xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนดูเส้นทางดาราเอเซียไปฮอลลีวูดก่อนลุ้นบท “จา พนม” ใน Fast 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หากความวุ่นวายเรื่องสัญญาจะไม่บานปลายจนทำลายโอกาสร่วมแสดงในหนัง Fast and Furious 7 ไป นี่จะเป็นโอกาสของ “จา พนม” ที่แฟน ๆ อยากเห็นมานานกับการโลดแล่นในหนังฮอลลีวูด ซึ่งจากประวัติของดาราเอเชีย โดยเฉพาะสายบู๊เช่นเดียวกันก็คงต้องบอกว่า “ไม่ง่าย”

ข่าวเจรจาเพื่อเข้าเป็น 1 ในทีมนักแสดงของหนังแอ็กชั่นฟอร์มยักษ์ “Fast and Furious 7” ที่ถือว่าระดมดาราสาวบู๊ไว้คับคั่งของ จา พนม ดูจะเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮาทั้งในเมืองไทย และฝั่งฮอลลีวูดชนิดที่ว่าเว็บไซต์อินเตอร์หลายแห่งยังรายงานข่าวแบบให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็น The Variey หรือ The Hollywood Reporter ที่เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าฮอลลีวูดยังให้ความสนใจดาวบู๊ชายไทยอยู่พอสมควร แม้ผลงานในระยะหลังจะไม่ได้โดดเด่นน่าสนใจเท่า 2 เรื่องแรกอีกต่อไปแล้ว

หากทุกอย่างไม่มีอะไรผิดพลาด จา พนม จะได้ปรากฏตัวในหนังแอ็กชั่นฟอร์มดีที่สุดอีกเรื่องของวงการภาพยนตร์โลกในปี 2014 … อย่างไรก็ตามเส้นทางสายซูเปอร์สตาร์ระดับอินเตอร์ของนักบู๊ชาวไทยก็คงไม่ถือว่าง่าย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับรุ่นพี่หลาย ๆ คนที่สร้างชื่อในบ้านเกิดอย่างสวยงาม จนไปถึงฝั่งฮอลลีวูดก่อนจะพบว่าทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน

ตลอดหลายปีที่ผ่านมามีดาราเอเซียหลายคน ที่โด่งดังจนได้รับงานในฮอลลีวูดอย่าง ซูเปอร์สตาร์เกาหลี “เรน” ใน Speed Racer ของ พี่น้อง วาชอว์สกี้ ก่อนจะได้รับบทนำใน Ninja Assassin ส่วน “เจย์ โจว” ก็ได้บทเด่นใน The Green Hornet ที่แม้จะประสบความสำเร็จทำเงินอยู่บ้าง แต่สุดท้ายทั้งสองก็ต้องกลับมารับงานในประเทศเป็นหลักเหมือนเดิม

แต่ที่เข้าขั้นเลวร้ายเห็นจะเป็นดาราสาว “ฟั่นปิงปิง” ที่การปรากฏตัวใน Iron Man 3 ของเธอกลับกลายเป็นเรื่องตลกปนขายหน้า เพราะสุดท้ายฉากที่เธอมอบการแสดงเอาไว้กลับถูกใส่เข้าไปในหนังเวอร์ชั่นจีนเท่านั้น และถูกตัดทิ้งออกจากทุกเวอร์ชั่นที่ฉายทั่วโลก จนแทบจะพูดไม่ได้ว่าเป็นการ “โกอินเตอร์” เล่นหนังฮอลลีวูด แต่อย่างน้อย ฟั่นปิงปิง ก็จะได้แก้ตัวใน X-Men ภาคต่อไป ที่เธอจะได้รับบทมนุษย์กลายพันธุ์อีกคนในเรื่อง ที่คราวนี้แฟน ๆ คงหวังว่าแม้จะไม่ได้มีบทเด่น แต่ได้ปรากฏตัวในหนังฉบับเต็มที่ฉายทั่วโลกก็ยังดี

