xs
xsm
sm
md
lg

ชมทุกช็อต “ปลื้ม” หมั้น “ทับทิม” ด้าน “ชวน” เผยส่งลูกถึงฝั่งแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปลื้ม” หอบชุดทับทิมเก่าแก่ของแม่สู่ขอ “ทับทิม” แล้ว แพลนอีก 7 ปีมีลูก อุบสินสอด บอกคงเป็นคู่ที่สินสอดน้อยสุด เผยพ่อให้พรขอให้รักกันและมีจริยธรรม ย้ำยังอยากเล่นการเมือง ด้านอดีตนายกฯ “ชวน” ปลื้มใจส่งลูกชายถึงฝั่ง ชมว่าที่ลูกสะใภ้ขยันทำมาหากิน บรรยากาศชื่นมื่นนักการเมืองตบเท้าร่วมยินดีเพียบ

จัดพิธีหมั้นหมายกันเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ “ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย” กับแฟนสาว “ทับทิม มัลลิกา จงวัฒนา” ซึ่งได้ฤกษ์ดีช่วงเช้า (26 ต.ค.) ที่ผ่านมา ทำพิธีที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยช่วงบ่ายโมงวันเดียวกันนี้ ทั้งคู่จะเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์จาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และจะมีพิธีฉลองสมรสพระราชทาน ในวันที่ 24 พ.ย.ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์

บรรยากาศในงานเป็นไปอย่างชื่นมื่น นอกจากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังมีแขกเหรื่อจากวงการการเมืองมาร่วมยินดีคับคั่ง อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, นายกรณ์ จาติกวณิช, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ, นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน, หม่อมหลวง สุขุมพันธุ์ บริพัตร ฯลฯ โดยปลื้มให้ชุดทับทิม มีสร้อย แหวน ต่างหู ซึ่งเป็นของเก่าแก่ของแม่ให้กับคู่หมั้นสาวทับทิม ด้านฝ้ายหญิงมอบแหวนเงินฝั่งเพชรให้กับปลื้ม แต่ไม่เปิดเผยว่ากี่กะรัต

ด้าน “นายชวน หลีกภัย” ได้พูดถึงลูกชายและว่าที่ลูกสะใภ้ว่า…“มีคนถามว่าให้ 3 คำกับลูกชายยังไง ผมบอกเลยครับว่า “ตามใจปลื้ม” ผมตามใจเขา ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ ปลื้มเขาทำตัวดีมาตลอด สิ่งที่แม่เขากลัวที่สุดคือลูกติดเหล้า มาวันนี้ผมส่งเขาถึงฝั่งแล้ว (พร้อมพูดแซวลูกชายว่า) ปลื้มทำรายการในอินเทอร์เน็ตรายการ VRZO ประสบความสำเร็จ มีเงินเดือนเยอะกว่าพวกเรา (นักการเมือง) ซะอีก ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เองก็ชื่นชม นอกจากนี้ ยังมีผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองก็แสดงความยินดีฝากมา ส่วนน้องทับทิมก็เป็นเด็กผู้หญิงที่ทำมาหากินตั้งแต่เป็นนักศึกษา ขยันทำงานดีครับ”

จากนั้นว่าที่เจ้าบ่าว-สาว ก็ได้ควงกันมาเปิดใจกับสื่อมวลชนนับตั้งแต่วันแรกที่พบรักกัน กระทั่งตัดสินใจเป็นคู่ชีวิตด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

ปลื้ม: “เริ่มต้นผมกับทับทิมเจอกันในรายการ VRZO เพราะรายการต้องเดินสัมภาษณ์ความคิดเห็น ผมเจอกับทับทิมในเทปที่ผมเริ่มทำใหม่ๆ ทับทิมเป็นคนถูกสัมภาษณ์ และพอคุยกันก็ทราบว่าเขาเป็นเพื่อนกันน้องสาวผม คือ หญิงแม้น เลยได้รู้จักกัน และเขาเคยอยู่รายการสตอเบอรี่ชีสเค้ก เขาเป็นพิธีกรอาชีพอยู่แล้ว ผมก็เลยชวนมาทำรายการคู่กันไหม เพราะตอนนั้นผมทำรายการคนเดียว”

“ถามว่ารักกันได้ยังไง ตอนชวนมาไม่ได้รู้สึกเสน่หาชอบสาวคนนี้ มีแต่อยากชวนมาทำงานเพราะเขาอารมณ์ดี และเข้ากับเพื่อนๆ ผมได้ ปรากฏว่าด้วยความใกล้ชิด เราทำงานด้วยกันเลยเห็นความน่ารัก ความดี เลยชอบใจ ปรากฏว่าใจตรงกัน รักกัน”

