xs
xsm
sm
md
lg

ผู้หญิงของปลื้ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ทับทิม” ผู้หญิงของ “ปลื้ม”  สุรบถ หลีกภัย
จุดเริ่มต้นความรักของ “ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย” กับ “ทับทิม มัลลิกา จงวัฒนา” เกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ตอนนั้นปลื้มเพิ่งจะเริ่มต้นทำรายการ VRZO ซึ่งเป็นรายการที่ฉายทางอินเทอร์เน็ต ด้วยเนื้อหาในรายการที่ต้องตระเวนสัมภาษณ์คนในประเด็นต่างๆ ทำให้ปลื้มได้พบกับทับทิมโดยบังเอิญที่สยามสแควร์ ปลื้มพุ่งเข้าไปสัมภาษณ์ทับทิมในหัวข้อ “ถ้าแฟนคุณมีกิ๊กคุณจะตัดหรือไม่?” และเพราะประทับใจหน้าตา รูปร่าง และการพูดจาทำให้ปลื้มขอเบอร์ติดต่อทับทิมเอาไว้เพื่อที่จะเป็นตัวเลือกในการขึ้นมาเป็นพิธีกรหญิงคู่กับเขาในรายการ โดยที่ที่ปลื้มไม่เคยรู้มาก่อนว่าทับทิมเองก็เคยเป็นพิธีกรรายการวัยรุ่นชื่อดังนามว่า “สตรอเบอร์รี่ชีสเค้ก”

“ทับทิม” เวลาที่เหมาะสมกับคนที่ใช่ของ “ปลื้ม”
หลังจาก “ถูกชะตา” ปลื้มก็ติดต่อให้ทับทิมมาเป็นพิธีกรหญิงประจำรายการเพื่อสร้างสีสันตั้งแต่เทปที่สามเป็นต้นไป ด้วยความที่ต้องร่วมงานทำให้ทั้งสองต้องเจอกันเกือบทุกวัน คุยกันเกือบทุกคืน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ค่อยๆ พัฒนาไป ฝั่งหนุ่มปลื้มก็เพิ่งจะโสดมาหมาดๆ หลังจากเลิกรากับ “พลอย พงษ์รตี เจริญ” ซึ่งเป็นเน็ตไอดอลสุดแอ๊บแบ๊วคนหนึ่ง ส่วนทับทิมเองก็หัวใจยังว่าง เมื่อได้มาทำความรู้จักกันในขณะที่ปลื้มอยู่ในวัย 22 ปี ส่วนทับทิมก็เพิ่งจะ 21 ปี ความที่ทั้งคู่มีวัยใกล้เคียงกันและเป็นคนที่ไม่เรื่องมากด้วยกันทั้งคู่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง “ปลื้ม” กับ “ทับทิม” ก้าวหน้าไปเรื่อยๆ

ตลอดเวลาสองปีเต็มที่ทั้งคู่ศึกษาดูใจกันนั้นแทบจะไม่มีข่าวอะไรหวือหวาในความสัมพันธ์ของทั้งคู่เลย เมื่อจู่ๆ ก็มีข่าวหลุดออกมาว่าปลื้มกับทับทิมกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กันในช่วงปลายเดือนนี้ คนที่ติดตามผลงานของทั้งคู่และรู้จักทั้งคู่จึงพากันตกใจไปตามๆ กัน เพราะหลายคนมองว่าปลื้มเพิ่งจะอายุ 25 ปี ส่วนทับทิมก็อายุ 24 ปี มิหนำซ้ำยังคบกันมาแค่สองปีก็ตัดสินใจจะแต่งงานกันแล้วซึ่งสวนทางกับวิถีการใช้ชีวิตของคนยุคนี้ที่แต่งงานช้ามากกว่าในอดีตที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก

แต่ปลื้มยืนยันว่า เรื่องแต่งงานเป็นสิ่งที่เขากับว่าที่เจ้าสาวอย่างทับทิมคิดและไตร่ตรองดีแล้ว ปลื้มให้เหตุผลในการแต่งงานในช่วงวัย 25 ปีของเขา ว่า เป็นเพราะเขาใช้ชีวิตมาอย่างคุ้มค่า เริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุแค่ 16 ปี และหากนับตั้งแต่วันแรกที่เขาก้าวเข้าสู่โลกของคนทำงานก็รวมเป็นเวลา 9 ปีเต็มแล้ว เขามั่นใจว่า เขาพร้อมที่จะมีภรรยาและสร้างครอบครัวแล้ว

