"มด" โฟร์-มด เผยชีวิตหันหน้าสู่ธรรมะ บอกวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ใจเย็น รู้จักปล่อยวาง ไม่หวั่นกับข่าวฉาว ลั่นต่อไปนี้ไม่มีอะไรมากระทบใจได้อีกแล้ว เตรียมตัวดับตั้งแต่อายุ 21 เพราะชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอนมีขึ้นมีลง
"มด ณปภัส วัฒนากมลวุฒิ" หรือ มด โฟร์-มด เคยได้ชื่อว่าเป็นสาวแรงในวงการบันเทิง มีคลิปหลุดจ๊วบปากกับ "คริสโตเฟอร์ โรเบิร์ตส์" ตั้งแต่อายุ 18 ปี จนโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วบ้านทั่วเมือง ต่อมาก็มีข่าวเมาปลิ้นคาชุดนักศึกษา จนอาร์เอสต้นสังกัดต้องเรียกเข้าไปตักเตือน ร้อนถึง "ปวริศา ชัยรัตน์" แม่ของมดต้องมาออกหน้าแทนลูกสาว รับปากจะกลับไปสอนลูกให้ดีกว่าเดิม เรียกว่ามดเจอมรสุมในชีวิตมาหนักหนานี่ยังไม่นับเรื่องที่โดนแอบถ่ายคลิปในห้องน้ำ
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเจอวิบากกรรมมาเยอะแบบนี้หรือเปล่าทำให้ชีวิตนี้มดเปลี่ยนชื่อมาแล้วถึง 5 ครั้ง ไล่ตั้งแต่ "ชนัดดา" เป็นชื่อตั้งแต่เกิด แล้วก็มา "ชุติมณฑน์" จากนั้นก็ "คุณัชญา" ต่อด้วย "ภัคธีมา" ซึ่ง 4 ชื่อนี้ใช้นามสกุล "ชัยรัตน์" ก่อนจะเปลี่ยนทั้งชื่อทั้งนามสกุลเป็น "ณปภัส วัฒนากมลวุฒิ" แต่มดในวันนี้วัย 21 ปีกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่ใช่เพราะผลจากการเปลี่ยนชื่อถึง 5 ครั้ง แต่เกิดจากการที่มดได้รู้จักธรรมะ
มดเริ่มเข้าวัดศึกษาธรรมะที่วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร วัดที่มีดาราแห่ไปทำบุญมากที่สุดวัดหนึ่ง และที่นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่เบาลงกว่าเดิมของมด เส้นทางบุญของมดเป็นอย่างไร วันนี้เราไปทำความรู้จักพร้อมๆ กัน
"คุณแม่จะชอบชวนมดไปทำบุญตั้งแต่เด็กๆ วันสำคัญทางศาสนาหรือวันเกิดก็ไปทำบุญ คุณแม่มักจะพูดเสมอว่า อยากจะให้มาลองบวชและถือศีล 8 แต่มดก็ไม่เคยทำซักทีเพราะเราคิดว่าตัวเองเป็นคนไฮเปอร์หยุดนิ่งไม่ได้ จะให้มาบวชได้เหรอ จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาเป็นจังหวะที่มดว่างพอดี แม่ก็ถามว่าไปไหม เราก็โอเคไปก็ไป ก็ไปบวชที่วัดท่าไม้ค่ะ"
"พอไปถึงก็ไปรับศีล 8 แล้วทางวัดก็จะให้แผ่นที่มีบทสวดทำน้ำมนต์ด้วยตัวเอง และก็มีหนังสือสวดมนต์อีก 3 เล่ม ซึ่งบทสวดแผ่นนั้นจะต้องสวดให้ได้ 108 จบ ตอนแรกก็รู้สึกว่า 108 จบเลยเหรอ ไมมันเยอะอย่างนี้ แต่พอสวดไปสวดมาวันเดียวมดสวดจบหมดเลย แม่ก็เฮ้ย...สวดจบหมดเลยเหรอ มันเหมือนกับว่าพอเราตั้งใจที่จะทำอะไรมันก็จะทำให้เรามีสมาธิในการทำสิ่งนั้นมากขึ้น"
"ชีวิตในวัดมันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราได้มาฝึกตน จำได้ว่าบวชครั้งแรกนอนศาลาพระราหูเอาเสื่อปู มีหมอนใบนึง ผ้าห่มผืนนึง แล้วก็กางมุ้ง ก็ดีนะมันทำให้เราได้หันกลับมาที่ความเรียบง่าย อยู่บ้านก็นอนแต่เตียงไปเล่นคอนเสิร์ตก็ได้นอนโรงแรม แต่มาที่นี่เราได้นอนในมุ้ง ได้นอนพื้น ได้ใช้ร่างกายสัมผัสกับธรรมชาติก็ดีค่ะแต่ก็แปลกดีนะ ตอนที่อยู่ที่บ้านมดจะเป็นคนที่กลัวความมืดกลัวผี แต่พอได้มานอนอยู่วัดกลับไปไม่รู้สึกกลัว มันรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"
"ตอนเช้ามดจะตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อทำวัตรเช้า วันแรกมันง่วงมาก มดอาจจะเคยตื่นมาทำงานแต่เราไม่เคยต้องตื่นเช้าขนาดนี้เพื่อมาสวดมนต์ วันแรกตื่นมานี่ไม่มีสติไม่สมาธิเลยสวดมนต์ก็จะหลับตลอด พอทำวัดเสร็จก็ไปกวาดลานวัดหรือไปขัดห้องน้ำก็แล้วแต่เรา จากนั้นก็มาทานข้าวตอน 11 โมงและก็ฝึกกรรมฐาน พอปฏิบัติ 3 วันก็ค่อยๆ คุ้นเคย"
"พอเราเริ่มชินมันก็เริ่มสงบ เราเหมือนหลุดออกมาจากโลกภายนอก ได้มาอยู่กับตัวเอง ทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆ แล้วเราก็สามารถสงบนิ่งได้ด้วยตัวของเราเอง ทั้งๆ ที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ แต่เราทำได้และรู้สึกสบายใจ พอบวชครั้งแรกเสร็จก็รู้สึกอยากจะมาบวชอีก อยากได้ความรู้สึกแบบนี้อีก"
"ก็เลยมาบวชครั้งที่ 2 คราวนี้มดได้มานอนริมน้ำ ตอนแรกว่าจะปักกลดด้วยซ้ำ แต่มดกลัวปักกลดเลยเหรอ มันดูโหดมากเลยขอนอนริมน้ำดีกว่า ก็เลยมานอนริมน้ำกับแม่ชี มาคราวนี้มีคนมาบวชเยอะมากขึ้น ทำให้เรามองเห็นว่า เราอยากจะมาช่วยงานที่วัดบ้าง ก็เลยบอกหลวงพี่(พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เจ้าอาวาสวัดท่าไม้) ว่าอยากจะมาเป็นจิตอาสามาช่วยงานที่วัด"
"ตอนนี้ทุกวันพระมดก็จะมาช่วย หรือวันที่หลวงพี่ดูดวงก็จะมาช่วย ตอนนี้ทางวัดมีร้านก๋วยเตี๋ยวลงเรือ มดก็จะมาช่วยเช็ดโต๊ะเก็บจาน คือช่วยเท่าที่เราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการกวาดลานวัด ถูพื้นโบสท์ ขัดห้องน้ำ มดว่าคนเรามันต้องลองใช้ชีวิตในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน และพอได้ทำแล้วมันภูมิใจเพราะเราได้ทำให้คนอื่นด้วย"
ธรรมะเปลี่ยนชีวิต
