xs
xsm
sm
md
lg

ปริศนามาเฟียฮ่องกงบนแผ่นฟิล์ ม(2) : เหอเซิ่งเหอ…แก๊งค์ใหญ่ไม่ต้องประกาศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เซี่ยงไฮ้บอย หนึ่งในหัวหน้าแก๊งค์เหอเซิงเหอ
เรื่องราวของตำรวจและบรรดาแก๊งค์ทั้งหลายในฮ่องกงนั้นมีมาตลอดในวงการภาพยนตร์และเป็นความบันเทิงขนานใหญ่ที่คนมทั่วโลกชื่นชอบ ขณะที่ในชีวิตจริงทางตำรวจฮ่องกงก็ทำสงครามกับพวกแก๊งค์อย่างหนักอยู่ เพราะ ในแต่ละปีมีการจับผู้ร้ายในคดีก่ออาชญากรรมเป็นแก๊งค์ที่ว่านี้ไม่มากไม่น้อยครับ…ราวๆ 2000 คดี (สถิติจากปี 2009)!!

ไม่แปลกใจเลยนะครับว่าทำไมหนังแอ๊คชั่นในฮ่องกงถึงได้วนเวียนอยู่กับเรื่องดังกล่าวอย่างไม่รู้เบื่อเพราะมันมีแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงอยู่ตลอดเวลานั่นเอง

คราวที่แล้วพูดถึงแก๊งค์ของพระเอกจากเรื่อง “กู๋ หว่า ไจ๋” ขึ้นมาที่ชื่อ “หงซิ่ง” ซึ่งคุมเขตการค้าต่างๆในฮ่องกงที่คนไทยชอบไปเดินช็อปปิ้งอยู่ ที่พอเทียบกับของจริงแล้วแก๊งค์นี้ผู้แต่งการ์ตูนและเรื่องกู๋หว่าไจ๋น่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก “แก๊งค์เหอเซิ่งเหอ" ( Wo Shing Wo ()มากกว่าแก๊งค์อื่น ในฐานะที่แก๊งค์นี้มีประวัติความเป็นมาและเป็นแก๊งค์ฮ่องกงแท้ๆ มิใช่แก๊งค์ที่อพยพหนีคอมมิวนิสต์เข้ามาเหมือนแก๊งค์อื่น

แก๊งค์เหอเซิ่งเหอนั้นเริ่มตั้งแก๊งค์กันในปี 1930 โดยตั้งรกรากของการทำมาหากินอยู่ที่ชุ่ยหวันและในเวลาต่อมาก็ขยายเขตออกไปยังจิมซาจุย ม่งก๊ก ไท่ป๋อ และฉงชุ่ย แก๊งค์เหอเซิ่งเหอนั้นควบคุมสิ่งผิดกฏหมายทุกอย่างในเขตเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นการกระจายยาเสพติด การพนัน ขายของปลอมและซ่องโสเภนี โดยกฏต่างๆในการรับสมาชิกเข้าร่วมแก๊งค์และหลักที่สมาชิกแก๊งค์จะต้องทำตามก็เอามาจากสมาคมลับหงเหมินหรือพวกอั้งยี่โพกผ้าแดงตั้งแต่ครั้งอดีตโน่น

บันทึกจากการสอบปากคำของสมาชิกแก๊งค์ระดับสูงบอกว่า จริงๆ สมาชิกก่อตั้งนั้นมาจากไชน่าทาวน์ ที่ประเทศแคนาดา การมาของ”เศียรมังกร( Dragon Head)” หรือหัวหน้าพรรคในตอนนั้นมีเจตนาเดียวคือสร้างแก๊งค์ที่ต่อต้านการทำงานของรัฐบาลอังกฤษที่เข้ามาควบคุมฮ่องกงและอาณานิคมอื่นๆ การดำเนินกิจการของแก๊งค์ในเวลานั้นเริ่มจริงๆ ในปี 1932 โดยหาสมาชิกได้มากพอควรและแบ่งกลุ่มออกได้ 15 กลุ่มย่อย ซึ่งบรรดา 15 กลุ่มย่อยนี้ในเวลาต่อมาก็ถูกส่งไปตั้งเครือข่ายเพื่อประสานงานกับ “เศียรมังกร” ในฮ่องกงอีกทีโดยทั้ง 15 กลุ่มอยู่ในไชน่าทาวน์ในต่างประเทศ โดยในสหรัฐนั้นแก๊งค์นี้อยู่ที่ซานฟรานซิสโก และ ซีแอตเทิ้ล