ปลื้ม มองว่า สิ่งสำคัญในชีวิตของมนุษย์มีอยู่แค่ไม่กี่อย่าง ซึ่งการแต่งงานมีคู่ครองก็ถือเป็นหนึ่งในเรื่องที่ปลื้มให้ความสำคัญ เมื่อเจอคนที่ใช่ในเวลาที่เหมาะสมแล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรอ

หนุ่มหลายคนอาจชื่นชอบทับทิมที่หน้าตาแอ๊บแบ๊วสไตล์สาวเกาหลี แต่สิ่งที่มัดใจปลื้มให้หยุดที่ผู้หญิงคนนี้อยู่ที่ความดีและมันสมอง ปลื้ม บอกว่า ทับทิมเป็นผู้หญิงฉลาด เป็นคนดี เรียบร้อย และอ่อนโยน ส่วนที่บ้านของปลื้มก็กดไฟเขียวให้ทับทิมเข้านอกออกในได้ตลอด เพราะทั้งคุณพ่อชวนและคุณแม่ภักดิพรนั้นปลาบปลื้มว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้มาก ด้วยความที่ทับทิมเป็นคนที่มีสัมมาคารวะ ไปลามาไหว้ และเรียบร้อยทำให้ครอบครัวของนักการเมืองใหญ่หลงรักผู้หญิงคนนี้เช่นเดียวกับที่ปลื้มรัก ปลื้มพูดถึงสิ่งที่ทำให้เขาหลงรักทับทิมว่า
“ทับทิมเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แล้วก็เป็นผู้หญิงที่ดีมากครับ”

ส่วนสิ่งที่ทำให้ทับทิมหลงรักปลื้ม ก็คือ ความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ในบุคลิกที่เต็มไปด้วยความเป็นผู้นำ ภายนอกคนทั่วไปอาจจะเห็นว่าปลื้มเป็นคนเสียงดัง เด็ดขาด มั่นใจในตัวเอง แต่หลังจากที่ทับทิมได้ทำความรู้จักปลื้มมากขึ้น และเริ่มลงลึกในรายละเอียดที่ปลื้มไม่ค่อยเผยให้คนอื่นได้เห็น อย่างเรื่องความอ่อนโยน รักสัตว์ รักคนอื่น ความกตัญญู ดูแลพ่อและแม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทับทิมประทับใจมากถึงขนาดพูดว่า
“ถ้าเขาดูแลพ่อกับแม่ได้ดีขนาดนี้ เขาก็น่าจะดูแลเราได้ นี่เป็นสิ่งที่ทับทิมซึ้งและประทับใจในตัวเขามากค่ะ”

ปลื้มกับทับทิมบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คู่รักหวานแหววที่มานั่งบอกรักกันทุกวัน สิ่งหนึ่งที่เชื่อมทั้งสองเอาไว้ด้วยกันก็คือทั้งคู่เป็นคนที่บ้างานมาก และกว่า 90% ของการพบเจอและสนทนากันก็คือเรื่องงาน และถึงปลื้มจะพูดเก่งแต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับการบอกรักพร่ำเพรื่อ ทุกวันนี้เขากับทับทิมมีความเชื่อที่ตรงกันว่าคำว่า “รัก” เก็บไว้พูดในวาระโอกาสที่สำคัญและรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ดีกว่า

แม้คนหนึ่งจะเป็นลูกชายของนักการเมืองใหญ่ที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัย ส่วนอีกรายก็เป็นเน็ตไอดอลที่โด่งดังที่สุด ณ ตอนนี้ แต่ทั้งคู่บอกว่าพวกเขาชื่นชอบความเป็นคนธรรมดาที่มีอยู่ในตัวของกันและกัน ปลื้มบอกว่าคุณพ่อชวนเลี้ยงเขามาแบบคนธรรมดาคนหนึ่ง สอนให้ทำงานเองตั้งแต่เด็กและยังให้นั่งรถประจำทางไปเรียนเองในตอนประถมกับมัธยมอีกด้วย

“ผมมองว่าความธรรมดานี่แหล่ะคือความสวยงาม” ปลื้ม กล่าว และความธรรมดานี้เองที่ทำให้ทั้งสองรักกันและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน

สำหรับกำหนดการพิธีหมั้นและเข้ารับพระราชทานน้ำสังข์ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะมีขึ้นในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ ส่วนงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสพระราชทาน จะจัดขึ้นที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน โดยปลื้มบอกว่า เบื้องต้นจะชวนแค่ครอบครัวของเขากับครอบครัวทับทิม และเพื่อนๆ ที่สนิท โดยประมาณเอาไว้ว่าแขกที่มาร่วมงานน่าจะไม่เกินสามพันคน ส่วนการ์ดเชิญตอนนี้คุณพ่อชวนรับหน้าที่ในการออกแบบและคาดว่าน่าจะเสร็จในเร็ววันนี้ ส่วนสินสอดที่ปลื้มจะมอบให้ทับทิมเป็นชุดอัญมณีทับทิมตรงตามชื่อของว่าที่เจ้าสาวนั่นเอง

