โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
แม้ช่วง 20 ปีให้หลัง บทบาทในวงการบันเทิงของ “เศรษฐา ศิระฉายา” จะหนักไปทางด้านการเป็นดาราและพิธีกร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ชายอบอุ่นคนนี้ก็คือ ความเป็น “นักร้อง” ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทดนตรีไทยสากล-ขับร้อง ประจำปี 2554
เศรษฐา ศิระฉายา หรือที่คนรุ่นหลังเรียกขานเขาติดปากว่า “อาต้อย” เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 เริ่มเข้าวงการดนตรีตั้งแต่อายุ 16 ในตำแหน่งคนขนเครื่องดนตรีไปทัวร์ตามจังหวัดต่างๆ โดยการชักนำของน้าชาย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ที่หอบหิ้วไปตระเวนกันไปทั่วประเทศ
ความเป็นคนสนใจดนตรี เศรษฐาจึงหัดเล่นดนตรีด้วยวิธีการครูพักลักจำ ก่อนจะจับไมค์ขึ้นเวทีครั้งแรกด้วยการขอขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีประกวดที่วัดบางไส้ไก่ จากนั้นเส้นทางดนตรีของอาต้อยก็เดินหน้าไปด้วยดี ก่อนจะมาถึงจุดพลิกผันสำคัญ เมื่อเขากับเพื่อนๆรวมทั้งหมด 5 คน ในนามวง “ดิ อิมพอสสิเบิ้ลส์”(The Impossibles) ที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากการแสดงในบาร์แถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้เข้าร่วมประกวดวงสตริงคอมโบชิงถ้วยพระราชทานที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2512 โดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
และด้วยฝีมือความสามารถอันโดดเด่นเป็นเอกอุผสมความแปลกใหม่ ทำให้วงดิอิมคว้าแชมป์ 3 สมัยติด(2512,13 และ 15 ส่วนปี 14 งดการประกวด)
จากนั้นวงดิอิมได้เดินหน้าขับเคลื่อนนำพาดนตรีประเภทสตริงคอมโบให้โด่งดังเป็นพลุแตก กวาดมาทั้ง ชื่อเสียง เงิน กล่อง และความสำเร็จต่างๆอีกมากมายอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่เหล่าสมาชิกวงจะถึงจุดอิ่มตัว ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนในปี พ.ศ. 2519
เศรษฐาในฐานะนักร้องนำหลังแยกย้ายจากดิอิม ได้ออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว มีอัลบั้มเป็นของตัวเองอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเบนเข็มไปจับงานด้านการแสดงและพิธีกรอย่างจริงจัง แต่กระนั้นเศรษฐาก็ยังไม่ทิ้งงานร้องเพลงที่เขารัก และยังคงร้องเพลงมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่าอายุอานามจะปาเข้าไปเกือบ 70 ปีแล้ว
สำหรับความสำเร็จในเส้นทางดนตรีของอาต้อยนั้น เจ้าตัวบอกว่าส่วนสำคัญมาจากปลายปากกาของเหล่าบรมครูเพลงที่ได้กลั่นอารมณ์ความรู้สึก ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงต่างๆอันไพเราะ คงความอมตะมาจนทุกวันนี้
นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เศรษฐาได้เดินหน้าเข้าห้องอัดอีกครั้ง เพื่อนำบทเพลงอมตะของบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติทั้ง 4 คือ พยงค์ มุกดา,สง่า อารัมภีร,สุรพล โทณะวณิก และ ชาลี อินทรวิจิตร มาขับร้องใหม่ในชื่ออัลบั้ม “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ”
จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ เป็นการคัด 40 บทเพลงเด่น ของครูเพลงทั้ง 4 คนละ 10 เพลง มานำเสนอเป็นแพ็คเกจพิเศษที่รวมเพลงไว้ 4 ชุดด้วยกัน(4 ซีดี) โดยมี 4 ยอดโปรดิวเซอร์แห่งยุคมาร่วมดูแลการผลิตในแต่ละชุดแยกย่อยออกไป
สำหรับชุดแรกเป็นผลงานรวมเพลงของครู“สง่า อารัมภีร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(เพลงไทยสากล) ปี 2531 โปรดิวซ์โดย “ต๋อย : วิชัย ปุญญะยันต์” มี 10 บทเพลงอมตะได้แก่ 1.หนึ่งในร้อย 2.ยอดเยาวมาลย์ 3.สุดที่รัก 4.ลำนำรัก 5.เจ้าพระยา 6.วนาสวาท 7.แค่คืบ 8.ผมน้อยใจ 9.ทาสเทวี และ10.หนี้รัก
ผลงานชุดนี้โทนโดยรวมเป็นงานเพลงหวานละเมียด ฟังเพลิน มีการนำเครื่องเป่าและเครื่องสายมาช่วยเติมเสริมแต่งสร้างสีสัน บางเพลงมีกลิ่นอายของเพลงลูกกรุงผสม บางเพลงมีกลิ่นของดนตรีป็อบยุคดิอิมผสมพิงค์แพนเตอร์ ฟังแล้วชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆได้ดีทีเดียว
โดยบทเพลงดังของดิอิมอย่าง “ยอดเยาวมาลย์”นั้นนำมาทำใหม่ในฟีลของจังหวะที่แตกต่างไป ฟังให้อารมณ์แนวไปจากต้นฉบับของดิอิมอยู่พอสมควร ส่วน “สุดที่รัก”ดนตรีมีสีสันกับจังหวะกระชับ มีเสียงแซกโซโฟนหวานๆมาช่วยสร้างสีสัน
“แค่คืบ” ดนตรีหวานสอดรับกับเสียงนุ่มๆมีเสน่ห์ของอาต้อยที่ร้องถ่ายทอดมาได้เป็นอย่างดีไม่มีแกว่ง ขณะที่“หนี้รัก” มาหวานแบบแกรนด์ เพราะมีไลน์หนาแน่นของเค่รื่องสายเล่นแบ็คอัพ
ชุดที่สองเป็นผลงานรวมเพลงของครู“พยงค์ มุกดา” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ประพันธ์เพลงไทยสากล-ลูกทุ่ง) ปี 2534 โดยมี “อั๋น : ปธัย วิจิตรเวชการ” มาเป็นโปรดิวเซอร์ มี 10 บทเพลงอมตะคือ 1.เป็นไปไม่ได้ 2.แรมพิศวาส 3.คิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ 4.คนจะรักกัน 5.ชั่วนิจนิรันดร์ 6. สกุณา 7.คอยน้อง 8.นกขมิ้น 9.คีรีบูนบิน และ 10.ฉันเป็นของเธอ
ชุดนี้เป็นป็อบแจ๊ซหวานๆ ภาคดนตรีอัดแน่นไปด้วยทีมเครื่องสายและเครื่องเป่า เพลง “เป็นไปไม่ได้”ขึ้นนำมาด้วยเสียเปียโนอันหวานพลิ้ว ก่อนส่งเข้าซุ่มเสียงคุ้นเคยในแบบดิอิมกับเสียงร้องของอาต้อยที่ยังดีไม่มีตกฟังไม่ต่างจากเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
“ชั่วนิจนิรันดร”หวานละมุน มีกลิ่นใหม่กับกีตาร์มาเล่นไลน์แจ๊ซ ส่วน“สกุณา” เป็นบอสซ่าฟังเพลิน พร้อมเปิดพื้นที่ให้แซกโซโฟนโซโลอย่างรื่นไหล “คอยน้อง” มาในทางบลูส์ มีเครื่องเป่าแน่นๆมาเป็นกำลังหลัก ฟังแล้วฉีกอารมณ์หวานเนิบ จากต้นฉบับของเพื่อนเก่า “วินัย พันธุรักษ์” ได้ดีทีเดียว
ส่วน“ฉันเป็นของเธอ” มาแนวอะคูสติกแจ๊ซได้ “ชีพชนก ศรียามาตย์”มาเล่นกีตาร์ ได้ “โก้ แซ็กแมน : เศกพล อุ่นสำราญ” มาอิมโพรไวซ์โซโลแซกโซโฟนอย่างละเมียดหวานพลิ้ว
ชุดสามเป็นงานรวมเพลงของ ครู“สุรพล โทณะวณิก” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การประพันธุ์เพลงไทยสากล) ปี 2540 โปรดิวซ์โดย “โอม : ชาตรี คงสุวรรณ” มี 10 บทเพลงอมตะ ได้แก่ 1.ไปตามดวง 2.หัวใจเหิร 3.จูบฟ้าลาดิน 4.หนาวเนื้อ 5.ค่าของคน 6.พิษรัก 7.โอ้รัก 8.ความรักครั้งสุดท้าย 9.รอ และ 10.ใครหนอ
ชุดนี้เป็นชุดที่มีบทเพลงของดิอิมมากที่สุด โทนโดยรวมในแนวป็อบร็อก มีเสียงกีตาร์ฝีมือพี่โอมเล่นนำ ซาวนด์บางเพลงติดกลิ่นแกรมมี่มาพอหอมปากหอมคอ
เริ่มด้วย “ไปตามดวง”เป็นแจ๊ซร็อกสนุกๆ ที่ยังคงกลิ่นของดิอิมไว้พอสมควร มีเครื่องเป่าเล่นสอดรับกับเสียงกีตาร์มันๆ “หนาวเนื้อ” เพลงนี้ฉีกแนวดิอิมไปเล่นร็อกโจ๊ะๆสนุก กีตาร์โซโลกับเปียโน “ค่าของคน” กีตาร์ขึ้นต้นอินโทร.มาอย่างกับเพลงของแกรมมี่ ก่อนจะมาสลัดทิ้งในช่วงเข้าเพลงกับสไตล์การร้องที่ไพเราะเป็นธรรมชาติ
ส่วน“ใครหนอ”มาแนวมากๆ เป็นสวิง เน้นในซุ่มเสียงแบบอะคูสติก มีเสียงคอรัสหวานๆ มีลูกตบกีตาร์ และลูกเล่นขัดตอดของกีตาร์อีกไลน์ ท่อนโซโลคีย์บอร์ดใส่ไลน์แจ๊ซพลิ้วลื่นไหลมาเติมเป็นอีกหนึ่งสีสัน
ชุดที่สี่ชุดสุดท้าย เป็นผลงานรวมเพลงของครู“ชาลี อินทรวิจิตร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้ประพันธ์-ผู้กำกับภาพยนตร์) ได้ “ตุ่น : พนเทพ สุวรรณะบุณย์” มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ มี 10 บทเพลงอมตะ ได้แก่ 1.หยาดเพชร 2.ว้าเหว่ 3.รักอย่ารู้คลาย 4.ทะเลไม่เคยหลับ 5.ครวญ 6.อาลัยรัก 7.ป่านฉะนี้ 8.ยามชัง 9.เหมือนไม่เคย และ 10.ทางสายใหม่
ชุดนี้เป็นงานป็อบหรูๆ ดนตรีมีหลากหลายสไตล์ ผสมซาวนด์แปลกๆ เปิดตัวกันด้วย “หยาดเพชร” ขึ้นต้นด้วยเสียงเปียโนนำมาอย่างหวานซึ้ง ก่อนตามมาด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์ของอาต้อย ถือเป็นหยาดเพชรในเวอร์ชั่นละเมียด น่าฟัง
“ทะเลไม่เคยหลับ” ดนตรีหรู ซับซ้อนกว่าต้นฉบับของดิอิม แต่ฟังยังไงๆของเดิมก็ยังคลาสสิคกินขาดกว่า “ครวญ” มาในบีทสนุกๆมีเสียงแฮมมอนด์ ออร์แกน ที่เป็นซาวนด์อันโดดเด่นในชุดนี้ มาช่วยสร้างสีสัน ท่อนกลางเปิดพื้นที่ให้แจมกันระหว่าง ฮาร์โมนิก้า กีตาร์ และแฮมมอนด์
และนั่นก็คือ 40 บทเพลงอมตะ จากบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติ ที่นำมาขับร้องใหม่โดยยอดนักร้องศิลปินแห่งชาติ ซึ่งท่วงทำนองแต่ละเพลงล้วนต่างไพเราะ อุดมไปด้วยภาษาสวยงาม ยากยิ่งที่จะหาได้ในบทเพลงสมัยนิยมของยุคนี้ ที่สำคัญคือการร้องถ่ายทอดบทเพลงเหล่านี้ออกมา ถ้านักร้องตีความอารมณ์เพลงไม่ถึง บทเพลงที่ออกมาจะด้อยคุณค่าลงไปมากโข แต่นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหาของอาต้อย เพราะเขาคุ้นเคยกับบทเพลงเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับบทเพลงของดิอิมที่เขาเคยร้องไว้เป็นมาสเตอร์พีช
โดยในภาคเสียงร้องของอาต้อยนั้น ไม่น่าเชื่อว่าคนอายุเกือบ 70 ยังร้องเพลงได้เสียงดีไม่มีตก ไม่มีแกว่ง อีกทั้งยังเป็นไปตามธรรมชาติ ฟังรื่นหู มีการเลือกคีย์ที่เหมาะเจาะกับน้ำเสียง ไม่ต้องบีบเค้น ดันขึ้นสูง อีกทั้งยังร้องเพลงได้อย่างชัดเจน ถูกอักขระ เป็นธรรมชาติของตัวเอง ไม่ดัด(จริต)ร้องเพลงไทยให้เป็นสำเนียงฝรั่ง ไม่ใส่ลูกเอื้อนลากยาวยานเฟือยเกินไป เหมือนอย่างการร้องเพลงแบบพิมพ์นิยมของนักร้องส่วนใหญ่ในยุคนี้ โดยเฉพาะพวกนักร้องประกวดผลโหวตทั้งหลาย ที่ฟังแล้วเหมือนออกมาจากบล็อกเดียวกัน สำนักเดียวกัน
ขณะที่ในส่วนภาคดนตรีนั้น ชุดนี้ทำดนตรีได้ค่อนเนี้ยบ ละเมียดละไม ใส่ใจในรายละเอียด มีการผสมผสานกันระหว่างอารมณ์เพลงแบบเก่ากับซาวนด์ร่วมสมัยที่ฟังแล้วไม่ทำให้ต้นฉบับของเก่าด้อยค่าลงไปและก็ไม่เชย
เดิมอัลบั้มชุดนี้ อาต้อยตั้งใจที่จะทำเพื่อยกย่องบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติทั้ง 4 เป็นสำคัญ โดยเจ้าตัว ได้เข้าห้องอัด บันทึกเสียง มาตั้งแต่ก่อนที่จะได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ แต่เมื่อเขาได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ อัลบั้มชุด “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” จึงกลายเป็นผลงานเพลงที่ศิลปินแห่งชาติทำขึ้นเพื่อคารวะแด่ศิลปินแห่งชาติไปโดยปริยาย
จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ เป็นผลงานเพลงที่อาต้อยเปิดเผยว่า นี่ถือเป็นอัลบั้มแรกในชีวิตที่เขาลงมือทำเองทุกขั้นตอน ทั้งทำดนตรีใหม่ ลงเสียงร้องใหม่ ติดต่อขอลิขสิทธิ์เพลง เลือกโปรดิวเซอร์ และดูแลการผลิตในทุกขั้นตอน เพราะนี่น่าจะเป็นอัลบั้มสุดท้าย ท้ายสุดในชีวิต ของการเป็นนักร้อง นักดนตรี โดยเขาบอกว่า
“ชีวิตนี้คงมีแรงทำได้เพียงเท่านี้แล้วล่ะ ก่อนที่จะไม่มีแรงร้องอีก”
*****************************************
อัลบั้ม “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” ทางผู้จัดทำเปิดเผยว่า มีจำนวนจำกัดเพียง 2,000 ชุด(ราคาปก 1,200 บาท) และจะไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป แต่จะเปิดตัวและวางจำหน่ายหน้างาน คอนเสิร์ต “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” ของเศรษฐา ศิระฉายา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2555 เวลา 20.00 น. ณ แพลนนารี่ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
*****************************************
แกะกล่อง
ค่าย “ปริณาม มิวสิค” ออก 2 ซิงเกิ้ลใหม่ คือเพลง “ใจ” จากวง “Three Saturday” 4 หนุ่มอินดี้ ร็อก และ “กล่อมคลื่น” จากวง “Happy January” วงดนตรีสไตล์โซล ป็อบ
ใจ เป็นเพลงฟังสบาย ดนตรีสนุกสนาน มีทั้งพาร์ทของอารมณ์ป็อบแดนซ์ในตอนต้น ก่อนเปลี่ยนฟีลส่งเข้าสู่แนว อินดี้ ป็อบร็อก เนื้อหาว่าด้วยการให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาแค่ไหน แต่ก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่เพื่อเจอกับสิ่งที่ดีกว่า
ส่วนกล่อมคลื่น ในแนวโซลติดกลิ่นฟังกี้นิดๆ เนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไปแอบรักหญิงสาว โดยหลังจากได้สื่อความในใจไปแล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า
สำหรับซิงเกิ้ลทั้งสอง ผู้สนใจสามารถติดตามได้ที่ www.facebook.com/ParimamMusic.Fanpage
*****************************************
คอนเสิร์ต
คอนเสิร์ต “Virtuosity & Extreme Trumpet”
วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra หรือ TPO) ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลไทย ในการดูแลของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดคอนเสิร์ต “Virtuosity & Extreme Trumpet” พบโซโลอิสท์รับเชิญ Rex Richardson นักทรัมเป็ตที่ได้รับการยกย่องจาก4barsrest.com ว่าเป็น “ศิลปินผู้มีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยาก ผู้สร้างชื่อในฐานะหนึ่งในนักทรัมเป็ตที่เก่งที่สุดในโลก”
พร้อมกันนี้ทางวงจะมานำเสนออีก 3 บทเพลงเลื่องชื่อ ได้แก่ เพลง Firebird Suite ที่ Igor Stravinsky นักประพันธ์ชาวรัสเซียแต่งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1919 แล้ว วอลท์ ดิสนีย์นำมาใส่ในภาพยนตร์การ์ตูนขวัญใจผู้คนทั่วโลก Fantasia 2000 เพลง Overture จากโอเปร่าเรื่อง “Colas Breugnon” ของ Dmitri Kabalevsky และบทเพลงไทยนำเสนอในรูปแบบออร์เคสตร้า
คอนเสิร์ตนี้จะจัดขึ้น 2 รอบ คือ วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2555 เวลา 19.00 น. และ วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2555 เวลา 16.00 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บัตรราคา 500, 300 และ 100 บาท (สำหรับนักเรียนนักศึกษา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งกรุณาโทร. 0 2800 2525-34 ต่อ 153-154 หรือ www.music.mahidol.ac.th, www.thailandphil.com
แม้ช่วง 20 ปีให้หลัง บทบาทในวงการบันเทิงของ “เศรษฐา ศิระฉายา” จะหนักไปทางด้านการเป็นดาราและพิธีกร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ชายอบอุ่นคนนี้ก็คือ ความเป็น “นักร้อง” ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทดนตรีไทยสากล-ขับร้อง ประจำปี 2554