เหอเซิ่งเหอไม่ใช่แก๊งค์ธรรมดา เพราะในกระบวนการต่างๆที่เล่ามาแล้ว เขายังมีทีมล่าสังหารว่ากันว่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองทีมสังหารของพวกเขารับจ้างจัดการกับสายลับของฝ่ายตรงข้ามเป็นจ็อบเสริมอีกอย่างด้วย เมื่อยุคปี 50 เมื่อคนจีนแผ่นดินใหญ่หนีภัยคอมมิวนิสต์มาอยู่ฮ่องกง แก๊งค์เหอเซิ่งเกอ ก็สามารถเพิ่มสมาชิกของพวกเขาจาก 5000 คนกลายเป็น 70000 คนทีเดียว

การทำมาหากินของแก๊งค์นี้แม้ว่าคนฮ่องกงจะรับไม่ได้แต่พวกเขาก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะ กฏหมายและกระบวนการยุติธรรมดูเหมือนจะไม่มีวันแตะต้องพวกเขาได้ ต่อให้ตำรวจจับตัวไปได้บ้าง แต่ไม่นานก็ต้องปล่อย เพราะ ข้อหาที่ทำได้ก็มีแค่ทะเลาะวิวาท การแจ้งตำรวจกับพวกนี้ดีแต่จะทำให้เหตุการณ์ในชีวิตพวกเขาพบกับความโชคร้ายมากขึ้น วิธียุติปัญหาที่ดีที่สุดก็คือ การจ่ายแล้วก็อยู่กับมันให้ได้

เรื่องราวของ เหอเซิ่งเหอ กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่พาดหัวบนหนังสือพิมพ์ในปี 1989 เมื่อมีการบุกเข้าสังหารลูกเรือขนส่งจากอินโดนีเซียที่ล่องลอยอยู่ในเขตทะเลจีนใต้ ว่ากันว่าเรือลำนั้นขนสิ่งผิดกฏหมายบางอย่างเข้ามาในเขตดูแลของเหอเซิ่งเหอพวกเขาอาจจะไม่จ่ายค่าต๋งหรือฝ่าฝืนกฏบางอย่างผลก็คือ คนในเรือลูกล้างเหี้ยนโดยที่ไม่มีหลักฐานอะไร แต่ชื่อของเหอเซิ่งเหอถูกนำมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้

แต่กระนั้นเหอเซิ่งเหอมาดังอีกครั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์ ในช่วงเวลาที่ฮ่องกงเตรียมถูกส่งคืนให้กับจีนก่อนหน้านั้นในไม่กี่วัน ใน 6 เขตใหญ่ของฮ่องกงก็เกิดสงครามย่อยๆขึ้นทั้ง 6 เขตที่ว่าเมื่อกองกำลังติดอาวุธของแก๊งเหอเซิ่งเหอไม่ต่ำกว่า 500 นาย แยกย้ายกันเข้าโจมตีเขตทำมาหากินของแก๊งค์อื่นอย่างไม่คาดหมาย พวกเขาเข้าควบคุมนอร์ธ เทอริทอรี่ ชามชุ่ยโป จอร์แดน เสิ่นเจิ้น เมื่อรวมกับเขตเดิมที่อยู่ใน หวั่นไจ๋ ชุนหวัน นาธาน ก็ยิ่งทำให้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเดิม แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้มีสมาชิกมากมาย แต่ถ้ายึดเอาความมั่งคั่งและอำนาจในการทำงานผิดกฏหมาย ต้องบอกว่าเหอเซิ่งเหอเป็นแก๊งค์ที่สุดโต่งมาก

เหตุการณ์นี้ดูไปก็คล้ายๆ กับในเรื่องกู๋หว่าไจ๋อยู่เหมือนกัน เพราะ ในเรื่องนี้เนื้อหาสาระไม่มีอะไรมากนอกจากการกลืนกินของแก๊งค์แต่ละแก๊งค์ ผู้มาใหม่กินผู้มาเก่า คนรุ่นใหม่หาทางโค่นคนรุ่นเก่า ไปจนกระทั่งเตรียมจะฆ่ากันเองภายใต้การเลือกตั้ง” เศียรมังกร” คนใหม่ เพราะตามนโยบายของแก๊งค์นี้ การเลือกตั้งจะมีขึ้นทุกสองปีและทุกครั้งที่ถึงเทศกาลเลือกตั้งผู้นำ พวกเขาก็จะต้องมีการนองเลือดกันภายในอยู่เสมอ เรียกว่าเข้ามาอยู่แก๊งค์นี้ถ้าก้าวถึงการเป็นคณะผู้บริหารก็ต้องเตรียมตัวตายกันในทุกๆ สองปี

