xs
xsm
sm
md
lg

อาลัย“น้าวี สองวัย”...จากเพลงเด็กถึงผู้ใหญ่ เตือนใจไทยเฉย/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์เพลงวาน โดย : บอน บอระเพ็ด(skbon109@hotmail.com)
น้าวี  เมื่อครั้งไปออกรายการ ดนตรี กวี ศิลป์ ทางไทยพีบีเอส
ใบไม้ดนตรีปลิดขั้วจากไปอีก 1 คน สำหรับ “วีระศักดิ์ ขุขันธิน” หรือ "น้าวี สองวัย" ที่จากไปอย่างสงบในช่วงใกล้ 5 ทุ่ม(22.43 น.)ของคืนวันศุกร์ที่ 27 ก.ย. 56

น้าวี เกิดในปี พ.ศ. 2498 ที่อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เขาเป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง นักคิด นักเขียน นักต่อสู้ นักเคลื่อนไหวเพื่อสังคมธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำหรับผลงานอันโดดเด่นเป็นอมตะของน้าวีก็คือ การก่อตั้งวงดนตรีชื่อ “สองวัย” วงดนตรีเพื่อเด็กที่ถือเป็นอีกหนึ่งตำนานของยุทธจักรวงการเพลงไทย

สองวัย มีสมาชิกวงเป็นผู้ใหญ่กับเด็ก เป็นกลุ่มคน 2 วัยตามชื่อวง

วัยผู้ใหญ่ นำโดย “น้าวี - วีระศักดิ์ ขุขันธิน” ผู้ก่อตั้งและหัวหน้าวง กับ “น้าต้อม - กิติพงษ์ ขันธกาญจน์”(เสียชีวิตไปก่อนหน้าน้าวีแล้ว) ยอดนักกีตาร์ ซึ่งว่ากันว่าทั้งคู่เจอกันที่สวนสนุกแฮปปี้แลนด์ก่อนมาจับมือทำวงดนตรีด้วยกัน ก่อนที่ “น้าซู - ระพินทร์ พุทธิชาติ”(ที่ภายหลังก่อตั้งวงซูซูสร้างชื่อเสียงจนโด่งดัง)จะเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันอีกแรงในชุด 2 และ 3

ส่วนวัยเด็ก คือ เหล่าน้องๆหนูๆ(ในยุคนั้น)จากรายการสโมสรผึ้งน้อย ประกอบด้วย "น้องอ้อย-เปรมสิณี เอียดเอื้อ" หรือ "อ้อย กะท้อน","น้องนุช-ปิยะนุช บุญประคอง"(น้องคนเล็ก), "น้องโอ๋-ศุภิสรา เอียดเอื้อ", "น้องน้อย-สมพิศ ศิลปะวานนท์" และ "น้องมุก- มุกดา ศิลปะวานนท์" ซึ่งวันนี้สมาชิกวงสองวัยในวัยเด็กกลายเป็นวัยผู้ใหญ่ เป็นคุณแม่ คุณป้า คุณน้ากันหมดแล้ว
ปกอัลบั้มสองวัยชุดแรก
สองวัย มีผลงานอัลบั้มออกมาเพียง 3 ชุด คือ ชุดแรก“เจ้าผีเสื้อเอย” ชุดสอง “กระแตตื่นเช้า” และชุดสุดท้าย“นาฬิกา

บทเพลงของสองวัย หลักๆแล้วจะเป็นเพลงโฟล์ค ดนตรีเรียบง่ายมีเสน่ห์(จะมีในชุด 3 เพิ่มเสียงสังเคราะห์และเสียงไฟฟ้าเข้ามามากขึ้น) ท่วงทำนองไพเราะ เนื้อหาดี ภาษาสวยงาม

