หากเอ่ยหรือเขียนชื่อของ “สู่ขวัญ บูลกุล” ขึ้นมา
เชื่อว่า ในมุมของผู้ชายหลายต่อหลายคนคงจะรู้สึกคล้ายๆ กัน ว่า เธอคนนี้นี่แหละ คือ “หญิงในฝัน” หากได้มาเป็นคู่ชีวิต ขณะที่ในมุมของผู้หญิงเอง หลายคนก็อาจจะรู้สึกว่าเธอคือผู้หญิง “ต้นแบบ” ที่บางครั้งก็น่าอิจฉาเหลือเกินในความพร้อมสรรพที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึงจะได้รับ
ซึ่งก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดกับการที่จะรู้สึกเช่นนั้น หากมองไปยังสิ่งที่เธอคนนี้มีและเป็นอยู่ ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา ปฏิภาณไหวพริบ ความเฉลียวฉลาด ตลอดจนกิริยาท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็นผ่านหน้าจอทีวี หรือแม้กระทั่งชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกับนักธุรกิจชื่อดังแห่งฟาร์มโชคชัย “โชค บูลกุล”
เงียบๆ เรื่อยๆ มาพักหนึ่ง ล่าสุด สู่ขวัญ ก็กลับมามีชื่อค่อนข้างจะถี่อีกครั้งในแวดวงข่าวบันเทิง หลังเจ้าตัวตกปากรับคำแสดงหนังให้กับโปรเจกต์พิเศษของค่าย “จีทีเอช” เรื่อง “รัก 7 ที ดี 7 หน” หนักรัก 3 รุ่น 3 วัย ในตอนที่ได้ “เก้ง จิระ มะลิกุล” กำกับฯ
เฉพาะถ้ามองว่า นี่คือ งานแสดงครั้งแรกของผู้ประกาศสาวคนดังคนนี้ ก็ต้องถือว่าน่าสนใจแล้ว แต่ที่ดูจะเป็นที่ฮือฮาขึ้นไปยิ่งกว่า ก็คือ การที่เธอได้มีโอกาสประกบกับนักร้องหนุ่มคนดังขวัญใจสาวๆ วัยรุ่นสมัยนี้อย่าง “นิชคุณ” แห่งวง “2 PM” นั่นเอง
“ครั้งแรกที่พี่เก้ง จิระ ติดต่อมา ขวัญเองก็เหวอว่าทำไมพี่เขามานึกถึงเรา จนปิดกล้อง ขวัญ ก็ยังงงอยู่เลยค่ะ...” เป็นความรู้สึกโดยรวมของผู้ประกาศข่าวชื่อดังนับตั้งแต่ถูกทาบทามให้รับงานที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน นั่นคือ การได้เป็น “นางเอก”
“ตอนแรกเราคุยกันทางโทรศัพท์พี่เก้งอาจจะเห็นว่าขวัญคงงงมาก เพราะหนังเราไม่เคยเล่นมาก่อน พี่เก้งบอกว่านัดคุยกัน เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า เรื่องเป็นยังไง เพราะว่าหนึ่งคือขวัญกับพี่เก้งไม่เคยเจอกันมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน พี่เก้งก็เลยมาหาที่ช่อง 3 แต่ตอนนั้นไม่ได้ดูบท ครั้งแรกที่เจอกันก็คุยกันคร่าวๆ จากวันแรกที่พี่เก้งเล่าให้ฟัง”
“จากนั้นก็ต้องไปเจอ ครูแอ๋ว อรชุมา (ครูสอนการแสดง) ก่อน ขวัญยังถามพี่เก้งเลยว่ายังไงคะ ให้ไปเจอครูแอ๋วแล้วถ้าครูแอ๋วบอกว่าคนนี้ไม่มีแววเลยจะทำยังไง พี่เก้งก็บอกว่า ถ้าถึงวันนั้น ครูแอ๋ว จะคุยกับเขาเองว่าเราไม่ไหวจริงๆ แต่ว่าวันที่คุยแรกๆ พี่เก้งบอกว่าขวัญทำได้ เราก็โอเค มองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไป จนกระทั่งปิดกล้องไปแล้ว อีกวันขวัญได้เจอพี่เก้งก็ยังถามอีก ว่า ทำไมคิดว่าขวัญจะทำได้ พี่เก้งเขาบอกว่าพี่รู้สึกว่าขวัญทำได้ ก็ขอบคุณนะคะที่เชื่อว่าเราทำได้ และการได้เล่นหนังเรื่องนี้ พี่เก้งก็ทำให้ขวัญพบอะไรบางอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรามีในชีวิต”
