xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้น "Argo" คว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยม-สร้างประวัติศาสตร์ออสการ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ดูเหมือนว่างานแจกรางวัลออสการ์ในวันที่ 24 ก.พ. ที่จะถึงนี้ (ตรงกับเช้าวันที่ 25 ของบ้านเรา) จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เพราะในปีนี้ตัวเต็งที่จะคว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กลับไม่สามารถผ่านด่านเข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมาได้ แต่หากทำได้ก็จะถือว่าเป็นหนังเรื่องที่ 2 ในรอบ 80 ปีหลังของออสการ์

หนัง 63 เรื่องคว้าทั้ง "ผู้กำกับยอดเยี่ยม และภาพยนตร์ยอดเยี่ยม"

รางวัลใหญ่ที่สุดสองรางวัลของออสการ์ มักจะมาคู่กันและมอบให้กับหนัง "เด่นแห่งปี" บนเวทีออสการ์ แม้จะไม่ถึงกับทุกครั้ง แต่ก็นับปีได้หากผลจะไม่ได้เป็นไปในทำนองนี้

โดยตลอดประวัติศาสตร์ 84 ปีของออสการ์ มีหนังถึง 63 เรื่องที่คว้าทั้งรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม ในทางตรงกันข้ามก็หมายความว่ามีหนัง 21 เรื่องได้เฉพาะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับ 21 คนที่ได้รับรางวัลโดยผลงานไม่ได้รับเกียรติยศสูงสุดของงาน

อันที่จริงในออสการ์ปีแรก ๆ แทบไม่มีปีใดเลยที่รางวัลทั้งสองตรงกัน ตั้งแต่ออสการ์ครั้งแรกเมื่อปี 1928 ที่ Wing ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ส่วนรางวัลผู้กำกับตกเป็นของ ลิวอิส ไมล์สโตน จาก Two Arabia Knights และ แฟรง บอร์เซจ จาก 7th (เป็นปีแรกและปีเดียวที่รางวัลผู้กำกับแยกเป็นประเภทหนังดรามา และหนังตลก)

เช่นเดียวกันในปี 1932 ที่หนังดัง Grand Hotel คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ แฟรง บอร์เซจ กลับได้รางวัลผู้กำกับไปได้อีกครั้งจาก Bad Girl หรือ ในปี 1940 ที่ จอห์น ฟอร์ด คว้ารางวัลสาขาผู้กำกับจาก The Grapes of Wrath แต่หนังยอดเยี่ยมเป็นของ Rececca ของ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก ซึ่งใครจะไปรู้ว่าหลังพลาดรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับในปีนี้ ฮิตช์ค็อก ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลอีก 4 ครั้ง กลับไม่เคยเป็นผู้ชนะ ได้ออสการ์สาขาผู้กำกับเลย

กระทั่งปี 1941 เป็นต้นมาเทรนต์ "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มาคู่ ผู้กำกับยอดเยี่ยม" ก็เริ่มต้นขึ้น ระหว่างปี 1941 - 1947 รางวัลใหญ่ทั้งสองสาขามอบให้กับหนังเรื่องเดียวกันติดต่อถึง 8 ปี เช่นเดียวกับระหว่างปี 1957 - 1966 ก็เช่นเดียวกัน

21 ครั้งในประวัติศาสตร์เมื่อ หนังยอดเยี่ยม กับผู้กำกับยอดเยี่ยม ไม่ตรงกัน

หลังจากนั้นอาจจะมีบางปีที่รางวัลทั้งสองแยกให้หนังคนละเรื่องอยู่บ้าง แต่ก็ไมบ่อยนัก กรณีที่คนจดจำกันได้ถึงทุกวันนี้ก็น่าจะมีในปี 1972 ที่ ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา คว้าออสการ์ภาพยนตร์อดเยี่ยมได้จาก The Godfather แต่สำหรับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมกลับตกเป็นของ บ๊อบ ฟอซซี่ จาก Cararet

