแล้วเขาจะไม่ซื้อของเรา ไม่เป็นไร”
“เราก็ไม่รู้จะว่ายังไง เราเองไม่มีสี นั่นคือสิ่งที่คุณคิดจากตัวคุณเองมากกว่า แล้วคุณก็ต้องกลับไปคิดว่าสิ่งที่คุณบัญญัติว่าคุณเป็นเสื้อแดงของคุณว่ามันคืออะไร เราแค่เพียงคิดว่าเอ๊ะ บ้านเมืองที่เราเคยอยู่สงบร่มเย็นมีอะไรแปลกไป ดูมีเรื่องราวที่ชัดเจนมากขึ้น สำหรับการแบ่งคนเป็น 2 ฝั่งแล้วทีนี้ก็แล้วแต่คุณแล้ว ที่มาไม่พอใจเราคุณไม่พอใจเราเรื่องอะไร ถ้าคุณจะจัดตัวเองว่าเป็นสีนั่นสีนี้แล้วคุณเลิกคบเรา มาไล่เราออกไปเราก็ไม่รู้จะทำยังไงกับคุณ”
“เราเป็นคนนึงที่เป็นคนไทยที่วันนี้เราเองก็เลือกข้างแล้วว่าเรารักในหลวง เราเลือกบ้านเมืองที่สงบสุข เราเลือกที่จะเป็นคนดี เราไม่เลือกในสิ่งซึ่งจะมีสักนิดนึงที่ทำลายบ้านเมือง เรามองว่าช่วงนี้มันเป็นโอกาสที่คนไทยได้เห็นอะไรกันชัดเจนนะว่า เมื่อก่อนไม่เคยมีใครมาแบ่งดีแบ่งเลวกันชัดๆ อย่างนี้”
ส่วนกรณีกับที่มีบางฝ่ายบางพวกบอกว่าจะลิสต์รายชื่อบรรดาคนบันเทิงที่อยู่ตรงกันข้ามแล้วตามเช็กบิลทีหลังนั้น นักแสดงมากฝีมือบอกถ้ามีจริงๆ ตนเองโดนจดชื่อไปนานแล้ว...“พี่เองคงโดนจดไปนานแล้วแหละ เพราะพี่เองก็อยู่ข้างเวทีอุรุพงษ์มาก็นานแล้ว พี่ไปพี่ไปในฐานะประชาชนคนไทย ไม่ได้ไปในฐานะนักแสดงแล้วเอาความเป็นนักแสดงมาทำอะไรเลย”
“เราแค่อยากเห็นบรรยากาศบ้านเมืองเราเก่าๆ ที่อยู่กันอย่างสงบสุข เมื่อก่อนอาจจะมีความขัดแย้งกันบ้างในเรื่องของการทำมาหากิน ซึ่งเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันก็เป็นไปตามกลไกของระบบสังคมไม่ใช่ทาสเหมือนปัจจุบัน ปัจจุบันเป็นทาส น่ากลัวนะ แต่ถ้าจะถามว่าจะมีวิถีทางแก้ไขยังไงบ้าง เราตัวเล็กๆ เราไม่รู้ เราเพียงแต่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองนี้ในช่วงระยะเวลา 10 ปีเป็นต้นมา เพราะมันมีระบบแทรกแซงและกลืน ถ้าพูดถึงระบอบการปกครองพี่ว่าปลอมนะคะประชาธิปไตย ไม่ใช่ประชาธิปไตยจริงๆ”
เจ้าตัวยอมรับบางเรื่องบางประเด็นตนอาจจะไม่รู้ในรายละเอียด แต่สิ่งที่เห็นกันชัดเจนในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาก็คือการที่คนเห็นแก่ตัวบางคนกำลังทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเอง
“ในเรื่องกฎหมายอย่างเพิ่งให้พี่พูดเลยจริงๆ เราไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึก เราเข้าใจฐานะของประชาชนเฉยๆ ว่าถ้าสมมติว่าคุณขายประเทศได้ คุณพอใจหรือ...คุณพอใจหรือ ประเทศไทยคือประเทศไทย ไม่ใช่บริษัทของคุณ ถ้าสมมติคุณขายประเทศได้เพราะคุณปรับกฎหมาย จะทำอะไรตามใจตัวเองก็ได้ ฉันไม่ต้องแจกแจงว่าทำไม เดี๋ยวฉันจะทำใบเสร็จมาบอกคนนั้นคนนี้ว่าจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ มันก็หมดไงประเทศ เหมือนกับที่เงินมันหมดๆ ไปแล้วไม่รู้กี่ก้อนต่อกี่ก้อน”
“เหมือนที่พ่อหลวงเคยบอกว่าอย่าให้คนเลวมีอำนาจ มันจะล่มสลายหมด เราต้องยิ่งรวมตัวกันให้ได้เยอะๆ แล้วล้างมันออกไป แต่เราเองก็ไม่มีอำนาจอะไร เรามีแต่ความรู้สึก เราไม่ได้ฟังมาเฉยๆ แล้วมาพูด เรารู้สึกสงสัยแปลกใจมาเป็น 10 ปี เราติดตามดู แต่เราไม่ค่อยมีสื่อที่ทำให้เราได้รู้เห็นเรื่องจริงเลย เปรียบเทียบหากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมา รุ่งเช้ารายการข่าวนิยมทั้งหลายแหล่มันไม่เสนอเลย นั่นพูดไปไหนอ่ะ บางเรื่องเราก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เรารู้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะว่าเขาถูกแทรกแซงหมดแล้ว...”