"ตั้งแต่มาวัดมดรู้สึกเลยว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก มดจะมีสติมากขึ้น เมื่อก่อนมดจะสมาธิสั้นมากจะทำอะไรจะไม่ค่อยคิด แต่พอเราได้ไปเรียนรู้ธรรมมะกลับมา เราจะเริ่มคิดมาก เออ...ถ้าทำไปแล้วมันจะมีเอฟเฟกต์ตามมาหรือเปล่า ทำแล้วได้อะไร ทำแล้วดีกับตัวเราไหม หรือดีกับคนอื่นไหม หรือพูดไปแล้วมีแต่สิ่งที่ไม่ดีกับมา ฉะนั้นมันทำให้เราได้ยับยั้งตัวเอง ก่อนที่จะพูดหรือทำอะไรเราจะมีสติในการกลั่นกรองก่อนจะถ่ายทอดออกมา"
"อย่างเวลาเจอข่าวหรือเจออะไรมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราจะเครียดมาก แต่ตอนนี้มดรู้จักการปล่อยวาง เมื่อก่อนนักข่าวถามอะไรเราก็จะตอบกลับไปเลย แต่ตอนนี้เรารู้จักที่จะตอบมากขึ้น เพราะเราคิดมากขึ้น มีสติไม่ค่อยใช้อารมณ์"
"การปฏิบัติธรรมก็มีผลกับการเรียนของมดด้วยนะ มดใช้หลักธรรมะในการอ่านหนังสือด้วย ตอนปฏิบัติธรรมเราจะปล่อยวาง พออ่านหนังสือเราก็จะค่อยๆ ปล่อยวาง ค่อยๆ เรียนรู้กับมัน แล้วมันจะมีสติมีสมาธิมันก็จะได้ พอไปทำข้อสอบเราก็ต้องมีสมาธิ ถ้ามัวแต่วอกแวกตอบอะไรดีๆ มันก็ยิ่งคิดไม่ออก แต่ถ้าเกิดเรามีสมาธิถ้าจะค่อยๆ อ่าน ค่อยๆ ตีความกับสิ่งที่อ่านมาที่เราเรียนมา ค่อยๆ นึกแล้วก็ได้ มันทำให้มดค้นพบว่า ถ้าเรามีสติมีสมาธิเราก็สามารถทำข้อสอบได้นะ"
"และมดก็จะใจเย็นมากขึ้น บางทีใครพูดอะไรมาไม่เข้าหูก็จะใจเย็นนะ ไม่เป็นไรหรอก...ปล่อยไป และก็ยิ้ม ถามว่ายากไหม มันก็ยากนะ แต่มันน่าแปลกที่มดทำได้ วันนี้มดเบาไปเยอะเลย ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือ พอเราเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองมันมีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตมากขึ้น พอเราเจอปัญหาอะไรมันมีคนที่คอยช่วยเหลือเรา"
"ถ้าจะบอกว่ามันเป็นผลจากการทำบุญหรือเปล่า มดก็ไม่รู้จะพูดยังไง แต่ชีวิตมดมันดีขึ้นหลาย ๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคนรอบข้างหรือตัวเราเอง หรือแม้กระทั่งงาน เราเจอจุดที่แย่ที่สุดมาแต่กลับมีคนช่วยเหลือและให้กำลังใจมากกว่าจะมาตอกย้ำ มดว่ามันเหมือนกับคำว่า ทำดีได้ดี ถ้าเราคิดดี ทำดี เราก็ได้ดี"
ลืมเรื่องฉาวในอดีต
"ชีวิตของมดผ่านเรื่องราวอะไรมาเยอะ ข่าวหนักๆ ก็เจอมาแล้ว แต่มดต้องผ่านมันไปให้ได้ไม่กลับมาคิดอีก เราต้องมูฟออนไม่จมปัก ไม่งั้นเราจะไม่รู้จักเดินไปข้างหน้า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นมันจะเป็นเหมือนเครื่องเตือนสติ ธรรมะสอนให้มดอยู่กับปัจจุบัน ชีวิตคนเราต้องเดินไปข้างหน้า มันถอยหลังกลับไปไม่ได้ มีแต่คนอยากจะเจออนาคตที่ดีๆ แต่ก่อนที่เราจะไปเจออนาคตที่ดีๆ เราต้องสร้างปัจจุบันให้ดีก่อน เริ่มต้นจากวันนี้ค่อยๆ ทำและมันจะดีขึ้นเอง"
