xs
xsm
sm
md
lg

(คู่) กรรม ของ ณเดชน์ ปีวุ่นๆของ “พ่อดอกมะลิ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคราะห์ซ้ำกรรมซัด น่ารักแต่ก็ไม่สามารถพาหนัง “คู่กรรม” และรายได้ที่สวยงามไปแตะ 100 ล้านได้เป็นแน่ ไม่ใช่เล่นไม่ดี แต่องค์ประกอบเวลานี้ “ความฮา” ของ “พี่มาก พระโขนง” เบียดแซงโค้งเกิน 300ล้านแน่นอน และคาดหวังกันถึง 500 ล้านในช่วงสงกรานต์ ที่จะเบียดให้คู่กรรมฉายน้อยโรง ไหนจะเรื่องแม่ ไหนจะเรื่องโดนถอดโฆษณา แล้วไหนจะเรื่องแฟนคลับ แม้ว่าจะไม่มีผลกับฝีมือการแสดง แต่แน่นอนว่าซุป’ตาร์ เล่นหนังทั้งที ขาดทุน พ่อดอกมะลิของแฟนคลับ ช่วยแล้วได้เท่านี้ก็เรียกว่าหืดขึ้นคอ

วินาทีนี้ ไม่มีกระแสอะไรจะแรงไปกว่าหนังสุดฮา “พี่มาก พระโขนง” ของค่ายจีทีเอช ที่ต้องบอกว่า รายได้ทะลุปรอท แตะ 300 ล้านแน่นอน และมุ่งสู่ 400ล้าน แน่นอนในช่วงสงกรานต์นี้ เรียกว่าฮายกทีม และแรงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงแต่ทำให้หนังเรื่องอื่นรอบฉายน้อยลงเท่านั้น แต่ยังทำให้พ่อดอกมะลิ หรือ โกโบริ จากหนังเรื่องคู่กรรม ที่ได้พระเอกอันดับต้นๆของเมืองไทย อย่าง “ณเดชน์ คูกิมิยะ” มารับบทพระเอก หนาวๆร้อนๆ และลุ้นกันตัวโก่ง แต่สรุปแล้วรายได้ 4 วันแรก ยังไม่แตะ 30 ล้าน คนไทยกับความฮา ยังคงได้รับความนิยม ส่วนหนังดราม่า ถ้าไม่เตะตาต้องใจจริง หรือแม้แต่ได้พระเอกแม่เหล็กมาเล่น “เด่นคนเดียว” ก็ไม่ใช่จะได้เงินจากคนดูได้ง่ายๆในยุคที่ตั๋วหนังบ้านเรา แพงพอๆกับแผ่นดีวีดีที่บางคนก็รอซื้อมาดูดีกว่า

4 วัน อันแสนปวดใจ
วันแรกของการเข้าโรงฉาย คือเป้าหมายแรกที่บ่งบอกได้ว่าหนังจะไปได้ดีหรือไม่ในทางรายได้ แล้วอีก 3วันต่อมา คือรายได้ 4วันแรกที่จะโดนนำมานับรวม และเรียกว่าอาจจะเป็น 4วันอันตรายที่ แน่นอนว่าหนังจะได้ “กำไร” หรือ “ขาดทุน” เจ็บตัวมากหรือน้อย หรือ “กระแส” ใดๆ จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องมาลุ้นกันว่า รอดไม่รอด พี่มาก พระโขนง เปิดตัววันแรกด้วย 21 ล้าน ส่วนคู่กรรม เปิดตัว ที่ 8.4 ล้าน ทำให้ผลรวมของ 4วันแรกของพี่มาก พระโขนง ทะยานสู่ 100 ล้านได้อย่างง่ายดาย จากกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก ปากต่อปาก และความฮาสะสม ที่ 4หนุ่ม จากสี่แพร่ง เพื่อนของพี่มากทั้ง 4 ต่างมีแฟนคลับเดิมไม่น้อย คู่กรรม 4 วัน แตะที่ 27 ล้าน เรียกได้ว่า ต่างกันมากเรื่องรายได้ แต่ไม่ใช่เครื่องหมายการันตีว่าหนังไม่ดี แต่ ณ เวลานี้ คือเรื่องของรสนิยมที่คนไทยติดใจอยากลิ้มลองความฮายกทีมของแก๊งสี่เกลอ ที่ขยันสร้างความฮาและมี “แก๊ก”และจังหวะที่ โดนใจคนไทยมากในเวลานี้จนเป็นเหตุให้แน่นอนว่า เมื่อรายได้เปิดตัวของคู่กรรมออกมาไม่สวยงามนัก ทำให้โรงที่ฉายหนังคู่กรรม มีน้อยกว่าเรื่องพี่มากฯ อย่างเห็นได้ชัด

