“แม็กก้า” เผยโดนจับข้อหามียาไว้จำหน่ายนั้น ตนคิดเป็นการจัดฉากของตำรวจ ยันไม่ได้เป็นผู้ค้า แต่ยอมรับว่าเสพจริง วอนศาลเมตตาให้รอลงอาญา เพราะไม่เคยทำผิด ลั่นหากไม่ติดคุกเตรียมหาฤกษ์บวช เลิกใช้นามสกุลชวนชื่นแล้วบอกอยากให้โทรมาให้กำลังใจบ้าง
หลังจากที่ “แม็กก้า กนกพงศ์ อนุรักษ์จรรยง” โดนตำรวจเขาจับกุมพร้อมด้วยของกลาง ยาไอซ์ 2.2 กรัม อุปกรณ์เสพยา 1 ชุด ที่ห้องพักย่านรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา จนทำให้มีคดีติดตัวเป็นมียาเสพติดไว้เพื่อจำหน่ายนั้น แล้วก็ได้ประกันตัวเองออกมาด้วยเงินประกันจำนวนถึง 4 แสนบาท และล่าสุดทางรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ของทางช่องสตาร์แม็กซ์ ได้เชิญมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ เพื่ออัปเดตคดีดังกล่าวว่าไปถึงไหน แล้ว โดยเจ้าตัวเผยว่า
“คดีตอนนี้อยู่ในขั้นตอนส่งฟ้องครับ คดีของผมเป็นคดีว่าผู้ค้าครับ พยายามจำหน่าย แล้วก็ครอบครองเพื่อจำหน่าย แล้ววันที่ 10 ก.ค.นี้ ก็จะไปนัดศาลก็ให้ทนายไปเขียน แต่ว่าก็คงต้องยอมรับครับ ก็คงต้องเซ็นเลยครับ ถ้าติดก็ไม่เคยทำอะไรผิดจาก 4 ปี ก็เหลือ 2 ปีครับ แต่ว่าก็แล้วแต่ศาลครับ ก็ขอความเมตตาจากศาลให้รอลงอาญาครับ ก็อย่างที่บอกว่าผมไม่มีปัญหาไปสู้ไปทำอะไร ผมไม่สู้คดี เพราะว่าผมไม่รู้ว่าผมจะเอาที่ไหนไปสู้ครับ ก็คงต้องเป็นแบบนั้นครับ ก็คงต้องทำใจ ต้องไปอยู่ในห้องขังหรือเปล่าอันนี้ก็คือว่าผมไม่เคยทำผิดผมไม่เคยมีประวัติ ถ้าตรวจแล้วไม่อย่างนั้นเขาอาจจะให้รอลงอาญาครับ แต่ผมหวังลึกๆ นะครับว่าขอให้มีความเมตตาครับ เพราะว่าแม่ผมก็ต้องเลี้ยงถ้าเกิดผมไปอยู่ข้างในแล้วแม่ผมจะกินอะไร”
“คือผมอยากจะบอกว่าผมเป็นลูกผู้ชายพอครับ ผมยอมรับในสิ่งที่ผมทำ แต่ผมไม่ยอมรับในสิ่งที่ผมโดนกล่าวหาแค่นั้นครับ สิ่งที่เราโดนกล่าวหาก็คือสิ่งที่ว่าผมจำหน่ายครับ เพราะว่าผมอยู่ที่ห้องของผมแต่ด้วยความที่ผมเชื่อใจแค่นั้น พยาน 4 คนก็เป็นตำรวจหมดเลย มีผมคนเดียวอยู่ในห้องครับ ผมก็คงต้องำทใจครับ เพราะว่ามันลึกๆ ข้างในเหมือนว่าทำไมผมต้องโดนแบบนี้ ถ้เกิดจริงๆ แล้วทำไมไม่จับผมข้อหาเสพเพราะผมเสพ ถึงได้บอกแล้วถ้าเกิดผมขายป่านนี้ผมคงไม่ต้องไปดิ้นรนยืมเพื่อนคนละร้อยคนละห้าร้อยคนละพัน ก่อนที่ผมจะโดนจับผมบอกกับทุกคนว่าช่วงนี้ไม่มีงานเลย โทร.ไปของานคนนู้นคนนี้คือให้ผมได้งานถูกไหมครับ ถ้าเกิดผมขายผมอยู่ห้องเฉยๆ รอคนมาซื้อยาก็จบแล้ว ผมไม่ต้องทำอะไรไปดูเงินในบัญชีผมได้เลย”