เศรษฐา ศิระฉายา หรือที่คนรุ่นหลังเรียกขานเขาติดปากว่า “อาต้อย” เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2487 เริ่มเข้าวงการดนตรีตั้งแต่อายุ 16 ในตำแหน่งคนขนเครื่องดนตรีไปทัวร์ตามจังหวัดต่างๆ โดยการชักนำของน้าชาย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ ที่หอบหิ้วไปตระเวนกันไปทั่วประเทศ
ความเป็นคนสนใจดนตรี เศรษฐาจึงหัดเล่นดนตรีด้วยวิธีการครูพักลักจำ ก่อนจะจับไมค์ขึ้นเวทีครั้งแรกด้วยการขอขึ้นไปร้องเพลงบนเวทีประกวดที่วัดบางไส้ไก่ จากนั้นเส้นทางดนตรีของอาต้อยก็เดินหน้าไปด้วยดี ก่อนจะมาถึงจุดพลิกผันสำคัญ เมื่อเขากับเพื่อนๆรวมทั้งหมด 5 คน ในนามวง “ดิ อิมพอสสิเบิ้ลส์”(The Impossibles) ที่เริ่มเป็นที่รู้จักจากการแสดงในบาร์แถวถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ได้เข้าร่วมประกวดวงสตริงคอมโบชิงถ้วยพระราชทานที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2512 โดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์
และด้วยฝีมือความสามารถอันโดดเด่นเป็นเอกอุผสมความแปลกใหม่ ทำให้วงดิอิมคว้าแชมป์ 3 สมัยติด(2512,13 และ 15 ส่วนปี 14 งดการประกวด)
จากนั้นวงดิอิมได้เดินหน้าขับเคลื่อนนำพาดนตรีประเภทสตริงคอมโบให้โด่งดังเป็นพลุแตก กวาดมาทั้ง ชื่อเสียง เงิน กล่อง และความสำเร็จต่างๆอีกมากมายอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่เหล่าสมาชิกวงจะถึงจุดอิ่มตัว ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนในปี พ.ศ. 2519
เศรษฐาในฐานะนักร้องนำหลังแยกย้ายจากดิอิม ได้ออกไปเป็นศิลปินเดี่ยว มีอัลบั้มเป็นของตัวเองอยู่ระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะเบนเข็มไปจับงานด้านการแสดงและพิธีกรอย่างจริงจัง แต่กระนั้นเศรษฐาก็ยังไม่ทิ้งงานร้องเพลงที่เขารัก และยังคงร้องเพลงมาถึงทุกวันนี้ แม้ว่าอายุอานามจะปาเข้าไปเกือบ 70 ปีแล้ว
สำหรับความสำเร็จในเส้นทางดนตรีของอาต้อยนั้น เจ้าตัวบอกว่าส่วนสำคัญมาจากปลายปากกาของเหล่าบรมครูเพลงที่ได้กลั่นอารมณ์ความรู้สึก ถ่ายทอดออกมาเป็นบทเพลงต่างๆอันไพเราะ คงความอมตะมาจนทุกวันนี้
นั่นจึงเป็นแรงบันดาลใจให้เศรษฐาได้เดินหน้าเข้าห้องอัดอีกครั้ง เพื่อนำบทเพลงอมตะของบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติทั้ง 4 คือ พยงค์ มุกดา,สง่า อารัมภีร,สุรพล โทณะวณิก และ ชาลี อินทรวิจิตร มาขับร้องใหม่ในชื่ออัลบั้ม “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ”
จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ เป็นการคัด 40 บทเพลงเด่น ของครูเพลงทั้ง 4 คนละ 10 เพลง มานำเสนอเป็นแพ็คเกจพิเศษที่รวมเพลงไว้ 4 ชุดด้วยกัน(4 ซีดี) โดยมี 4 ยอดโปรดิวเซอร์แห่งยุคมาร่วมดูแลการผลิตในแต่ละชุดแยกย่อยออกไป