รายได้พี่มากพระโขง VS คู่กรรม
เปิดตัววันแรก - พี่มากฯ 21.20 ล้าน คู่กรรม 8.4 ล้าน
4 วันแรก ชี้ชะตา - พี่มากฯทะลุ 100 ล้าน คู่กรรม 27 ล้าน
9 วัน - พี่มากฯ 200 ล้าน คู่กรรมรอลุ้นสงกรานต์อีกอึดใจ
13 วัน - พี่มาก 295.92 ล้าน

โรงหนังยักษ์ใหญ่อย่างเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ใจกลางเมือง ณ วันที่ 9 เมษายน 2556 แสดงให้เห็นเด่นชัดว่า รอบฉายของพี่มากพระโขนง ยังคงมีรอบฉายที่มากกว่าคู่กรรม เท่าตัว และมีทีท่าว่า คู่กรรม อาจโดนลดรอบฉายในช่วงวันหยุดสงกรานต์ที่จะถึงนี้ แล้วถูกแทนที่ด้วยพี่มาก พระโขนง ในวันหยุดยาว
พารากอนซีนีเพล็กซ์ พี่มาก พระโขนง 5 โรง 25 รอบ - คู่กรรม 3 โรง 14 รอบ
เมกา บางนา พี่มาก พระโขนง 6 โรง 27 รอบ - คู่กรรม 2 โรง 9 รอบ
เมเจอร์ ปิ่นเกล้า พี่มาก พระโขนง 5 โรง 25 รอบ - คู่กรรม 2 โรง 9 รอบ
เมเจอร์ รัชโยธิน พี่มาก พระโขนง 5 โรง 26 รอบ - คู่กรรม 3 โรง 15 รอบ
เมเจอร์ เชียงใหม่ พี่มาก พระโขนง 3 โรง 13 รอบ - คู่กรรม 1 โรง 5 รอบ
(ข้อมูลจาก www.majorcineplex.com)

แก่นเรื่องเก่า เล่าใหม่ : ฮายกทีม กับ ทั้งทีมเด่นคนเดียว
“ณเดชน์ คูกิมิยะ” โดนสื่อถามตั้งแต่หนัง “คู่กรรม” ยังไม่ทันเข้าโรงว่า หากมีกระแสเปรียบเทียบหนังกับ พี่มาก พระโขนง ที่ “มาริโอ้ เมาเร่อ” เล่น เจ้าตัวรู้สึกอย่างไร เขาตอบเพียงว่าคนไทยชอบความสนุกสนานเฮฮา แต่ขอให้ได้ตัดสินคู่กรรมในโรง และอยากให้ตัดสินใจไปดู แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งของรายได้และการโปรโมตที่แสนจะเข้าถึง คือโซเชียลเน็ตเวิร์ก และปากต่อปากของคนดู