พระเอกของเราหลังจากขึ้นมาเป็นหัวหน้าแก๊งค์หนุ่มหล่อแล้ว ก็พยายามจะถอยหนีไปจากกิจกรรมผิดกฏหมายอยู่เรื่อยๆ(แต่ก็มีเหตุต้องกลับมาเรื่อยๆเป็นสิบภาค) แถมดูเหมือนแกก็จะดีใจทุกครั้งที่เพื่อนเก่าหรือลูกน้องเก่าไปคุมเขตต่างๆ เพราะมีข่าวใหม่มาก็มาเปิดบรั่นดีกินฉลองกันตลอดเลย ส่วนหนึ่งก็คงฉลองที่ยังมีชีวิตอยู่ฝ่าทะเลเลือดมาได้นั่นเอง

ในปี 2001 เจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกงก็พบว่า เหอเซิ่งเหอ กำลังวางแผนใหม่ที่จะว่าฮาก็ได้จะว่าเลวสุดๆและออกจะแฟนตาซีก็ได้ เพราะพวกเขาเอายาเสพติดออกขายและแพร่กระจายในกลุ่มที่ศรัทธาในศาสนาโดยอ้างว่า คนที่แก่พระและอยากจะเห็นพระเจ้าหรืออยากเข้าสู่นิพพานได้เร็วขึ้นก็คือต้องเสพยาเสพติดของพวกเขา ถือเป็นการเปิดตลาดทำความชั่วในแบบใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เพราะ บุกเข้าตรงกลางความดีกันเลย แต่เพราะโดนเปิดโปงเสียก่อนงานนี้ก็เลยไปไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่กระนั้นยาของพวกเขาก็ยังกระจายอยู่ตามบาร์และหาซื้อได้ง่ายอย่างดีโดยเครือข่ายที่วางไว้ ในปี 2005 เหอเซิ่งเหอก็ถูกเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดขึ้นบัญชีว่าเป็นผู้ค้ายารายใหญ่ที่สุดในฮ่องกงไปโดยปริยายและพวกเขาเป็นผู้ค้ารายใหญ่ของโลกนี้ที่กระจายยาเสพติดไปยังจีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปึ่น ประเทศไทย และ ออสเตรเลีย

แน่อนว่าการคงอยู่ของแก๊งค์นี้ไม่ได้อยู่กันแบบโดดเดี่ยว เพราะ พวกเขายังมีนักธุรกิจดังๆและนักการเมืองฮ่องกงร่วมสนับสนุนกันอย่างลับๆ เมื่อโดนตราหน้าแบบนั้นในเวลาไม่นานพวกเขาก็ย้ายกองกำลังส่วนใหญ่ไปอยู่ในมาเก๊าและเสิ่นเจิ้นแทน กันว่าขณะนี้พวกเขายังก้าวไกลไปสยายปีกในยุโรปตะวันออกอีกด้วย

การคงอยู่ของแก๊งค์อย่างเหอเซิ่งเหอที่ดูเหมือนทางการฮ่องกงจะไม่สามารถปราบได้ทำให้จีนแผ่นดินใหญ่ต้องออกนโยบายที่แข็งกร้าวออกมาต่อต้านกับบรรดาแก๊งค์เหล่านี้ พวกเขาได้ออกนโยบายปราบปรามการก่ออาชญากรรมของพวกแก๊งค์นี้โดยต้องการจะลดสถิติการก่อความวุ่นวายให้ได้ 10 เปอร์เซนต์ต่อปีให้ได้ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา ใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง “สองคนสองคม” หรือ Infernal Affairs ภาพยนตร์ในปี 2002 ของแอนดรูว์ เหลา ที่ได้เหลียงเฉาเหว่ยและหลิวเต๋อหัวแสดงนำ ก็คงจะจำได้ดีว่า มีการส่งสายลับของตัวเองเข้าไปยังแก๊งค์นับตั้งแต่เป็นนักเรียนตำรวจ และส่งเด็กแก๊งค์เข้ามาเป็นตำรวจสลับกันเพื่อเข้าให้ถึงตัวหัวหน้าแก๊งค์ให้ได้นั้น เป็นเรื่องที่ว่ากันว่าจริงตามนโยบายปราบดังกล่าว

และเหตุดังกล่าวทำให้ยุครุ่งเรืองของบรรดาแก๊งค์ต่างๆ แม้กระทั่งเหอเซิ่งเหอถึงคราวต้องสิ้นสุด…แต่จะสิ้นสุดลงแบบไหนเดี๋ยวสัปดาห์หน้ามาพูดถึงกันครับ
เศียรมังกรในหนัง


กำลังโหลดความคิดเห็น