“ซึ่งตอนแรกที่ผมโดนจับไปผมบอกเขาแล้วว่าผมไม่เซ็นสำนวน เพราะว่าเขาบอกว่าให้อ่านสำนวนให้ละเอียด ผมบอกผมไม่เซ็นผมอ่านละเอียดแล้ว เขาบอกให้ติดต่อทนายได้แต่ทำไมเขาไม่ให้ผมใช้โทรศัพท์ เขาบอกเซ็นต์ก่อนเดี๋ยวให้ใช้โทรศัพท์เขาบอกแบบนี้ แล้วจะให้ผมทำยังไงในสถานการณ์แบบนั้นผมอยู่คนเดียว แล้วทำไมถ้าเกิดผมขายจริงแล้วทำไมต้องเอาอุปกรณ์การเสพมาตั้งไว้ครับ ถ้าเกิดผมขายเพื่ออะไรครับ ในเมื่อทำผมแบบนี้ผมก็ไม่เหลืออะไรอยู่แล้ว ผมลูกผู้ชายผมยอมรับผิด ถ้าเกิดผมผิดเพราะผมเสพทำไมไม่จับข้อหาผมเสพละ โดนจับ 2 กรัม 2 จี ถือว่าเป็นผู้ค้าเลย”
“แล้วเขาก็ไม่มีการกันตัวไว้เป็นพยานหรืออะไรเลย ไม่เลยเหมือนเขาตั้งใจไว้แล้ว ไม่รู้เขาไม่ให้ผมทำอะไรเลย อยู่ๆ จับผมมาก็อยู่ข้างนอกด้วย แยกกับคนที่จับมาแล้ว ผมก็งงทำไมถึงไม่เอาผมไปรวมกับข้างในทำไมถึงเอาผมไว้ข้างนอกคนเดียว ผมถามว่าจับใครมาบ้างเขาก็ไม่บอก พอสัมภาษณ์นักข่าวเสร็จปุ๊บผมบอกไม่เซ็นต์ เขาบอกไม่เซ็นต์ก็เรียกนักข่าว เขาบอกว่าเซ็นเถอะเดี๋ยวให้ใช้โทรศัพท์ แต่ผมอ่านในสำนวน เขาบอกว่าให้อ่านสำนวนให้ละเอียด พอผมอ่านละเอียดแล้ว ผมบอกว่าพี่ผมขอใช้โทรศัพท์เขาเดินหนี จนกว่าผมจะเซ็นเขาถึงเรียกนักข่าวเข้ามา ทำให้ผมนึกได้ว่าพอผมสัมภาษณ์นักข่าวเสร็จ อ้าวไอ้คนที่ผมไปเอายานั่งอยู่แบบนี้จะให้คิดยังไงครับ (เราคิดว่าเป็นการจัดฉาก?) ใช่ครับ แต่จะให้ผมไปสู้ผมก็ไม่สู้แต่ที่ผมพูดผมพูดความจริง”
เผยเหตุการณ์ก่อนโดนจับว่า
“คือมีคนโทรศัพท์มาแล้วผมยังไม่ได้บอกราคา ผมบอกว่าผมไม่รู้ราคา ผมก็บอกว่าเดี๋ยวโทร.ถามให้ เขาก็โทร.จี้อยู่นั่นแหละ จนผมบอกว่าโอนเงินคืนก่อนก็ได้นะกูไม่ใช่คนขาย ผมก็พูดแบบนี้ ตำรวจเขาก็บอกว่าผมอัดเสียงไว้แล้ว ผมก็อยากบอกว่าถ้าเกิดอัดเสียงผมก็อยากจะฟังเหมือนกันได้ยินที่ผมพูดแบบนี้หรือเปล่า แล้วสุดท้ายผมก็ไปร้องเพลง ก็เห็นไหมครับถ้าเกิดผมค้ายาผมจะไปร้องเพลงทำไม ผมยังต้องไปร้องเพลงเพราะไม่มีเงินกิน ไหนจะค่าห้องค่าใช้จ่ายอีกเยอะ ผมก็ไปร้องเพลง ร้องเพลงก็ยังโทร.ตามผมอีก แล้วคนที่ขายยาให้ผมก็ยังโทร.กลับมาแต่โทรกลับมาแปลกๆ แต่ผมไม่ได้คิดอะไร เขาบอกว่าผมเพิ่งตื่น เขาก็บอกว่าเออพี่แม็กเดี๋ยวผมรีบไปนะ เดี๋ยวผมแปะงานไว้ให้ ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าเอาเท่าไหร่แต่ผมก็มานั่งทบทวนคิดทีหลัง แต่แปะไว้แล้วสองที”
