“โจ” น้องเขย “จาพนม” นำทีม พ่อ-แม่-พี่ชาย เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยืนยันไม่มีใครทำร้ายบุ้งกี๋ มีแต่บุ้งกี๋กับจาที่ทำร้ายเตะต่อยและผลักจนพ่อกระเด็นกอดขา ลั่นไม่ได้ลักพาตัวจาและจากำลังจะเดินตามไปขึ้นรถแต่บุ้งกี๋เข้ามาห้าม เผยพ่อจาไม่ได้ต่อยบุ้งกี๋แต่คู่กรณีอาจโมโหจนเลือดตาแตก โอดจาเปลี่ยนไปอาจโดนของหรือโดนมอมยา ประกาศเอาเรื่องถึงที่สุดไม่มียอมความ
หลังจากที่ “บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์” ภรรยา “จาพนม ยีรัมย์” นักแสดงชื่อดังได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองและสามีถูก “นายทองดี ยีรัมย์” พ่อของจา “นางรินทร์ ยีรัมย์” แม่ของจา “ทวีศักดิ์ ยีรัมย์” พี่ชายของจา และ “โจ ธรัช ศุภโชคไพศาล” น้องเขยของจา ขับรถชนท้ายและรุมทำร้ายร่างกายทั้งตบ เตะ ต่อย กระทืบ โดยเฉพาะพ่อของจานั้นถึงกับต่อยเข้าที่เบ้าตาบุ้งกี๋จนตาห้อเลือด เพื่อที่จะลากจาขึ้นรถ
ล่าสุดโจและครอบครัวของจาไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่ชาย ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ไม่ได้ลักพาตัวจา และจากำลังจะเดินตามไปขึ้นรถแต่บุ้งกี๋เข้ามาห้ามไม่ให้ไป ยันไม่มีใครทำอะไรจากับบุ้งกี๋ มีแต่บุ้งกี๋ที่เป็นฝ่ายทำร้าย และไปฟ้องจาว่าตนเองถูกทำร้ายทำให้จาสติแตกชกต่อยน้องเขย และผลักพ่อกระเด็น พ่อจาไม่ได้ต่อยบุ้งกี๋แต่คู่กรณีอาจโมโหจนเลือดตาแตก เผยจาเปลี่ยนไปอาจโดนของหรือโดนมอมยา ประกาศเอาเรื่องถึงที่สุดไม่มียอมความ โดยตอนนี้พ่อ แม่ พี่ชาย น้องเขย และน้องสาวของจา ได้เข้าแจ้งความว่าถูกจาและบุ้งกี๋ทำร้ายร่างกาย
ซึ่งโจก็เผยว่า ขณะนี้ตนมีกอาการเลือดออกในสมอง หากไม่หยุดต้องทำการผ่าตัด โดยโจและครอบครัวของจาก็ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ชนิดเป็นหนังคนละม้วนกับที่บุ้งกี๋เล่า
“ก็ตั้งแต่เมื่อวานหลังจากโดนทำร้ายตำรวจก็ให้ส่งตัวไปตรวจ ผมโดนทุบหัวค่อนข้างต่อเนื่องเยอะ ผมปวดหัวมากและอาเจียนก็เอ็กซเรย์สมองก็มีเลือดออก หมอก็เลยต้องอยู่โรงพยาบาล(ใส่เครื่องช่วยหายใจด้วยระบบหายใจมีปัญหาไหม) ผมไม่ทราบหมอให้ใส่แต่ผมก็หายใจปกติครับ ตอนนี้ก็เจ็บทั้งตัวขาระบมหมดเลย”
“ถามว่าทะเลาะกันไหมผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ไม่มีใครทำอะไรเขาเลย ไม่มีใครตีเขาเลยเราได้แต่บอกว่าเรามาดี พาพ่อมาเจอกับพี่ แต่ด้วยความที่คนเหล่านั้นเขาคงบันดาลโทสะคุ้มคลั่งเจอเราเขาก็ได้ทุบต่อยเลย ทุบเหมือนเดิมเหมือนเจอที่งานแต่งงานเจอหน้าแล้วเขาทุบเลย ไม่พูดพร่ำทำเพลงด่าแล้วก็ทุบ อันนี้ที่ผมเจอนะทุบไปด่าไปเรายังจับแขนพยายามป้องกันตัวเรา แต่เราก็บอกนี่พี่เป็นผู้ชายนะ เขาก็ท้าทายมึงแน่จริงมึงกล้าไหมมึงทำสิ ด่าไอ้เห-ย ด่าอะไร”
“เรารู้อยู่แล้วว่าเรามาหาเนี่ย เราพาคนแก่มาพาพ่อแม่มาเราไม่ได้กะไปหาเรื่องใครเหมือนที่เขาบอก เราก็ไปกันเองกับพี่น้องก็โดนขนาดนี้ ผมโดนสองต่อ โดนตรงนั้น(หน้ารร.สารสาสน์) มันไม่เท่าไหร่ ผมโดนหลอกไปกระทืบต่อที่บ้าน เพราะตอนที่แยกกันจากการที่ทะเลาะกันตอนแรก คุณพ่อกอดจาไว้ผู้หญิงก็ดึงออกก็ตบก็ตีพ่อ พ่อเขาโดนด่าเยอะโดนตีเยอะทุกคนแจ้งความหมดเพราะโดนผู้หญิงทำร้ายหมด ผมโดนจาต่อยเตะ เขาคงโกรธบันดานโทสะทำไมผมพาพ่อแม่มา”