VRZO = วี อาร์ โซ กับ “ขอสามคำ” คำยอดฮิต
อย่างที่กล่าวไว้ว่า ทั้ง “ปลื้ม สุรบถ กับ ทับทิม มัลลิกา” เจอกันครั้งแรก เมื่อปลื้มพุ่งเข้าไปขอความเห็นในหัวข้อ “ถ้าแฟนคุณมีกิ๊ก คุณจะตัดหรือไม่”

รายการ VRZO เริ่มต้นจาก หนุ่มปลื้มได้รวมตัวกับกลุ่มเพื่อนอีก 4-5 คน เปิดตัวครั้งแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ.2553 ในช่วงแรกรายการมีพิธีกร คือ “ชัญญ่า ทามาดะ” และ “หญิงแม้น ม.ร.ว.แม้นนฤมาส ยุคล” แนวคิดเกิดมาจากหนุ่มปลื้มที่ใช้งานเฟซบุ๊กที่ได้คำถามจากวัยรุ่นในแฟนเพจ ที่ได้ตั้งกระทู้ปัญหาของตนในเว็บบอร์ด แต่คิดว่าข้อแนะนำในเว็บบอร์ดแนะนำไปในทางที่ผิด จึงเกิดแนวคิดรายการที่จะแนะนำวัยรุ่นขึ้นมา โดยมีบทสัมภาษณ์จากคนที่ดูดีและบุคคลมีชื่อเสียง ตอนแรกมีชื่อว่า “รูปลับ” มาจากคำถามจากปัญหาเรื่องรูปหลุด ที่เด็กวัยรุ่นชอบถ่ายรูปกับแฟนแล้วรูปหลุดลงอินเทอร์เน็ตโดยรายการที่ดูสบายๆ มีความเห็นที่สนุกสนาน แต่เดิมมีให้ดูเฉพาะในยูทิวบ์ ต่อมาทางช่องเวรี่ ทีวี ได้ติดต่อมาฉายทางทรูวิชั่นส์ 85 โดยปัจจุบันมีพิธีกรคือปลื้ม และทับทิม

ในการทำงานนั้นปลื้มรับหน้าที่อำนวยการผลิต “ปรีดิ์โรจน์ เกษมสันต์” หรือ จอร์จ รับหน้าที่เป็นผู้กำกับศิลป์ และ “อิสระ ฮาตะ” รับหน้าที่เป็นผู้ตัดต่อ โดยทั้ง ปรีดิ์โรจน์ และ อิสระ มีส่วนออกหน้ากล้อง เช่นกันมี “ทชณิตร เธียรทณัท” เป็นช่างกล้อง ส่วนปลื้มและทับทิมรับหน้าที่พิธีกรคู่เป็นผู้สัมภาษณ์ผู้คน สรรหาหาหนุ่มสาวที่ดูดี 100 คน มาสัมภาษณ์ ในช่วงแรกมีความยากลำบากในการหาคนมาสัมภาษณ์ เพราะยังเป็นรายการที่ไม่มีคนรู้จัก โดยมีสถานที่ถ่ายทำเช่น สยามสแควร์ สยามพารากอน ทองหล่อ เทอร์มินัล 21 เซ็นทรัลเวิลด์ หรือในบางตอนที่เป็นตอนพิเศษถ่ายทำที่พัทยา และเชียงใหม่

หัวข้อในการสัมภาษณ์นั้น เลือกประเด็นที่เป็นที่พูดถึงในสังคม 100 คน ในบางหัวข้อสัมภาษณ์แต่ผู้ชายหรือผู้หญิงล้วน ในบางหัวข้อสัมภาษณ์ทั้งชายและหญิงคละกันไป อย่างเช่นหัวข้อ ที่ถามผู้ชายเกี่ยวกับเรื่องการสวมใส่เครื่องแบบนักศึกษาที่แน่นคับของนักศึกษาหญิง หรือในตอนที่ 15 สัมภาษณ์กะเทยและเกย์ ที่พัทยา รวมถึงในเทปแรกๆ มีช่วงที่มีบุคคลมีชื่อเสียงมาแสดงความเห็นประเด็นนั้น เรียก เซเลบริเชียล ผู้มาร่วมแสดงความเห็น เช่น ประกาศิต โบสุวรรณ, โก๊ะตี๋ อารามบอย, ปาณิสรา พิมพ์ปรุ เป็นต้น