4 ปีที่เสพเคยคิดอยากจะเลิก แต่เห็นทีไรอดใจไม่ไหวทุกที เคยเห็นดาราคนอื่นเป็นข่าวไม่คิดว่าตัวเองจะโดนบ้าง
“ก็อยากจะเลิก อยากจะหยุดแต่ อยากหยุดผมก็หยุดได้ ผมไม่ได้ติดครับ เพราะว่าผมไม่มีอาการลงแดงครับ ถ้าเกิดผมไม่มีก็ไม่ดูดครับ แต่วันนั้นผมหยุดไปแล้วเป็นเดือน แต่พอเห็นผมก็อยากตักดูดเล่นๆ ผมยอมรับว่าผมเสพครับ ผมก็ยอมรับในสิ่งที่ผมคิดผิดไปนิดเดียว ผมหยุดได้แล้ว ก็เออนานๆ ที แล้วตอนนั้นมีดาราหลายคนที่เป็นข่าวเรื่องยาเสพติด ก็ไม่ได้คิดเพราะว่าตอนนั้นก็ไม่ได้โดนกับตัวเลยยังไม่ได้คิด แต่ตอนนี้เจอแล้วผมก็เลยได้คิดครับ”
โอดไม่มีผู้ใหญ่คนไหนยื่นมือมาช่วยเลย อยากขอความเป็นธรรมต่อศาล ยอมรับว่าเสพจริงแต่ไม่ได้ขาย หากติดคุกมาแม่จะอยู่อย่างไร
“ไม่มีใครยื่นมือมาเลยครับ ผมไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใครเลย ในเมื่อผมโดนแบบนี้ยังไม่มีใครที่คิดจะห่วงผม ผมก็บอกว่าไม่เป็นไร ที่ผมพูดผมก็พูดเรื่องจริง จะให้ผมทำยังไง ถามว่าผมผิดจริง ผมผิดจริงครับเพราะว่าผมเสพไง ถ้าเกิดเสพก็แค่บำบัดรายงานตัวเสียค่าปรับ 2 หมื่น แต่อันนี้ผมต้องโดนประกัน 4 แสน 5 ผมต้องเอารถผมไปจำนำ ผมไม่เหลืออะไรเลย เพื่อที่จะประกันตัวผมออกมา ผมพูดเรื่องจริงผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมไม่มีโอกาสได้พูด ก็จะบอกว่าไม่ออกมาพูดเพราะว่าผมโดนล่อซื้อ ก็ต้องเป็นแบบนั้นเพราะว่ามันเป็นแบบนั้น แต่รายละเอียดใครกล้าพูดผมกล้าพูดเรื่องจริงว่าผมโดนแบบนั้นจริงๆ เพราะว่าผมเป็นลูกผู้ชาย”
“ถ้าจะให้ผมเรียกร้องความเป็นธรรมก็จะให้ผมเรียกร้องความเป็นธรรมอะไรได้ครับ เพราะว่าผมโดนแบบนี้ผมก็ต้องยอมรับ อันนี้ก็แล้วแต่ศาลว่าผมอยากจะขอความเมตตาว่าผมไม่เคยมีประวัติ แล้วอีกอย่างผมก็มีแม่ที่ต้องดูแล อย่างที่ผมบอกผมก็เหมือนตายถ้าผมอยู่ข้างใน แล้วคุณแม่เสียใจกับเรื่องนี้มาก เขาก็กลัวว่าผมจะติดคุก แล้วถ้าผมติดขึ้นมาแล้วเขาจะอยู่ยังไง”
เคยคิดฆ่าตัวตาย เพราะคิดว่าคงไม่มีคนช่วยเหลือ บอกอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
