xs
xsm
sm
md
lg

ตีสาม 3D : ผีสะดุ้ง...ซาวด์เอฟเฟคต์

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


หลังจาก “เที่ยวบินผี 407” โกยรายได้ไปเป็นที่น่าพอใจ ดูเหมือนว่า “ทิศทางใหม่” ของค่ายหนังเก่าแก่อย่างไฟว์สตาร์ จะได้รับการตอกย้ำอีกครั้งกับหนังเรื่องล่าสุดอย่าง “ตีสาม” ซึ่งมาในรูปลักษณ์ของหนังผีสามมิติ

เป็นที่รู้กันดีว่า ไฟว์สตาร์นั้นผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชนบนสมรภูมิแห่งธุรกิจภาพยนตร์ ช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เมื่อหลายสิบปีก่อน คือตำนานในความทรงจำ เพราะต้องยอมรับว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไฟว์สตาร์แทบจะสะกดคำว่า “หนังทำเงิน” ไม่ได้เลย แน่นอนว่า ถ้าไม่นับรวมการประชาสัมพันธ์หรือ “ทำให้หนังขาย” ซึ่งไฟว์สตาร์ไม่ค่อยเชี่ยวชาญนักแล้ว การสนับสนุนหนังซึ่ง “ไม่ตลาด” ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไฟว์สตาร์กอบเก็บเงินไม่ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าที่ควร แม้ในด้านคำวิจารณ์หรือกระแสจากคนดู จะดีเด่นเพียงใดก็ตามที

หนังอย่าง “เที่ยวบินผี 407” จึงเหมือนกับหลักไมล์แรกๆ ที่ประกาศถึงการเบนเข็มทิศอีกครั้งหนึ่งของไฟว์สตาร์ มันคือหนังผีที่มุ่งตรงสู่รสนิยมคนดูในวงกว้างอย่างเด่นชัด เพราะถ้าจะมีหนังแนวไหนที่ขายง่ายเป็นอันดับต้นๆ ของบ้านเรา หนังผีก็คือหนึ่งในนั้น คนดูเห็นหน้าหนังแล้วรู้ว่าตัวเองจะได้อะไรจากหนังเรื่องดังกล่าว ไม่ใช่เห็นตัวอย่างแล้วยังงงๆ ว่าตีตั๋วเข้าไปดูแล้วจะได้อะไร เหมือนกับหนังหลายเรื่องที่ผ่านมาของไฟว์สตาร์

เรื่องแบบนี้ ว่ากันไม่ได้ เพราะสุดท้ายแล้วก็เข้าใจว่า โครงสร้างของการทำหนัง มันคือธุรกิจ คือเงินทอง ทำหนังดีๆ แต่ไม่มีจะรับประทาน หรือจนลงทุกวันๆ คงไม่มีใครแฮปปี้อย่างแน่นอน และพูดกันอย่างตรงไปตรงมา แบบไม่คำนึงถึงว่าหนังมันดีหรือห่วยอย่างไร ผมว่าไฟว์สตาร์กำลังมาถูกทางแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคนิคการเล่นกับหน้าหนังที่คนดูตรัสรู้ได้ตั้งแต่แรกเห็นถึงสิ่งที่จะได้รับ ไปจนถึงการคัดเลือกนักแสดงตัวขาย มันก็เพียงพอต่อการทำให้ “เที่ยวบินผี 407” เก็บเงินไปร่วม 30 ล้านบาท ขณะที่หนังเรื่องล่าสุดอย่าง “ตีสาม 3D” จากการสังเกตของตัวผมเองในวันที่ตีตั๋วเข้าไปดู พบว่าจำนวนคนดูในรอบนั้น ทั้งโรงแทบจะไม่มีที่นั่งว่างๆ เหลืออยู่เลย พูดสั้นๆ ก็คือ หนังเรื่องนี้ “เรียกคนดู” ได้