แก่นเรื่องของพี่มาก พระโขนง และ คู่กรรม คือเนื้อเรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่ รู้อยู่แล้วว่าพระเอกนางเอก ตัวแสดงนำจะลงเอยอย่างไร แต่สิ่งที่นำพาไปของหนังสองเรื่องนี้ ที่คล้ายกันคือ “ตัวแสดงนำ” ที่ต้องบอกว่าพี่มาก พระโขนง มากันเป็นทีม โดยเฉพาะบรรดา ตัวเด่นในเรื่อง ที่เป็นเพื่อนพี่มาก อย่าง 4 หนุ่ม “ฟรอยด์-ณัฏฐพงษ์ ชาติพงศ์, เผือก-พงศธร จงวิลาส, เชน-วิวัฒน์ คงราศรี และ บอมบ์-กันตพัฒน์ เพิ่มพูนพัชรสุข ที่มีแฟนเก่าเจ้าประจำรอดูยาวเป็นหางว่าว และร้อยละ 80 ในโรงก็เข้ามาฮา 4 คนนี้ มากกว่ามาริโอ้ เมาเร่อ และใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ความฮา ยกทีมนี้ที่ทำให้คู่กรรม โดนตีสลบ เพราะหนังแนวนี้ คล้ายอาหารที่ถูกปากของคนไทยมากกว่า อีกทั้งเนื้อเรื่อง ตัวบท ที่สร้างให้พี่มาก เดินเรื่องกับเพื่อนแทนนางนาก ซ่อนแฝงความน่ากลัว ตลก ขบขัน เร้าใจ ตกใจเป็นช่วงๆ ฮาไร้หน่วงในโรง จังหวะจะโคน ลงตัวไปหมด และหากจะชม 4 เกลอ เพื่อนพี่มาก หรือ มาร์ค ในเรื่อง ที่เต๋อ ฉันทวิชช์ กับ โต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ร่วมด้วย นนตรา คุ้มวงษ์ ที่ได้รับคำชมว่าบทเรื่องนี้สุดแสนจะเป๊ะ! และทุกคนต่างคาดเดาว่า มาร์ค หรือมาก ในยุค 2013 จะออกมาวินเทจอย่างไร ให้ฮา ก็สมใจ วิสูตร พูลวรลักษณ์ บอสใหญ่จีทีเอช เพราะแค่ทีเซอร์หนังตัวอย่างออกมา มุก “พี่มาร์ค” ก็ติดปากไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ในขณะที่คู่กรรมแน่นอนเป็นนวนิยายเก่า ที่เอามาทำใหม่เช่นเดียวกัน ซึ่งงานนี้ “ เรียว กิตติกร เลียวศิริกุล” รับบทผู้กำกับ และเขียนบท ร่วมกับ “ดำเกิง ฐิตะปิยะศักดิ์” เรียกว่านำมาทำใหม่ เช่นเดียวกับพี่มากฯ แต่ทว่า ในมุมของเรียว กิตติกร การหยิบจับบทประพันธ์และจินตนาการ จึงอาจต่างไปจากที่คนดูคาดหวังไว้ หรือจะเรียก คู่กรรมภาคนี้ว่า คู่กรรม ภาคอินดี้ ก็คงไม่ผิด เพราะแก่นของเรื่องมีครบ แต่อาจไม่ได้เจาะลึกในแต่ละซีนแต่ละฉาก ตัวดำเนินเรื่อง โกโบริ อย่างณเดชน์ คูกิมิยะ เล่นเอง ชงเอง ตบเอง เพราะนางเอกอย่างริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส ในเรื่อง โดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องบทบาทการแสดงที่ยังไม่พลิ้ว และยังเอาตัวไม่รอด อีกทั้งนักแสดงตัวอื่นๆในบทคนไทย ยังเล่นไม่ถึงบทบาทและแทบไม่มีบทพูด