นอกเหนือไปจากการสัมภาษณ์บุคคลที่ดูดี 100 คนแล้ว เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของรายการคือการขอให้ผู้ถูกสัมภาษณ์พูดอะไรก็ได้เกี่ยวกับประเด็นที่ถูกถามภายใน 3 พยางค์ จนทำให้วลี “ขอสามคำ” เป็นที่นิยมมากใน โดยเฉพาะในกลุ่มสังคมออนไลน์ วิธีการนี้ถูกใช้ครั้งแรกในตอนที่ 4 ของรายการ ในหัวข้อการสวมใส่เครื่องแบบนักศึกษาที่แน่นคับของนักศึกษาหญิง ซึ่งผู้ถูกสัมภาษณ์ที่ถูกขอความเห็น 3 พยางค์เป็นคนแรกในรายการ คือ “วิญญู วงศ์สุรวัฒน์” หรือ จอห์น วิญญู พิธีกรที่โด่งดังจากรายการทีวีออนไลน์เช่นเดียวกัน

ในรายการนี้ เมื่อทับทิมถ่ายรายการในเทปที่ว่าด้วยเรื่องของผู้หญิงน่ารักกับผู้หญิงเซ็กซี่ ซึ่งโปรดิวเซอร์ให้เธอเต้นเพลง ma boy ซึ่งเป็นเพลงที่มีท่าเต้นเซ็กซี่ของศิลปินเกาหลีวง Sistar19 ซึ่งทับทิมก็วาดลวยลายเต้นเหมือนต้นฉบับ ทำให้หนุ่มๆ เปิดดูคลิปที่เธอเต้นเพลงนี้เป็นจำนวนกว่า 6 แสนครั้ง


ในการทำรายการ VRZO ของปลื้มและคณะนั้น ยังเคยได้รับรางวัลอันดับ 9 ของคนเข้าชมมากสุดประจำเดือนของเว็บไซต์ยูทิวบ์ รวมแล้วมีคนดูรายการของพวกเขาไปแล้วกว่า 60 ล้านวิว ซึ่งไม่นานสถิตินี้ได้โดนแฮปข้อมูลทั้งข้อมูลรายการและสถิติจนทำให้ทีมงานเสียใจ ประกอบกับในการทำรายการนี้ ทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้ทุนส่วนตัวของตนเอง จนในระยะหลัง หลังจากการถ่ายทำเทปที่เชียงใหม่ ทั้งหมดจึงตกลงว่าอาจเป็นเทปสุดท้าย แต่พอหลังจากการถ่ายทำ มีหลายบริษัทส่งข้อความทางอีเมลมาหาปลื้มประสงค์จะลงโฆษณาด้วย จึงทำให้VRZO ยังออกอากาศอยู่ได้จนถึงขณะนี้

นอกจากนี้ รายการยังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น แต่บางความคิดเห็นยังบอกว่าเป็นรายการที่ดี แต่ยังคงมีคำหยาบคายในรายการอยู่บ้าง อย่างไรก็ตาม ปลื้ม ยังยืนยันว่า การทำรายการแนวนี้ คือ การได้เดินตามฝันของตัวเอง และต้องการบอกให้วัยรุ่นไทยได้รู้ว่าแท้ที่จริงโลกใบนี้เป็นสีเทา ซึ่งไม่ได้มีเพียงสีขาวอย่างเดียวเท่านั้น

เรียกว่า พิธีกรชายและหญิง ทั้งคู่นอกจากสนิทสนมกัน และให้เกียรติซึ่งกันและในการทำงานแล้ว “ความตรง” กันทั้งความคิดและหัวใจ ยังทำให้ปลื้มและทับทิม ผสานความสัมพันธ์ครั้งนี้ได้อย่างลงตัวจนกระทั่งถึงวันวิวาห์ในเร็ววันนี้