บอกเพราะอีกฝ่ายถือได้ว่าเป็นผู้กำกับในดวงใจของตน แถมยังเป็นหนังเนื่องในโอกาสพิเศษ รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ถ่ายทำก็ไม่ได้กินเวลานาน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าตัวจะต้องออกปากปฏิเสธในการแสวงหาประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับชีวิต
“ที่จริงแล้วเรื่องการแสดง ไม่ใช่สิ่งที่ขวัญคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะมาลองทำ แต่โดยส่วนตัวเราชื่นชอบผลงานของพี่เก้งมาตลอดอยู่แล้ว เขาคือผู้กำกับในดวงใจเลย แล้วพอพี่เก้งโทรมาคุย และบอกว่าเป็นโอกาสพิเศษ คือ เป็นหนังครบรอบ 7 ปีจีทีเอช เป็นหนังที่ไม่ได้ใช้ระยะเวลาถ่ายทำนาน แค่ 3 อาทิตย์เท่านั้นเองก็เสร็จ ทีนี้ก็เลยโอเค”
“แล้วพอขวัญได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆ ตอนแรกที่พี่เก้งเล่าเรื่องราวว่าเป็นแบบนี้ มีความรู้สึกว่าอยากเล่นเหมือนกัน ขวัญว่าหนังเรื่องนี้มันมีอะไรมากกว่าความเป็นหนังรัก เป็นหนังที่มีเสน่ห์ รู้สึกดี ชอบ และถ้าเราทำได้ดีมันจะดีมาก เรามีความรู้สึกว่าเราเชื่อในผู้กำกับ เราชอบในหนัง เราชอบในบท แล้วขวัญก็คิดว่าถ้าเกิดว่าเราจะลองทำอะไรสักครั้งที่เราไม่เคยทำมาในชีวิต โอกาสนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดี ก็เลยลองดูค่ะ”
พร้อมเผยให้ฟังคร่าวๆ ถึงบทบาทที่ได้รับ...“คาแรกเตอร์ในเรื่องอายุเราจะเยอะกว่าความเป็นจริง เป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบหนึ่ง มันคงไม่ได้เปิดมาแล้วรักกันเลยอย่างที่ขวัญอาจจะพูดไปแล้วบ้าง คือ ทั้งสามตอนทั้งหมดถูกร้อยไว้ด้วยความเป็นหนังรัก แต่จริงๆ หัวใจของมันจริงๆ มันมีอะไรบางอย่างอยู่”
ผู้ประกาศข่าวชื่อดังเอ่ยปากยอมรับว่าครั้งแรกเลยตนนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร แต่หลังจากได้เวิร์กชอป ได้ทราบรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ แม้จะไม่มั่นใจเต็มที่แต่ก็รู้สึกว่าตนเองน่าจะทำได้
“ก็ยอมรับว่า ตื่นเต้นค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอะไรยังไง แต่พอทุกอย่างมีขั้นตอน แล้วเราได้เจอกับครูแอ๊ว เราได้คุย เราได้ลองที่จะเวิร์กชอปดู ซึ่งถึงจะยังไม่มีความมั่นใจเต็มที่ แต่เราก็พอเหมือนมีไกด์ไลน์ว่ามันคงต้องประมาณไหน วิธีที่จะต้องเตรียมตัวหรือว่าวิธีคิด วิธีที่จะเข้าใจบทละครมันจะต้องเป็นยังไง”
