หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า เสิร์ชเอนจิ้นยักษ์ใหญ่ของจีนมองเห็นโอกาสทองบนตลาดออนไลน์ไทยจนเข้ามาเปิดสำนักงานในกรุงเทพฯนานกว่า 1 ปีแล้ว ตลอด 1 ปีที่ผ่านมาไป่ตู้ทำอะไร กลยุทธ์ที่วางไว้สำหรับปีหน้าจะร้อนแรงเพียงไหน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องน่าสนใจที่ต้องขยายให้ชาวออนไลน์ในไทยได้รับรู้
เหตุผลหลักที่ทำให้การเข้ามาตั้งสำนักงานในไทยของไป่ตู้เป็นเรื่องน่าสนใจ คือไป่ตู้ (www.baidu.com) นั้นเป็นผู้ให้บริการเว็บไซต์ค้นหาข้อมูลออนไลน์หรือเสิร์ชเอนจินอันดับ 1 ของจีน ปัจจุบันมีสมาชิกผู้ลงทะเบียนใช้บริการมากกว่า 403 ล้านราย มีดีกรีเป็นบริการเสิร์ชเอนจิ้นที่มีคุณสมบัติด้านการค้นหาหลายอย่างโดดเด่นไม่แพ้กูเกิล (Google) จนทำให้ไป่ตู้ถูกมองว่าเป็นกูเกิลเวอร์ชันจีน ซึ่งคนจีนให้ความนิยมเพราะสามารถค้นหาเว็บไซต์ภาษาจีนได้ดีกว่า
วันนี้ไป่ตู้มองหาตลาดนอกประเทศจีนเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจให้มั่นคงและเติบโตเทียบชั้นระดับโลก รายงานก่อนหน้านี้ระบุว่าไป่ตู้ขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคละตินอเมริกา ด้วยการตั้งสำนักงานที่ประเทศบราซิลแล้วตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่เพียงบราซิล ไทยก็เป็นหนึ่งในบ่อทองที่ไป่ตู้มองว่ามีโอกาสงดงาม เพราะสัดส่วนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยเมื่อเทียบกับประชากร พบว่ายังเติบโตได้อีกมาก
ไคเซอร์ กัว ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารระหว่างประเทศของบริษัท ไป่ตู้ จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่าไป่ตู้เข้ามาตั้งสำนักงานในกรุงเทพฯอย่างเป็นทางการโดยเปิดเป็นบริษัท ไป่ตู้ ประเทศไทย จำกัดมานานกว่า 1 ปีแล้ว และสิ่งที่เริ่มดำเนินการไปคือการเปิดตลาดซอฟต์แวร์ฟรีและหาพันธมิตร
"เราเริ่มดำเนินงานจริงจังคือตุลาคมปีที่แล้ว เราให้บริการเว็บไซต์ hao123.co.th บริการรวมลิงก์เว็บไซต์ที่มีผู้ใช้ไทยมากกว่า 8 ล้านคนในขณะนี้ ตัวเลข 8 ล้านคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% เทียบกับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตไทย 25 ล้านคน ถือว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้พฤติกรรมการเสิร์ชข้อมูลของคนไทย ขณะเดียวกันก็หาพันธมิตร เพื่อนำเสนอความสามารถของเราในการแสดงข้อมูลที่ดีกว่าเรื่องภาษา"
ไคเซอร์มั่นใจว่าไป่ตู้จะทำให้คนไทยประทับใจเหมือนที่คนจีนประทับใจในไป่ตู้ เพราะชาวจีนนั้นใช้ภาษาจีนของตัวเอง เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ใช้ภาษาไทยเช่นกัน จุดนี้ไป่ตู้เชื่อว่าจะทำให้ผลการเสิร์ชมีคุณภาพที่ดีกว่าเสิร์ชเอนจิ้นต่างชาติที่เชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ โดยนอกจากมองที่ภาษาไทย ไป่ตู้ยังมองที่ภาษาเวียดนามด้วย
น่าเสียดายที่ผู้บริหารไป่ตู้ไม่เปิดเผยเม็ดเงินการลงทุนในประเทศไทยระบุเพียงว่ามีสำนักงานที่กรุงเทพฯพร้อมพนักงาน 6 คน โดยมีแผนเพิ่มพนักงานในปีนี้พร้อมลงทุนระยะยาว
"เพราะเราเห็นการเติบโตสูงมาก เราไม่ได้เน้นวางเป้าผลักดันธุรกิจด้านใดเป็นพิเศษ แต่จะให้โตไปด้วยกัน ทุกด้าน"