“เราก็ขึ้นรถไปกับเขา เขาบอกจะไปสน. เราคุยกันบอกไปสน.นะพี่มาดีมีอะไรสน.นะ ไปโรงพักก็ได้แต่ให้คุยกับพ่อแม่ก่อนอย่าพึ่งหนีไปไหน เพราะเมียจาเนี่ยเขาจะพยายามทำยังไงก็ได้พยายามไม่ให้ใครถึงจาเอาตัวจาไปได้ พ่อเขาล้มนอนฟุบอยู่กับพื้น ตัวเขาเองก็นอกจากจะไปไล่ทุบคนแล้วที่ผมต้องไปลากเขาออกที่เขาบอกว่าแขนเขามีรอยน่ะครับ รถภรรยาผมจอดอยู่เขาไม่มายุ่งเขานั่งอยู่ในรถ แต่เขาก็ยังวิ่งขึ้นไปในรถไปตบไปตีเขาอยู่ในรถ ก็ต้องช่วยกันดึงออกมา ดึงธรรมดาก็ไม่ออกต้องกระชากออกมา เขาก็เลยโดนดึงแขน”
“พอเขาโดนดึงแขนเขาก็วิ่งไปร้องโอดครวญกับจาว่าน้องโดนทำร้าย น้องโดนทุบโดนตีพวกนี้มันทำน้อง ไม่มีใครทำเขาซักคนเพราะเราไปไม่ได้จะไปทำอะไร เพราะเรามาจากสุรินทร์เพราะพ่อเขาอยากเจอจาเพราะจาจะไปอเมริกา ผมก็บอกผมจะลองช่วยอีกที จริงๆ เราก็ไม่อยากยุ่งตั้งแต่แรกรู้ทั้งรู้อยู่แต่มันก็ต้องทำ คือมันมีหลายเรื่องที่จะต้องคุย มันไม่ใช่แค่เรื่องเจอไม่เจอ มันมีเรื่องเยอะมาก ตั้งแต่มีปัญหามา 3-4 ปีมันไม่ได้คุยกันมีอะไรที่ยังไม่ได้เคลียร์ คนเรามีการศึกษาเราก็อยากคุยกันแค่นั้นเอง แต่ว่าพอมาก็เจอแบบนี้”
ยันไม่ได้ตบ ไม่ได้กระทืบ
“ถ้าทำอย่างนั้นจริงๆ ก็ให้นักข่าวดูเขากับดูผม ดูได้เลยเป็นยังไงบ้าง ทั้งหมดทั้งตัวเป็นแผล(เปิดเสื้อให้ดูรอยแผลที่ท้อง)อันนี้โดนถีบ ทั้งตัวครับเขียวฟกช้ำหมด หัวผมก็ระบมเขาทุบเพราะผมได้แต่กัน เขาทำอะไรผมทำได้อย่างมากก็แค่จับแขนเขาไว้แล้วกันหรือไม่ก็ผลักออก ที่ทำก็เท่านั้นเพราะว่าจะให้คนมายืนทุบหัวดื้อๆ มันก็เจอน่ะ มันก็ต้องรีเฟล็กอยู่แล้ว และไอ้ที่ดึงเขาเนี่ยเพราะภรรยานั่งอยู่ในรถเข้าไปตบเขาอ่ะ เขาไม่ได้ยุ่งก็เข้าไปตบเขา โกรธเกลียดอะไรกันนักก็อยากจะรู้ว่ามีปัญหาอะไรกัน แต่ประเด็นคือเขาก็จะพูดเหมือนที่ให้ข่าว พูดเรื่องเงินเรื่องทอง ผมบอกผมไม่เกี่ยวผมไม่ยุ่ง เรื่องพ่อป่วยไม่ป่วยก็ไม่เกี่ยวอีก พ่อเขามีอะไรอยากจะเจอลูกเคลียร์กับลูกก็อยากจะมาคุยดีๆ”
“บุ้งกี๋” ให้ข่าวว่า “จา” ต่อยกับ “โจ” น้องเขยจนตกไปคูน้ำข้างทาง แต่โจบอกเป็นคนโดนจาต่อย
“จาเขาต่อยผมหลายรอบ พอเมียเขาไปฟ้อง จริงๆ เขาทำท่าจะไปต่อยผมตั้งแต่ก่อนเมียเขาไปฟ้องแล้ว แต่พ่อเขากอดจาไว้อยู่ก็เลยเหมือนยังเอาอยู่ พ่อกอดจาไว้แน่นเลยนะในสภาพตอนนั้น คือถ้าบอกว่าพ่อทำร้ายจา พ่อตัวแค่ไหล่เตี้ยกว่าจา แล้วน้ำหนักจากับแกเทียบกันคนละไซส์เลยนะแกจะเอาจาอยู่ได้ไง”
ส่วนที่ “บุ้งกี๋” บอกว่า พ่อ พี่ชาย และชายอีก 2 คนมากอดรัดจะเอาขึ้นรถ “โจ” อธิบายว่า
“คนสองคนที่มานี่ไม่เกี่ยว คือรถผมขับคนละคันกับเมีย ผมโทรเรียกลูกน้องมาเอารถให้พี่หน่อยจอดทิ้งที่ถนนตรงโรงเรียน เขาก็ไปเอารถกับผมแค่นั้นเองไม่มีใครมายุ่ง ชาวบ้านเห็นเป็นร้อยนักเรียนเลิกเรียนกัน ผมตะโกนให้คนมาช่วยพวกผมน่ะ ใครกันที่โดนทำร้าย ที่เขาหยุดเพราะมีคนเข้ามาช่วย ตอนแรกมีแต่คนยืนดูนะ จนมอเตอร์ไซค์วินสองคนเข้ามาประคองพ่อเขาถึงหยุด”