“ปลื้ม” - รัฐศาสตร์ทำเพื่อประชาชน การเมืองทำเพื่อตนเอง

“ปลื้ม - สุรบถ หลีกภัย เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนน่าเห็นใจ เพราะชีวิตและเรื่องราวของครอบครัวเขาเพิ่งจะมาเปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อเขาเติบโตแล้ว ณ วันนี้ เขาคือ 1 ในไอดอลที่เป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่มีความคิด ความอ่านเกินวัย พูดจามีหลักการ มีสาระ น่าเชื่อถือ ถ้าเทียบฐานะและภูมิปัญญาของลูกอดีตนายกรัฐมนตรี กับ “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องบอกว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขณะที่ “โอ๊ค” เป็นแค่กระบอกเสียงของพ่อ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีในต่างแดนกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งพูดเฉพาะแต่ผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลของตัวเองและพวกพ้องเท่านั้น
ปลื้มสร้างแบรนด์ VRZO มาด้วยตัวเอง เป็นพิธีกรรายการดังกล่าว และภาพที่ปรากฏสู่สาธารณะของปลื้ม VRZO เต็มไปด้วยความกล้า บ้าบิ่น เสียงดัง และไม่เคยอยู่นิ่ง

แต่นั่นคือ สิ่งที่ปลื้มตั้งใจนำเสนอ เขาบอกว่าเราทุกคนย่อมมีหลายด้าน หลากบทบาทในชีวิต และ “ปลื้ม VRZO” ก็ไม่ใช่ “น้องปลื้ม ลูกนายกฯ ชวน” นั่นคือ เหตุผลที่ไม่เคยมีนามสกุล “หลีกภัย” ปรากฏอยู่ในรายการ VRZO เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ปลื้ม สุรบถ หลีกภัย” เกิดเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2530 เป็นบุตรเพียงคนเดียวของนาย “ชวน หลีกภัย” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 20 ของประเทศไทยกับนาง “ภักดิพร สุจริตกุล” ชื่อ “สุรบถ” แปลว่า ท้องฟ้า เป็นชื่อพระราชทานจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องจากคุณแม่ภักดิพร ได้ขอพระราชทานจากพระองค์ในฐานะที่เป็นพระสหายร่วมชั้นเรียนที่โรงเรียนจิตรลดามาด้วยกัน

ถือว่าเป็นคนที่ย้ายโรงเรียนบ่อยมาก ปลื้มจบการศึกษาระดับอนุบาล 2 ที่โรงเรียนจิตรลดา ส่วนอนุบาล 3 ย้ายไปเรียนที่โรงเรียนบ้านริมคลอง จบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนพร้าววิทยา จังหวัดเชียงใหม่ ที่นั่นปลื้มได้แสดงออกถึงความชอบทำกิจกรรมด้วยการร่วมก่อตั้งวงดนตรีกับเพื่อนๆ ใช้ชื่อว่า วงหมากเหนือ โดยตัวปลื้มรับหน้าที่เล่นคีย์บอร์ด

หลังจากนั้น ปลื้มได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาตรีในคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามคำแนะนำของพ่อ เนื่องจากเขาได้คลุกคลีอยู่ในแวดวงการเมืองมาตั้งแต่เด็ก ปลื้มเคยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองแบบคมคายจนได้รับฉายา “ใบมีดโกนน้อย” ตามฉายา “ใบมีดโกนอาบน้ำผึ้ง” ที่นายชวนเคยได้รับ

ช่วงนั้นปลื้มได้ช่วยบิดาหาเสียงและทำงานทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง จนหลายคนติดภาพ “น้องปลื้ม สุรบถ หลีกภัย” ลูกนายกฯ ชวน ที่สุขุม พูดนิ่งๆ แต่ฉะฉาน และแสดงความคิดเห็นหลายอย่างที่โตเกินวัย ในตอนนั้นนายชวนมองเห็นแววของลูกชายจึงมั่นหมายเอาไว้ว่าถ้าปลื้มมีอายุครบ 25 ปีเมื่อไหร่จะให้เขามาทำหน้าที่เลขาฯ หน้าห้องของเขาและลงเล่นการเมืองอย่างจริงจัง

แต่เมื่อเติบโตมาเรื่อยๆ ปลื้มก็เริ่มแสดงความเป็นตัวของตัวเองออกมาให้ทุกคนได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นความชอบในความเร็ว ซึ่งสวนทางกับฉายา “ชวน เชื่องช้า” ตามวัยของผู้เป็นพ่อ ปลื้มชอบกีฬาเจ็ตสกีมาก เขามักจะไปเล่นเจ็ตสกีกับ “เปิ้ล นาคร ศิลาชัย” เป็นประจำ นอกจากนั้นปลื้มยังชอบรถสปอร์ตมาก โดยเขาหลงใหลรถสปอร์ตมาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมและตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเก็บเงินเพื่อซื้อรถสปอร์ตด้วยตัวเองให้ได้ ปลื้มจึงเริ่มต้นทำงานเก็บเงินด้วยตัวเองตั้งแต่อายุ 16 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ได้เงินเดือนเดือนละ 4,000 กว่าบาท จนกระทั่งมาลงทุนทำธุรกิจตู้สติกเกอร์ในยุคที่ตู้สติกเกอร์กำลังบูม
 