"ตอนนี้ถ้ามดเจอเรื่องไม่ดีในชีวิตพูดได้เลยว่า มันเป็นเรื่องปกติของชีวิต มันขึ้นอยู่กับตัวเราว่า จะจัดการความรู้สึกของตัวเองยังไง และจะจัดการกับปัญหาเหล่านั้นยังไง ซึ่งเมื่อก่อนมันอาจจะยากหน่อย เพราะรู้สึกว่า ตัวเองเป็นเด็ก แต่ตอนนี้มดรู้สึกว่า ตัวเองค่อยๆ ก้าวขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ แล้ว จะมาง้องแง้งไม่ได้แล้ว วันนี้ถ้ามีข่าวหรือมีอะไรเข้ามาในชีวิตเราอีก มดบอกได้เลยว่า มันก็คงจะกระทบใจมดบ้าง แต่มันจะน้อยลงกว่าเมื่อก่อน ธรรมมะสอนให้มดค่อยๆ ปล่อยมันออกไป"
มีสติ เตรียมตัวดับ
"มดมาที่นี่ไม่ใช่แค่มาปฏิบัติธรรม แต่มดได้ฟังคำสอนจากหลวงพี่ มดไม่ต้องพูดอะไรเลย แต่ท่านรู้ว่ามดรู้สึกอะไรมีปัญหาอะไร ท่านก็พูดและสอนได้แบบ..... มันใช่น่ะ ท่านสอนทั้งเรื่องธรรมะ การใช้ชีวิต การทำงาน การมีสติ ทำให้เรามีความรู้สึกว่า มันร่มรื่นหัวใจ ท่านจะสอนมดว่า ต้องตั้งใจทำงานนะ เรามีโอกาสในการทำงานเรามีโอกาสดีกว่าคนอื่นเราต้องทำให้เต็มที่ และตั้งใจเรียนหนังสือ เพื่อที่จะได้วางรากฐานในอนาคตให้มั่นคงเพื่อตัวเราเองและครอบครัวของเรา"
"สิ่งที่ท่านสอนมันทำให้เราได้กลับมาทบทวนตัวเอง และทำให้เราได้คิดไปอีกขั้นหนึ่งว่า ถ้าเราไม่ได้เป็นนักร้องแล้วเราจะหาเงินได้จากไหน ตอนนี้มดอายุแค่ 21 แต่มดต้องเริ่มคิดแล้วนะว่า ถ้าไม่ได้เป็นนักร้องจะทำอะไรต่อ ถามว่าคิดเร็วไปไหมก็คงไม่หรอก ถ้ามดคิดได้ตอนอายุ 30 กว่าจะเริ่มต้นกว่าจะล้ม กว่าจะประสบความสำเร็จมันจะอายุเท่าไหร่แล้ว"
"เพราะฉะนั้นมดว่า การทำอะไรที่เร็วไว้ก่อนมันไม่ผิดหรอก แต่ถ้ามันสายเกินไปแล้ว พอถึงเวลานั้นเราก็จะมานั่งคิดว่า เฮ้ย...ทำไมเราไม่คิดตั้งนานแล้ว ทำไมเราไม่เริ่มทำตั้งนานแล้ว ตอนนี้มด 21 สมมติว่ามดเริ่มอยากทำธุรกิจ อายุ 23 - 24 อาจจะได้ทำจริงๆ ทำไปปุ๊บไม่ประสบความสำเร็จ มดอายุ 25 ถามว่ามดยังมีเวลาเริ่มต้นใหม่ได้อีกไหม เราก็ยังมี ถามว่าเรายังมีต้นทุนอันเดิมไหม เราก็ยังมีต้นทุนอันเดิมอยู่ที่จะมาช่วยประครองสิ่งที่เราจะทำต่อไป แต่ถ้าเราทำครั้งแรกแล้วประสบความสำเร็จเลย ก็ถือเป็นความโชคดีของเรา ชีวิตคนเรามันต้องรู้สึกที่จะเริ่ม ไม่งั้นเราจะไม่รู้จักคำว่า ความสำเร็จคืออะไร"
"มดรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่มาเจอธรรมะตั้งแต่อายุแค่นี้ และโชคดีมากที่หนูได้มาเจอหลวงพี่และเป็นลูกศิษย์ท่าน เพราะท่านสอนเราเยอะมาก ท่านทำให้มดโตขึ้นและรู้จักที่จะคิดที่จะทำ เมื่อก่อนนี่ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย ทำงานได้สบาย อยากซื้ออะไรก็ซื้อ แต่ตอนนี้เราคิดใหม่ ใช่เราทำงานหาเงินได้แล้ว แต่ไม่ควรที่จะได้ปุ๊บเอาออกไปปุ๊บ ไปซื้อป๊าบเลย เป็นเหมือนวงโคจร"
"มดไม่ได้คิดว่า ตังค์เก็บล่ะ เรามีหรือยัง เงินที่ใช้ไว้สำหรับเรียนต่อ เงินสำรองเผื่อเราไม่สามารถหาเงินได้อีกล่ะ เพราะเราคิดแต่ว่า เดี๋ยวเราก็หาได้เรื่อยๆ เราไม่ได้คิดว่า ถ้าวันหนึ่งเราไม่ดังแล้วจะเอาเงินมาจากไหน แต่หลวงพี่ท่านสอนเตือนสติให้เราคิดได้ เราโตแล้วเราก็ต้องเก็บเงินเพื่อที่จะพัฒนาในด้านอื่นต่อไป หรืออาจจะไปทำในด้านอื่นก็ได้ เรายังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ทุกวันนี้ได้เงินมาเก็บหมดเลย เอาให้คุณพ่อคุณแม่ไปเก็บหมด อาจจะมีจ่ายออกบ้างแต่จะนานๆ ที"
"เรียกว่าวันนี้มดใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น ทั้งเรื่องการเงิน การงาน การเรียน มดปลงมาขึ้น การทำงานในวงการบันเทิงมันไม่แน่ไม่นอน วันหนึ่งคุณอาจจะขึ้นสูงสุดแต่คุณไม่รู้หรอกว่า คุณจะลงมาเมื่อไหร่ โอเค...วันนี้มดอาจจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่วันหนึ่งถ้ามดลงมาต่ำกว่าตรงจุดที่มดอยู่ มดต้องคิดแล้วว่า มดจะดูแลครอบครัวตัวเองยังไง มดจะดูแลตัวเองยังไง มดจะหาเงินอย่างที่มดหาได้หรือเปล่า ตอนนี้มดก็เริ่มๆ มองธุรกิจไว้บ้างแล้ว ก็คงจะเป็นอะไรที่ตัวเองชอบ มันแค่เป็นโครงร่าง"
"เราต้องมีสติกับชีวิตในทุกๆ วัน ทุกๆ เรื่อง ทุกวันนี้มดจะสวดมนต์ก่อนนอน หรือถ้าวันไหนกลับบ้านเร็วสวดมนต์เสร็จก็จะนั่งสมาธิซัก 1 ชั่วโมง ทำแล้วชีวิตมันดีขึ้นนะ พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อต้องลองทำดู อยากจะให้ไปลองทำกันดู"
"สำหรับมดก็คงจะปฏิบัติแบบนี้ไปเรื่อยๆ เท่าที่เรามีโอกาส ตอนนี้มดยังไม่คิดถึงขั้นโกนหัวบวช แค่ได้นำธรรมะมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกับเราแล้ว"
"ต่อไปนี้ทุกคนจะไม่ได้เห็นมดในภาพแบบเก่า เพราะวันนี้มดโตขึ้น ได้คิดอะไรมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่รับงานเซ็กซี่นะ งานก็คืองาน เราต้องทำหน้าที่ของเรา แต่เราจะมีลิมิทมากขึ้น"