ที่ใกล้เคียงกับ จา พนม และ “แป๊ก” นำหน้าไปแล้ว ก็คือ “อีโก อูไวร์” อดีตนักกีฬาปัญจสีลัตระดับชาติที่หลายคนยกให้เป็น “จา พนม แห่ง อินโดฯ” ผู้โด่งดังจากหนังบู๊ดุเดือด The Raid : Redemtion จนได้รับการติดต่อให้ไปร่วมแสดงหนังร่วมทุนสร้าง “จีน-ฮอลลีวูด” จนเป็นที่น่าอิจฉาของแฟนคลับ จา พนม แต่สุดท้ายบทบาทของ อีโก ในที่กำกับโดย เคียนู รีฟส์ เรื่องนั้นกลับน้อยนิด และแทบไม่มีความสำคัญใด ๆ เลย แต่ที่แย่กว่าก็คือเขาแทบไม่ได้แสดงความสามารถด้านบู๊ใด ๆ ในหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกของตัวเองเลย

ที่แล้วมีนักบู๊ชาวเอเซียทั้งสายปกติ และสายบู๊ซึ่งเป็นดินแดนต้นตำรับของศิลปะป้องกันตัวมากมาย ได้ถูกดึงตัวไปรับงานในฮอลลีวูดอยู่เป็นระยะ และทั้งในบทสร้างสีสรรค์ หรือบางครั้งก็ถูกโปรโมตในบทนำกันเลย บางครั้งก็ประสบความสำเร็จมีงานต่อเนื่อง แต่บางคนก็ฝากชื่อไว้แค่เรื่องเดียวก่อนจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิดเหมือนเดิม

ถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยบทบาทที่ จา จะได้รับใน Fast and Furious 7 แต่ในหนังภาคก่อนก็เคยมีนักบู๊ชาวเอเซียมีบทมาแล้ว คือ โจ ทาสลิม ชาวอินโดนีเซียศิษย์เก่า The Raid: Redemption ที่ได้ร่วมแสดงเป็นนักฆ่าเลือดเย็นใน Fast & Furious 6 แต่เชื่อว่าด้วยชื่อเสียงจาก ต้มยำกุ้ง ที่เคยทำเงินในสหรัฐฯ มาไม่น้อย จา น่าจะได้บทเด่นกว่านั้นพอสมควร แม้จะไม่ใช่บทนำ แต่ก็น่าจะพอมีสีสรรค์อยู่บ้าง

เมื่อประเมินคุณสมบัติด้านต่าง ๆ แล้ว จา พนม ก็ถือว่าโด่งดังเอาการในสหรัฐฯ เขาเคยมีหนังทำเงินที่นั่นถึงระดับเกิน 10 ล้านเหรียญฯ (มากกว่างานก่อนไปฮอลลีวูดเต็มตัวของดาราเอเชียแทบทุกคน) มีหนังฮิตในยุโรปมาแล้ว อาจจะเรียกว่าเป็นนักบู๊คนหนึ่งที่ดังที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ผู้กำกับดังระดับโลกอย่าง เควนติน ตารันติโน่ เคยเอ่ยชื่อถึง “จา พนม” มาแล้ว