ณเดชน์ นำโด่งคะแนนนิยมมาคนเดียว เด่นคนเดียว ตีบทแตกกระจุย ทั้งแฟนคลับและแม่ยก และไม่ใช่แม่ยก ต่างชื่นชอบในบทบาทการแสดงของเขาอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะความกระแดะที่แสนจะน่ารักในบทบาทของ “โกโบริ” ที่พูดไทยสำเนียงญี่ปุ่น ได้น่ารักน่าชังน่าหยิก แม้จะหน้าฝรั่งแต่ก็เชื่อได้ว่า คนนี้คือทหารญี่ปุ่นเนียนๆ ดีๆนี่เอง แต่เพราะเด่นคนเดียว เนื้อเรื่องคนรู้อยู่แล้วลงเอยอย่างไร ในหนังไม่มีตัวช่วยอื่นอีกแล้ว จึงทำให้ความฮอตของณเดชน์ไม่สามารถพาหนังไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่

แข็ง-อ่อน ที่มีดีไม่เหมือนกัน
เนื้อหา *** พี่มากฯ และ คู่กรรม เล่าเรื่องเหมือนกัน คือใช้พระเอกนำทาง แต่จะแตกต่างไปคือคู่กรรม เล่าเรื่องด้วยภาพ และจินตนาการที่ผู้กำกับอยากให้เป็น แต่พี่มากฯ เล่าเรื่องด้วย 4 เกลอ มุมของพี่มากเรื่องความฮา ทั้ง 4 หนุ่มก็ทำได้ดี จึงทำให้เนื้อเรื่องและการตัดต่อดูไม่สับสน มีความรัก มีความฮา และมีมุมมองการเล่าที่ชัดเจน ในขณะที่มุมมองความรักจากคู่กรรมจะเป็นภาษากายเสียส่วนใหญ่ และหลายฉากก็ทำได้ดี เช่นฉากระเบิดสะพานพุทธ ฉากปล้ำที่แสนจะท้าทายอารมณ์เมารักของโกโบริ (แม้จะไม่สบอารมณ์คนบางกลุ่ม) และยังมีหลายซีนหลายฉากที่คู่กรรมก็ทำให้ได้กลิ่นที่ดีแม้ว่ารสชาติจะไม่ถูกปากคนส่วนมาก อาจเป็นไปได้ว่านักแสดงในหลายตัวละครแสดงยังไม่ถึงจึงทำให้ภาพที่เรียว กิตติกร สร้างไว้เข้าใจกับคนดูหมู่มากคนละแบบ

นักแสดงนำ *** คู่กรรม มีโกโบริที่รับบทโดย ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่ต้องบอกว่าฝากฝีไม้ลายมือไว้ในบทนี้ แตกกระเจิงและน่าชื่นชม และเป็นตัวดำเนินเรื่องและทำได้ดีในทุกๆฉาก จึงไม่แปลกที่หลายคนพูดว่า หนังเรื่องนี้ สร้างมาเพื่อณเดชน์ และความที่หนังเล่าด้วยภาษาภาพ นักแสดงอย่างณเดชน์จึงต้องการพลังจากนางเอก ของเรื่องอย่างอังศุมาลิน ที่รับบทโดยริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส แต่ทว่าในเรื่องอังศุมาลินผู้ที่แสนอึดอัดทั้งความรัก และเรื่องเชื้อชาติ ยังตีบทไม่แตก แข็งและไม่มีอารมณ์ในแววตา พูดไม่ชัด จึงทำให้ความ “อิน” กับหนังคู่กรรมลดลงไปมาก บวกกับนักแสดง ทั้งบท วนัสคนรักเก่า ตาผล ตาบัว ยายของอังศุมาลิน นักแสดงฝั่งไทยทั้งหมด ยังคงมีความขาดๆเกินๆที่ไม่ลงตัว ในขณะที่ฝ่ายเยอรมันและญี่ปุ่น แสดงดีแทบทุกตัวละคร นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าการแคสนักแสดงไทยมีปัญหา จุดแข็งในการแสดงยังอยู่ที่ณเดชน์เพียงคนเดียว

