xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ให้กำเนิด "เฉินเจิน" หน้ากากฮีโร่/ต่อพงษ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เหง่ยคัง” หรือ “หนีกวง” (Ni Kuang) นักเขียนนิยายชื่อดัง
เรื่องราวของตัวละครที่ปรากฏอยู่ในวงกสารภาพยนตร์หรือละครโทรทัศน์นั้น หลายต่อหลายครั้งคนสร้างเข้าทำดีเสียจนเราเชื่อว่ามันจะต้องมีจริงและกลายเป็นวีรบุรุษ วีรสตรีในสายตาของคนที่ได้รับรู้กันจริงๆ จังๆ ขึ้นมา ก็เหมือนบ้านเรากำลังชื่นชอบ “ลูกผู้ชายไม้ตะพด” หรือก่อนหน้านี้นานมากก็รู้สึกประทับใจ “ขุนเดช” จนเชื่อกันว่าตัวละครนั้นมีจริงๆ

บุคคลผู้ให้กำเหนิดเฉินเจิน

อย่างกรณีของ เฉินเจิน ซึ่งวงการบันเทิงฮ่องกงนั้นเอาเรื่องของเขามีสร้างใหม่ต่อเติมเนื้อเรื่องใหม่ ตอนจบมีไม่เหมือนกัน ตอนกำเนิดก็ไม่เหมือนกัน แต่ทุกเวอร์ชั่นแทบจะทำแบบเดียวกันก็คือ เจ้าตัวต้องลุกไปกระโดดเตะป้าย “ห้ามคนจีนกับหมาผ่านสวนสาธารณะ” แล้วแบกมาลุยกับศัตรูผู้รุกรานชาติชาวญี่ปุ่นให้มันแหลกไปข้างหนึ่ง

เรื่องนี้ถือเป็นความภูมิใจของคนจีนที่หลายคนยึดเป็นแบบแผน โดยเฉพาะในเรื่องของการต่อต้านการรุกรานของชาติอื่นๆ ที่มีต่อชาติตัวเอง แต่เรื่องจริงๆ นั้น เฉินเจิน แกไม่มีตัวจริงในโลกนะครับ เพราะแท้ที่จริงเขาผู้นี้เป็นตัวละครหนึ่งที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาในโลกบันเทิงนั่นเอง

แต่เฉินเจินมาโผล่ในสากลโลกได้อย่างไร? คำตอบนี้แยกออกเป็นสองส่วน นั่นคือ เมื่อปี 1972 เฉินเจินโผล่มาบนจอเงินจากหนังเรื่อง Fist Of Fury หรือ “ไอ้หนุ่มซินตึ๊งล้างแค้น” หนังได้ให้เครดิตว่า ผู้เขียนบทคือ หลอเหวย (Lo Wei) ซึ่งเป็นผู้กำกับและผู้เขียนบท แต่เรื่องราวของเฉินเจินนั้นปรากฏออกมาก่อนที่ภาพยนตร์จะฉายเสียอีกครับ ซึ่งประวัติบางสายบอกว่า บิดาผู้ให้กำเนิดจริงๆ น่าจะอยู่ที่ “เหง่ยคัง” หรือ “หนีกวง” (Ni Kuang) ยอดนักเขียนนวนิยายชื่อดัง ซึ่งเขียนเรื่องสั้นมามากกว่า 300 เรื่อง โดยเฉพาะแนวบู๊ล้างผลาญเลือดสาดระห่ำๆ นั้นเหง่ยคังเน้นเป็นพิเศษ

ผมเองนั้นถ้าถามว่ามั่นใจว่าเป็นผลงานของใครมากกว่ากันก็ต้องให้น้ำหนักไปทางเหง่ยคังมากกว่า ในฐานะที่แกเป็นทั้งคนทำหนังสือพิมพ์ คอมลัมนิสต์ นักวิจารณ์ จนกระทั่งมือเขียนบทหรือนักเขียนนวนิยาย ที่สำคัญแกสร้างสรรค์ตัวละครที่น่าสนใจเอาไว้หลายตัวเสียด้วยซิครับ

เหง่ยคังนั้นเป็นเพื่อนซี้และผู้ร่วมงานของกิมย้งยอดนักเขียนนามเกรียงไกรแห่งจักรวาลมังกรหยก ฝีมือนั้นเก่งกาจมากขนาดว่า ตอนที่กิมย้งไปเที่ยวเมืองนอกเป็นเวลานานนั้น นวนิยายเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า ซึ่งกิมย้งต้องเขียนนั้นส่งต้นฉบับมาไม่ทัน ก็เป็นเหง่ยคังนี้แหล่ะครับที่เขียนต้นฉบับแทนไปก่อน และเพราะเขานี่เองที่ทำให้ อาจู ซึ่งเป็นตัวละครแสบที่สุดตัวหนึ่งในเรื่องนี้ต้องตาบอด ทั้งๆ ที่กิมย้งไม่ได้วางแผนไว้อย่างว่าเลย มันก็เลยกลายเป็นเอกลักษณ์ว่าถ้าเป็นเหง่ยคังแล้วละก็ต้องมีละเลงเลือดหรือตัวละครจะสูญเสียอวัยวะอะไรซักอย่างหนึ่ง

