xs
xsm
sm
md
lg

“แดนนี บอยล์” ในรอยเท้า “จางอี้โหมว”?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ความประทับใจเมื่อ 4 ปีก่อน จะถูกแทนที่หรือไม่?
มหกรรมกีฬาโอลิมปิกประจำปี 2012 ที่ลอนดอน กำลังจะเริ่มต้นขึ้น ซึ่งนอกจากการแย่งชิงเหรียญรางวัลในการแข่งขันกีฬาประเภทต่างๆ แล้ว พิธีเปิดโดยผู้กำกับดังอย่าง “แดนนี บอยล์” ก็ถูกจับตาเช่นกันว่าจะอลังการเทียบเท่ากับความประทับใจที่สุดยอดผู้กำกับจีน "จางอี้โหมว" เคยทำไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้วหรือไม่?

ปอนด์ต่อปอนด์ “จางอี้โหมว” vs “แดนนี บอยล์” ศักดิ์ศรีไม่เป็นรอง
การมอบหมายให้ผู้กำกับภาพยนตร์มาดูแลพิธีมหกรรมกีฬาระดับโลกไม่ใช่ของแปลกใหม่อะไร ด้วยความสามารถและทักษะประสบการณ์ด้านการจัดการระดับมืออาชีพ ซึ่งระยะหลังไม่ใช่เพียงผู้กำกับระดับธรรมดาๆ ที่จะได้รับมอบหมายหน้าที่ดังกล่าว แต่ผู้รับผิดชอบจัดงานเลือกที่จะใช้บริการจากผู้กำกับแถวหน้า ถ้าเป็นไปได้ก็ต้องเป็น “อันดับ 1” ของประเทศอย่างในกีฬาเอเชียนเกมที่จะเกิดขึ้นในอินชอนอีก 2 ปีข้างหน้า ทางเกาหลีใต้ก็มอบหมายให้กับ "อิมควอนเต็ก" ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนทำหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ของประเทศเป็นผู้ดูแล

เช่นเดียวกับกีฬาโอลิมปิกทั้ง 2 ครั้งที่ จีน และสหราชอาณาจักร มอบหมายให้ผู้กำกับภาพยนตร์ที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในประเทศ รับหน้าที่สำคัญในการกำกับพิธีเปิด

หากเป็นเรื่องภาพยนตร์ “แดนนี บอยล์” ผู้กำกับชาวอังกฤษที่เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้ว อาจไม่เคยวิตกกังวลใดๆ กับการถูกเปรียบเทียบ เพราะผลงานของเขาอย่าง Trainspotting และ 28 Days Later แทบจะเรียกได้ว่า เป็นหนังที่สำคัญที่สุดในยุคหลังๆ ของวงการภาพยนตร์สหราชอาณาจักร

ขณะเดียวกัน Slumdog Millionaire และ 127 Hours ก็สร้างให้ชื่อของเขาโด่งดังไปทั่วโลก ไปไกลถึงการคว้ารางวัลออสการ์สาขาใหญ่อย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยมมาแล้ว อาจจะพูดได้ว่าในสังคมตะวันตก ชื่อของ บอยล์ นั้นเป็นที่รู้จักกว่า จางอี้โหมว เจ้าของผลงานอย่าง Ju Dou, Raise the Red Lantern จนไปถึงงานรุ่นหลังๆ ทั้ง Hero และ House of Flying Daggers ด้วยซ้ำไป

แต่สำหรับการรับหน้าที่ผู้ดูแลควบคุมการแสดงในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิก ยอดผู้กำกับชาวอังกฤษอาจต้องพบกับงานที่เรียกว่ายิ่งกว่า “หนักหนาสาหัส” หลังจากจางอี้โหมวได้ทำไว้กับพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเมื่อปี 2008 ซึ่งได้รับคำยกย่องว่าเป็นพิธีเปิดการแข่งขันที่น่าจดจำและยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกีฬาระดับโลก

หนังของ จางอี้โหมว มักจะเล่าเรื่องของมนุษย์ผู้ถูกกักขังในกลไกของประเพณี และค่านิยม อย่าง Ju Dou หรือ To Live ที่ว่าด้วยเรื่องราวของการปฏิวัติวัฒนธรรม นอกจากนั้นแล้ว จางอี้โหมว ยังมักจะกล่าวถึงเรื่องราวของครอบครัว และชีวิตของผู้คนที่ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมอันรุนแรง ซึ่งเนื้อหาทำนองนี้ได้ถูกปรับใช้ในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง กับการพูดถึงกลุ่มคนต่างชาติต่างภาษา ที่ต้องร่วมแรงร่วมใจ ในการต่อสู้กับความแตกต่างระหว่างกัน เป็นความลุ่มลึกที่มาพร้อมกับการแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ

แม้แต่ สตีเวน สปีลเบิร์ก ที่เคยร่วมเป็นที่ปรึกษาสำหรับการเตรียมพิธีเปิดโอลิมปิกที่ปักกิ่ง ก่อนจะต้องถอนตัวไปเพราะเหตุผลด้านการเมือง ก็ยกย่องการแสดงภายใต้การดูแลของ จางอี้โหมว ว่าแนวคิดว่าความขัดแย้งในมนุษยชิติเป็นตัวบ่งชี้ถึงการโหยหาสันติ และอาจจะเป็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่สุดๆ ของสหสวรรษนี้อย่างไม่มีข้อสงสัย
...
งานช้างของ “แดนนี บอยล์”
ตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา พิธีเปิดโอลิมปิกที่ลอนดอน จะมีทั้งการเชิดชูพระเกียรติของพระราชินีอลิซาเบธ, ฉายภาพบรรยากาศของสังคมพื้นบ้านในอังกฤษยุคโบราณ, การหยิบใช้วัฒนธรรมร่วมสมัย ทั้งภาพยนตร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ และเพลงบริติชร็อค ที่มีอิทธิพลต่องานดนตรีในโลกตลอดระยะเวลาเกิน 70 ปีที่ผ่านมา แม้จะน่าสนใจแต่ก็สร้างข้อสงสัยว่าจะให้ความรู้สึก ฮึกเหิม, มีพลัง, คึกคัก ในแบบพิธีเปิดกีฬาที่มักจะผูกโยงอยู่กับความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ และบรรยากาศชาตินิยม ได้หรือไม่

เปรียบเทียบกันในจุดนี้แล้ว จางอี้โหมว นั้นถือได้ว่าเป็นผู้กำกับที่เชี่ยวชาญเรื่องการถ่ายทอด ภาพของขนมธรรมเนียมประเพณี และบรรยากาศแห่งเกียรติยศของประเทศ ได้ดีกว่า บอยล์ งานของผู้กำกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่รายนี้ฉายให้เห็นภาพของความเป็น “จีน” อย่างเต็มเปี่ยม นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยความซับซ้อนลุ่มลึก เต็มไปด้วยสิ่งน่าค้นหา สมบูรณ์แบบทั้งเนื้อหาสาระ และความน่าตื่นตาตื่นใจทางภาพ แบบเดียวกับที่เขาเคยประสบความสำเร็จมาในหนัง Raise the Red Lantern

นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้ว ปัจจัยหนึ่งที่ถือมีความสำคัญอย่างยิ่งของ แดนนี บอยล์ ในการรับหน้าที่ครั้งนี้ก็คือเรื่องของเงินทุน

เปรียบเทียบชื่อเสียงในวงการภาพยนตร์แล้ว จางอี้โหมว กับ แดนนี่ บอยล์ มีส่วนที่ใกล้เคียงกันอยู่ในบางมุม ทั้งคู่ต่างเป็นคนทำหนังที่มักจะพูดถึงประเด็นอันใหญ่โต กับหนังที่เป็นส่วนตัวมากๆ เป็นผู้กำกับที่โด่งดังบนเวทีรางวัล พร้อมๆ กับการมีหนังที่สามารถทำรายได้อย่างงดงาม นอกจากนั้นแล้ว ยังมีประสบการณ์กับงานบนเวทีมาไม่น้อย ทั้งงานละครเวทีสำหรับ บอยล์ และโอเปร่า สำหรับ จางอี้โหมว

แต่ด้วยข้อจำกัดด้านเงินทุน ที่รัฐบาลอังกฤษคงไม่สามารถเทงบประมาณแบบไม่อั้นได้อย่างรัฐบาลจีน, รวมถึงความประทับใจของผู้คนต่อพิธีเปิดที่ปั่กกิ่ง ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของผู้คนมากมาย เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่ายาก ที่ แดนนี บอยล์ จะได้รับเสียงชื่นชมแบบเดียวกับที่ จางอี้โหมว ได้รับเมื่อ 4 ปีก่อน เพราะแม้จะมีงบประมาณจำนวนมหาศาลแต่ทุกคนก็ทราบดีว่าทุนสำหรับ ลอนดอน 2012 ไม่ได้มีอยู่อย่าง “ไม่จำกัด” อย่างที่ใช้ที่ปักกิ่ง