คำว่าทุกด้านที่ผู้บริหารไป่ตู้พูดถึงคือด้านธุรกิจบริการเสิร์ชเอนจิ้นออนไลน์ และธุรกิจด้านซอฟต์แวร์ โดยที่ผ่านมา ไป่ตู้ไทยดึง"ไทยแวร์"มาเป็นพันธมิตรเพื่อทำตลาดซอฟต์แวร์ฟรีแก่ชาวออนไลน์ในไทย ขณะเดียวกันก็จับมือกับ"เอเซียซอฟต์"รวมถึง"ทรูฮิตส์"มาเพิ่มฐานผู้ใช้บริการเว็บลิงก์ hao123.co.th จนมีผู้ใช้เกิน 8 ล้านคนในไทยทั้งที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้วเท่านั้น
"เราจะหาพันธมิตรให้ครอบคลุมทุกตลาด เพราะเราเป็นเสิร์ชเอนจิ้น"
ไป่ตู้ระบุว่า โมเดลธุรกิจของบริษัทคือการขายคีย์เวิร์ดหรือคำสืบค้นข้อมูลแก่บริษัทที่ต้องการโฆษณาบนเว็บไซต์ของไป่ตู้ ซึ่งยึดฐานตลาดโฆษณาออนไลน์ไม่ต่างจากกูเกิล ขณะเดียวกัน ไป่ตู้ก็เน้นการจัดดัชนีค้นหาที่มีประสิทธิภาพเหมาะกับภาษาถิ่น ซึ่งไป่ตู้เชื่อว่าเป็นความสามารถที่คู่แข่งไม่เข้าใจ
นอกจากดัชนี ไป่ตู้ระบุว่าจะเน้นการพัฒนาให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูล 3 ประเภทไปใช้งานแบบทันใจ โดยไม่ใส่ใจเสียงวิจารณ์ว่ากลยุทธ์นี้ดูเหมือนว่าไป่ตู้กำลังถอดแบบบริการจากกูเกิล เช่นการเดาใจผู้ใช้ที่ค้นหาข้อมูลตารางเดินรถไฟท่องเที่ยว ว่าอาจต้องการข้อมูลที่พักในสถานที่นั้นๆ หรือการแสดงลิงก์แอปพลิเคชัน, วิดีโอ รวมถึงข้อมูลหลายรูปแบบแก่ชาวออนไลน์ในการเสิร์ชครั้งเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้ไป่ตู้ระบุว่าจะพัฒนาให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือสะดวกสบายยิ่งขึ้น
"ชาวเน็ตทั่วไปต้องการคอนเทนต์หลัก 3 อย่าง คือคอนเทนต์ ข้อมูล และแอปพลิเคชัน เราต้องการเป็นแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการทรัพยากรเหล่านี้โดยที่ผู้ใช้ไม่ต้องเปลี่ยนไปหน้าอื่น ถือเป็นผลดีต่อระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจที่จะเติบโตไปพร้อมกันทุกส่วน"
ในด้านซอฟต์แวร์ ปัจจุบันไป่ตู้เดินหน้าทำตลาดซอฟต์แวร์ชื่อ Baidu PC Faster 2.0 อย่างจริงจัง โดยการันตีว่าโปรแกรมนี้จะช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์จากการโจมตีของแฮกเกอร์และไวรัส ช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ รวมถึงช่วยกู้พื้นที่ความจุของฮาร์ดไดรฟ์ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้น
ที่น่าสนใจคือโปรแกรม Baidu PC Faster 2.0 นั้นมีนโยบายให้ผู้บริโภคสามารถดาวน์โหลดไปใช้ฟรีตลอดชีพ แน่นอนว่าชาวออนไลน์นิยมของฟรี ทำให้ปัจจุบัน Baidu PC Faster 2.0 มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 1 ล้านครั้งในตลาดไทย
แต่แม้จะมั่นใจเพียงไร นักวิจารณ์ในวงการไอทีกลับประเมินไป่ตู้ว่ายังไม่สามารถแข่งขันกับเสิร์ชเอนจิ้นรายใหญ่บนเวทีโลก โดยเฉพาะการขยายธุรกิจเข้าสู่ญี่ปุ่นของไป่ตู้เมื่อปี 2007 ซึ่งยังไม่สามารถเอาชนะกูเกิลได้อย่างที่ตั้งเป้าไว้
ขณะเดียวกัน สถิติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ที่เก็บข้อมูลตั้งแต่ปี 2008-2010 ยังพบว่าการขยายธุรกิจในต่างประเทศของไป่ตู้ ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับภาวะขาดทุน ซึ่งแม้ว่าจะขาดทุน แต่ผู้บริหารของไป่ตู้ยังคงยืนยันว่าจะขยายธุรกิจในต่างประเทศต่อไป
สำหรับปัจจุบัน ไป่ตู้ทำตลาดเสิร์ชเอนจิ้นในจีนและญี่ปุ่น โดยกำลังจะขยายไปสู่ประเทศอย่างเวียดนามและมาเลเซีย รวมถึงไทยซึ่งคาดว่าจะเริ่มบุกตลาดเต็มตัวในปีหน้า (2013) ถึงเวลานั้น โลกจะได้รู้ว่าไป่ตู้จะลงเอยอย่างไรกับตลาดไทย ซึ่งเป็นตลาดที่กูเกิลครองแชมป์ตลาดเสิร์ชด้วยสัดส่วนเกิน 99%