“แล้วที่บอกว่าลงคูน้ำนั่นคือรอบหลังๆ ผมโดนเขาเตะต่อยถีบวิ่งหนีรอบรถจนผมล้มไปกับถนนรถเกือบทับผมนะ พอตอนหลังผมพูดกับเขาว่า พี่นี่มาดีนะ พี่คุยกับพ่อหน่อยจะได้สบายใจมีปัญหาอะไรกันขอคุยหน่อย ไม่คุยตรงนี้ไปคุยที่บ้านหรือไปคุยที่โรงพักก็ได้ พาผมไปโรงพักไปสน.เลยจับผมเลยก็ได้ จนตอนหลังทุบผมไปโดนทุบพ่อแล้วพ่อก็ล้มอีก พ่อเขาบอกกับจาว่า ทุบน้องทำไมทุบพ่อก็ได้ ผมบอกไม่ต้อง ถ้าอยากทุบมาทุบแต่ขอให้คุยกันขอให้หยุดให้พอ ก็ยังไม่หยุดไงไม่พอ เพราะตอนหลังผู้หญิงเขาไปพูดให้จาโกรธว่าทำเขาทุกคนมาตีเขาทั้งที่ไม่มีใครทำ แต่ผมก็ตะโกนใส่หน้าจานะจนจาหยุดตอนแรกจะวิ่งมาซัดใส่ผมรอบหลัง ผมต้องไปดึงเขาออกเพราะเขาวิ่งไปทำแววต้องไปดึงออกถ้าไม่ดึงออกหน้าคงจะเละ เพราะเขาตัวใหญ่กว่าพวกเรานะดึงธรรมดาดึงไม่ออกนะ”
สรุปสาเหตุการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นเพราะ “บุ้งกี๋” ที่เริ่มขึ้นก่อน
“เกิดจากบุ้งกี๋เลยเห็นผมก็จัดการเลยเหมือนเดิม เอาประตูกระแทกผมฟาดหน้าใส่ผมและก็ทุบผมด้วยมือถือ ผมไม่ไหวจนผมต้องลงจากรถ ผมพูดจริงๆ เลยเราจะไปหาจาก็หาทางอยู่ไม่กล้าเข้าไปบ้าน เพราะเข้าไปแล้วโดนด่า กลัวว่าจะไม่อยู่ กลัวว่าจะบุกรุกเพราะเขาเคยขู่มาก่อนหน้านี้แล้ว และก็กลัวโดนด่า เพราะเคยโดนด่ามาแล้วด่าหนักๆ ด่าถึงโคตรพ่อโคตรแม่รุมด่า ทั้งบ้านเขาด่าที่บ้านเราเนี่ย ครั้งนั้นผมไม่ได้ไปด้วยแต่เมียผมไป นอกจากนั้นแล้วก็ยังโดนตบมาก่อนหน้านี้ด้วย เจอตลอดก็จะเป็นอย่างนี้ตลอดก็เลยไม่อยากเจอสภาพนั้น(ก็เลยสะกดรอยตาม) ก็เลยให้ผมไปดูว่าอยู่ไหม ผมก็พึ่งมาจากสุรินทร์เมื่อคืนก็ไปอยู่โรงแรม และก็ไปดูที่บ้านก็เห็นจากับบุ้งกี๋จริงๆ”
“ผมเห็นจากับบุ้งกี๋อยู่ที่บ้านพอดีกำลังไปดูอุบัติเหตุกัน ผมก็ดีใจโทรบอกเห็นจาแล้วนะจาอยู่ที่บ้านจะเอายังไงจะเข้ามาเลยไหม ระหว่างที่โทรตามยังไม่มา ผมก็ขับวนไม่กล้าจอดกลัวเขาหาว่าจะมาทำอะไร อันนี้เป็นเหตุการณ์ก่อนจะไปโรงเรียน พอเราวนมาอีกรอบหนึ่งก็เห็นรถจากำลังออกเราก็เลยขับตามและก็โทรไปบอกว่า ขับตามมานะมาตรงๆ นี้ ตอนแรกก็คลาดกัน แต่เราก็รู้ว่ามีหลานคนหนึ่งเรียนก็เลยไปจอดดักรอตรงถนนก็เลยจาเราก็ขับตามๆ จังหวะตามมันเบรกกะทันหันก็ไปโดนเขา”
“พูดจริงๆ เลยนะทีแรกไม่รู้ว่าเป็นจาหรือเปล่าแต่คิดว่าเป็นจาเพราะรู้ว่ารถจา แต่แจ็คพ็อตพอดีเลยโดนท้ายรถเขา เขาก็เลยลงมาจะมาเคลียร์กันก็โวยวายเรา(เราวางแผนชนและลักพาตัวหรือเปล่า) ถ้าลักพาก็คงต้องใช้คนหลายคน นี่มาแต่คนแก่ ก็มาหลายคนจริงนะแต่ 68 แม่ 60 กว่า พี่ชายมาแต่ก็ต้องประคองพ่อนะ เมียผมก็ไม่ได้ลงจากรถ ผู้ชายสองคนที่เขาว่ายังไม่มานะครับ เขาเอารถไปให้ที่โรงพัก เขาเป็นลูกน้องเด็กที่รัดจุกเป็นทอมเป็นผู้หญิงนะน่ะ เขาไม่ได้อยู่ตอนเกิดเหตุการณ์เขายังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขารู้คงไม่ใช่แบบนี้หรอก”
“ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ ถ้าเรามาหาเรื่องคนนะเราพูดตรงๆ เราจะต้องหอบสังขารมาจากสุรินทร์มาถึงตี 5 เชคอินโรงแรมนอน 13 เหรียญเผื่อจะมานอนแถวๆ จาเพื่อมาหาลูกเขา เราเป็นผู้ชายเราไม่ทำร้ายเขานะ เรายังพูดต่อหน้าเขานะว่า พี่เป็นผู้ชายนะอย่าให้พี่ทำนะ เขาตบผมไม่หยุดเลยนะระหว่างที่พูดเนี่ย เขาก็ด่า ไอ้เห-ยมึงแน่มึงก็ทำดิกูไม่กลัวมึงหรอก เขาไม่หยุด”
“คือใครพูดอะไรก็พูดได้เอาความจริงมาพูด แล้วผมยอมให้เขาตีเนี่ยเพราะผมเป็นผู้ชายผมไม่ทำผู้หญิง เจตนาของพวกเรานะ เราพูดตรงๆ นะ เราคิดว่าจามีปัญหาโดนอะไรหรือเปล่า ทำไมเป็นอย่างนี้ เพราะเมื่อก่อนจาไม่เป็นแบบนี้(หมายถึงไสยศาสตร์) ทั้งไสยศาสตร์ทั้งยาทั้งอะไรเนี่ย เหมือนกับไม่ใช่ตัวเขาโดนครอบงำ แล้วคุณก็เห็นอยู่เคยมีใครได้คุยกับจาจริงๆ ไหม เรื่องปัญหาเขาเคยได้พูดไหม เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ สั่งให้พูดก็พูด สั่งให้ต่อยผมก็ต่อยผม แล้วผมกับจาไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน ผมไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจาจะต่อยเตะถีบเป็นชุดเลย ไม่คิดไม่ฝันเพราะเราเคยทำงานมาด้วยกันอยู่กันรักกัน”
“ที่มานี่ตั้งใจดีพ่อก็ยังบอกแล้วอย่างนี้พ่อเขาเป็นห่วงเรา ไม่งั้นผมก็ไม่เชื่อผมไม่รู้ เพราะเรื่องไสยศาสตร์ผมก็ไม่ได้จะเชื่ออะไร เพราะทุกอย่างมันพิสูจน์ไม่ได้อย่าไปเชื่อ แต่เห็นแล้วคุ้มคลั่งจริงๆ ไม่ปกติ”
“จาพนม” ร่อนจดหมายแฉสัญญากับสหฯ 10 ปีไม่ต่างอะไรกับ “ลูกจ้าง”
"บุ้งกี๋" แฉหมดแม็ก โดน “พ่อ-แม่-พี่ชาย-น้องเขยจา” รุมตบ ต่อย แถมกระทืบซ้ำ(ชมคลิป)
“จา” เล่นแน่? “Fast and Furious 7”
“จา” หัก “สหฯ” ไม่มาเปิดตัว “ต้มยำกุ้ง” ด้าน “ปรัชญา” ยันให้ค่าตอบแทนมหาศาล
“แม่ยาย” มาเอง เปิดสัญญา “จา-สหฯ” ให้ดูจะๆ จริงหรือไม่ได้ผลตอบแทนมหาศาล
เปิดสัญญาทาส?! ชนวนแตกหัก “จา พนม” – “เสี่ยเจียง”
เปิดหนังสือยกเลิกสัญญาของ “จา พนม” แฉ “สหฯ” สุดแสบ ส่งจม.ต่อสัญญาอัตโนมัติ ไปให้ “พ่อ จา พนม”
“เสี่ยเจียง” เสียใจ “จา” ไม่เห็นหัว ผิดสัญญาเล่นหนังฮอลลีวูด ฟันถ้าไปเจอฟ้องแน่
“จา พนม” เตรียมร่วมวงบู๊ใน Fast and Furious 7
โต้ลักพาตัว “จา” กำลังจะเดินขึ้นรถ แต่ถูก “บุ้งกี้” ห้ามเอาไว้
“พ่อเขาก็ไปกอดรัดอยู่แล้วครับ พ่อกับแม่เขามาเขาก็ไปกอด จะขึ้นรถหรือไม่ขึ้นรถก็แล้วแต่เขาบอกแค่ว่าไปคุยกันกับพ่อหน่อย เหตุผลมันก็เท่านั้นจริงๆ ก็จะพาเขาไปด้วยพ่อจะพาเขาขึ้นรถ ทีแรกพ่อเขาทำท่าจะขึ้นรถนะ ผมเห็นเหตุการณ์ตรงนั้นแต่ตอนนั้นผมกำลังกันตัวเองจากบุ้งกี๋เพราะเขากำลังทุบตีผม แต่พอเขาเห็นเหมือนจาจะขึ้นรถ อย่างที่ผมเรียนนะพ่อตัวแค่นั้นกำลังพ่อดึงไม่ได้แน่ แค่ไปพูดปลอบลูกเขาจะคุยกับจา พอบุ้งกี๋เขาเห็นเขาก็ผละจากผมก็ไปยื้อพ่อไปตีกันกับพ่อ คือจาเขาจะเดินขึ้นไปเองไม่มีใครยัดเขาลงรถ พ่อเขาก็กอดเอวตลอดเพราะเขาคิดถึงลูกเขาก็กอดๆ ร้องไห้ด้วย เรียกจาๆ นี่พ่อนะ ๆ รู้ไหมนี่ใคร นี่พ่อนะ”
