แพทย์เผย “สายัณห์” มีไข้ขึ้นสูง สับสน พูดจาไม่รู้เรื่อง อาการมีแนวโน้มที่จะทรุดลงเพราะเจ้าตัวไม่ยอมทำเคมีบำบัด บอกทุกคนพยายามหว่านล้อมแล้ว แต่ไม่สำเร็จ แจงมะเร็งเจริญเติบโตมากขึ้นทำให้ตับโตขึ้น ส่งผลให้ไปกดการทำงานของถุงน้ำดี ทำให้อาการดีซ่านมีมากขึ้นกว่าเดิม
ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 24 ส.ค.ที่ห้อง 8111 ชั้น 8 อาคาร 4 รพ.ธนบุรี ซึ่งเป็นห้องพักของ “เป้า สายัณห์ สัญญา” เจ้าตัวยังคงนอนพักอยู่ภายในห้อง โดยมีนางวรรณพร สัมฤทธิ์ ภรรยาและลูกคอยดูแลอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ยังคงงดเยี่ยม เนื่องจากเกรงว่าคนไข้จะติดเชื้อ ต่อเวลา 11.30 น.ที่ห้องประชุมอาคาร 4 ศูนย์โรคหัวใจ รพ.ธนบุรี นพ.ประสิทธิ์ เจียรกุล ผอ.ฝ่ายการแพทย์ ในฐานะแพทย์เจ้าของไข้ พร้อมด้วย นพ.วชิรบุณย์ ศาสตระรุจิ รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ แถลงถึงอาการป่วยของ สายัณห์
โดย นพ.ประสิทธิ์ เผยถึงอาการล่าสุดของ สายัณห์ ว่า…
“อาการตอนนี้ก็ยังคงทรงตัวและมีแนวโน้มที่จะทรุดลง เนื่องจากว่าทางตัวคนไข้เองไม่ยอมรับการทำเคมีบำบัด แม้ว่าแพทย์และญาติๆ จะพยายามพูดจาหว่านล้อมแล้วก็ตาม ซึ่งตัวมะเร็งได้เจริญเติบโตมากขึ้น ทำให้ตับโตขึ้น มันก็ไปกดการทำงานของถุงน้ำดี ทำให้อาการเหลืองหรือดีซ่านมีมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อไม่ได้ให้เคมีบำบัดทำให้ตัวโรคมันเติบโตไปเรื่อยๆ ทำให้ตับทำงานเสื่อมลง ขณะที่อาการล่าสุดแพทย์เข้าไปตรวจอาการพบว่า ยังคงมีอาการเบลอ พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องอยู่ครับ ซึ่งไปวัดไข้เมื่อคืนมีไข้ขึ้นสูง 38 องศา แพทย์ได้ให้ยาและไข้ลดลงแล้ว และตอนนี้สามารถทานอาหารได้เอง แต่อาการบวมยังคงปรากฏให้เห็นอยู่”
“นอกจากนี้คนไข้มีอาการสับสนบ้าง ซึ่งแพทย์จะติดตามดูอาการสับสนนี้ดูว่า จะเป็นอีกนานหรือไม่ คือคนไข้จะมีการพูดจาไม่รู้เรื่อง และไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่ และจำอะไรไม่ค่อยได้ ซึ่งเมื่อก่อนคนไข้เคยมีอาการเช่นนี้มาแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นมากกว่าเดิม ซึ่งจะต้องติดตามว่าอาการเช่นนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เหตุที่เป็นเช่นนี้มันมีปัจจัยหลายอย่าง อย่างการทำงานของตับที่บกพร่องไปก็มีส่วนเหมือนกัน ระบบไหลเวียนต่างๆ การได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดอาการสับสนได้ เราก็ต้องมาดูสาเหตุกันต่อไปครับ
ปัดอาการเบลอไม่เกี่ยวกับมะเร็งที่อาจจะลุกลามไปที่สมอง
“ตอนนี้มะเร็งยังไม่ได้ลุกลามไปในส่วนของสมองครับ เพราะเท่าที่เราได้ทดสอบความเคลื่อนไหว ยังไม่พบการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ แต่ถ้ามีอาการนี้นานๆ ก็อาจจะเกิดจากการทำงานของตับก็ได้ เพราะการทำงานของตับที่บกพร่อง ทำให้ของเสียในร่างกายไม่ได้ถูกขับออก สะสมอยู่ในร่างกายและขึ้นไปสู่สมองได้ทำให้เกิดอาการสับสนและเบลอได้”
บอกในส่วนของสมองยังไม่จำเป็นต้องตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ย้ำอยากให้เคมีบำบัด
“ตอนนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ต้องรอดูอาการไปก่อน โดยสรุปแล้วตอนนี้คนไข้มีอาการทรุดลงบ้างเล็กน้อยโดยเฉพาะตับ แพทย์จะติดตามอาการอย่างใกล้ชิดต่อไป ตอนนี้เราอยากให้ทำเคมีบำบัด เพราะร่างกายจะทรุดลงเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับตัวโรคและการดูแลตัวของผู้ป่วยเอง เช่น อาหารการกิน ซึ่งจะบอกว่าอาการจะทรุดลงเมื่อใดนั้น มันมีหลายปัจจัยเข้ามาประกอบ อย่างตอนแรกจะให้คนไข้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน เพราะคนไข้อยากกลับบ้าน อาจจะทำให้กลับมาสภาพจิตใจที่อยากรักษาตัวมากขึ้นก็ได้ แต่ทางญาติคิดว่า การดูแลในโรงพยาบาลจะช่วยประคับประคองให้ผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น จึงได้ตัดสินใจให้อยู่โรงพยาบาลต่อไป”
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |