xs
xsm
sm
md
lg

“โรงเรียนลูกผู้ชาย” ฉบับคนแสดง: กล้าสร้างก็กล้าดู

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี

การเรียนการสอนแบบโรงเรียนลูกผู้ชาย


ในจำนวนการ์ตูนเด็กผู้ชาย ที่โด่งดังอยู่ในยุค 90s นอกจากแถวหน้าเกรดเอจำพวก Dragon Ball, Saint Seiya แล้วงานประเภทการ์ตูนบู๊ดุเดือดเลือดพล่าน ตัวละครกล้ามโตอวดความเป็นเพศชายกันอย่างภาคภูมิใจ ก็ยังอยู่ในความทรงจำของหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็น “หมัดเทพเจ้าดาวเหนือ” หรืออีกเรื่องที่ดังน้อยกว่าหน่อย แต่ความมันพอกันอย่าง “โรงเรียนลูกผู้ชาย” ผลงานของ “อากิระ มิยาชิตะ”

“โรงเรียนลูกผู้ชาย” , “ขุนพลประจัญบาน” , “นักเรียนนายร้อยเดนตาย” หรือ “สำนักบุรุษเหล็ก” คือการ์ตูนเรื่องเดียวกันตามแต่สำนวนแปลของสำนักพิมพ์ไม่มีลิขสิทธิ์ในขณะนั้น ต้นฉบับมีชื่อภาษาญี่ปุ่นว่า Sakigake!! Otokojuku ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าการ์ตูนเกรดรองเนื้อหาแปลก ๆ แบบนี้จะได้ถูกดัดแปลงมาเป็นหนังกับเค้าด้วย

อากิระ มิยาชิตะ เริ่มเขียน Sakigake!! Otokojuku เพื่อลงตีพิมพ์ในนิตยสาร Weekly Shōnen Jump ตั้งแต่ปี 1985 และจบชุดลงในปี 1991 กับจำนวนฉบับรวมเล่ม 34 เล่ม เป็นผลงานที่เรียกว่าโด่งดังอยู่พอสมควร ถูกดัดแปลงเป็นวิดีโอเกม และการ์ตูนอนิเมะ ด้วย แต่ถ้าจะวัดที่โด่งดังที่สุดก็คงไม่มีรูปแบบใดที่สำเร็จเท่ากับหนังสือการ์ตูนต้นฉบับอีกแล้ว

เนื้อเรื่องของการ์ตูนนั้นกล่าวถึงโรงเรียนชายล้วน ที่รับเด็กประเภท “เหลือเดน” เข้ามาศึกษาฝึกฝนวิทยายุทธ์, การต่อสู้, ความอดทน กล่าวคือเรียนรู้ความเป็นลูกผู้ชายในแบบญี่ปุ่นขนานแท้ อย่างการลงโทษอันสุดขั้ว แบบทดสอบความแข่งแกร่งของร่างกาย วิดพื้นสองพันครั้ง, ขังคุกมืด หรือเอาตัวเองลงไปต้มลงในกระทะเดือด ก็มีให้เห็น



โดยในเล่มแรก ๆ ผู้เขียนเน้นไปที่ส่วนของมุขตลกประเภท “จบในตอน” ในลักษณะของ “การ์ตูนแก๊ก” ก่อนจะเริ่มเข้มข้นผูกเรื่องประลองยุทธของเหล่านักเรียนโรงเรียนลูกผู้ชาย กับเหล่ารุ่นพี่ ต่อมาก็ได้รวมตัวกัน ไปสู้ศึกนอกโรงเรียน ในทัวร์นาเมนต์ประลองยุทธ์ประเภทยกทีม 16 คน ที่เรียกว่ายาวเหยียด เด็กในยุคนั้นต้องตามอ่านกันอยู่หลายปี จึงจะได้บทสรุป

เช่นเดียวกับการ์ตูนแนว “ประลองยุทธ์” ส่วนใหญ่ Sakigake!! Otokojuku มีเนื้อเรื่องบาง ๆ แต่เน้นไปที่การสร้างตัวละครอันหลากหลาย ทั้งในแง่บุคลิกภาพ และกลเม็ดเด็ดพลายฝีไม้ลายมือ แต่ที่ขโมยซีนกลายเป็นตัวละครอันดับ 1 ของการ์ตูนเรื่องนี้กลับกลายเป็น ผอ. ประจำโรงเรียนที่ชื่อว่า “เอดาจิม่า เฮฮาจิ” ผู้ไร้เทียมทาน ที่หากจะกล่าวถึงโรงเรียนลูกผู้ชาย ก็ต้องพูดถึงตัวละครบ้าพลังตัวนี้เป็นอันดับแรก

นอกจากนั้นงานชิ้นนี้ยังมีชื่อเสียงในหลายด้าน ทั้งการเป็นการ์ตูนที่มีตัวละครหญิงน้อยมาก (เกือบจะไม่มีเลยก็ว่าได้), การแทรกข้อมูลประเภท “จดหมายเหตุ” เพื่ออธิบายให้ข้อมูลเกี่ยวกับทั้ง วิทยายุทธ์ และประวัติศาสตร์เชื่อมโยงต่าง ๆ ที่ปรากฏในเรื่อง ที่เมื่อก่อนเด็ก ๆ หลายคนเชื่อกันเป็นจริงเป็นจัง (แม้หมายเหตุที่ว่าบางอันจะดู “ทะแม่ง ๆ” อย่างที่ว่า “กีฬากอล์ฟ” มีจุดกำเนิดจากประเทศจีนโบราณ) โตมาถึงมั่นใจได้ว่าตาคนเขียนแกมั่วเอาเองทั้งนั้น

หรือการตายยากตายเย็นของเหล่าตัวละคร กับสุดยอดวิชาแพทย์ที่สามารถชุบชีวิตได้กระทั่งคนที่ตกลงไปในลาวา หรือถูกหั่นจนขาดครึ่งตัว นอกจากนั้นก็ยังมีความ “โอเวอร์” ต่าง ๆ นานาให้เห็นกันตลอดทั้งเรื่อง



เรียกว่าทุกรายละเอียดล้วนน่าจดจำ เหมาะจะเป็นหัวข้อสนทนาของเพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบกันนาน หรือคนหนุ่มรุ่น "90s" ที่เคยผ่านช่วงเวลาของ "เดอะ ทาเลนต์" หรือ "ซีโร่" มาทุกคน

ส่วนเนื้อหาสาระนั้นจะบอกว่าไม่มีอยู่เลย ก็คงจะพูดไม่ได้เสียทีเดียวนัก อย่างน้อยผู้เขียนก็ใส่ประเด็นเรื่อง "ชาตินิยม" เข้ามาได้อย่างน่าสนใจ

Sakigake!! Otokojuku มีตัวละครเอก เป็นครูใหญ่อดีตทหารผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ทนเห็นญี่ปุ่นยุคแพ้สงคราม แต่เจริญทางวัตถุ กำลังเดินไปสู่หนทางแห่งความอ่อนแอไม่ได้ จึงก่อตั้งโรงเรียนแห่งนี้ขึ้นมา ฝึกฝนเด็กที่ “เหลือขอ” มาจากที่อื่น ให้รู้สึกถึงความเป็น “ญี่ปุ่น” ที่แท้จริง



แต่ดูเหมือนว่าตามท้องเรื่อง Sakigake!! Otokojuku นั้นเหล่าเด็กหนุ่มคนรักชาติ ผู้พยายามรักษาค่านิยมความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมเอาไว้ จะเป็นได้เพียงแค่ “ตัวประหลาด” เป็นกลุ่มบุคคลผู้แปลกแยกออกจากสังคม ฝึกฝนและให้ความสำคัญอยู่กับการต่อสู้อันไร้ค่า หาสาระใด ๆ ไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ในอดีตอุดมคติประเภทนี้แท้ ๆ ที่เคยเป็นเหมือนเลือดเนื้อของชาติญี่ปุ่น แต่กลับแทบไม่มีที่ยืนยันสังคมปัจจุบัน

… แม้จะเป็นเสี้ยวหนึ่งของการ์ตูนที่ไมได้เน้นย้ำอะไรให้เด่นชัดนัก แต่ถือเป็นอารมณ์ประเภทตลกร้ายปนขมขื่นที่ทำออกมาได้น่าสนใจดี

อย่างที่หลายคนทราบกันดี เมื่อไม่กี่ปีก่อน อากิระ มิยาชิตะ ได้หยิบเอา Sakigake!! Otokojuku กลับมาเขียนภาคต่อ ที่บู๊น้อยลง, ภาพสวยน้อยลง, ตลกโปกฮา และติดจะทะลึ่งตึงตังขึ้น ซึ่งก็ไม่รู้เพราะด้วยวัยที่มากขึ้นด้วยรึเปล่า หลายคนเลยไม่สนุกกับการ์ตูนภาค 2 อีกแล้ว ซึ่งก็อย่าว่าแต่ภาคสองเลยนะครับ บางคนแค่หยิบภาคแรกกลับมาอ่านใหม่ก็ไม่ค่อยสนุกเหมือนเดิมแล้ว

แม้จะได้รับการจดจำอย่างยิ่ง แต่ก็คงพูดได้ยากว่างานของ “อากิระ มิยาชิตะ” จะเข้าขั้นการ์ตูนคลาสสิกแห่งยุค ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่าจากที่เคยโด่งดังอยู่เมื่อร่วม 20 ปีก่อน จู่ ๆ จะมีคนหยิบเอา Sakigake!! Otokojuku มาสร้างเป็นหนังกับเค้าด้วย