“ผมเคยคิดฆ่าตัวตายครับ เพราะว่าผมไม่ได้ไปขอความช่วยเหลือจากใครเลย เพราะผมก็คิดอยู่ในใจลึกๆ ว่าคงไม่มีใครอยากช่วย ผมก็เลยไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ผมขอเป็นคนรับผิดเอง แต่พอมาเจอสำนวนส่งฟ้องแบบนี้ผมก็ต้องยอมรับครับ ทั้งที่ใจลึกๆ ผมไม่อยากรับ”
รับชีวิตตอนนี้ไม่เหลืออะไร เงินจ้างทนายยังไม่มี
“ชีวิตตอนนี้ก็คือมันก็ไม่เหลืออะไรจริงๆ มันเลยสอนให้ผมรู้ว่า ในการที่เราเสพยาแล้วเราคิดว่าเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนแล้วเราก็ไม่ได้เดือดร้อนใคร สุดท้ายจุดจบของมันก็เป็นแบบนี้ครับด้วยความไว้ใจ ผมผิดผมยอมรับผิดแต่ผิดในสิ่งที่ผมทำแต่ไม่ได้ผิดในสิ่งที่ผมโดนกล่าวหา แต่ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ผมจะเอาแรงไปสู้อะไรผมไม่อยากสู้อะไรแล้ว ในเมื่ออยากให้ผมเป็นแบบนี้ผมก็ต้องยอมรับสภาพ ผมจะมีเงินจ้างทนายได้ยังไงครับ”
หากศาลตัดสินให้รอลงอาญาเจ้าตัวบอกจะหาฤกษ์บวชทันที
“คือผมอยากบวชครับ ถ้าเกิดว่าศาลตัดสินว่าให้ผมรอลงอาญา ผมก็จะหาฤกษ์ครับ ทันทีเลยครับ แล้วก็จะไล่ขอขมาทุกท่านทุกคนจริงๆ ครับ ถึงแม้ไม่มีเงินก็บวชเท่าที่มีครับ (ถือว่าเป็นการบวชล้างซวย?) ไม่ครับ อันนี้เป็นส่วนหลัง แต่จิรงๆ ผมอยากจะบวชให้แม่ผม กับให้พ่อที่ตายครับ อันนั้นมันคงเป็นส่วนประกอบสุดท้ายแล้วมั้งที่ทำให้ต้องบวชครับ ทุกวันนี้ทำให้มีสติก็นั่งสมาธิสวดมนต์ทำให้คิดได้ครับ”
รับตอนนี้ไม่ได้ใช้นามสกุลชวนชื่นแล้ว บอกน้อยใจเพราะหลังเกิดเรื่องก็อยากให้โทร.มาบ้าง
“ผมออกรายการผมก็ใช้แม็กก้าครับ แล้วผมออกมาจากชวนชื่นผมก็ไม่ได้ไปเล่นตลกคณะไหน จำไว้นะครับ เพราะว่าผมไม่อยากเป็นคนทรยศ ใจผมรักชวนชื่นผมพูดได้เลย ผมยืนยันปฏิญาณตนว่าผมรักชวนชื่น (หลังจากมีข่าวออกมาชวนชื่นมีให้คำปรึกษาหรือพูดคุยไหม?) ไม่มีครับ แล้วก็ไม่ได้ไปขอคำปรึกษาด้วยครับ เพราะว่าผมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้เขาก็ไม่อยากยุ่ง แต่อย่างน้อยก็อยากให้โทรมาให้กำลังใจผมแค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ มันน้อยใจหลายๆ อย่าง ผมอยู่มาตั้งแต่เด็กๆ แต่ที่ออกมาเพราะว่าเขาไม่เข้าใจว่าเราโตแล้ว เขาว่าเราไม่มีความรับผิดชอบพอ”
“แต่ก่อนหน้านี้ผมก็คิดว่าเดี๋ยวหาจังหวะดีๆ เข้าไปหา แต่ผมไดยินมาคือได้ยินแต่สิ่งไม่ดี เหมือนเขาไม่เอาเหมือนแบบประมาณนี้ครับ แล้วใครจะไปกล้าครับ ผมก็น้อยใจ คือแบบนี้เลยเหรอ แต่ผมก็พร้อมจะเจอ คือจิตใจผมเหมือนเดิมแล้ว”