“ตีสาม 3D” เริ่มต้นด้วยความเชื่อที่ว่า ช่วงเวลาตีสามของค่ำคืน เป็นช่วงที่เหล่าภูตผีปีศาจจะออกมาหลอกหลอนผู้คน ใน “ตีสาม” ประกอบไปด้วยหนังสั้นสามเรื่องซึ่งไม่มีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงอะไรกันเลย นอกไปจากความสัมพันธ์ด้านช่วงเวลาซึ่งสถานการณ์ของทั้งสามเรื่องเกิดขึ้นในช่วงตีสามเหมือนกัน

1.เกศสยอง : ผีหวงผม
คุณพัชนนท์ ธรรมจิรา ซึ่งกำกับหนังตอนนี้ เป็นใครมาจากไหน ผมไม่ได้ไปตามสืบ รู้แต่ว่าแสดงนำโดยสองนักแสดงหญิงชื่อดัง “สายป่าน-อภิญญา สกุลเจริญสุข” และ “โฟกัส จีระกุล” ซึ่งรับบทเป็นสองพี่น้องแห่งร้านวิกผมสำหรับผู้ป่วย (โรคบางโรค รักษาแล้วผมร่วง ต้องทดแทนด้วยการสวมวิก) หนังตอนนี้จะว่าไป เริ่มเรื่องมาได้ค่อนข้างดีและดูมีประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงความขัดแย้งระหว่างสองพี่น้อง อีกทั้งการเปรียบเทียบระหว่างการนำผมของคนตายมาใช้ในการค้า (โดยไม่ถามผีก่อนว่าเต็มใจหรือไม่!) ก็เหมือนกับการที่ “โฟกัส” ไปเอาเสื้อผ้าของพี่สาวมาใส่ ทั้งที่พี่สาวไม่เต็มใจ แม้จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

คำพูดของสายป่านที่บอกว่า “เอาผมเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” นั้นเปรียบเสมือนคีย์เวิร์ดของหนังที่หนังต้องทำไปให้ถึง แต่สุดท้าย ผมว่าหนังไม่ประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง จะพูดเรื่องความสัมพันธ์ที่ร้าวฉานระหว่างสองพี่น้อง ก็ครึ่งๆ กลางๆ และจุดเปลี่ยนทางความสัมพันธ์ (จากร้ายเป็นดี) ก็ดูขาดๆ เกินๆ และจงใจยัดเยียดสถานการณ์เกินไป ขณะเดียวกัน จะพูดเรื่องความแค้นของผีที่ “หวงผม” ก็ไม่ชัดเจน การณ์เลยกลายเป็นว่า มันเป็นผีที่ไร้สาระที่สุด มาหลอกผู้คนด้วยเหตุผลอันเบาบางมาก

2.เรือนหอคนตาย : เสียดายบรรยากาศ
เรื่องนี้เป็นตอนที่น่าเสียดายที่สุด เพราะทั้งที่องค์ประกอบนั้นเอื้อต่อการสร้างความหลอนได้เต็มที่ แต่หนังกลับทำไม่ถึงอย่างที่ควรจะเป็น หนังเล่าถึงคู่รักที่กำลังจะแต่งงานแต่ดันมาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตพร้อมกัน ญาติๆ ก็เก็บศพไว้ในบ้านโดยมีหนุ่มพยาบาลมาคอยดูแล

ให้นึกถึงว่า คุณหรือผมต้องไปอยู่ร่วมกับศพถึงสองศพในบ้านที่เงียบสงัดและวังเวงนะครับ คิดดูว่ามันจะน่าหวาดหวั่นขนาดไหน แต่หนังกลับสื่อสิ่งนี้ออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร การแสดงของโทนี่ รากแก่น ที่ดูว่าจะเน้นให้เห็นการแสดงเชิงลึก เล่นกับอารมณ์โดยไม่ต้องเปลืองบทพูด แต่กลับไม่ทำให้เรารู้สึกหลอนร่วมไปด้วยได้ การทำหนังผีเน้นบรรยากาศแบบนี้ ลองนึกถึงหนังดีๆ อย่าง The Others หรืออะไรพวกนั้นซึ่งทำให้เราสัมผัสได้ถึงแรงบีบคั้นของบรรยากาศอันน่าอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก

3. O.T. (Overtime) : โอเวอร์ “หัก”
คุณอิสรา นาดี ผู้กำกับจากหนัง “เที่ยวบินผี 407” และดูจะเป็นผู้กำกับเพียงคนเดียวในโปรเจคต์นี้ที่มีโปรไฟล์ชัดกว่าสองผู้กำกับของสองเรื่องที่ผ่านมา หนังเรื่องนี้ค่อนข้างพลิกความคาดหมายพอสมควร แต่ไม่ถึงกับอึ้ง เพราะส่วนหนึ่ง ก็ชวนให้นึกถึงหนังอย่าง “คนกอง” ของห้าแพร่งซึ่งเคยทำอะไรทำองนี้มาแล้ว

อารมณ์โดยรวมของหนัง คือการผสมผสานระหว่างความน่ากลัว เข้ากับความน่าหัวเราะชวนขัน มองในเชิงพัฒนาการ ผมคิดว่าคุณอิสราทำได้ดีกว่าเรื่องที่แล้ว แม้ไม่มีแนวความคิดอะไรให้กับคนดูเลย แต่มันกลับเป็นความสนุกสนานบันเทิงที่ทั้ง “เฮฮา” และ “น่าตกใจ” ไปด้วยในขณะเดียวกันได้ พูดไปก็คงไม่สปอยล์ว่าหนังหักมุมแบบโอเว่อร์มาก หักแล้วหักอีกจนดูโอเวอร์ แต่ก็เว่อร์ในแบบที่รับได้ หนังเหมือนจะล้อๆ ความเชื่ออย่างหนึ่งอยู่ในที ว่าหนังที่ดี ต้องมีหักมุม ถ้าอย่างนั้น ก็หักมุมมันทุกห้านาทีกันไปเลย

......................
กล่าวในภาพรวมทั้งหมด “ตีสาม 3D” คือหนังผีอีกเรื่องซึ่งเล่นกับจังหวะตามสไตล์ของหนังผีตุ้งแช่ ผ่างๆๆ ทั่วไป ที่อาศัยเครื่องไม้เครื่องมือคือซาวด์เอฟเฟคต์เข้าช่วย เพื่อสร้างความตกอกตกใจให้กับคนขวัญอ่อนที่ต้องมีเผลอกรี๊ดวี้ดว้ายออกมาบ้าง

ถามว่า หนังผีเรื่องนี้จะฝากรอยความหลอนไว้ในใจได้หรือไม่ คำตอบง่ายๆ ก็คือ “ไม่” เพราะมันคือหนังที่ทำให้เรา “ตกใจ” แล้วก็ “ตีจาก” จบกันเพียงเท่านั้น ในโรงหนัง คำว่า “ตีสาม” สำหรับทุกคน ก็คงไม่ได้แตกต่างไปจากที่ผ่านมา พนักงานออฟฟิศที่ชอบเล่นเฟซบุ๊กตอนกลางวันแล้วอยู่ทำงานไปด้วยเล่นเฟซไปด้วยจนดึกดื่นเพราะหวังค่าโอที ก็จะยังคงรักษา “อุปนิสัยถาวร” เช่นนั้นต่อไป เพราะหนังไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าการอยู่ออฟฟิศดึกดื่น มันน่ากลัวตรงไหน เช่นเดียวกับคนที่ใส่วิกผม ก็จะยังคงใส่กันต่อไปแบบไร้ความกลัว เพราะหนังไม่ได้ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของผมผีแม้แต่น้อย

น่าสงสัยนะครับว่า ถ้าเราปิดเสียงแล้วดูแต่ภาพ เราอาจจะไม่รู้สึกอะไรกับมันเลยก็เป็นได้ เพราะพลังของหนังเรื่องนี้อยู่ที่เสียงหรือซาวด์เอฟเฟคต์จริงๆ

สรุป ทิศทางใหม่ของไฟว์สตาร์ จึงไม่มีอะไรใหม่ไปกว่าสิ่งที่เราเคยเห็นในหนังผีมาแล้วนับไม่ถ้วนในสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะให้เครดิตกับไฟว์สตาร์ ก็คงต้องยอมรับว่า คุณทำหนังตลาดๆ เป็นแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก




ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม









กำลังโหลดความคิดเห็น