xs
xsm
sm
md
lg

“เฉินหลง” มาไทยโปรโมตหนังใหม่พร้อมอวดโฉมนักแสดงสาวดาวบู๊ที่คว้าบทไปจาก “จีจ้า”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยเดินทางมาประเทศไทยเพื่อร่วมทำบุญบริจาคเงินให้เด็กเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด “เฉินหลง” นักแสดงบู๊ชื่อดัง ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอีกครั้งเพื่อร่วมโปรโมทภาพยนตร์ “วิ่ง-ปล้น-ฟัด” (Chinese Zodiac) โดยจูงมือสองสาว “หลานซิง” และ “ซิงถง” นักแสดงในเรื่องมาร่วมโปรโมตด้วย

การมาเมืองไทยครั้งนี้ของ เฉินหลง เจ้าพ่อหนังแอ็กชัน-คอมเมดีชื่อดัง เพื่อร่วมโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง วิ่ง-ปล้น-ฟัด (Chinese Zodiac) ที่เจ้าตัวทุ่มสุดตัว ทั้ง เขียนบท กำกับ นำแสดง และอำนวยการสร้างเอง โดยภาพยนตร์ “วิ่ง-ปล้น-ฟัด” (Chinese Zodiac) เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยการตามล่าหัวรูปปั้นทองแดง 6 ชิ้น ที่เป็นตัวแทนของ 12 นักษัตรของจีน ซึ่งถูกขโมยไปจากพระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่ง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะพาผู้ชมผจญภัยไปทั้ง 4 ทวีปใน 7 ประเทศทั่วโลก พร้อมฉากภูเขาไฟระเบิด และการแสดงที่สมจริง ที่นักแสดงเล่นจริงเจ็บจริงในสถานที่จริง

โดยเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมา เฉินหลง ได้พาสองสาวทั้ง หลานซิง และซิงถง 2 นักแสดงบู๊หน้าใหม่มาร่วมแถลงข่าวที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ ซึ่งทันทีที่มาถึงเจ้าตัวได้ร่วมถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ทั้งสามกล่าวทักทายสื่อมวลชนเป็นภาษาไทย พร้อมให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง โดยเฉพาะเฉินหลง ที่ทำหน้าที่ลูกพี่ จัดแจงท่าทาง และคอยบอกให้นักแสดงสาวทั้งสองหันซ้ายขวาให้สื่อมวลชนได้ถ่ายภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสาวมาประเทศไทย โดย ซินถง ชื่นชมสาวไทยว่าสวยมาก และเป็นประเทศที่มีสไตล์ ก่อนจะโดนพิธีกรหนุ่ม พีเค แซวว่าแล้วหนุ่มไทยล่ะ....เธอหัวเราะก่อนตอบแบบเขินๆ ว่า “ก็หล่อเหมือนกันค่ะ”

ในงานแถลงข่าว เฉินหลงได้เล่าถึงไอเดียของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า มาจากเรื่องจริงครึ่งหนึ่งและเป็นบทที่เขียนเองอีกครึ่งหนึ่ง โดยเขาใช้เวลาถึง 8 ปี สำหรับการเตรียมการ และเขียนบท ในระยะเวลาก่อนหน้านี้ ตัวเขาเองพยายามหาคาแร็กเตอร์ของเขาเอง เพราะเข้าใจมาตลอดเวลาว่านักแสดงบู๊อยู่ในวงการได้ไม่นาน จึงพยายามค้นหาคาแร็กเตอร์อื่นๆในภาพยนตร์ก่อนหน้าอย่าง คาราเต้คิดส์ 1911 และชินจูกุ เพรซิเดนท์ 

ในส่วนของสองสาวนั้นเมื่อถามถึงความตื่นเต้นที่ได้ทำงานร่วมกับ เฉินหลงที่เป็นถึงซูเปอร์สตาร์จากฮอลลีวูด ทั้งคู่บอกตื่นเต้นและเฉินหลงเป็นเหมือนพี่คอยช่วยเหลือน้องๆ “แค่เห็นคุณแจ็กกี้ เดินมาก็ตื่นเต้นมากแล้ว แต่พอได้ร่วมงานด้วยกันเป็นเวลากว่า 1 ปี ตอนนี้พี่แจ็กกี้ ก็กลายเป็นพี่ใหญ่ของฉันไปแล้วค่ะ” หลานซิง นักแสดงสาวกล่าวอย่างชื่นชม ด้านซิงถง กล่าวเสริมว่า “เพราะหนังเรื่องนี้เลยค่ะ ที่ทำให้ฉันก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปได้หลายๆด้าน อย่างซีนหนึ่งที่ต้องกระโดดลงน้ำ ฉันเป็นคนกลัวความสูงมาก ตอนนี้กระโดดจนหายกลัวไปแล้วค่ะ”