“บุ้งกี๋ด่าไอ้ทองดี ไอ้ห่ากูนึกว่ามึงตายไปแล้ว ไอ้เห-ยทำไมมึงไมตายๆ ด่าต่อหน้าจาด้วย พ่อยังถามเลยว่า ทำไมให้สะใภ้มาด่าพ่ออย่างนี้จานี่พ่อนะ ขอโทษนะพูดหยาบๆ เลย คือมันด่าแม่มทุกคนเลย ไอ้เห-ยนี่มันด่าทุกคน ด่าผม ด่าเมีย ด่าแม่ ด่าพ่อ ขึ้นชื่อพ่อด้วยทองดี เราก็ได้พูดว่าขอๆ พอๆ มาดีนะๆ ถ้าไม่เข้าใจไปโรงพักเลยขอคุยกับพ่อหน่อย กูไม่คุยมึงอย่าเสือก มึงคนนอก มึงเป็นใคร เขาว่าผม”
ปฏิเสธไม่ได้ถ่ายคลิปเหมือนที่ “บุ้งกี๋” กล่าวอ้าง
“ไม่มีเลย อยากจะถ่าย ผมพยายามจะถ่ายเขาเห็นผมหยิบโทรศัพท์พยายามจะกดเขาก็ล็อกมือ ไอ้ตอนนั้นอีกตอนนึงแล้วนะ เป็นตอนที่โดนหลอกไปที่บ้าน(ไม่ได้กระโดดขึ้นรถเขาไป) ครึ่งตัวผมจับประตูเขาอยู่อย่าพึ่งๆ คุยก่อนๆ อย่าพึ่งไป ผู้หญิงเขาก็สั่งให้จาออกไป เขาบอกไปสน.ถ้าอยากไปก็ขึ้นมา เขาสองคนบอกผมว่าไปสน. ผมก็ยังหันไปบอกสน.ว่า ขับรถตามไปเจอกันที่สน. ไม่ได้กระโดดขึ้นรถ”
“ส่วนที่พ่อดึงจาจนหายใจไม่ออกอันนั้นผมไม่เห็นเพราะมันชุลมุน แต่มีการกอดรัดแน่เพราะพ่อกอดจาไว้แน่น แม้กระทั่งล้มลงก็ยังกอดขาไว้อยู่ แล้วพี่จาเขาชกผมด้วยไง ตอนแรกที่ชกยังโดนเฉียดๆ เพราะพ่อห้ามหนักอยู่แต่ตอนหลังนี่พอหลุดจากพ่อผมต้องวิ่งหนีรอบรถเพราะแกซัดมวยใส่ผม ผมระบมหมดขาบวมหมดข้อเท้าบวม มีเลือดทุกจุดนะ ส่วนข้างหลังนี่โดนแม่ยาย(แม่บุ้งกี๋) ทุบที่บ้าน”
“อย่างที่เรียนว่าไปสน.ก็ได้มันจะได้จบ ผมก็ไม่อยากมารบกวนมายุ่งเลยผมทำใจไม่ได้เป็นแบบนี้ ก็ขอร้องให้พี่คุยกับพ่อหน่อย เจตนาที่เราจะพูดตกลงนี่คือถ้าจะให้ผมพูดเหตุผลมันมีร้อยแปดพันเก้าเลย ให้พูดคร่าวๆ ก็ได้นะ อันที่ 1 พ่อเขาเป็นห่วงจาว่าติดต่อไม่ได้เพราะอะไร เขาโทรหาก็ไม่ได้ และมันมีความปกติเกิดขึ้น การที่แต่งงานมีลูกสะใภ้มีครอบครัวมันไม่ผิดแต่ทำไมต้องให้ครอบครัวลูกสะใภ้มารุมด่าสาปแช่งพ่อ เวลาพ่อไม่สบายด่าให้ไปตายซะ อันนี้เขาอยากจะเคลียร์อยากจะสอนลูก คือมันเป็นความอับอายจนตอนนี้คงไม่อายกันแล้วล่ะ เดี๋ยวมีโอกาสเขาคงพูดหมดเพราะมันเกิดแบบนี้มาเป็นปีแล้ว”
“จาไม่ได้สนใจที่บ้าน ไม่ได้พูดจะเอาเงิน แต่นี่จาไม่ดูแลที่บ้านเลยมาหลายเดือนแล้ว ไม่ได้ส่งเงินให้ที่บ้านเลย ที่พูดเพราะมันขัดแย้งกับที่เขาพูด แต่ผมไม่อยากจะพูดเพราะอยากให้ที่บ้านพูดผมเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรด้วย แต่เท่าที่ผมรู้มันมีหลายเรื่อง ไม่ใช่ว่าคุยแล้วจะเอาตังค์ ไม่ใช่ว่าตกลงอะไรกัน แค่เอาให้มันปกติ เอาให้มันเป็นหลักคุณธรรมของคน ต่างคนต่างมีครอบครัวมีลูกก็แค่นั้น มันยังไม่เกิดผลประโยชน์จะไปเอาผลประโยชน์อะไร”
เผยมาคุยหลายเรื่องรวมไปถึงเรื่องต่อสัญญากับสหมงคล และ “พ่อจา”เป็นห่วงเรื่องไปทำงานเมืองนอก กลัวไปแล้วจะไม่ได้กลับเหมือน “บรูซ ลี”
“ใช่อันนี้ก็เป็นเรื่องหนึ่งด้วย ผมไปที่สุรินทร์พ่อเขาก็พูดว่า โนติสท์ทั้งหมดส่งไปที่สุรินทร์นานแล้ว แต่ตัวเอกสารยังอยู่ผมก็ถือมาด้วยเหมือนกัน คือถ้ามีโอกาสได้นั่งคุยกันก็คงจะได้คุยหลายอย่าง พ่อเขาไม่สบายใจว่า ทำไมบ้านผู้หญิงต้องเป็นแบบนี้ ทำไมคุยไม่ได้ ถ้างานยุ่งตอนนี้ก็ไม่ได้ทำงานกับเสี่ยเจียงแล้วทำไมอะไรยังไง แถมรู้ว่าไปต่างประเทศเขายิ่งเป็นห่วงกลัวไปแล้วจะไม่ได้กลับ กลัวจะไปอะไรยังไง ไปกับใคร ส่วนผมก็จะบอกเรื่องมีสัญญามาให้นะจะเอาอะไรยังไง เพราะไม่เคยได้คุยได้เจอกันเลยเอาไปรับผิดชอบกันเอง”