ในส่วนของพี่มากฯ แน่นอนว่าพี่มากฯ ถูกสร้างให้มีความฮาและน่ารัก แอ๊บแบ๊วอีกมุมที่ไม่เคยเล่ามาก่อน ผ่าน มาริโอ้ เมาเร่อ และนาก ที่รับบทโดยใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ เทียบกันพระเอกต่อพระเอก มาริโอ้ก็สามารถตีบททั้งแบ๊ว ทั้งฮา มุกสะเหร่อที่ทำออกมาน่ารัก ตรงกับคาแรกเตอร์ ในส่วนของใหม่ นางเอกของเรื่อง แม้ฝีมือจะยังไม่พลิ้วไหว แต่หน้าตาและคาแรกเตอร์ “ผี” นับว่าเหมาะกับรูปลักษณ์ของเธอ จึงกลบเกลื่อนความแข็งของเธอไปได้ ความแข็งแรงของพี่มากฯ จึงอยู่ที่ 4 เกลอ บวกกับ มาริโอ้ ที่มาเติมรสหวาน ให้จึงกลมกล่อมพอดี เสริมทักให้ 4 หนุ่ม แข็งแรงมากเข้าไปอีก

เพลงประกอบ *** คู่กรรม ทำถูกหูและฟังกี่ครั้งก็ยังขนลุกในเพลงประกอบเวอร์ชันคนญี่ปุ่นร้องอย่างเพลง “ฮิเดโกะ” ที่ ยูซูเกะ นามิคาวา ร้องไว้อย่างซาบซึ้งกินใจ หรือ แม้แต่เวอร์ชันที่ณเดชน์ร้องเพลง “อังศุมาลิน” ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ซึ่งในเว็บไซต์ยูทิวบ์ มีคนเข้าชมเพลงของณเดชน์ ถึง 2,865,020 ครั้ง

ในส่วนของพี่มาก พระโขนง ในแง่ของเพลงประกอบนั้นได้รับการโปรโมต ได้ “ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ” มาร้องในเพลง “อยากหยุดเวลา” ความฮอตในยูทิวบ์ 2,491,763 ครั้ง เป็นรองเพลงของณเดชน์ อยู่เล็กน้อย แต่พี่มากฯ กลับมีเพลงฮอตจาก 4หนุ่ม ในเรื่อง ที่เรียกว่า “ท่าเต้นกองพัน” หรือคลิปเพลง “พี่มากขา มะนาวลูกนั้นอยู่ที่ไหน” หรือ แม้กระทั่งเพลง “ขอมือเธอหน่อย” ที่ถูกนำมาใช้ แม้ไม่เพราะเท่าแต่เรียกว่าเอาน่ารักเข้าสู้ คู่กรรม

การโปรโมต *** คู่กรรมโปรโมตณเดชน์ ขายความน่ารักของณเดชน์ตั้งแต่การปล่อยตัวอย่าง เพลงประกอบ ชนิดที่เรียกว่าไม่ต้องเป็นแฟนคลับณเดชน์ก็ทำให้เขาโดดเด่นออกรายการทีวี ของช่อง 3 ทั้งเรื่องเล่าเช้านี้ ทูไนท์โชว์ ลงทุนกับสื่อไม่น้อย และเรียกกระแสได้ดีในช่วงแรก แต่ทันทีที่หนังเปิดตัว กระแสในเว็บไซต์ชื่อดังอย่างพันทิปเริ่มวิพากษ์วิจารณ์หนังคู่กรรมไปในทางวิจารณ์เกี่ยวกับนางเอกและผู้กำกับ อีกทั้งกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์กของคู่กรรมนั้นไม่ดีนัก เมื่อเทียบกับพี่มากฯ ที่การโปรโมต การแถลงข่าว ไม่แตกต่างกันมากนัก มีความต่อเนื่องและยิงมุกชัดเจนว่า “ขายฮา” และกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์ก ยิ่งการันตีซ้ำว่า “ฮา” คนเริ่มพากันไปดู และบางกลุ่มคนไม่ได้ดูเพียงครั้งเดียว คู่กรรมจึงแพ้พี่มากฯ หลุดลุ่ยในแง่ของกระแสโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่หลายคนตัดสินหนังไปแล้วจากกระแสโดยที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าไปดูหนังด้วยตัวเองจึงส่งผลให้กระแสปากต่อปากกับหนังคู่กรรมแรงคนละด้านกับพี่มากฯ คู่กรรมทุนสร้าง 70 ล้าน กับพี่มากฯ ที่ทุนสร้างต่ำกว่าหลาย (สิบ) ล้าน แถมมีสื่อในเครือร่วมโปรโมต งานนี้บอกได้คำเดียวว่ารวย มาก มาก ...