ทันทีที่ซิงถงพูดไม่ทันขาดคำ เฉินหลงก็ได้กล่าวแทรกขึ้นมาทันที “นี่เป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่งที่เรียกว่า บิ๊กโจ๊ก เลยก็ว่าได้ครับ” โดยเจ้าตัวเล่าย้อนเหตุการณ์ถึงวันที่เขาคัดเลือกนักแสดงให้เหลือสามคนสุดท้าย ไม่ว่าเขาจะถามอะไรพวกเธอ พวกเธอก็จะตอบว่า “พวกเราสามารถเรียนรู้ได้”

“ผมถามพวกเธอว่า “พูดภาษาอังกฤษได้ไหม?” “พวกเราเรียนรู้ได้” “ภาษาฝรั่งเศสล่ะ?” “เรียนรู้ได้ค่ะ” “ว่ายน้ำได้ไหม?” “น้ำตื้นได้ค่ะ” และเมื่อถึงซีนที่เธอต้องกระโดดน้ำจริงๆ เธอก็กรี๊ดออกมา แล้วบอกว่าจุดที่ต้องกระโดดสูงไป ผมก็ปรับระดับจุดกระโดดให้ต่ำลงมาอีก เธอก็ยังบอกว่าสูงไป จนเท้าของเธออยู่เสมอน้ำแล้วเธอก็ยังบอกว่ามันสูงไปอีก จนผมต้องถามว่า “อะไรเนี่ย!?” จนได้ความว่า เพราะคำว่า “น้ำตื้น” กับ “ดำน้ำ” ในภาษาจีนออกเสียงเหมือนกัน ทำให้ผมเข้าใจผิดว่าเธอ “ดำน้ำ” ได้ แต่จริงๆ เธอพูดว่า ถ้า “น้ำตื้น” เหมือนสระเด็กก็ได้” เรียกเสียงหัวเราะจากบรรดาสื่ออีกยกใหญ่

เมื่อถามถึงคาแรกเตอร์ของเหยาซินถงในเรื่องนี้ เจ้าตัวกล่าวว่า เธอเป็นนักโบราณคดีสาวที่ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเฉินหลง “ฉันรับบทเป็นนักเรียนที่เรียนมาด้านโบราณคดี ที่กลายมาเป็นผู้ช่วยของ เฉินหลง โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าเขาเป็นโจรที่ต้องการขโมยโบราณวัตถุชิ้นนี้” พร้อมกันนั้น เธอยังศึกษาตัวละครมาบ้างแล้วเพื่อจะได้แสดงได้สมจริงมากขึ้น "เป็นเพราะฉันเรียนจบมาทางด้านการแสดงโดยตรง ฉันเลยไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องโบราณคดี หรือโบราณวัตถุเลยค่ะ แต่คาแรกเตอร์ตัวนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและโบราณวัตถุอย่างแท้จริง ฉันจึงทำการบ้านโดยการเข้าไปศึกษา หรือดูว่านักโบราณคดีจริงๆ เขาทำงานกันอย่างไร และก็ต้องเรียนภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติมด้วยค่ะ”

ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีการใช้สถานที่ถ่ายทำที่หลากหลายมากๆ โดยเริ่มถ่ายทำกันที่เซี่ยงไฮ้ จากนั้นก็ ปารีส, ปักกิ่ง, ไต้หวัน, ออสเตรเลีย, ลัตเวีย, เวนิวาตู และ ฮ่องกง นอกจากนั้น ยังรวมถึง มาเลเซีย, กรุงเทพฯ, ทาซาเนีย แล้วก็ที่อื่นๆ อีก แต่มีที่ที่หนึ่งที่ไม่เคยมีใครเข้าไปใช้สถานที่ในการถ่ายทำมาก่อนเลย นั่นก็คือ พระราชวังชองเดลี ที่ฝรั่งเศส เมื่อถามเฉินหลงว่า เขาทำได้อย่างไรถึงสามารถเข้าไปถ่ายทำในสถานที่นั้นได้? เจ้าตัวก็ตอบแบบงงๆ ว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” เรียกเสียงฮาจากสื่อมวลชนได้ไม่น้อย ก่อนเสริมว่า แค่เข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ก็ได้แล้ว “ผมเพียงแค่เข้าไปติดต่อ แล้วทางเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะว่าเขาต้องการที่จะโปรโมตสถานที่ท่องเที่ยวของเขาอยู่แล้วโดยเฉพาะกับชาวเอเชีย”