“เรื่องที่พ่อจะให้ต่อสัญญาหรือไปเมืองนอกอันนี้ผมไม่ทราบเลย แต่ทุกคนไม่ซีเรียสเรื่องที่จาจะไปเมืองนอกหรือจะต่อสัญญา แต่ไม่อยากให้ไปหักกับคนหรือไปทำอะไรผิดๆ ทำให้คนอื่นโกรธเครียดแค้น หรือไปทำอะไรที่มันผิดกับทุกๆ ฝ่ายน่าจะคุยกันด้วยดี เท่าที่เราทราบเขาไม่มาคุยกับใครเลยก็ทำนิ่งหมดเลย”
มาครั้งนี้ไม่ได้มาคุยเรื่องงานมาคุยเรื่องส่วนตัว ไม่ได้ให้มาเซ็นต่อสัญญากับสหมงคล
“ไม่เกี่ยวเลยหยิบติดมาเฉยๆ ผมไปสุรินทร์ก็ต้องเอากลับมาอยู่แล้ว ผมถือติดมาให้ ผมก็บอกนักข่าวไปเมื่อวานว่า นอกจากพ่ออยากมาเจอจาแล้วก็ยังเอาพวกนี้มาให้ อยากให้กับตัวด้วย ก็อยากจะเจอด้วยอยากจะถาม ไอ้เรื่องสิทธิ์จะต่อสัญญาไม่ต่อสัญญามันเรื่องส่วนตัวของเขาไม่มีใครบังคับเขาได้ และผมก็ไม่ได้อะไรกับสหมงคลฟิล์มในเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ที่บ้านไม่เกี่ยวกันเลย”
เรื่อง “จา” โกอินเตอร์ “พ่อจา” ไม่ได้ดีใจ เพราะไม่มีอะไรดีใจเลยตั้งแต่ติดต่อลูกไม่ได้
“มันไม่มีอะไรดีใจเลยตั้งแต่ติดต่อลูกเขาไม่ได้ อารมณ์ระหว่างพ่อกับจานี่ พ่อเขาหมดอาลัยตายอยากไปตั้งแต่ครั้งที่แล้ว และเขาก็รักษาตัวอย่างเดียว พ่อเจ็บป่วยก็ปลงได้ทำใจได้ แต่พอมีข่าวเรื่องอเมริกาเนี่ยก็พูดตรงๆ กับที่บ้าน เราเห็นบรูซลีใช่ไหม เราเห็นเขาไปตายที่เมืองนอกนะ แล้วอย่างนี้ใครดูแล เขาดูแลกันแบบนี้ แล้วทำอย่างนี้มีปัญหากับพ่อแม่ก็มีปัญหา มีปัญหากับพี่น้องก็มีปัญหา มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานบริษัทก็มีปัญหา แล้วไปแล้วจะเป็นยังไง ไม่รู้ว่าคุณต่างจากคนอื่นยังไง พ่อก็เลยอยากจะมาลองคุยดูซักทีนึง”
ยัน “พ่อจา” ไม่ได้ต่อย “บุ้งกี้” แต่ที่ตาห้อเลือดน่าจะเป็นเพราะโมโหเส้นเลือดตาแตก
“ผมเห็นข่าวละตลกด้วย คือถ้าต่อยมันต้องเขียวนะหมัดคนเราเนี่ย ไม่รู้หรอกบางทีเขาโกรธเส้นเลือดฝนแตก เขาโกรธเขาโวยวายเสียงดังมาก ผมใช้คำว่าคุ้มคลั่งคุมสติไม่ได้ทุบคนไม่มีหยุด ทุกคนโดนหมดนะ พี่ชายก็หัวโนเลือดออก ถามว่าถ้าเราต่อยเขานะ เขาจะเป็นแบบนี้ไหม เขาบอกว่าไม่ได้ทำอะไรผมแต่ดูสภาพผมเป็นแบบนี้”
“ถ้าตรงแยกมีกล้องวงจรปิดดีเลยผมอยากให้เห็นเลย ผมอยากได้มาก จริงๆ ตอนที่ดึงบุ้งกี๋ออกจากรถภรรยา ผมก็มีสติบอกภรรยาว่าถ่ายไว้เลยๆ แต่โทรศัพท์แบตหมด ก็ยังพูดกับตำรวจว่า พี่ช่วยหาคลิปหน่อยนะเพราะเด็กนักเรียนเลิกออกมาเยอะมาก แล้วคนมุงดูรถติดหมดเลย พยานเห็นเพียบที่เกิดเหตุไปถามเลยใครร้องให้ใครช่วย พวกเรามีแต่ตะโกนร้องช่วยด้วยๆ เพราะเขาคุ้มคลั่ง จาก็กระทืบผมถีบผมเป็นชุด”
ความจริงฝั่ง “บุ้งกี๋” กับ “โจ” ค่อนข้างเป็นหนังคนละม้วนเรื่องนี้โจบอกว่า