กรรมของ “ณเดชน์” กับบท “โกโบริ” เล่นดี แต่ไม่อูมามิ
แม้ว่ารายได้ของหนังคู่กรรม 4 วันจะยังไม่แตะ 30 ล้าน แต่แน่นอนว่า คนที่ได้เข้าชมหนังเรื่องนี้ ต่างวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในเว็บไซต์ เว็บบอร์ดชื่อดัง และกระแสโซเชียลมีเดียต่างๆคู่กรรมนั้นแม้ว่ารายได้จะไม่เป็นไปตามเป้า แต่ความแรงและข้อชื่นชมที่เห็นตรงกัน นั่นคือฝีมือการแสดงของพระเอกอย่างโกโบริ ที่เล่นได้ดี และก็ไม่ผิด หากปีนี้เขาจะได้รับรางวัลใดๆจากสถาบันเกี่ยวกับภาพยนตร์ แม้ว่าหนังจะไม่ทำเงิน

คู่กรรม ชื่อบอกแล้วว่ามาเป็นคู่ แต่ตัวละคร “อังศุมาลิน” ที่ใหม่แกะกล่อง ทำให้ริชชี่ โดนวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่ส่งอารมณ์ให้ณเดชน์ ในขณะที่ณเดชน์มาเกินร้อย แสดงให้เห็นว่าทหารญี่ปุ่น ทำไปด้วยรักอังศุมาลินสุดหัวใจและไร้เหตุผลทางการเมือง เขารักและเป็นห่วงอังศุมาลินในเรื่องและแสดงให้คนเชื่อได้ในทุกฉากว่าเขาคือ “โกโบริ” แบบเกินเป้า แม้ว่ารายได้จะส่อแววขาดทุน แต่สำหรับณเดชน์แม้จะไม่สามารถพาหนังติดอันดับ 100 ล้าน ได้ แต่เขาก็ฝากฝีมือการแสดงกับเรื่องคู่กรรมไว้อย่างน่าสนใจ บุญมีแต่กรรมบัง เพราะบท การตัดต่อที่สับสน (เดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างในฉากเดียวกัน) อีกทั้งนักแสดงในเรื่องที่ไม่ลงตัว อีกทั้งกระแสไม่ดีเหมือนตอนแรก เล่นดีคนเดียวก็ไม่อาจทำให้หนังเดินได้ หลายอย่างไม่เอื้อ ไม่อย่างนั้นก็คงขึ้นชื่อเป็นพระเอกเล่นดี 100 ล้านได้ไม่ยาก และเมื่อจบหนังเรื่องนี้ เชื่อว่าวงการหนังคงอยากเรียกใช้พระเอกคนนี้มากขึ้นไปอีก เพราะคงมีไม่กี่คนที่แอ๊บพูดไทยสำเนียงญี่ปุ่นแล้วทำสาวน้อยสาวใหญ่ชื่นชอบ