แม้แต่สนามกีฬาโอลิมปิกสเตเดียม กรุงลอนดอน ความจุ 80,000 คน ที่ออกแบบกันอย่างยิ่งใหญ่หวังเทียบเคียงกับ “สนามกีฬารังนก” อันโด่งดัง ด้วยจอขนาดยักษ์ความยาว 1 กม. เป็นจุดขายสำคัญสุดท้ายก็เป็นได้แค่ฝัน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ

ในโอลิมปิกที่เมืองจีน จางอี้โหมว มีงบประมาณจำนวนมากกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับนักแสดง 15,000 คน และช่วงเวลา 4 ชั่วโมงสำหรับการแสดงทั้งหมด ส่วน แดนนี บอยล์ ได้รับงบประมาณ 40 ล้านเหรียญ กับอาสาสมัคร 10,000 คน ในการแสดงทั้งหมดที่จะกินเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

ผู้สื่อข่าวในอังกฤษที่ได้ไปชมการซ้อมกันมาแล้วระบุว่า พิธีเปิดการแข่งขันที่อังกฤษ จะดึงเอา “ความเป็นอังกฤษ” ทั้งแบบดั้งเดิม และร่วมสมัยออกมาให้มากที่สุด กับการแสดงที่จะมี “เจมส์ บอนด์” มาปรากฏตัว, ดนตรีประกอบที่มีการใส่ท่วงทำนองที่ชาวอังกฤษทุกคนคุ้นเคยกันอย่างเพลงของซีรีส์ Doctor Who และละครวิทยุ The Archers ลงไป มี เอ.อาร์ ระห์มาน นักประพันธ์เพลงชาวอินเดีย เจ้าของรางวัลออสการ์ มาช่วยแต่งเพลงภาษาปัญจาบ เพื่อบอกถึงวัฒนธรรมของชาวอินเดีย ที่พบเห็นได้อย่างเป็นปกติในสังคมลอนดอนปัจจุบัน

ไฮไลต์ที่สำคัญที่สุดอย่างการจำลอง “กลาสตันเบอรี่ ทอร์” เนินเขาที่อยู่ในกลาวตัน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเชื่อกันว่า สถานที่ดังกล่าวคือเอวาลอน สถานที่พักผ่อนของคิงอาเธอร์ ขึ้นมากลางสนามกีฬา เพื่อนำเสนอภาพของชีวิตในเขตชนบทของอังกฤษ ที่มีลักษณะภูมิประเทศอันมหัศจรรย์ ที่จะสร้างขึ้นมาด้วยดิน และหญ้าจริงๆ กับเหล่าสัตว์นานาชนิดทั้ง ม้า 12 ตัว, วัว 3 ตัว, แพะ 2 ตัว, ไก่กับเป็ดอย่างละ 10, ห่าน 9 ตัว, แกะ 70 ตัว และหมาเลี้ยงแกะอีก 3 ตัว

แดนนี บอยล์ ต้องเอาชนะความคาดหวังอันสูงลิ้ว, ต่อสู้กับคำสบประมาทดูแคลนที่ว่าเขาไม่มีทางทาบรัศมีของพิธีเปิดเมื่อ 4 ปีก่อนติด และยังต้องสร้างความบันเทิงที่สามารถมอบแรงบันดาลใจ อันมีความหมายลึกซึ้งลุ่มลึกเช่นนั้นให้ได้

เขาต้องสร้างสรรค์ความบันเทิง ซึ่งจะพร้อมจะปลุกใจผู้ชมไปด้วย ซึ่งก็มีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อย หากมองจากตัวละครในหนังของบอยล์สามารถฟันฝ่าอุปสรรค ที่ดูยากลำบากเกินกำลังเช่นเดียวกับจางอี้โหมวที่ใช้ ธีมนี้เน้นความสามารถเหนือมนุษย์ อันเป็นความหมายที่สำคัญของโอลิมปิก