“ที่ผ่านมาผมพยายามเก็บพยายามรักษาภาพ รักษาหน้าไม่อยากให้ครอบครัวเน่ามากไปกว่านี้ บอกได้เลยว่า ผู้หญิงคนนี้โกหกปั้นน้ำเป็นตัวได้ทุกอย่าง คุณไปสืบข่าวเก่าๆ ที่เขาออกมาพูดยังขัดแย้งกันเลยลองไปตามข่าวดู ไม่ว่าจะเป็นแม่ยายก็พูดขัดแย้งกันหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเรื่องทอง ข่าวเก่ากับข่าวล่าสุดพูดคนละอย่าง ความจริงมันมีอยู่ใครทำชั่วต้องได้ชั่วเท่านั้นเอง”
เผยอาการของตนเองตอนนี้อาจต้องผ่าตัดถ้าเลือดในสมองยังไม่หยุด
“ตอนนี้สมองกระทบกระเทือนมีเลือดออกก็มีการสแกนแล้ว สั่งงดน้ำงดอาหารแล้วเพราะหมอบอกว่า ถ้าเลือดออกไม่หยุดก็ต้องผ่าเตรียมตัวไว้ เขาทุบผมที่บ้านเป็นสิบกว่านาทีจนชาวบ้านเขาบอกพอแล้วๆ แม่ยายกดอยู่ข้างหน้า เมียจาขี่หลังผมทุบๆ ท้ายทอยทุบหัวจะลากเข้าบ้าน เขาบอกผมว่ากูจะฆ่ามึง กูจะฆ่ามึงนานแล้ว ดีแล้วมึงมา ผมยกมือไหว้หวัดดีครับแม่ เขาบอกไม่ต้องหวัดดีกูมาถึงก็มาทุบผมเลยตึ้มๆ ใส่เลย ผมก็เข้าไปกอดเลยพอๆ ผมมาดีนะ แล้วไม่หยุดสองคนแม่ลูกขี่ทับผมจะเอาเข้าบ้าน ผมบอกเข้าบ้านก็ฆ่าผมดิ เขาบอกมึงฉลาดหนิไอ้โจมึงฉลาดเอามันเลยเอามันเข้าบ้าน ทุบจนชาวบ้านเห็นทนไม่ได้ต้องออกมา ผมตะโกนบอกผมไม่สู้นะอย่าทำผมๆ ผมนั่งคู้อยู่กับพื้นเขาขี่หลังผม ที่มันเป็นรอยนี่เพราะเขาค่อมและเอาสองมือมาอย่างนี้(ทำท่าเอามือมาข่วนหน้า) ผมก็พยายามจับมือเขาไว้ แต่ผมมีสองมือเขาสองคนมีสี่มือ ไอ้นี่แม่ยายก็ทุบๆ อยู่ข้างหน้า ผู้หญิงก็ขี่หลังทุบผมไม่ได้มันติดตัวก็เอามือมาล็อกจะเอาให้เละ ส่วนจาพอไปถึงบ้านเขาก็ไล่จาขึ้นบ้าน จานี่คือสั่งได้พูดง่ายๆ สั่งอะไรเขาก็ทำตาม”
“ผมถูกทิ้งอยู่คนเดียวนานมากเพราะทุกคนไปโรงพักหมด เขาไม่รู้ว่าเรามาที่บ้านและไม่มีโอกาสได้กดโทรศัพท์ เหตุการณ์ยุติได้เพราะเขาทุบจนเขาเหนื่อย ผมมีอัดเสียงด้วยนะ จริงๆ ในโทรศัพท์ผมมีอัดเสียงด้วยนะผมว่าจะเอาไปให้ตำรวจ ผมโทรไปหาตำรวจที่เป็นผู้ใหญ่ผม ผมบอกผมไม่ไหวผมจะตายแล้ว”
“คือหลังทุบเสร็จเขาบอกเขาเหนื่อยมาก คิดดูคนทุบยังเหนื่อย ทุบจนเหนื่อยเพราะเขาลากผมไม่ไป(อัดเสียงตั้งแต่ต้นหรือไม่) ไม่ได้อัดเสียง คือหมายถึงว่าตอนที่ผมโทรออกมันก็มีเสียงผมอยู่ในเหตุการณ์ ผมพูดด้วยน้ำเสียงว่าผมโดนกระทำ เพราะตอนที่โดนทำมันโทรไม่ได้มันโทรไม่ได้ พอจะกดโทรศัพท์เขาก็ใส่ผมเลยเขารู้ว่าผมกดโทรศัพท์ มึงฉลาดมันก็ด่าๆ มันแย่งโทรศัพท์จะทุบโทรศัพท์ ผมก็กำโทรศัพท์ไว้แน่นไม่ให้ เขาเข้าใจว่าผมอัดนั่นแหละ ผมก็พยายามอัด แต่ผมมีอย่างอื่นอยู่ผมว่าจะให้ตำรวจเป็นหลักฐานดีกว่า ผมมองว่าเขาจะฆ่าผม เขาจะลากผมเข้าบ้านด้วย ตอนนี้แจ้งความไว้ที่สน.คลองข่อยทำร้ายร่างกาย มีการพยายามจะฆ่าผมด้วยจะเพิ่มคดีอีกหรือเปล่าก็ขอไปปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน”
“ครอบครัวเขาพยายามสร้างว่าพ่อแม่เอาเงินทอง เงินทองอะไรผมเลยบอกให้เอาสเตทเม้นท์ไปยื่นให้ผู้ใหญ่ดูจะได้รู้ว่าไม่ได้เงินนะ ไม่ได้เงินเลย ตั้งแต่เป็นปีมานี่ที่บ้านได้เงิน 5 พันบ้าง 1 หมื่นบ้าง 2 เดือน 1 หมื่นบ้างเขาจะโอนเข้าบัญชีแม่ หลังจากที่มีเรื่องกันหนักๆ เขาก็ตัดเลยไม่ให้เลยซักกะแดงเดียว ไม่ให้ไม่ว่านะ เขาเคยซื้อรถให้ที่บ้านคันนึง พ่อก็ยังใช้อยู่ไปหาหมอ เขาก็โทรไปที่บ้านบอกจะให้เขาไปยึดรถ เราก็ไม่ทราบว่ารถผ่อนอยู่ ผมก็บอกที่บ้านว่าเคลียร์เลยยินดีที่จะจ่ายต่อหรือจ่ายให้เลยมีอะไรบอกเพราะรถต้องใช้”