“ส่วนคนมองว่าอายุยังน้อยจะมีวุฒิภาวะในการสร้างครอบครัวหรือเปล่า อันดับหนึ่งครับ ไม่มีใครกำหนดว่าเราจะรักใครได้ตอนไหน มีแต่บรรทัดฐานของคนอื่นเท่านั้นที่กำหนด ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ปกติดีหรือไม่ดี มีแต่บรรทัดฐานคนอื่นเท่านั้น ผมมีชีวิตผม ผมใช้บรรทัดฐานของตัวเองในการใช้ชีวิตของตัวเอง และถ้าเกิดมองเป็นรูปธรรมคือผมทำงานตั้งแต่อายุ 16 ปี ผมใช้เงินของผมเอง ตอนนี้ผม 25 เท่ากับว่า ผมทำงานมา 9 ปี ผมรู้สึกว่า 9 ปี ผมสั่งสมประสบการณ์การทำงานและเก็บเงินมาเพื่อขอแต่งงานผู้หญิงที่ผมรักสักคนมันไม่เกินไป”

“และผมมองว่า ความรักเป็นหนึ่งในสิ่งที่มนุษย์ต้องการ มนุษย์เกิดมาเพื่อ 2 เหตุผล เหตุผลคือเกิดมาแล้วเพื่อฝากอะไรให้ไว้กับโลก ทำงานหาเงิน เพื่อชื่อเสียงอะไรก็แล้วแต่ สองมนุษย์เกิดมาเพื่อความรัก เพราะฉะนั้นความรักก็อาจเป็นอุปสรรคสำหรับทุกคน เดี๋ยวก็สมหวังผิดหวัง วุ่นวายกับความรัก แต่ถ้าหากเราเจอคนที่ใช่ในเวลาที่ใช่แล้ว และเรามั่นใจไม่มีเหตุผลไหนที่ผมต้องวุ่นวายอีก ผมเจอแล้วในเวลาที่เหมาะสม ผมตัดปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของผมไปได้แล้ว จะได้ทำงานอย่างสบายใจ”

ต่อคำถามที่ว่าพ่อเป็นห่วงชีวิตการแต่งงานไหม เพราะยังไงก็เป็นเด็กในสายตาพ่อแม่? หนุ่มปลื้มก็บอกว่า…

ปลื้ม : “ไม่น่าจะใช่ครอบครัวผม ครอบครัวผมจะค่อนข้างไม่มองผมเป็นเด็ก พ่อแม่จะเลี้ยงผมแบบให้ใช้ความคิดของตัวเอง คือจะไม่มากำหนดว่าอะไรถูกผิด พ่อแม่จะรู้ว่าผมจะพูดหรือตัดสินใจอะไรแล้ว ค่อนข้างเด็ดขาด ผมไม่ใช่คนประเภทพูดไปเรื่อย ทำไม่ทำค่อยว่ากัน ผมพูดอะไรแสดงว่าผมตัดสินใจดีแล้ว พ่อสอนเรื่องใช้ชีวิตคู่ว่าให้รักกัน และให้มีจริยธรรม คำนี้พูดจนชิน คำว่าให้มีความดีมีจริยธรรม ถ้าเกิดมองให้ลึกว่าถ้าคนเรามีจริยธรรมและความดี ทุกอย่างย่อมดีอยู่แล้ว ทั้งดีต่อคนรอบข้างและดีกับเรา”

ด้าน “ทับทิม” เผยถึงความรู้สึกที่เลือก “ปลื้ม” เป็นสามีว่า…

ทับทิม: “พี่ปลื้มเป็นคนที่มีทุกอย่างที่เราต้องการโดยเฉพาะความดี เป็นคนที่สม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลายและสิ่งที่ทับทิมประทับใจมากที่สุด คือ เขาเป็นลูกที่มีความกตัญญูต่อคุณพ่อคุณแม่มาก เลยรู้สึกว่าประทับใจ ไม่รู้สึกดดดันที่เขาเป็นลูกนักการเมืองค่ะ เพราะเราเข้าใจกันในสิ่งที่เป็น เรารู้ว่าควรทำอย่างไร ปกติทับทิมก็ให้กำลังพี่ปลื้มในเรื่องงาน”

ส่วนเรื่องทายาทอีก 7 ปีค่อยมี
ปลื้ม : “อีกนานครับ ต้องขอกล่าวตามจริงเลยครับว่าอีกนาน คงอีก 6-7 ปี เพราะตอนนี้ผมแต่งงานเพราะผมมั่นใจแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมีทายาทเลย หรือว่าเราแต่งเพราะว่าทับทิมท้อง เพราะคิดว่าคงมีหลายคนคิดว่าแต่งงานเร็วเพราะทับทิมท้องหรือเปล่า ผมบอกตามตรงเลยครับว่าไม่มีครับ ผมมองว่าเราอย่าใช้เทรนด์ใครแต่งงานเร็วแปลว่าต้องท้อง ผมมองว่ามันไม่ใช่ รักเราบริสุทธิ์จริงใจ”