Sakigake!! Otokojuku ฉบับภาพยนตร์หรือ ในชื่อภาษาอังกฤษว่า Be A man Samurai School เข้าฉายไปแล้วเมื่อปี 2008 เป็นผลงานโดยดาราหนุ่ม ขวัญใจคอหนังแอ็กชั่น ทัก (ทาคุ) ซากากุจิ (ผู้โด่งดังกับหนังบู๊ทุนต่ำ Versus) ที่ทั้งแสดงนำ และกำกับเอง เป็นงานที่ดำเนินเรื่องได้ใกล้เคียง กับต้นฉบับอยู่พอสมควร แม้กระทั่งฉากประเภท “ไม่น่าจะทำได้” หรือ “อย่าไปทำเลย” บางอย่าง หนังก็ยังพยายามทำออกมาให้ได้

หนังความยาวประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงถูกแบ่งส่วนออกเป็น 2 ส่วน ครึ่งแรกหยิบมาฉากหนังสือการ์ตูนช่วงแรก ๆ ที่ยังเป็น “การ์ตูนแก๊ก” เน้นมุขตลก ส่วนครึ่งหลังเป็นภาคประลองยุทธ์ ที่ตัวแทนของโรงเรียนลูกผู้ชาย 3 คน ต้องต่อสู้ในศึกแห่งความตายกับ ศิษย์เก่าจอมแสบ (เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นการต่อสู้ประเภท 4 ต่อ 4)



ต้องเข้าใจกันก่อนว่า Sakigake!! Otokojuku เป็นหนังประเภท “ทุนต่ำ” ดูมีระดับกว่างานประเภท “หนังแผ่น” อยู่นิดหน่อย ถึงแบบนั้นผู้สร้างก็ยัง “ดันทุรัง” จะถ่ายทอดความ “โอเวอร์” ของการ์ตูนต้นฉบับให้เห็นกันบนแผ่นฟิล์มให้จงได้ ตั้งแต่มุขควายทั้งหลาย ตัวละครนักเรียนมัธยมหน้าแก่คราวลุง รวมถึงฉากประเภทอลังการงานสร้าง หรือ อาวุธสุดแสนพิสดาร และ การต่อสู้อันดุเดือดจากหน้าหนังสือการ์ตูน ให้ดูกันในแบบถูลู่ถูกัง บางฉากต่อพูดว่าดูแทนไม่ได้

ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยว่าหนังจะต้องออกมาค่อนข้างจะดู “ราคาถูก” ไร้ความสมจริงสมจัง พอจะดูเอามันแบบ "ขำๆ" ได้ในแบบของหนังเกรดบีญี่ปุ่น ที่ผู้สร้างหนังประเภทนี้จากแดนอาทิตย์อุทัยมีลูกบ้ากันเต็มร้อยอยู่แล้ว แต่หากจะคาดหวังไปมากกว่านั้นหนังก็คงไม่มีให้

Sakigake!! Otokojuku เป็นการ์ตูนที่ไม่ได้เหมาะจะเอามาดัดแปลงเป็นหนังในรูปแบบคนแสดงเอาเสียเลย ความโด่งดังก็ไม่ใช่ระดับแถวหน้า แต่ก็ยังมีคนอุตสาห์สร้างเป็นหนังมาให้ดูกัน ถึงออกมาไม่ได้เข้าท่าเข้าทางอะไรนัก แต่แค่ทำออกมาได้นี่ก็น่าชื่นชมแล้วนะครับ

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

ซึรึกิ โมโมทาโร่ หัวหน้าชั้นปีที่หนึ่ง สวมบทโดย ทัก ซากากุจิ ที่นั่งเก้าอี้ผู้กำกับของหนังด้วย
ครูใหญ่ ที่ดูเหี่ยวกว่าการ์ตูนไปเยอะ
ลงโทษกันแบบสุดขั่ว
ตัวละครเด่นอีกตัวในหนัง
พี่ปีสองพิสูจน์ฝีมือน้องปีหนึ่ง
เรื่องผู้หญิงนักเรียนโลกเรียนลูกผู้ชายอาจไม่ถนัดนัก
สาวแว่นโชว์เพลงอูเคเลเล่ ฉากแบบที่มีเฉพาะฉบับหนังเท่านั้น
แทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยแบบเดียวกับการ์ตูน
อดีตศิษย์เก่ากลับมาป่วนโรงเรียน
เรียกตัวอาวุธลับแห่งชั้นปีหนึ่งสู้ศึกสำคัญ
เก็บตัวฝึกวิชาในป่า
3 ยอดฝีมือจากปีหนึ่งออกรบ
จอมหมัดเง็กโค
หนุ่มหน้าสวย ฮิเอ็น ตัวละครฮิตอีกตัวจากหนังสือ




ศึกสุดท้ายที่หาความอลังการแบบการ์ตูนแทบไม่เจอ
กำลังโหลดความคิดเห็น