ความจริงในปี 1950 เขาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่อยู่ในเขต อินเนอร์ มองโกเลีย แต่ 7 ปีต่อมาเขาหนีออกมาที่ฮ่องกง เพราะรู้สึกว่าเขากำลังถูกคุกคามถึงแก่ชีวิต เพียงเพราะไปตั้งคำถามกับผู้บังคับบัญชาว่าเหตุใด ประชาชนคนหนึ่งถึงได้รับโทษประหาร เหง่ยคังตั้งข้อสังเกตว่า ประชาชนผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรผิดนอกจากเป็นเศรษฐีที่ดินเท่านั้น การตั้งคำถามดังกล่าวถูกผู้บังคับบัญชาขู่ว่าจะลงโทษประหารเขาด้วยถ้ามีข้อสงสัยในหลักการแห่งพรรค ผลปรากฏว่าคำขู่ดังกล่าวทำให้เหง่ยคังตัดสินใจหนีมาฮ่องกงไปเลยก่อนจะมาทำงานหนังสือพิมพ์ในเบื้องต้น

เหตุนี้เหง่ยคังเลยเกลียดคอมมิวนิสต์เข้ากระดูก เขามองว่าภัยที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์ชาติก็คือการจำกัดสิทธิเสรีภาพ ทั้งๆ ที่สิทธิเสรีภาพที่ว่าไม่ทำให้ใครคนอื่นเดือดร้อน หลักการที่ว่าส่งผลถึงงานที่เขาทดลองเขียนหนังสือมักจะสร้างตัวละครที่ตั้งคำถามถึงสิทธิและเสรีภาพของตัวเองอยู่เสมอ

เหง่ยคังมาดังสุดขีดจริงๆ ก็ตอนที่เขาไปทำงานให้กับ ชอว์ บราเธอร์ส ในปี 1967 ซึ่งตอนนั้น “คิงฮู” ยอดผู้กำกับหนีค่ายนี้ไป ชอว์ต้องการอะไรที่สดใหม่และเปิดโลกทัศน์ของหนังจีนกำลังภายในซึ่งชอว์โชคดีมากที่ได้ จางเชอะ มาแทน และมือเขียนบทก็คือ เหง่ยคัง จนสร้างตัวละคร ที่เป็นที่จดจำและอมตะได้อย่าง “ฟางกัง” หรือในเวลาถัดมาคนรู้จักกันมากที่สุดในนาม “เดชไอ้ด้วน” และสร้างดาราอย่าง “หวังอยู่” ขึ้นมา

หวังอยู่ผู้นี้ล่าสุดมาโผล่ในเรื่อง Wuxia ที่มี ดอนนี่ เยิน และ ทาเคชิ คาเนชิโร่ โดยแสดงเป็นหัวหน้าแก๊งค์สังหารจอมโหดที่ต้องมาสู้กับ ดอนนี่ เยิน ไงครับ

ประเด็นที่น่าตามต่อก็คือ ถ้าเผื่อเหง่ยคังสร้างตัวละครนี้ขึ้นมา เขาได้นำตัวละครตัวนี้มาจากใครบางคนที่มีชีวิตหรือเปล่า เพราะเหง่ยคังนั้นหลายครั้งที่สร้างตัวละครขึ้นมาก็อาศัยต้นกำเนิดจากคนอื่นเหมือนกัน อย่างเดชไอ้ด้วนนั้นเอาจริงๆ ก็เอาตัวละครอย่างเอี้ยก้วยมาตัดรายละเอียดอื่นๆ และเพิ่มรายละเอียดอื่นๆ เข้าไปจนกลายมาเป็นฟางกังในที่สุด

ว่ากันว่าเหง่ยคังนั้นน่าจะนำคนจริงที่มีชื่อว่า หลิวเจินเฉิน ที่เป็นศิษย์อาวุโสคนหนึ่งของสำนักมวยจิงอู่มาเป็นตัวตั้งต้นของเขา

ตามประวัติของสำนักมวยจิงอู่จากหนังสือ Jingwu : The school That Transformed Kung Fu นั้นพูดถึงบุคคลสำคัญของสำนักจิงอู่ไว้ เท่าที่อ่านดูคนแซ่เฉินก็มีนะครับที่เป็นลูกศิษย์เอก แต่เป็น “เฉินจี้เจิง" ( Chen Zizheng) ลูกศิษย์คนหนึ่งของฮั่วหยวนเจี่ย เขาเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญกงเล็บอินทรี และเป็นหนึ่งในเมล็ดพันธุ์ของสำนักยามเมื่อฮั่วหยวนเจี่ยไม่อยู่แล้ว โดยออกไปสอนมวยตามพื้นที่ต่างๆ แถมยังได้รับหน้าที่ส่งเทียบเชิญให้สำนักต่างๆ ร่วมใจต้านต่างชาติด้วย ตัวของเฉินจี้เจิงนั้นมีนิศัยและอัทธาศัยไปในทางที่เยือกเย็นไม่บู๊ล้างผลาญ