“อีกอย่างนึงก็คงจะเป็นในส่วนของทีมงานที่ขวัญมีโอกาสได้ร่วมงานด้วย ก็ต้องถือว่า ขวัญ โชคดีมาก เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นตัวพี่เก้งผู้กำกับเอง ซึ่งก็เป็นคนที่ขวัญมีความชื่นชมมากอยู่แล้วตั้งแต่ต้น แล้วก็ ครูแอ๋ว น้องนิชคุณ แล้วก็ทีมงานทุกคน ขวัญรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคน เพราะฉะนั้นบรรยากาศในการถ่ายทำงานก็เป็นไปได้ด้วยดี ก็ไม่ได้มีความรู้สึกกดดันหรือตึงเครียดอะไรในเวลาที่เล่นค่ะ”
พูดชื่อ “นิชคุณ” ขึ้นมา หากไม่ให้เจ้าตัวบอกความรู้สึกถึงซูเปอร์สตาร์ไทยที่ไปสร้างชื่อยังต่างแดนคนนี้ก็คงจะกระไรอยู่ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเล่นหนังเรื่องแรกของนักร้องหนุ่มสุดหล่อคนนี้ด้วยเช่นกัน
“มีคนถามขวัญเยอะเหมือนกัน ว่า นิชคุณเรื่องมากมั้ย เด็กคนนี้ง่ายมาก ขวัญไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าเขาคนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ เขาเป็นเหมือนคนทำงานมากกว่า ที่ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์มาเล่นหนังให้ ขวัญก็เคยคุยกับนิชคุณเองเหมือนกัน เขารู้สึกแค่ว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่ทำงานกับผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง เขาไม่ได้รู้สึกอย่างอื่น แล้วขวัญก็รู้สึกว่าเขาเป็นอย่างนั้น"
“เวลาที่อยู่ในกองน้องทำตัวเป็นน้อง ถ้าเกิดว่าเขาบริการใครได้ เขาช่วยอะไรใครได้ เขาก็ทำ แต่โอเคเขาอาจจะมีด้วยกฎระเบียบของค่าย เขาก็จะมีคนดูแลพอสมควร แต่ว่าทุกคนก็น่ารักหมด แล้วทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง คนที่ดูแลเขาก็ดูแล ส่วนนิชคุณเขาก็แสดงอย่างเต็มที่ ขวัญก็ไม่เห็นว่าเขาอิดออดเรื่องอะไรเลย”
“น้องเป็นคนที่ทุ่มเท จริงจัง เหมือนเขาก็เป็นคนทำงานคนหนึ่ง เขาไม่ได้มาเล่นเรื่องนี้ในฐานะซูเปอร์สตาร์ แต่เขามาเล่นเรื่องนี้ในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงคนหนึ่ง”
เห็นว่ามีฉากกุ๊กกิ๊กด้วย?
“(หัวเราะ) ตอนแรกขวัญก็ไม่ได้รู้จักน้อง แล้วขวัญเองก็ห่างกันกับน้องด้วย ในบางฉากก็คงมีบ้าง ไม่ต้องเป็นเขาเราก็ขัดเขินอยู่แล้ว เพราะเราก็ใหม่ เขาก็ใหม่ แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ว่าเราไม่สนิทหรือว่าเรารู้จักเขาไหม เขาเป็นใคร คือ ทุกคนโฟกัสอยู่ที่บทที่ตัวเองจะเล่นมากกว่า”
“แล้วอีกอย่างขวัญว่าถึงจะเป็นเรื่องแรกของนิชคุณ แต่เขาก็แสดงอารมณ์ได้ดีมาก คือตอนที่เล่นเราไม่ได้รู้สึกว่า นี่คือ นิชคุณหรืออะไร เรารู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครในเรื่อง ขวัญว่าเขาเหมาะกับคาแรคเตอร์นี้ในเรื่องมากค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีความรู้สึกว่าแบบเล่นอยู่กับนิชคุณ ทุกคนก็โฟกัสมีสมาธิกับบท พอเข้าไปเราก็เป็นคนนี้ เด็กผู้ชายคนนี้เป็นเด็กผู้ชายคนนั้นในหนัง”
“ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับนิชคุณเลย ขวัญว่าเขาเป็นกันเอง แล้วก็สนุกสนานร่าเริงตามวัยเขาสมมติว่าถึงเวลาทำงานเขาจะจริงจังมาก แต่ถึงเวลาเบรคใครจะเล่นก็ได้ ตามสบาย ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรลำบากวุ่นวาย ขวัญรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่ไปโตในต่างประเทศ แต่ยังเป็นคนไทยที่มีความเป็นไทยสูงมาก เรื่องกิริยามารยาท สัมมาคาราวะ ขวัญว่าเยี่ยมเลยค่ะ ดีมากค่ะ”
เจ้าตัวออกปากยอมรับแค่ครั้งแรกก็ชักจะรู้สึกติดใจในงานแสดงแล้ว แต่อนาคตจะเป็นอย่าไรต่อไปนั้นผู้ประกาศข่าวคนสวยบอก...“ก็รู้สึกว่าสนุกดีนะคะ เชื่อว่า แต่ละงานมีเสน่ห์ของมัน อย่างงานประกาศข่าว อย่างการแสดงหรือว่าเป็นนักหนังสือพิมพ์ เขียนคอลัมน์ ขวัญเชื่อว่าทุกงานมีเสน่ห์ ขวัญก็ค้นพบเสน่ห์ของการแสดงอยู่เหมือนกัน แต่ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง ขวัญว่าเดี๋ยวลองดูเรื่องนี้ผ่านไปก่อนค่ะ”
เชื่อว่า ในมุมของผู้ชายหลายต่อหลายคนคงจะรู้สึกคล้ายๆ กัน ว่า เธอคนนี้นี่แหละ คือ “หญิงในฝัน” หากได้มาเป็นคู่ชีวิต ขณะที่ในมุมของผู้หญิงเอง หลายคนก็อาจจะรู้สึกว่าเธอคือผู้หญิง “ต้นแบบ” ที่บางครั้งก็น่าอิจฉาเหลือเกินในความพร้อมสรรพที่ผู้หญิงคนหนึ่งพึงจะได้รับ
ซึ่งก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดกับการที่จะรู้สึกเช่นนั้น หากมองไปยังสิ่งที่เธอคนนี้มีและเป็นอยู่ ทั้งรูปร่างหน้าตา การศึกษา ปฏิภาณไหวพริบ ความเฉลียวฉลาด ตลอดจนกิริยาท่าทางที่แสดงออกมาให้เห็นผ่านหน้าจอทีวี หรือแม้กระทั่งชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกับนักธุรกิจชื่อดังแห่งฟาร์มโชคชัย “โชค บูลกุล”
เงียบๆ เรื่อยๆ มาพักหนึ่ง ล่าสุด สู่ขวัญ ก็กลับมามีชื่อค่อนข้างจะถี่อีกครั้งในแวดวงข่าวบันเทิง หลังเจ้าตัวตกปากรับคำแสดงหนังให้กับโปรเจกต์พิเศษของค่าย “จีทีเอช” เรื่อง “รัก 7 ที ดี 7 หน” หนักรัก 3 รุ่น 3 วัย ในตอนที่ได้ “เก้ง จิระ มะลิกุล” กำกับฯ
เฉพาะถ้ามองว่า นี่คือ งานแสดงครั้งแรกของผู้ประกาศสาวคนดังคนนี้ ก็ต้องถือว่าน่าสนใจแล้ว แต่ที่ดูจะเป็นที่ฮือฮาขึ้นไปยิ่งกว่า ก็คือ การที่เธอได้มีโอกาสประกบกับนักร้องหนุ่มคนดังขวัญใจสาวๆ วัยรุ่นสมัยนี้อย่าง “นิชคุณ” แห่งวง “2 PM” นั่นเอง
“ครั้งแรกที่พี่เก้ง จิระ ติดต่อมา ขวัญเองก็เหวอว่าทำไมพี่เขามานึกถึงเรา จนปิดกล้อง ขวัญ ก็ยังงงอยู่เลยค่ะ...” เป็นความรู้สึกโดยรวมของผู้ประกาศข่าวชื่อดังนับตั้งแต่ถูกทาบทามให้รับงานที่ตัวเธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน นั่นคือ การได้เป็น “นางเอก”