“คือมันมีหลายเรื่องครับเรื่องจุกจิก คือบางทีผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ผมเชื่อว่าจาไม่รู้ว่าที่บ้านไม่ได้เงินจาเลย ตัวเขาไม่รู้ ผมพูดในรถเขาก็สะดุดหันมามอง ภรรยาเขาก็รีบออกตัวใหญ่ ผมถามว่าทำไมไม่โทรหาพ่อ เขาบอกว่าทำไมเรื่องของกูเสือกทำไม พอผมพูดว่าทำไมพ่อโทรหาพี่ไม่ได้ พี่จาก็นิ่ง เขาไม่มีสติแต่เขาก็ยังมีสติบ้าง คือถ้าไม่ใช่โดนอะไรก็คงจะโดนใส่ข้อมูลแบบเฟกน่ะ เหมือนที่เขาให้ข่าวกับนักข่าว”
“ผมกล้าบอกตั้งแต่ตอนแรกเลยนะตั้งแต่เขาตีหัวผมที่งานวิวาห์ ผมไม่เคยทำอะไรแบบที่เขาพูดแม้แต่นิดเดียว ทุกคนเห็นหมดผู้ใหญ่เสี่ยอาจารย์สตันท์เห็นหมดว่า ผมไปยืนถ่ายรูปเฉยๆ แล้วเขาก็ทุบหัวผมด่าผมไอ้โจไอ้เห-ย”
ยืนยันไม่ยอมความเรื่องคดี
“ไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยอม พ่อไม่ยอม ที่ผ่านมาผมโดนอะไรผมจะถามผู้ใหญ่ก่อนเสมอจะยอมไม่ยอม จริงๆ อันนี้ผมยอมแต่อันนี้พ่อบอกว่าไม่ยอมแล้ว ทำกันขนาดนี้พ่อไม่ยอมแล้ว ถ้าเขามาขอโทษก็เรื่องของผู้ใหญ่แล้ว ผมก็พูดตรงๆ เราเคารพผู้ใหญ่แค้นไหม แค้น เจ็บไหม เจ็บ แต่ถ้าเรื่องในครอบครัวมันพูดยาก เจ็บก็ว่าไปตามผิด แต่ตอนนี้ก็คือไม่ยอม วันนี้ยืนยันว่าไม่ได้ลักพาตัว ถ้าจะทำขนาดนั้นคงไม่ต้องถึงผมหรอกมั๊งใครก็ทำได้เหรอ ประเทศไทยกฎหมายไม่มีเหรอ แล้วที่สาธารณะนะผมจะไปเฉี่ยวเขาทำไมคนตั้งเยอะ เราไม่ได้ตั้งใจคุยโทรศัพท์กับเมียอยู่ในรถว่าใช่พี่จาหรือเปล่า คลิปยังมีเสียงอยู่เลย แต่เขาได้ยินว่า มันลงมาแล้วจัดการมันเลย เขาได้ยินเสียงได้ไงผมนั่งอยู่ในรถปิดกระจกผมคุยโทรศัพท์เบาๆ ไม่ได้ตะโกนคุย เขานี่แหละเปิดประตูรถพอรู้ว่าเป็นผมก็เอาประตูฟาดหน้าผมเลย ผมเล่ากี่ทีๆ ก็เหมือนเดิม”
ด้านพ่อ แม่ พี่ชาย ของจาก็ได้เปิดเผยตรงกันกับโจว่าไม่ได้มีใครทำร้ายบุ้งกี๋ และตั้งใจจะมาพูดคุยเคลียร์ปัญหากัน เพราะเป็นห่วงที่จะไปทำงานเมืองนอก โดยพ่อของจาเผยอย่างโมโหยืนยันไม่ได้ต่อยเบ้าตาบุ้งกี๋ แถมยังถูกบุ้งกี้ต่อว่าหยาบคาย ไอ้เห-ย เมื่อไหร่จะตายเสียที มั่นใจลูกชายของตนเองน่าจะโดนไสยศาสตร์หรือไม่ก็ถูกมอมยาเพราะพฤติกรรมต่างไปจากเมื่อก่อน
"บุ้งกี๋" แฉหมดแม็ก โดน “พ่อ-แม่-พี่ชาย-น้องเขยจา” รุมตบ ต่อย แถมกระทืบซ้ำ(ชมคลิป)
“จา” เล่นแน่? “Fast and Furious 7”
“จา” หัก “สหฯ” ไม่มาเปิดตัว “ต้มยำกุ้ง” ด้าน “ปรัชญา” ยันให้ค่าตอบแทนมหาศาล
“แม่ยาย” มาเอง เปิดสัญญา “จา-สหฯ” ให้ดูจะๆ จริงหรือไม่ได้ผลตอบแทนมหาศาล
“จาพนม” ร่อนจดหมายแฉสัญญากับสหฯ 10 ปีไม่ต่างอะไรกับ “ลูกจ้าง”
เปิดสัญญาทาส?! ชนวนแตกหัก “จา พนม” – “เสี่ยเจียง”
เปิดหนังสือยกเลิกสัญญาของ “จา พนม” แฉ “สหฯ” สุดแสบ ส่งจม.ต่อสัญญาอัตโนมัติ ไปให้ “พ่อ จา พนม”
“เสี่ยเจียง” เสียใจ “จา” ไม่เห็นหัว ผิดสัญญาเล่นหนังฮอลลีวูด ฟันถ้าไปเจอฟ้องแน่
“จา พนม” เตรียมร่วมวงบู๊ใน Fast and Furious 7