ความน่าสนใจของเรื่องนี้อีกอย่าง คือ ชุดโรลลิงสูท ที่ปรากฏอยู่ในตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งเรียกความสนใจจากผู้ชมได้ไม่น้อย โดยเฉินหลงได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของชุดสุดล้ำชุดนี้ว่า “ผมเห็นคนคนหนึ่งกับชุดนี้ ผมก็คิดเลยว่าต้องเอาชุดนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในหนังของผมให้ได้ พอมีโอกาสผมก็เชิญคนคนนั้นมาร่วมงานในกองถ่ายและออกแบบชุดให้ ซึ่งชุดโรลลิงสูทตัวนี้มีล้อมากถึง 28 ล้อเลยครับ ผมสวมชุดนี้วิ่งลงมาจากบนไฮเวย์จริงๆ”

แม้อายุอานามจะปาเข้าไป 58 ปีแล้ว แต่เจ้าตัวยังรับประกันความฟิต เพื่อบู๊เต็มรูปแบบในภาพยนตร์อีกครั้ง “คือ ผมออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้วครับ แต่ถ้าจะให้เทียบกับเมื่อก่อนก็คงเทียบกันไม่ได้ แต่ยังไงผมก็เคลื่อนไหวได้ว่องไวกว่าคุณนะ” เฉินหลงแอบแซวพิธีกรเบาๆ เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง นอกจากนั้น ด้านสาวบู๊หลานซิง ยังออกมาโชว์ท่าเตะขาชี้ฟ้าให้สื่อได้ตะลึงไปตามๆ กันด้วย

ทางด้านนักแสดงสองสาวของเรื่องทั้ง ซิงถง และ หลานซิง ที่สามารถชิงบทไปจากสาวน้อยนักบู๊ชาวไทย จีจ้า ญาณิน วิสมิตะนันทน์ไปได้นั้น ด้านเฉินหลงก็ได้กล่าวว่า การคัดเลือกสองสาวมาร่วมแสดง เป็นเพราะชื่นชมในความตั้งใจและจริงจังกับการทำงานมาก “ทั้งสองคนเป็นคนที่ทำงานจริงจังมากๆ ในบทของหลานซิง จีจ้า ก็เคยเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ถูกเลือก แต่เพราะข้อจำกัดในการถ่ายทำในประเทศจีน ที่มีข้อจำกัดค่อนข้างมากจึงทำให้กลายเป็นหลางซิง และซิงถง สองคนนี้แทน ผมชอบความคิดของพวกเธอทั้งสองคน เพราะนักแสดงสมัยนี้ เมื่อผมบอกให้ลองซ้อมฉากบู๊พวกเขาก็จะเตะๆ ต่อยๆ แล้วก็หยุด และเมื่อเขาบอกให้ทำอีก นักแสดงเหล่านั้นก็มักจะทำหน้าหน่ายๆแล้วบอกว่าก็แสดงไปแล้ว แต่กับหลานซิงไม่ใช่ กลับเป็นเธอเสียอีกที่ขอให้เขาถ่ายใหม่เพราะมั่นใจว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ เธอทำให้ผมงงไปเลย”

“ส่วน ซิงถง ตอนแรกผมเองก็รู้สึกกังขา เพราะเธอพูดภาษาอังกฤษก็ไม่ได้ ภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ได้ แค่ 1 เดือนเธอจะทำได้อย่างไรกัน? แต่สุดท้ายเธอก็ทำมันได้และทำได้ดีเสียด้วย ผมว่าการทำงานไม่ได้มองแค่ที่งาน แต่ต้องมองไปถึงความคิดของคนทำงาน นิสัยการทำงานของพวกเขา ซึ่งผมว่ามันใช้ได้กับทุกอาชีพนะ”

โดยก่อนจะจากไปทั้ง 3 นักแสดงได้กล่าวเชิญชวนแฟนๆ มาชมภาพยนตร์ Chinese Zodiac วิ่ง-ปล้น-ฟัด ในวันหยุดปีใหม่กันเยอะๆ เพราะทุกคนตั้งใจทำกันเต็มที่ “พวกเราทุ่มเทกับการทำงานมากๆ ค่ะ ขอให้คนไทยทุกคนมีความสุขในวันปีใหม่นะคะ" ด้านเฉินหลง กล่าวเสริมว่า “หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถึง 8 ปีในการตระเตรียมและวางแผนการถ่ายทำ ในเรื่องมีมากกว่ามุกตลก และฉากบู๊ในทุกๆ ฉากจะแฝงไปด้วยข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่เขาต้องการบอกคนดู เงินไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ความรักระหว่างครอบครัว มิตรภาพ และความสามัคคีในชาติเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า สุดท้ายผมขอบคุณแฟนๆชาวไทยมากๆนะครับ ที่สนับสนุนผมมาตลอด ผมรู้ว่าคนไทยชอบดูหนังของผม และครั้งนี้ก็จะไม่ผิดหวัง “ขอบคุณครับ ผมรักคุณ” นักแสดงดังกล่าวภาษาทิ้งท้าย