ในยุค 90s ยังมีกรณีที่ยังคงพูดกันจนถึงปัจจุบันเมื่อปี 1998 สตีเวน สปีลเบิร์ค คว้าออสการ์ตัวที่ 2 ในชีวิตสำหรับสาขาผู้กำกับจาก Saving Private Ryan แต่รางวัลหนังยอดเยี่ยมกลับตกเป็นของ Shakespeare in Love ไปในท้ายที่สุด

ส่วนในปี 2000 สตีเวน โซเดอร์เบิร์กห์ ได้รางวัลผู้กำกับจาก Traffic แต่หนังยอดเยี่ยมกลับตกเป็นของ Gladiator ของ รีดลีย์ สก็อต และในปี 2002 โรมัน โปลันสกี ก็ได้ออสการ์ตัวแรกจาก The Pianist ทั้ง ๆ ที่หนังยอดเยี่ยมตกเป็นของ Chicago

และล่าสุดในปี 2005 ที่ Crash หักปากการเซียนคว้าหนังยอดเยี่ยม แต่อย่างน้อย อังลี ก็ยังคว้าออสการ์สาขาผู้กำกับได้จาก Brokeback Hountain หนังขวัญใจนักวิจารณ์ในปีนั้น

หนังยอดเยี่ยมที่ผู้กำกับไม่ได้ชิง: 3 ครั้งในประวัติศาสตร์

อย่างไรก็ตามหากจะพูดถึงหนังที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมได้ โดยที่ผู้กำกับไม่ได้แม้แต่จะเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม กลับเกิดขึ้นเพียง 3 ครั้งเท่านั้น สองครั้งแรกเป็นยุคแรกของออสการ์ที่ Wings และ Grand Hotel ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดยผู้กำกับไม่ได้ลุ้นรางวัลส่วนตัว (สำหรับกรณีของ Grand Hotel เป็นการเข้าชิงรางวัลในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเพียงสาขาเดียว และยังคว้ารางวัลมาได้ด้วย)

แต่ในรอบ 82 ปี หลังจากนั้นมีเพียง Driving Miss Daisy (1989) ที่ได้ออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในขณะที่ บรูซ เบเรสฟอร์ด ไม่ได้ลุ้นรางวัลผู้กำกับแต่อย่างใด โดยเป็น โอลิเวอร์ สโตน จาก Born on the Fourth of July ที่ได้รับรางวัลไป

โดยทั่วไปหนังที่ได้ชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่พลาดไมได้ชิงรางวัลในสาขาผู้กำกับ ราศีของหนังเรื่องนั้นก็คงดู "หมอง" ไปถนัดตา ก็แทบจะหมดลุ้นไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ 2009 เป็นต้นมา มีการเปลี่ยนกฏเพิ่มจำนวนหนังที่ได้ชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็น 10 เรื่องต่อปี (และเปลี่ยนกฏอีกครั้ง เป็นการไม่จำกัดจำนวนหนังยอดเยี่ยมตายตัว แต่สามารถยืดหยุ่นได้ระหว่าง 6 - 10 เรื่อง) ก็หมายความว่าการที่หนังเรื่องใด ได้ชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ตัวผู้กำกับพลาดโอกาสไป ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอีกต่อไป

มองในมุมนี้โอกาสของหนังที่ได้ลุ้นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ผู้กำกับอดเข้าชิงรางวัลส่วนตัว ทั้ง Les Misérables, Django Unchained, Zero Dark Thirty ก็คงยังไม่หมดลงเสียทีเดียว แม้ความเป็นไปได้จะเหลือไม่มากนัก แน่นอนว่ารวมถึง Argo ของ เบน แอฟเฟล็ค ด้วย

โอกาสของ Argo

"ผมต้องพูดเรื่องนี้จริง ๆ ขอพูดสั้น ๆ แต่ยังไงก็ต้องพูด แอฟเฟล็ค โดนปล้นชัด ๆ" นักแสดงหนุ่มมาแรงแห่งปี แบรด์ลีย์ คูเปอร์ แห่ง Silver Linings Playbook กล่าวแสดงความเห็นใจผู้กำกับหนังคู่แข่ง ที่พลาดการเข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมของเวทีออสการ์ไปแบบเหลือเชื่อทั้ง ๆ ที่เป็นตัวเต็งมาตั้งแต่ต้น