บอกอนาคตยังอยากลงเล่นการเมืองอยู่ เพราะอยากมีส่วนทำให้คนอื่นมีความสุข

ปลื้ม : “ตอนนี้เหรอครับ อยากเป็นครับ แต่มันขึ้นอยู่กับสังคม พื้นฐานของผมคืออยากให้ทุกคนมีความสุข ผมทำเพื่อตัวเองเพราะผมเชื่อว่าถ้าเราทำให้คนมีความสุข ตัวเราก็มีความสุขเพราะฉะนั้นอาชีพนักการเมืองเป็นหนึ่งในอาชีพที่สามารถทำให้ทุกคนมีความสุขได้ แต่จะทำหรือเปล่าแค่นั้นเอง แต่ถ้าผมต้องเล่นการเมืองแล้วไปอยู่ในกลุ่มของคนที่ไม่ได้ทำให้คนมีความสุข มีแต่บั่นทอนมากกว่า ผมก็จะไม่เล่นการเมือง ผมจะไปทำอะไรก็ได้ ไปเป็นภารโรงแถวบ้านผม แล้วคนเห็นว่าพื้นสะอาด เขามีความสุขผมก็ยอมเป็นภารโรงครับ”

ไม่เปิดเผยสินสอด บอกคงเป็นคู่ที่สินสอดน้อยที่สุดแล้ว ส่วนชุดทับทิมที่มอบให้คู่หมั้นเป็นของเก่าแม่

ปลื้ม : “เป็นของเก่าของคุณแม่ปลื้มครับ บังเอิญว่าคุณแม่ชอบทับทิมมากอยู่แล้ว แม่ก็เลยมีชุดทับทิมที่คุณแม่ใส่ตอนสาวๆ เลยตกทอดมาให้น้องทับทิม ซึ่งเขาก็ชอบเพราะว่าตรงกับชื่อเขาพอดี ผมเลยรู้สึกว่าครอบครัวอื่นหรือคู่อื่นเขาหมั้นกันเกทับกันกี่ล้านๆ แต่สำหรับผมขอเป็นคู่รักที่สินสอดถูกที่สุดก็ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยผมก็มองว่ามันเป็นความรัก เหมือนกับถามว่าทับทิมกดดันไหมมาแต่งงานกับผม มีคนถามเขา มาแต่งกับลูกอดีตนายก 2 สมัย ทับทิมแต่งกับสุรบถ หลีกภัย ผมก็มองว่าทับทิมก็คือคนธรรมดา ผมก็เป็นคนธรรมดา”

“คนเรารักกันชอบกันไม่ได้อยู่ที่สินสอด ต้องมีมูลค่ามากแค่ไหน เราไม่ได้รักกันตรงที่สินสอด การแสดงให้เกียรติกันคือการให้ค่ากัน และบวกกับว่าเราแต่งงานกันไม่ได้มองที่นามสกุลอะไร ผมนามสกุลหลีกภัย ต้องแต่งงานกับคนที่ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าหรือรวยมากมายมหาศาล ผมไม่ได้คิด ผมมองว่ารักกันแต่งกันไม่ได้อยู่ที่นามสกุล มันอยู่ที่ความรัก รักอย่างคนธรรมดา กินอย่างคนธรรมดา ใช้ชีวิตธรรมดานี่คือความสุขที่สุดแล้ว”

พร้อมเผยถึงเรื่องจดทะเบียน เรือนหอ และฮันนีมูนว่า…
ปลื้ม : “จดทะเบียนเดี๋ยวอีกทีนึงครับผม ตอนนี้เขายังนามสกุลเดิมกันอยู่ เรือนหอยังไม่ได้คุยกันเลยครับ น่าจะได้คุยกันอีกทีนึง แต่ก็คงเป็นบ้านผมแถวพัฒนาการ เพราะเราทำงานกันอยู่แถวนั้น จะได้ทำงานสะดวก ส่วนเรื่องฮันนีมูนไม่ได้อยู่ในหัวเลย เพราะวันแต่งเสร็จก็มีงานวันรุ่งขึ้น และก็มีงานกันอีกยาว เรื่องฮันนีมูนคงพักไว้ก่อนครับ เราคงทำงานกันยาวๆ”

จะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าไม่ขอให้ทั้งคู่พูด 3 คำถึงกันและกัน ซึ่งก็หวานหยดทีเดียว

ปลื้ม : “ชั่วนิรันดร์”

ทับทิม : “รักที่สุด”




































กำลังโหลดความคิดเห็น