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ เฉินหลง ยังใจดีเปิดให้สื่อได้ร่วมสัมภาษณ์เขาในช่วงสุดท้ายด้วย โดยเมื่อถูกถามถึงบทบาทใดที่เขาอยากเล่นแต่ยังไม่เคยได้เล่น เจ้าตัวก็รีบตอบอย่างไม่ลังเลว่า “หนังรักครับ เป็นบทที่ผมได้วิ่งช้าๆ ไปบนชายหาด และไม่มีฉากบู๊ เพราะบทบู๊มันเหนื่อย”

จากนั้นเจ้าตัวก็ถูกสื่อขอร้องให้กล่าวถึงความรู้สึกในการเดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ โดยเขากล่าวว่าเคยอยู่เมืองไทยตอนเด็กๆถ้าตอนนั้นเขาเป็นหนุ่มวัยรุ่นคงมีแฟนเป็นสาวไทยแล้ว “ผมดีใจที่ได้นำวัฒนธรรมจีนมาเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้รู้จัก และหวังว่า ทุกๆ ประเทศจะสามารถนำวัฒนธรรมมาแบ่งปันกันและหล่อหลอมมันเข้าด้วยกันได้ ตอนผมอายุ 9 ขวบผมเคยอาศัยอยู่ในประเทศไทย และเคยพูดภาษาไทยได้เยอะกว่านี้แต่ตอนนี้ลืมไปเยอะแล้ว “ถ้าตอนนั้นผมอายุ 19 คงมีแฟนเป็นคนไทยแน่นอน”

หลังจากเป็นผู้แจ้งเกิดให้นักแสดงสาวดาวบู๊หลายๆคนโด่งดังมานักต่อนักแล้ว เมื่อถูกถามถึงโอกาสที่จะปั้นนักแสดงหนุ่มมาเป็นเฉินหลง 2 มีบ้างหรือไม่ เจ้าตัวก็ตอบว่าเป็นเรื่องยากมาก “มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งผมทำมาตลอด บางคนรู้วิชากังฟู แต่แสดงหนังไม่เป็น บางคนแสดงเก่งแต่ไม่รู้จักกังฟู ฉากบู๊ไม่ได้ เพราะฉะนั้นมันต้องใช้เวลานานกว่าจะฝึกใครสักคน” จากนั้นเฉินหลงก็หันไปทาง พีเค แล้วแซวว่า “คนนี้ไม่มีหวัง” เรียกเสียงฮาจากกองทัพสื่อและนักแสดงสาวทั้งสอง

ใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว ทางเฉินหลงยังได้กล่าวอวยพรได้สมกับที่เป็นพระเอกนักบู๊ระดับตำนานด้วย “ผมอยากให้โลกมีความสุข และสันติ ภาวนาให้ภัยธรรมชาติเกิดขึ้นน้อยที่สุด หากผมเป็นซูเปอร์แมนจะทำให้ภัยเหล่านี้หายไปจากโลก และนำความสงบมาสู่โลกครับ”

เฉินหลง ยังได้ทิ้งท้ายถึงความรู้สึกที่เขาได้มีโอกาสลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย “เป็นอะไรที่วิเศษมากเลยครับ ผมรู้ว่าในหลวงมีความสำคัญกับคนไทยมากแค่ไหน ทุกครั้งในโรงหนังผมจะได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีแล้วทุกคนจะยืนขึ้น” เมื่อกล่าวจบ เฉินหลง ก็ฮัมทำนองเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้นมา เรียกเสียงปรบมือจากกองทัพนักข่าวดังคับห้อง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “สิ่งนี้ทำให้ผมรับรู้และซาบซึ้งไปด้วยทุกครั้งที่ได้ยินและได้เห็น ผมขอให้พระองค์มีพระวรกายที่แข็งแรงครับ”

ก่อนจากไปเฉินหลงยังแสดงสปิริตฮอลลิวูดเอาใจกองทัพสื่อจัดแจงสถานที่ พร้อมหันรอบทิศ ให้สื่อได้เก็บภาพอย่างทั่วถึง เรียกว่า ได้ใจสื่อมวลชนไทยไปเต็มๆเลยกับหนุ่มใหญ่ สปอร์ต ฮ่องกงรายนี้



 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
















กำลังโหลดความคิดเห็น