ปลื้มเก็บเงินด้วยตัวเองมาเรื่อยๆ จนสามารถซื้อรถในฝันได้ ปัจจุบันปลื้มใช้รถ BMW Z4 สีขาว ราคา 4 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ปลื้มถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เนื่องจากนายชวนเป็นหนึ่งในนักการเมืองที่มีทรัพย์สินน้อย และใช้ชีวิตอย่างสมถะมาโดยตลอด แต่ภาพปลื้มควบรถ BMW Z4 โฉบไปโฉบมาอาจจะทำให้หลายคนรู้สึกว่าไม่สมกัน แต่ปลื้มก็ออกมายอมรับว่ารถสปอร์ตคือหนึ่งในความหลงใหลของเขา และเขาก็เก็บเงินซื้อหามาด้วยตัวเอง และทิ้งท้ายว่า ถึงจะเป็นพ่อลูกกันแต่ก็ไม่ใช่คนเดียวกัน ฉะนั้นเขากับพ่อชวนจึงไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตเหมือนกัน 100% ขนาดนั้น

ความต่างที่ปลื้มบอกนั้นได้แทรกซึมมาสู่แนวคิดทางการเมืองของเขา โดยปลื้ม ณ ปัจจุบันยอมรับว่า เขาเห็นธาตุแท้ของนักการเมือง และวงการการเมืองไทยมาตั้งแต่เด็ก และนั่นก็ทำให้เขาเข็ดขยาดที่จะพาตัวเองไปพัวพันกับวงการการเมืองไทย ปลื้มในวันนี้จึงมีความสุขที่ได้ทำรายการเพื่อสื่อสารกับเด็ก วัยรุ่น และคนรุ่นใหม่มากกว่า

ปลื้ม บอกว่า เขาเป็นกลางทางการเมือง ถึงจะมีพ่ออยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะต้องชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ และในทางตรงกันข้ามเขาก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดพรรคคู่แข่ง ปลื้มเรียนจบรัฐศาสตร์จึงชอบ “รัฐศาสตร์” มากกว่าคำว่า “การเมือง”

“รัฐศาสตร์เป็นการทำเพื่อประชาชนน่ะครับ แต่การเมืองมันคือการทำเพื่อตัวเอง” ปลื้มพูดถึงความแตกต่างระหว่างคำสองคำนี้

ถึงอย่างไร ปลื้ม ยืนยันว่า เขาจะเข้าสู่วงการการเมืองอย่างแน่นอน เพราะว่ามันคือสิ่งที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก เป็นสิ่งที่เขาได้รับการปลูกฝังในสมัยที่เรียนในคณะรัฐศาสตร์ ซึ่งถ้าดูที่อายุของผู้ที่จะเข้าสู่แวดวงการเมืองในฐานะสมาชิกผู้แทนราษฎรว่าต้องมีอายุ 25 ปีขึ้นไป ก็ต้องบอกว่าปลื้มมีเวลาเหลืออีกแค่ไม่กี่เดือน และเมื่อเวลานั้นมาถึงปลื้มก็คงจะต้องประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าเขาจะสังกัดพรรคไหน แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ ก็คือ ปลื้มในวันนี้กำลังเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยรายการของเขา รายการที่ดูเผินๆ เหมือนว่าแทบจะปราศจากซึ่งสาระ แต่ถ้าใครสามารถจับแก่นของมันได้ก็จะรู้ว่ารายการบ้าๆ บอๆ รายการนี้ก็คือจุดเริ่มต้นทางการเมืองของปลื้มนั่นเอง

ข้อมูลจำเพาะ
ชื่อสุรบถ หลีกภัย
ชื่อเล่นปลื้ม
วันเกิด 8 ธันวาคม 2530
อายุ 25 ปี
การศึกษาอนุบาล 2-3 โรงเรียนจิตรลดา/โรงเรียนบ้านริมคลอง
ประถมศึกษา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
มัธยมศึกษา โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน และ โรงเรียนพร้าววิทยา
ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
การทำงาน
ช่วย “ชวน หลีกภัย” ผู้เป็นพ่อหาเสียงให้กับพรรคประชาธิปัตย์อย่างสม่ำเสมอ
ผู้ช่วยโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (10 สิงหาคม 2553 - 8 สิงหาคม 2554)
ผู้บุกเบิกและพิธีกร รายการ VRZO