“ตอนแรกเราคุยกันทางโทรศัพท์พี่เก้งอาจจะเห็นว่าขวัญคงงงมาก เพราะหนังเราไม่เคยเล่นมาก่อน พี่เก้งบอกว่านัดคุยกัน เดี๋ยวพี่เล่าให้ฟังคร่าวๆ ว่า เรื่องเป็นยังไง เพราะว่าหนึ่งคือขวัญกับพี่เก้งไม่เคยเจอกันมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน พี่เก้งก็เลยมาหาที่ช่อง 3 แต่ตอนนั้นไม่ได้ดูบท ครั้งแรกที่เจอกันก็คุยกันคร่าวๆ จากวันแรกที่พี่เก้งเล่าให้ฟัง”
“จากนั้นก็ต้องไปเจอ ครูแอ๋ว อรชุมา (ครูสอนการแสดง) ก่อน ขวัญยังถามพี่เก้งเลยว่ายังไงคะ ให้ไปเจอครูแอ๋วแล้วถ้าครูแอ๋วบอกว่าคนนี้ไม่มีแววเลยจะทำยังไง พี่เก้งก็บอกว่า ถ้าถึงวันนั้น ครูแอ๋ว จะคุยกับเขาเองว่าเราไม่ไหวจริงๆ แต่ว่าวันที่คุยแรกๆ พี่เก้งบอกว่าขวัญทำได้ เราก็โอเค มองข้ามทุกสิ่งทุกอย่างไป จนกระทั่งปิดกล้องไปแล้ว อีกวันขวัญได้เจอพี่เก้งก็ยังถามอีก ว่า ทำไมคิดว่าขวัญจะทำได้ พี่เก้งเขาบอกว่าพี่รู้สึกว่าขวัญทำได้ ก็ขอบคุณนะคะที่เชื่อว่าเราทำได้ และการได้เล่นหนังเรื่องนี้ พี่เก้งก็ทำให้ขวัญพบอะไรบางอย่างที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเรามีในชีวิต”
บอกเพราะอีกฝ่ายถือได้ว่าเป็นผู้กำกับในดวงใจของตน แถมยังเป็นหนังเนื่องในโอกาสพิเศษ รวมถึงระยะเวลาที่ใช้ถ่ายทำก็ไม่ได้กินเวลานาน ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เจ้าตัวจะต้องออกปากปฏิเสธในการแสวงหาประสบการณ์ครั้งใหม่ให้กับชีวิต
“ที่จริงแล้วเรื่องการแสดง ไม่ใช่สิ่งที่ขวัญคิดมาก่อนในชีวิตว่าจะมาลองทำ แต่โดยส่วนตัวเราชื่นชอบผลงานของพี่เก้งมาตลอดอยู่แล้ว เขาคือผู้กำกับในดวงใจเลย แล้วพอพี่เก้งโทรมาคุย และบอกว่าเป็นโอกาสพิเศษ คือ เป็นหนังครบรอบ 7 ปีจีทีเอช เป็นหนังที่ไม่ได้ใช้ระยะเวลาถ่ายทำนาน แค่ 3 อาทิตย์เท่านั้นเองก็เสร็จ ทีนี้ก็เลยโอเค”
“แล้วพอขวัญได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆ ตอนแรกที่พี่เก้งเล่าเรื่องราวว่าเป็นแบบนี้ มีความรู้สึกว่าอยากเล่นเหมือนกัน ขวัญว่าหนังเรื่องนี้มันมีอะไรมากกว่าความเป็นหนังรัก เป็นหนังที่มีเสน่ห์ รู้สึกดี ชอบ และถ้าเราทำได้ดีมันจะดีมาก เรามีความรู้สึกว่าเราเชื่อในผู้กำกับ เราชอบในหนัง เราชอบในบท แล้วขวัญก็คิดว่าถ้าเกิดว่าเราจะลองทำอะไรสักครั้งที่เราไม่เคยทำมาในชีวิต โอกาสนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดี ก็เลยลองดูค่ะ”
พร้อมเผยให้ฟังคร่าวๆ ถึงบทบาทที่ได้รับ...“คาแรกเตอร์ในเรื่องอายุเราจะเยอะกว่าความเป็นจริง เป็นความสัมพันธ์ในรูปแบบหนึ่ง มันคงไม่ได้เปิดมาแล้วรักกันเลยอย่างที่ขวัญอาจจะพูดไปแล้วบ้าง คือ ทั้งสามตอนทั้งหมดถูกร้อยไว้ด้วยความเป็นหนังรัก แต่จริงๆ หัวใจของมันจริงๆ มันมีอะไรบางอย่างอยู่”