แต่อีกด้านต้องยอมรับว่าฝีมือด้านการแสดงของ จา พนม ยังค่อนข้างจำกัด มีบทพูดในหนังแต่ละเรื่องน้อยมาก และแทบไม่เคยรับบทเป็นตัวละครที่แตกต่างจากเดิม ๆ นอกจากนั้นความโด่งดังสุดขีดยังผ่านไปได้หลายปีแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม Fast and Furious 7 ก็คือโปรเจ็คที่ จา พนม ไม่ควรจะพลาดด้วยประกาศทั้งปวง หากเกิดปัญหาเรื่องอะไรขึ้นมาก็ควรจะแก้ไขกันให้ได้ เพราะนี่คือหนังสายบู๊ที่ดังที่สุดเรื่องหนึ่งในวงการที่ยิ่งสร้างยิ่งดัง เทียบจากหนังภาคแรกที่ทำเงินทั่วโลกไป 207 ล้านฯ จนถึงภาคล่าสุด Fast & Furious 6 กลับกวาดรายได้ทั่วโกลไปถึง 785 ล้านฯ นี่จึงจะเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะทำให้ จา พนม ได้กลับไปสู่เส้นทางที่ควรจะเป็นเสียทีหลังเสียรังวัดไปหลายปี เพราะหากจะย้อนกลับไปหาขาขึ้นคราวก่อนก็ต้องว่ากันไปถึง “ต้มจำกุ้ง” เมื่อ 8ปีก่อนเลย
กว่าจะแจ้งเกิดในฮอลลีวูดได้ แจ็คกี้ ชาน ต้องรอถึงหนังเรื่องที่ 3 ก่อนจะตามมาอีกหลายเรื่อง แต่เจ้าตัวก็บอกเสมอว่าไม่ใช่งานที่เขาภูมิอกภูมิใจอะไรเลย เฉินหลง เล่นหนังฮอลลีวูดไปหลายเรื่อง แต่ไม่มีเรื่องใดเลยที่พอจะเทียบเคียงกับหนังในสมัยที่เขาทำที่ฮ่องกงได้ แม้แต่เจ้าตัวเองก็ยังพูดตรง ๆ ว่าการไปฮอลลีวูดเป็นเพียงเรื่องของ “เงิน” เท่านั้น
“เจ็ต ลี” หรือ “หลีเหลี่ยนเจี๋ย” ที่เปิดตัวในวงการหนังฮอลลีวูดด้วยบทร้ายครั้งแรกในชีวิต ก่อนจะได้รับบทนำหลายเรื่องติดต่อกัน แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังบู๊ที่มีเนื้อหา และไอเดียซ้ำซากไม่มีอะไรน่าสนใจ แตกต่างโดยสิ้นเชิงเมื่อเขาได้กลับมารับงานที่จีนอีกครั้ง
โจวเหวินฟะ ไม่เคยฉายเสน่ห์บนจอหนังฮอลลีวูด อย่างที่เขาเคยโด่งดังมาในหนังจีน
ดอนนี เยน กับบทที่ไม่น่าจดจำใน Highlander Endgame ก่อนที่จะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด และกลายเป็นดาวบู๊แห่งยุค
ฟั่นปิงปิง ในหนังฮอลลีวูด Iron Man 3 ที่จะเห็นฉากของเธอเฉพาะในเมืองจีนเท่านั้น
เรน ใน Ninja Assassin ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานะในฮอลลีวูดของ เรน มั่นคงขึ้นมาแต่อย่างใด
เจย์ โจว เด่นทีเดียวใน The Green Hornet
จางดองกอน ล้มเหลวสิ้นเชิงกับ The Warriors Way ที่ใช้ทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญฯ แต่ทำเงินในสหรัฐฯ ไปแค่ 3 ล้านฯ
ด้วยฝีมือการแสดงที่ดี “ฮิโรยุกิ ซานาดะ” ถือว่าได้บทน่าสนใจอยู่บ้างในหนังบางเรื่อง แม้ส่วนใหญ่ในงานอื่น ๆ จะต้องแสดงเป็นตัวร้ายแบบเดิม ๆ
อีโก อูไวร์ ไร้บทบาท และความน่าจดจำใน The Man of Tai Chi
อย่างน้อย โทนี จา ก็น่าจะเด่นกว่า โจ ทัสลิม ใน Fast 6
ฟาน หว่อง ซูเปอร์สตาร์ อาเซียน อีกคนที่ได้ฝากชื่อในหนังฮอลลีวูด


ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

กำลังโหลดความคิดเห็น