“ทับทิม” อัญมณีแห่งสาวงามเมืองจันท์
“ทับทิม” มัลลิกา จงวัฒนา สาวน้อยหน้าตาสดใส วัย 24 ปี เข้าวงการบันเทิงอย่างเต็มตัวและเป็นที่รู้จักเพราะเคยเป็นพิธีกรในรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก แต่ก่อนหน้านี้ ทับทิบเป็นที่รู้จักของคนในโลกอินเทอร์เน็ต เพราะเธอคือเน็ตไอดอล และภาพของเธอถูกโพสต์ถึงในความน่ารักสดใสในเว็บไซต์ชื่อดังมากมาย จนเธอเป็นที่รู้จัก และเข้าตา “ตุ๊ก จันทร์จิรา จูแจ้ง” ทับทิมจึงได้แจ้งเกิดจากรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ตั้งแต่ปีแรกที่รายการนี้ออกอากาศ เพราะความสามารถด้านดนตรีไทยที่เข้าตาเจ้าของรายการเข้าอย่างจัง

ความสามารถในตัวเธอนอกจากการพูดแล้ว การเล่นดนตรีไทยแทบทุกชนิด (ยกเว้นตะโพน) ของสาวทับทิมนับว่าขัดกับบุคลิกที่แสนสดใสตามสไตล์วัยรุ่น และทำให้เธอโดดเด่นไม่แพ้สาวๆในกลุ่มสตรอเบอรี่ชีสเค้ก ต่อจากนั้นเธอได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่สินค้าและสถาบันกวดวิชา จนใครหลายคนได้เห็นหน้าของเธอมากขึ้นเป็นลำดับ การเป็นพิธีกร เป็นพรีเซ็นเตอร์ และนางแบบทำให้วันหนึ่งเธอมีโอกาสได้ทำงานและพบรักกับ “ปลื้ม สุรบถ”

โดยนิสัยส่วนตัวแล้วทับทิมคนนี้เป็นลูกสาวคนที่ 3 ในจำนวน 4 คนของพ่อและแม่ และมักจะเป็นคนที่ดื้อรั้นและกล้าทำในสิ่งที่แม่ห้ามแต่ทำได้ดีเสมอ จึงไม่ได้ถูกตีเหมือนลูกคนอื่นๆ อาจเพราะทับทิมเป็นสาวขี้อ้อนและ มุ่งมั่นจะทำสิ่งใดต้องทำให้ได้ ครอบครัวเติบโตมากับการเลี้ยงดูที่คล้ายผู้ชาย มองโลกในแง่ดี โดยมีแม่เป็นไอดอลของเธอ เพราะทุกครั้งที่มีปัญหาแม่ของเธอจะยิ้มสู้และสอนลูกให้รู้จักความเข้มแข็งมาโดยตลอดจนกระทั่งชีวิตเรื่องงานและความคิด แม่จะคอยอบรมและสั่งสอนทับทิมให้เกิดความคิดและมั่นใจในสิ่งที่ทำ และออกแนวโน้มไปในทาง “รั้น” แต่การดื้อรั้นที่ว่าเธอขอรั้นไปในทางที่ดี ดังนั้นในบรรดาลูกสาวทั้ง 4 คน เธอจึงดูเป็นคนแก่นเซี้ยวและเปรี้ยวซนมากกว่าลูกคนอื่นๆ โดยตอนเด็ก ครอบครัวของทับทิมทำธุรกิจอู่พ่นสีรถยนต์

ด้วยนิสัยตรงและชัดเจนในความรู้สึก ทับทิมจึงเคยตกเป็นข่าวกับ “พลอย พงษ์รตี” อดีตแฟนเก่าของปลื้ม กรณีโพสต์ตำหนิติติงกันในเฟซบุ๊กถึงกรณีเรื่องศัลยกรรม และเป็นข่าวโด่งดังเท่าที่พอจะมีคนรู้จักเธอได้ว่า เธอคือแฟนของลูกชายนายกฯชวน ที่ใครต่อใครต่างจับตามองในความรักของทั้งคู่

จากความเติบโตของทับทิมจากรายการสตรอเบอรี่ชีสเค้ก นำมาซึ่งงานในวงการบันเทิงอีกหลายชิ้น รวมไปถึงการได้พบกับ “ปลื้ม สุรบถ” ที่กำลังเดินหา 1 ใน 100 คน ในการสัมภาษณ์และได้พบกับสาวทับทิมที่เป็นหนึ่งในคนหน้าตาดี แสดงความคิดเห็นผ่านรายการ VRZO ของปลื้มและบรรดาเพื่อนๆ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการได้ร่วมงานกันครั้งแรก ในรายการ VRZOของทั้งคู่ในฐานะพิธีกรของทับทิมและคบหาดูใจกันตั้งแต่ในเวลานั้น