ผู้ประกาศข่าวชื่อดังเอ่ยปากยอมรับว่าครั้งแรกเลยตนนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าจะออกมาเป็นเช่นไร แต่หลังจากได้เวิร์กชอป ได้ทราบรายละเอียดขั้นตอนต่างๆ แม้จะไม่มั่นใจเต็มที่แต่ก็รู้สึกว่าตนเองน่าจะทำได้
“ก็ยอมรับว่า ตื่นเต้นค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นอะไรยังไง แต่พอทุกอย่างมีขั้นตอน แล้วเราได้เจอกับครูแอ๊ว เราได้คุย เราได้ลองที่จะเวิร์กชอปดู ซึ่งถึงจะยังไม่มีความมั่นใจเต็มที่ แต่เราก็พอเหมือนมีไกด์ไลน์ว่ามันคงต้องประมาณไหน วิธีที่จะต้องเตรียมตัวหรือว่าวิธีคิด วิธีที่จะเข้าใจบทละครมันจะต้องเป็นยังไง”
“อีกอย่างนึงก็คงจะเป็นในส่วนของทีมงานที่ขวัญมีโอกาสได้ร่วมงานด้วย ก็ต้องถือว่า ขวัญ โชคดีมาก เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นตัวพี่เก้งผู้กำกับเอง ซึ่งก็เป็นคนที่ขวัญมีความชื่นชมมากอยู่แล้วตั้งแต่ต้น แล้วก็ ครูแอ๋ว น้องนิชคุณ แล้วก็ทีมงานทุกคน ขวัญรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำงานร่วมกับทุกคน เพราะฉะนั้นบรรยากาศในการถ่ายทำงานก็เป็นไปได้ด้วยดี ก็ไม่ได้มีความรู้สึกกดดันหรือตึงเครียดอะไรในเวลาที่เล่นค่ะ”
พูดชื่อ “นิชคุณ” ขึ้นมา หากไม่ให้เจ้าตัวบอกความรู้สึกถึงซูเปอร์สตาร์ไทยที่ไปสร้างชื่อยังต่างแดนคนนี้ก็คงจะกระไรอยู่ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ถือได้ว่าเป็นการเล่นหนังเรื่องแรกของนักร้องหนุ่มสุดหล่อคนนี้ด้วยเช่นกัน
“มีคนถามขวัญเยอะเหมือนกัน ว่า นิชคุณเรื่องมากมั้ย เด็กคนนี้ง่ายมาก ขวัญไม่รู้สึกด้วยซ้ำว่าเขาคนนี้เป็นซูเปอร์สตาร์ เขาเป็นเหมือนคนทำงานมากกว่า ที่ว่าเป็นซูเปอร์สตาร์มาเล่นหนังให้ ขวัญก็เคยคุยกับนิชคุณเองเหมือนกัน เขารู้สึกแค่ว่าเขาเป็นเด็กเล็กๆ คนหนึ่งที่ทำงานกับผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง เขาไม่ได้รู้สึกอย่างอื่น แล้วขวัญก็รู้สึกว่าเขาเป็นอย่างนั้น"
“เวลาที่อยู่ในกองน้องทำตัวเป็นน้อง ถ้าเกิดว่าเขาบริการใครได้ เขาช่วยอะไรใครได้ เขาก็ทำ แต่โอเคเขาอาจจะมีด้วยกฎระเบียบของค่าย เขาก็จะมีคนดูแลพอสมควร แต่ว่าทุกคนก็น่ารักหมด แล้วทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง คนที่ดูแลเขาก็ดูแล ส่วนนิชคุณเขาก็แสดงอย่างเต็มที่ ขวัญก็ไม่เห็นว่าเขาอิดออดเรื่องอะไรเลย”
“น้องเป็นคนที่ทุ่มเท จริงจัง เหมือนเขาก็เป็นคนทำงานคนหนึ่ง เขาไม่ได้มาเล่นเรื่องนี้ในฐานะซูเปอร์สตาร์ แต่เขามาเล่นเรื่องนี้ในฐานะที่เขาเป็นนักแสดงคนหนึ่ง”
เห็นว่ามีฉากกุ๊กกิ๊กด้วย?