มีคำอธิบาย และความเห็นต่าง ๆ มากมายกับการพลาดโอกาสชิงรางวัลสาขาผู้กำกับของ เบน แอฟเฟล็ค บ้างก็ว่าเหตุการณ์พลิกล็อคที่ตัวเต็งอย่างเขาพลาดโอกาสชิงรางวัลไปอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเกิดขึ้นเพราะผู้ลงคะแนน ที่เป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ อาจคิดว่ายังไง แอฟเฟล็ค ก็คงเข้าชิงรางวัลแน่ ๆ อยู่แล้วจึงไปเฮโลโหวตให้กับคนอื่นแทน

ขณะที่บางคนก็มองว่าสุดท้ายแล้วการพลาดโอกาสดังกล่าวอาจกลายเป็น "คะแนนสงสาร" ให้ แอฟเฟล็ค คว้ารางวัลใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในตอนท้ายขึ้นมาก็ได้

ซึ่งนอกจาก เบน แอฟเฟล็ค จาก Argo แล้ว ก็ยังมี ผู้กำกับหญิง แคทลิน ปิเกโลว์ แห่งหนัง Zero Dark Thirty, ทอม ฮูเปอร์ จาก Les Misarables และ เควนติน ตารันติโน่ จาก Unchained Django ที่ร่วมชะตากรรมเดียวกัน กับการมีชื่อชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ผู้อยู่เบื้องหลังไม่ได้เข้าชิงในสาขาผู้กำกับ ประกอบกับประวัติศาสตร์ของออสการ์ในรอบ 80 ปีหลัง ที่มีเพียง Driver Miss Daisy เท่านั้นที่สามารถคว้ารางวัลใหญ่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้ โดยผู้กำกับไม่ได้เข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ยิ่งทำให้โอกาสของหนังทั้ง 4 เรื่องดูมืดมนทันตาเห็นไปอีก

อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ Argo กลับหักปากการเซียนคว้ารางวัลใหญ่ได้ทั้งจากเวทีลูกโลกทองคำ, สมาคมผู้อำนวยการสร้าง, สมาคมนักแสดง จนถึงสมาคมผู้กำกับ ชื่อของ Argo จึงกลับมาดูดีมีอนาคตในเวทีออสการ์อีกครั้ง และตอนนี้ดูเหมือนจะขึ้นไปเป็นเต็งหนึ่งแล้วด้วย

Argo เรื่องที่ 4 ในประวัติศาสตร์

แม้จะกำกับหนังได้เพียง 3 เรื่องเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กราฟในอาชีพผู้กำกับของ แอฟเฟล็ค กำลังพุ่งแรงแบบฉุดไม่อยู่กับหนังเรื่องที่ 3 Argo ภาพยนตร์ที่สร้างจากเหตุการณ์จริง ที่เล่าเรื่องปฏิบัติการช่วยเหลือเหล่าเจ้าหน้าที่ทูตในกรุงเตหะราน เมื่อเหตุการณ์จับตัวประกันในปี 1979 ได้รับคำวิจารณ์ในแง่บวกจากทุกฝ่าย และยังเป็นขวัญใจคนดูตอนนี้กวาดเงินทั่วโลกไปถึง 200 ล้านเหรียญฯ แล้วจนกลายเป็นตัวเต็งในทุกเวทีแจกรางวัล

ในตอนแรกการไม่มีชื่อของ แอฟเฟล็ค ในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมของออสการ์ แทบจะทำให้ทุกฝ่ายมองว่า Argo อาจจะหมดโอกาสสำหรับการคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปแล้ว แต่สุดท้ายหลังจากนั้นผลงานของพระเอกวัย 40 ปีกลับเดินหน้ากวาดรางวัลในทุกเวที ตามข้อมูลคร่าว ๆ ของ Imdb ระบุ Argo ได้รับรางวัลไปถึง 44 รางวัลแล้ว