ขอสามคำ : สวย แซ่บ ซ่า
ว่าที่ลูกสะใภ้ของอดีตนายกฯชวน หลีกภัย และข่าวคราวทั้งหลาย ยังไม่มีข่าวไหนที่ทิ่มแทงใจ “ทับทิม”

สาวน้อยที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์ มากมายจากโลกไซเบอร์ และการแต่งงานตอนอายุน้อย ไม่ทำให้เธอกังวลแต่ประการใด ประกอบกับ ปลื้มที่เจอข่าวรุมเร้าและผ่านชีวิตและการถูกจับตามองมาตั้งแต่ยังเด็กคล้ายๆ กัน คู่รักคู่นี้จึงเป็นคู่ที่ให้คำปรึกษาและเข้าใจกันในแบบผู้ชายๆ ได้ในเวลาเดียวกัน

“เราเป็นคนที่รู้ว่าตัวตนของเขาเป็นยังไง แล้วพี่ปลื้มเองก็ให้คำปรึกษาที่ดีมาก ถึงเราไม่ได้ท้อแท้ เขาก็ให้กำลังใจมาเพราะว่า เค้าเองก็ชินกับข่าวลักษณะนี้มาตั้งแต่เด็กๆ ...”
กำลังใจของทับทิมกับชายคนรักจากข้อครหาในหลายๆกรณี

อีกกระแสกับการทำศัลยกรรม และการแต่งตัวที่ว่ากันว่าในมุมสดใส ทับทิมยังมีมุมเซ็กซี่ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เธอซ่อนรูป แต่ยืนยันว่าไม่เคยศัลยกรรม แต่ก็ไม่ได้แอนตี้ และพร้อมจะทำ หากทำแล้วมั่นใจ และยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าดั้งนี้มีให้มาไม่ได้ฉีด หรืออัปแน่นอน และนอกจากนี้ เธอยังมีพ็อกเกตบุ๊กเกี่ยวกับความสวยความงามเรื่อง “แต่ง...เอง” เพราะด้วยวัยเด็ก รูปร่างหน้าตาอาจอวบอ้วนและไม่สมส่วน แต่พอเริ่มเป็นสาวทับทิมคนนี้ก็ฉายแววคนงามขึ้นมาทันที ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง จับนี่วาดนั่นจนสวยสมใจ และว่ากันว่าสเปกสาวใสตาโต แต่งตัวเป็นอย่างนี้คือสเปกของหนุ่มปลื้มโดยเฉพาะ แต่งตัวเข้ากัน ความคิดเข้าแนว จึงทำให้ปลื้มไม่ต้องวิจารณ์ใดๆ กับการแต่งตัวและดูแลตัวเองเรื่องความสวยความงามของทับทิม

เล่นดนตรีไทยครบมือ แต่งตัวเป็นครบเครื่อง อีกทั้งมีรอยสั ก ผมสั้นสีทอง เธอทำมาหมดแล้วในสไตล์ทับทิม เฉกเช่นความหมายของชื่อ “มัลลิกา” ที่แปลว่า “ดอกมะลิ” หวานได้อย่างไทย และ สดใสซาบซ่าด้วยรอยสักที่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ใครต่อใครมาโดยตลอด และเธอยังเป็นเจ้าของหนังสือ “My First Tattoo” หวานซ่อนเปรี้ยว เซ็กซี่แต่ไม่แอ๊บสวย หมวยคนนี้จึงคว้าหัวใจปลื้มไปอย่างง่ายดาย และสวย แซ่บ ซ่า อย่าบอกใคร!

ข้อมูลจำเพาะ
ชื่อมัลลิกา จงวัฒนา
ชื่อเล่นทับทิม
วันเกิดวันที่ 1 ธันวาคม 2531
อายุ24 ปี
การศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
การทำงาน พิธีกรรายการ สตรอเบอรี่ชีสเค้ก
พิธีกรรายการ วีอาร์โซ (VRZO) ทาง ยูทิวบ์ และ ทรูวิชั่นส์ 85 เวรี่ทีวี

..................................................

ที่มานิตยสาร ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 159 วันที่ 20-27 ตุลาคม 2555


เมื่อครั้งที่ปลื้มไปสัมภาษณ์ทับทิมเป็นครั้งแรก
คอลเลกชั่น “ปลื้ม – ทับทิม”










ปลื้มกับรถคันโปรด

วันรับปริญญาของปลื้ม
ช่วยพ่อ “ชวน หลีกภัย” หาเสียง
กำลังโหลดความคิดเห็น