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วคำถามและคำตอบของพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกของผู้กำกับยอดฝีมือชาวอังกฤษ อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ว่าเขาจะสามารถมอบการแสดงที่ “ดีกว่า” ได้หรือไม่ แต่เขาจะทำอย่างไรในการจับใจผู้คนทั้งในสนามกีฬา และที่อยู่หน้าโทรทัศน์หลายพันล้านชีวิตทั่วโลก ด้วยความรู้สึกและแนวทาง ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในกรุงปักกิ่งเมื่อ 4 ปีก่อน
...
โอลิมปิกของคอบันเทิง
ไม่ว่าพิธีเปิดโอลิมปิกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ก.ค. นี้จะยิ่งใหญ่ตระการตาเทียบเท่ากับพิธีของเมื่อ 4 ปีที่แล้วได้หรือไม่ แต่ผู้ชมทั่วโลกจะได้พบกับคนดังมากมายในงานวันนั้น ไม่ใช่เฉพาะคนในแวดวงกีฬา แต่ทางผู้จัดได้ระดับคนดังจากทุกแวดวงของสหราชอาญาจักร เพื่อให้งานออกมาพิเศษที่สุด

บุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับงานก็ไล่กันมาตั้งแต่ พระประมุขของประเทศอย่าง พระราชินีอลิซาเบธที่ 2 ที่ว่ากันว่าจะปรากฏตัวในหนังสั้นซึ่งข่าวระบุว่าไปถ่ายทำกันถึงพระราชวัง และเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ที่จะมี แดเนียล เคร็ก และ จูดี เดนช์ จากหนังชุด เจมส์ บอนด์ สายลับผู้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เป็นตัวละครสำคัญ

ยังจะมีศิลปินเพลงมากมายในพิธี ทั้ง 4 ตัวแทนคนดนตรีของ 4 ประเทศที่รวมตัวกันขึ้นมาเป็น “สหราชอาณาจักร” ได้แก่ Duran Duran ตัวแทนของอังกฤษ, Snow Patrol เป็นตัวแทนของ ไอร์แลนด์เหนือ, Stereophonics เป็นตัวแทนของ เวลส์ และ เปาโล นูตินี เป็นตัวแทนของสกอตแลนด์ โดยไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ เซอร์ พอล แม็คคาร์นีย์ ซึ่งจะมาขับกล่อมคนดูด้วยเพลง Hey Jude ในช่วงท้ายของพิธีเปิด

สำหรับพิธีปิดที่จะมีขึ้นในวันที่ 12 ส.ค. ยังจะมีการจัดคอนเสิร์ตพิเศษขึ้นมาที่ ไฮด์ ปาร์ค ซึ่งคนดูจะได้พบกับการแสดงของวงดนตรีดัง อาทิ Blur, New Order, The Specials และ Bombay Bicycle Club ส่วนที่สนามกีฬาโอลิมปิก ก็จะมีทั้งซูเปอร์โมเดลอย่าง เคท มอส กับ นาโอมิ แคมป์เบล มีส่วนร่วมกับการแสดงที่ว่าด้วยแฟชั่นของสหราชอาญาจักร

ในพิธีปิดการแข่งขันยังได้วงร็อคระดับตำนาน The Who และบอยแบนด์รุ่นใหญ่ Take That มาร่วมมอบความบันเทิง ยังมีข่าวลือว่าดาวรุ่งมาแรงอย่าง One Direction จะมาแสดงเพลงฮิต What Makes You Beautiful กับกลุ่มแฟลชม็อบ และข่าวลือที่พูดกันหนาหูที่สุดที่ว่า Spice Girls จะกลับมารวมตัวกันในวันนั้นกับการแสดง 2 เพลงที่หนึ่งในนั้นก็คือ Wannabe ที่โด่งดังคนร้องตามกันทั่วโลกเมื่อ 16 ปีก่อนนั่นเอง
ในวงการหนัง จางอี้โหมว คือแถวหน้า แต่สำหรับงานกำกับพิธีเปิดมหกรรมกีฬาเขาคืออันดับ 1
แดนนี บอยล์ กับงานช้างที่ลอนดอน
เตรียมดูคอนเสิร์ต เซอร์พอล แม็คคาร์นีย์
เจมส์ บอนด์ จะปรากฏตัวใน ลอนดอน 2012 ก่อนหนังภาคล่าสุดฉายในปลายปีนี้
กลาสตันเบอรี่ ทอร์ หนึ่งในไฮไลน์สำคัญของพิธีเปิดครั้งนี้
เหล่าผู้แสดงระหว่างการซ้อมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
นักแสดงอาสาสมัครส่วนหนึ่งของพิธีเปิด

กำลังโหลดความคิดเห็น