ที่สำคัญคือมีเสียงร้องใสๆอันน่ารักน่าฟังของเด็กๆ(ผสานกับเสียงผู้ใหญ่ในหลายเพลง) ฟังแล้วอิ่มเอมในอารมณ์ ชนิดที่ผู้ใหญ่หลายๆคนในยุคนี้ที่เคยฟังของเพลงสองวัย เมื่อย้อนกลับไปฟังเพลงนี้อีกนอกจากจะอดอมยิ้มไม่ได้แล้ว เพลงของสองวัยยังเป็นยังไทม์แมชชีนพาจินตนาการบางคนโบยบินกลับไปสู่วัยเยาว์อันสวยงาม ซึ่งในยุคนี้ พ.ศ.นี้ หาฟังเพลงดีๆ แบบนี้ได้ยากเต็มที

สำหรับบทเพลงเด่นเพลงดังของสองวัยนั้นก็มีอยู่มากหลาย อาทิ “เจ้าผีเสื้อเอย”, “ลูกหมูใส่รองเท้า”, “ลูกแกะกับหมาป่า”, “ใบไม้ร่วง”,“ไม้ไผ่ร้องเพลง”, “จราจร จลาจล”, “คิดถึงกันบ้างนะ” และ “สะพานสายรุ้ง” เป็นต้น

สองวัยแม้เป็นวงดนตรีที่มุ่งนำเสนอเพลงเพื่อเด็ก แต่หลายบทเพลงของเขา เป็นเพลงที่มีเนื้อหากว้างไกลไปกว่าเพลงเด็กมาก ยกตัวอย่างเช่น

เจ้าผีเสื้อเอย”(ชุด 1) กับ “ถามผีเสื้อ”(ชุด 2) ทั้ง 2 เพลงเป็นดังเพลงภาคต่อกัน เป็นการตั้งคำถามถึงความงามของผีเสื้อที่หายไป ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการทำลายสิ่งแวดล้อมของมนุษย์เรานั่นเอง

ใบไม้ร่วง” กับ “ดอกไม้หายไปไหน” 2 บทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวปัญหาสิ่งแวดล้อมอันเกิดจากน้ำมือมนุษย์ ซึ่งในวันนี้นอกจากจะไม่ต่างจากอดีตแล้วยังมีแต่ย่ำแย่ลงกว่าเดิมอีกด้วย หรือ “แมลงปอปีกใส” ที่แม้เสียงร้องฟังใสๆน่ารัก แต่เนื้อหาที่ว่าด้วยเรื่องราวของธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายลงทุกวันนั้นฟังรันทดใจดีแท้

จราจร จลาจล” เรื่องราวคลาสสิกบนท้องถนนกรุงเทพฯที่บทเพลงได้นำเสนอผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว แต่สภาพการณ์มีแต่เลวร้ายลง

หรือจะเป็นเพลง “สะพานสายรุ้ง” ที่เป็นอีกหนึ่งบทเพลงสุดคลาสสิกของ 2 วัย ที่ภาคดนตรีมี 2 พาร์ทสลับกันระหว่างเนิบช้ากับคึกคักเริงร่า กับเนื้อหาที่พูดถึงโลกในอุดมคติเป็นดังบทเพลงเพื่อโลกเพื่อมนุษยชาติที่น่าฟังยิ่ง
ภาพในอดีตของน้าวีกับสมาชิกวงสองวัยจากวิกิพีเดีย
ขณะที่อีกหนึ่งบทเพลงของสองวัยที่ผมจะพูดเป็นหลักในคอลัมน์นี้ก็คือ เพลง “ลูกแกะกับหมาป่า” (ชุด 1) ซึ่งหลังจากแต่งเพลงนี้ออกมาน้าวีก็ได้นำเนื้อหาในบทเพลงไปเขียนเป็นพ็อกเก็ตบุ๊คนวนิยายเรื่องแรกในชีวิต(ของน้าวี) ชื่อ “จึงตวาด อ้ายแกะน้อย!”