Argo เป็นหนังยอดเยี่ยมของ AFI (สภาบันภาพยนตร์อเมริกัน), Critics Choice Awards, BAFTA (สภาบันภาพยนตร์อังกฤษ), ลูกโลกทองคำ นอกจากนั้นยังคว้ารางวัลใหญ่ที่สุดของทั้ง สมาคมนักเขียน, สมาคมนักแสดง, สมาคมผู้อำนวยการสร้าง

แม้แต่ สมาคมผู้กำกับ ตัวของ แอฟเฟล็ค ก็คว้ารางวัลไปได้ แม้จะไม่ได้ชิงรางวัลสาขาดังกล่าวของออสการ์ก็ตาม

ถึงตอนนี้ Argo คือชื่อที่ผู้สันทันกรณีต่างชี้ว่ามีสิทธิ์คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปมากที่สุด แม้แต่บ่อนดังอย่าง William Hill ก็ออกราคาให้ Argo เป็นเต็งจ๋าด้วยอัตราแทง 6 จ่าย 1 มี Lincoln ที่พอจะเบียดแย่งได้ด้วยราคาแท่ง 1 จ่าย 4

ส่วนที่เหลือเรียกว่าโอกาสคงยาก ทั้ง Life of Pi กับ Silver Linings Playbook ที่มีราคาแทง 1 จ่าย 40, Les Miserables ราคาแทง 1 จ่าย 50, Django Unchained แทง 1 จ่าย 66, Zero Dark Thirty แทง 1 จ่าย 80

ส่วนหนังภาษาต่างประเทศ Amour กับหนังอินดี Beasts of the Southern Wild ที่แหกโค้งเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก็คงถือว่าเป็นชัยชนะของหนังทั้งสองเรื่องไปแล้ว ราคาที่สะท้อนโอกาสคว้าออสการ์จึงอยู่ที่แทง 1 จ่าย 100 เลยทีเดียว



ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก




1948 : Hamlet ของ เซอร์ ลอเรนซ์ โอลิเวีย ได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่สำหรับสาขาผู้กำกับตกเป็นของ The Tresure of the Sierra Madre ของ จอห์น ฮุสตัน
1952 : The Greatest Show on Earth คว้าออสการ์ไปได้แบบงง ๆ ส่วนรางวัลผู้กำกับตกเป้นของ จอห์น ฟอร์ด จาก The Quiet Man
1967 : In The Heat of the Night คว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ส่วนผู้กำกับตกเป็นของ ไมค์ นิโคล จาก The Graduate
1972 : หลายคนยอมรับว่า Cabaret ของ บ๊อบ ฟอสซี เป็นงานที่ไม่เลว แต่ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่า ฟรานซิส ฟอร์ด คอปเปลา จะพลาดรางวัลผู้กำกับจาก The Godfather แม้หนังจะได้ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปครองก็ตาม
1981 : หนังอังกฤษ Chariots of Fire คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ส่วนรางวัลผู้กำกับตกเป็นของ วอเรนต์ เบตตี้ จาก Red
1989 : Driving Miss Daisy หนังแห่งประวัติศาสตร์ในรอบ 80 ปี ที่คว้าภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้โดยผู้กำกับไม่ได้แม้แต่จะชิงรางวัล
1998 : หลายคนแทบไม่เชื่อว่า Saving Private Ryan หนังสงครามสุดดังของ สปีลเบิร์ก จะแพ้ Shakespeare in Love ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
2000 : Gladiator ของ รีดลีย์ สก็อต กับ Traffic ของ สตีเว่น โซเดอร์เบิร์กห์ แบ่งรางวัลใหญ่ไปกันคนละสาขา
2002 : Chicago คว้าออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่รางวัลผู้กำกับเป็นของ โรมัน โปลันสกี แห่ง The Piannist ( won Best Picture)
2005 : ปีที่การแข่งขันรุนแรงจบลงด้วย Crash เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่แบ่งรางวัลผู้กำกับให้ อังลี จาก Brokeback Mountain
กำลังโหลดความคิดเห็น