พี่มากฯ ฮาผสมแบ๊ว สงกรานต์เตรียมรับทรัพย์อีกเพียบ!
แน่นอนว่าวันหยุดสงกรานต์ 12-16 เมษายนนี้ ตารางในโรงหนังบ้านเรา ไม่ต้องแปลกใจหากหนังเรื่องพี่มาก พระโขนง จะมีโรงฉายเพิ่มสูงขึ้น และเบียดคู่กรรมที่มีโรงฉายและรอบฉายน้อยลงกว่า ด้วยกระแสหนังที่ไม่แรงกว่าที่คาด จากตัวเลขรายได้ 9วันทะลุ 200 ล้าน และขณะนี้จะแตะ 300ล้าน แล้ว ก็ไม่แปลกที่โรงหนังเพิ่มรอบเพื่อเอาใจสาวกพี่มากฯ ที่มาดูเกินหนึ่งครั้ง และด้วยกระแสที่แรงและฟีเวอร์ แม้ว่าคนไม่เคยดูหนัง ยังอยากควักกระเป๋าออกไปจ่ายเงิน บางคนดูมากกว่าหนึ่งรอบ และนับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เป็นนิมิตหมายที่ดีของวงการภาพยนตร์ไทยที่ โรงหนังมีการตื่นตัวและได้รับความนิยมพอๆกับหนังจากต่างประเทศ

หนังพี่มากฯ ทำลายสถิติรายได้หลายอย่างในประวัติการณ์ ตอนนี้มีเพียงหนังเรื่องเดียวที่ทำรายได้สูงสุด คือ “สุริโยไท” ของท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล ที่ทำรายได้ไว้ 550 ล้าน หลายคนลุ้นว่า พี่มากฯ น่าจะทะลุ ไปถึง 400 ล้าน แต่ดูจากกระแสที่ยังไม่ได้ลดลงไป ก็อาจเชื่อได้ว่า ตัวเลข 400 ล้านก็คงไม่ห่างไกลความจริงมากนัก ถ้า 13 วัน กวาดไปแล้วกว่า 295.92 ล้านบาท และสงกรานต์นี้ จีทีเอชก็อาจจะได้เฮอีกรอบเมื่อคนไทยที่ชอบดูหนังพากันไปเสียตังค์ดูพี่มากฯ อีกรอบในโรง จังหวะที่แสนดี ทุบสถิติหนังไทยแบบนี้ สงกรานต์ปีนี้ จีทีเอชรับเละ “เต๋อ ฉันทวิชช์” หนึ่งในคนเขียนบทหน้าบานในคำชื่นชม และตัวเลขรายได้ที่พุ่งทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ

“พ่อดอกมะลิ” ก็ยังรอให้คนชื่นชอบการดูหนังเข้าไปดู แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไป เทศกาลแห่งความสุขคงอยากไปรับเสียงฮามากกว่าความดราม่าและโรแมนติก ในเวลานี้ และในช่วงเวลาที่ค่าตั๋วหนังบ้านเราแสนแพง และมีหนังไทย 2 เรื่อง 2 รสให้เลือกชม รสดีทั้งคู่ แล้วแต่รสนิยม เพียงแต่พ่อดอกมะลิก็ยังคงต้องการกำลังใจจากแฟนคลับหนังไทยมากอีกสักหน่อย หากกินข้าว “ร้านโต้ง” แล้วจะแวะ “ร้านเรียว” อีกสักร้าน คงไม่เป็นไรในวันเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ แต่มีแนวโน้มว่าหลายบ้านอาจไปกิน “ร้านโต้ง” ซ้ำเพราะรสชาติถูกปาก ย่อยง่ายกว่าเขาว่ามาอย่างนั้น... ไม่แปลกใจถ้าสงกรานต์ทาแป้งหน้าขาว แล้วทาฟันดำ เพราะพี่มากฯเขาฟีเวอร์จริงๆ
...............................................................

ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 184 วันที่ 13-19 เมษายน 2556











กำลังโหลดความคิดเห็น