“(หัวเราะ) ตอนแรกขวัญก็ไม่ได้รู้จักน้อง แล้วขวัญเองก็ห่างกันกับน้องด้วย ในบางฉากก็คงมีบ้าง ไม่ต้องเป็นเขาเราก็ขัดเขินอยู่แล้ว เพราะเราก็ใหม่ เขาก็ใหม่ แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ว่าเราไม่สนิทหรือว่าเรารู้จักเขาไหม เขาเป็นใคร คือ ทุกคนโฟกัสอยู่ที่บทที่ตัวเองจะเล่นมากกว่า”
“แล้วอีกอย่างขวัญว่าถึงจะเป็นเรื่องแรกของนิชคุณ แต่เขาก็แสดงอารมณ์ได้ดีมาก คือตอนที่เล่นเราไม่ได้รู้สึกว่า นี่คือ นิชคุณหรืออะไร เรารู้สึกว่าเขาเป็นตัวละครในเรื่อง ขวัญว่าเขาเหมาะกับคาแรคเตอร์นี้ในเรื่องมากค่ะ เพราะฉะนั้นก็จะไม่มีความรู้สึกว่าแบบเล่นอยู่กับนิชคุณ ทุกคนก็โฟกัสมีสมาธิกับบท พอเข้าไปเราก็เป็นคนนี้ เด็กผู้ชายคนนี้เป็นเด็กผู้ชายคนนั้นในหนัง”
“ไม่มีอะไรพิเศษสำหรับนิชคุณเลย ขวัญว่าเขาเป็นกันเอง แล้วก็สนุกสนานร่าเริงตามวัยเขาสมมติว่าถึงเวลาทำงานเขาจะจริงจังมาก แต่ถึงเวลาเบรคใครจะเล่นก็ได้ ตามสบาย ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรลำบากวุ่นวาย ขวัญรู้สึกว่าเขาเป็นเด็กที่ไปโตในต่างประเทศ แต่ยังเป็นคนไทยที่มีความเป็นไทยสูงมาก เรื่องกิริยามารยาท สัมมาคาราวะ ขวัญว่าเยี่ยมเลยค่ะ ดีมากค่ะ”
เจ้าตัวออกปากยอมรับแค่ครั้งแรกก็ชักจะรู้สึกติดใจในงานแสดงแล้ว แต่อนาคตจะเป็นอย่าไรต่อไปนั้นผู้ประกาศข่าวคนสวยบอก...“ก็รู้สึกว่าสนุกดีนะคะ เชื่อว่า แต่ละงานมีเสน่ห์ของมัน อย่างงานประกาศข่าว อย่างการแสดงหรือว่าเป็นนักหนังสือพิมพ์ เขียนคอลัมน์ ขวัญเชื่อว่าทุกงานมีเสน่ห์ ขวัญก็ค้นพบเสน่ห์ของการแสดงอยู่เหมือนกัน แต่ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง ขวัญว่าเดี๋ยวลองดูเรื่องนี้ผ่านไปก่อนค่ะ”