นั่นทำให้หลายคนเชื่อว่าคนที่น่าจะเป็นต้นแบบของตัวละครเฉินเจนมากที่สุดก็คือ หลิวเจินเฉิง (Liu Zhensheng ) มากกว่า เพราะศิษย์ของฮั่วหยวนเจี่ยผู้นี้ความจริงก็มีอายุไม่หนีไปจากตัวฮั่วหยวนเจี่ยเท่าไหร่นัก แถมก่อนที่จะมาเข้าสำนัก เขาเคยปะทะและต่อสู้กับฮั่วหยวนเจี่ยหลายครั้งจนสุดท้ายก็กลายเป็นทั้งเพื่อนและทั้งลูกศิษย์ในเวลาเดียวกัน ซึ่งก็ตรงกับเรื่องราวหลายเรื่องที่นักสร้างหนังและนักสร้างละครเอามาใส่ว่าเฉินเจินเคยปะทะกับฮั่วหยวนเจี่ยหลายรอบก่อนจะมากราบเป็นอาจารย์

เมื่อเข้าสำนักความที่เคยรู้มือกันมาก่อน หลิวเจินเฉิง นั้นมักจะถูกฮั่วหยวนเจี่ยพาไปไหนมาไหนด้วยเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อยามที่เขาต้องประลองยุทธกับสำนักต่างๆ หรือสู้กับนักสู้ต่างชาติ หลิวเจินเฉิงมักจะเป็นผู้เข้าประลองก่อนอาจารย์เสมอ ในช่วงที่ฮั่วหยวนเจี่ยกำลังป่วยได้มีคำท้าทายมาจากสำนักยูโดแห่งหนึ่งในเซี่ยงไฮ้มาถึงฮั่วหยวนเจี่ย ซึ่งในสภาพร่างกายที่สู้ไม่ไหวนั้น หลิวเจินเฉิงขออาสาสู้ศึกแทนและเอาชนะบรรดาเหล่ายูโดพวกนั้นในอัตรา 10 : 1 ได้โดยเป็นการต่อสู้แบบปิดและมีการเซ็นสัญญากันไว้ล่วงหน้าว่าจะไม่เอาเรื่องกันถ้าเจ็บหรือตาย

ปรากฏว่า หลิวเฉินเจิงถล่มนักยูโดเสียกระเจิง มีหลักฐานว่าหลายคนนิ้วและมือหักและมีอีกหลายรายที่บาดเจ็บที่ศรีษะอย่างรุนแรงด้วย เรื่องราวของเขาก็เลยโด่งดังขึ้นมาจนเป็นตำนานของนักสู้ทีเดียว แต่ทว่าหลิวเฉินเจิงนั้นไม่ได้มีทักษะในเรื่องของการบริหารสำนัก ข้อนี้ฮั่วหยวนเจี่ยก็ทราบดี เพราะฉะนั้นเมื่อเขาใกล้จะหมดลมเขาก็เลยให้ เจ้าเหลียนฮัว (Zhao LianHua) ลูกศิษย์อีกคนของเขาเป็นคนครูใหญ่ของสำนักที่ดูทั้งหลักสูตรและการบริหารรายได้แทน ส่วนหลิวเจินเฉิงนั้นเป็นครูฝึกเพลงมวยอย่างเดียว

แต่แม้ว่าจะร้อนแรงในอารมณ์และการต่อสู้อย่างไรก็ตาม แต่กระนั้นในบันทึกเล่มดังกล่าวก็ไม่ปรากฏว่า ตัวต้นแบบอย่างหลิวเจินเฉิงไม่ปรากฏว่าเคยกระโดดเตะป้ายห้ามอย่างในหนัง แล้วก็ไม่ได้โดนกระหน่ำยิงอย่างในตอนจบของหนังด้วยนะครับ

พูดถึงเหง่ยคังแล้วนอกจากเฉินเจิน แกยังสร้างนักสู้ที่สู้กับมนุษย์ต่างดาวหรือสิ่งลึกลับนอกโลกอีก ในชื่อนวนิยายชุด เวสลี่ย์ ซึ่งเห็นมีแปลเป็นไทยอยู่หลายเล่มเหมือนกัน ใครชอบแนวนี้ก็ลองหามาอ่านกันดูครับ รับประกันว่าสนุกไม่หยอกทีเดียว
กำลังโหลดความคิดเห็น