ในอดีตก่อนน้าวีแต่งเพลงนี้ เคยมีนิทานอีสปเรื่องดังคือ“หมาป่ากับลูกแกะ” เล่าเรื่องราวของหมาป่าบ้าอำนาจที่หาข้ออ้างข้างๆคูๆในการตะครุบกินเจ้าลูกแกะผู้น่าสงสาร ซึ่งมีคนตีความว่านิทานเรื่องนี้ว่าสอนให้รู้ว่า “คนชั่วมักหาข้อแก้ตัวให้กับการกระทำของตัวเองได้เสมอ” หรือบ้างก็ตีความว่า “เมื่อเจอคนพาลต้องหลบลี้หนีให้ไกล”

แต่ในเพลงลูกแกะกับหมาป่าที่น้าวีเขียนขึ้นนั้นมีเนื้อหาต่างไปจากนิทานอีสป

เพลงนี้นำเสนอเรื่องราวของลูกแกะที่ถูกหมาป่าบ้าอำนาจขี้โกงเอารัดเอาเปรียบ อ้างว่าเป็นเจ้าของบ่อน้ำที่ธรรมชาติสร้างให้กับเหล่าสรรพชีวิตบนโลก แต่เจ้าหมาป่าใช้อำนาจแอบอ้างว่าเป็นบ่อน้ำของตน และหาเหตุเพื่อที่จะจับลูกแกะน้อยกิน แต่บทเพลงหักมุมจากนิทาน เพราะลูกแกะหาได้กลัวต่อหมาป่าอันธพาลไม่ หากแต่เหล่าบรรดาแกะได้รวมตัวกันต่อสู้กับหมาป่า พร้อมขับไล่จอมวายร้ายนี้ออกไป

บทเพลงลูกแกะกับหมาป่า ได้ให้ข้อคิดเตือนใจต่อคนฟังว่า ความกล้าไม่กลัวต่ออำนาจชั่วร้ายไม่สยบยอมต่อความไม่ถูกต้องและความสามัคคีที่เกิดจากการรวมตัวกัน สามารถก่อให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่โค่นล้มอำนาจชั่วร้ายของเหล่าอธรรมได้

สำหรับเพลงลูกแกะกับหมาป่า นับเป็นเพลงที่มีเนื้อหาเข้ากับสถานการณ์ของบ้านเมืองเราในยุคนี้ พ.ศ.นี้มากทีเดียว เพราะเหล่าผู้ปกครองส่วนหนึ่งที่เป็นดังหมาป่าขี้ข้าจอมมารดูไบที่มีสมุนลูกกระจ๊อกเป็นกระบือ นับวันๆยิ่งเหิมเกริมบ้าอำนาจมากขึ้นทุกวัน พวกมันทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเจ้านายจอมมารและพยายามฮุบประเทศเป็นของตัวเอง

ขณะที่เหล่าประชาชนที่เป็นดังลูกแกะนั้น ถ้าหากเข็มแข็ง กล้าหาญ มีความสามัคคีดังในบทเพลง สามารถรวมพลังกันได้ งานนี้หมาป่าไม่มีวันชนะ

แต่ในความเป็นจริงของยุคนี้ก็คือ แม้หมาป่าจะโกงบ้านกินเมือง ทำลายป่าทรัพยากรธรรมชาติ กินรวบประเทศ ลุแก่อำนาจ หมิ่นฟ้าจาบจ้วง ขายชาติขายแผ่นดิน แต่ลูกแกะส่วนใหญ่ยังคงเป็นไทยเฉย ที่ไม่รู้สึกรู้สา ไม่สนใจว่าหมาป่าจะทำเรื่องเลวร้ายสารพัดสารพันอย่างไร

ดังนั้นการที่ลูกแกะจะถูกหมาป่าค่อยๆตะครุบกินไปพร้อมกับการล่มสลายของประเทศ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และนี่ก็คือข้อคิดดีๆที่แฝงมาในบทเพลงของสองวัย วงดนตรีเพื่อเด็กที่หลายๆเพลงของพวกเขา หากฟังให้ลึกในรายละเอียด จะแฝงไปด้วยข้อคิดคติเตือนใจ ความเป็นห่วงเป็นใยในสิ่งแวดล้อม การปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ รวมไปถึงบทเพลงต่อสู้กับอำนาจอธรรมที่ฟังแล้วช่วยกระตุกเตือนต่อมสำนึกของผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี

แถมบางเพลงแม้เวลาจะผ่านมากว่า 30 ปีแล้ว แต่ยังคงมีความร่วมสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ
********************************************************

เพลงลูกแกะกับหมาป่า

วันหนึ่งที่ถึงมา มีหมาป่าหน้าตาน่ากลัว
งมงายหลงเมามัว ว่ามีอำนาจน่ากลัวน่าเกรง
ท่องเที่ยวไปในป่า หาอาหารเลี้ยงตัวเอง
วางท่าน่าอวดเบ่ง เป็นนักเลงระรานทั่วไป

ตะวันก็จวนจะคล้อย มันเดินลิ้นห้อยหิวโซ
ดั้นเดินมาก็ไกลโข ยังหาเหยื่อไม่ได้สักตัว
เดินท่องมาตามลำธาร หิวจนลนลานหน้าตามัว
เห็นลูกแกะยืนอยู่หนึ่งตัว เดี๋ยวจะเคี้ยวให้หายเข็ดฟัน

ลูกแกะตัวน้อยๆ ยืนดื่มน้ำอยู่ปลายลำธาร
แกล้งกลัวตัวลนลาน เมื่อเห็นอันธพาลเดินเข้ามา
ข่มใจไม่ให้กลัว แล้วหันหน้าเข้าประจัญ
ร้องทักออกไปพลัน “วันนี้สบายดีหรือไร”

เจ้าหมาป่ามันไม่ตอบ นึกขอบใจฟ้าขอบใจสวรรค์
ส่งอาหารมาเป็นชิ้นเป็นอัน ขอบคุณสวรรค์เบื้องบน
จึงตวาด “ไอ้แกะน้อย”!! ไยมาทำอ้อยสร้อยให้น้ำขุ่นข้น
ลำธารทั้งล่างทั้งบน เป็นของตัวตนข้าเพียงผู้เดียว

แกะน้อยจึงร้องว่า “ช้าไปก่อนพี่ท่านเอย
ก็แห่งนี้ข้านี่เคย ใช้กันมาแต่ช้าแต่นาน
อย่ามาทำอวดตัว ข้าไม่กลัวหรอกเจ้าตัวพาล
หากมัวทำตัวระราน อีกไม่นานจะโดนดี”

เจ้าหมาป่านึกฉุนเฉียว “วะ เดี๋ยวนี้ ทำอวดดี
ไม่รู้หรือนี่คือใคร ไยไม่ใส่ใจนำพา”
ฉับพลันในทันที หมาป่าก็รี่เข้าไปหา
แต่ต้องรีบถอยออกมา ทำหน้าตาน่าตกใจ

(คอรัส)ลัลลาลัลลา...........

ลูกแกะตัวน้อยๆ ยืนเป็นร้อยอยู่เรียงราย
ยืนกล้าไม่กลัวตาย หากหมาป่าหมายจะเข้ามา
ส่งเสียงร้องแช่งด่า “ไอ้หมาป่าใจด้านชา
หากเอ็งกดขี่บีทา ต้องเจอกับข้าผู้รักความเป็นธรรม”

ลูกแกะตัวน้อยๆ ยืนเป็นร้อยอยู่เรียงราย
หมาป่าไม่กล้าย่างกราย ที่จะหมายเข้ามาจับกิน
“หมดสิ้นแล้วซิกู” ยืนหางลู่ก้มหน้าดูดิน
“ชื่อเสียงเห็นทีจะสิ้น ต่อไปนี้จะหากินอย่างไร”

ลูกแกะตัวน้อยๆ ยืนเป็นร้อยอยู่เรียงราย
รวมพลังทั้งใจกาย ขับไล่วายร้ายที่มารุกราน
ทำใจให้เข้มแข็ง ร่วมแรงกันอย่างอาจหาญ
ขับไล่ไอ้ตัวมาร ที่คอยรุกรานและคอยทำลาย

(คอรัส)ลัลลาลัลลา...........
******************************************************

คลิกฟังเพลง "ลูกแกะกับหมาป่า"
กำลังโหลดความคิดเห็น