สำหรับชุดแรกเป็นผลงานรวมเพลงของครู“สง่า อารัมภีร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(เพลงไทยสากล) ปี 2531 โปรดิวซ์โดย “ต๋อย : วิชัย ปุญญะยันต์” มี 10 บทเพลงอมตะได้แก่ 1.หนึ่งในร้อย 2.ยอดเยาวมาลย์ 3.สุดที่รัก 4.ลำนำรัก 5.เจ้าพระยา 6.วนาสวาท 7.แค่คืบ 8.ผมน้อยใจ 9.ทาสเทวี และ10.หนี้รัก
ผลงานชุดนี้โทนโดยรวมเป็นงานเพลงหวานละเมียด ฟังเพลิน มีการนำเครื่องเป่าและเครื่องสายมาช่วยเติมเสริมแต่งสร้างสีสัน บางเพลงมีกลิ่นอายของเพลงลูกกรุงผสม บางเพลงมีกลิ่นของดนตรีป็อบยุคดิอิมผสมพิงค์แพนเตอร์ ฟังแล้วชวนให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆได้ดีทีเดียว
โดยบทเพลงดังของดิอิมอย่าง “ยอดเยาวมาลย์”นั้นนำมาทำใหม่ในฟีลของจังหวะที่แตกต่างไป ฟังให้อารมณ์แนวไปจากต้นฉบับของดิอิมอยู่พอสมควร ส่วน “สุดที่รัก”ดนตรีมีสีสันกับจังหวะกระชับ มีเสียงแซกโซโฟนหวานๆมาช่วยสร้างสีสัน
“แค่คืบ” ดนตรีหวานสอดรับกับเสียงนุ่มๆมีเสน่ห์ของอาต้อยที่ร้องถ่ายทอดมาได้เป็นอย่างดีไม่มีแกว่ง ขณะที่“หนี้รัก” มาหวานแบบแกรนด์ เพราะมีไลน์หนาแน่นของเค่รื่องสายเล่นแบ็คอัพ
ชุดที่สองเป็นผลงานรวมเพลงของครู“พยงค์ มุกดา” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ประพันธ์เพลงไทยสากล-ลูกทุ่ง) ปี 2534 โดยมี “อั๋น : ปธัย วิจิตรเวชการ” มาเป็นโปรดิวเซอร์ มี 10 บทเพลงอมตะคือ 1.เป็นไปไม่ได้ 2.แรมพิศวาส 3.คิดถึงเธออยู่ทุกลมหายใจ 4.คนจะรักกัน 5.ชั่วนิจนิรันดร์ 6. สกุณา 7.คอยน้อง 8.นกขมิ้น 9.คีรีบูนบิน และ 10.ฉันเป็นของเธอ
ชุดนี้เป็นป็อบแจ๊ซหวานๆ ภาคดนตรีอัดแน่นไปด้วยทีมเครื่องสายและเครื่องเป่า เพลง “เป็นไปไม่ได้”ขึ้นนำมาด้วยเสียเปียโนอันหวานพลิ้ว ก่อนส่งเข้าซุ่มเสียงคุ้นเคยในแบบดิอิมกับเสียงร้องของอาต้อยที่ยังดีไม่มีตกฟังไม่ต่างจากเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว
“ชั่วนิจนิรันดร”หวานละมุน มีกลิ่นใหม่กับกีตาร์มาเล่นไลน์แจ๊ซ ส่วน“สกุณา” เป็นบอสซ่าฟังเพลิน พร้อมเปิดพื้นที่ให้แซกโซโฟนโซโลอย่างรื่นไหล “คอยน้อง” มาในทางบลูส์ มีเครื่องเป่าแน่นๆมาเป็นกำลังหลัก ฟังแล้วฉีกอารมณ์หวานเนิบ จากต้นฉบับของเพื่อนเก่า “วินัย พันธุรักษ์” ได้ดีทีเดียว
ส่วน“ฉันเป็นของเธอ” มาแนวอะคูสติกแจ๊ซได้ “ชีพชนก ศรียามาตย์”มาเล่นกีตาร์ ได้ “โก้ แซ็กแมน : เศกพล อุ่นสำราญ” มาอิมโพรไวซ์โซโลแซกโซโฟนอย่างละเมียดหวานพลิ้ว
ชุดสามเป็นงานรวมเพลงของ ครู“สุรพล โทณะวณิก” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การประพันธุ์เพลงไทยสากล) ปี 2540 โปรดิวซ์โดย “โอม : ชาตรี คงสุวรรณ” มี 10 บทเพลงอมตะ ได้แก่ 1.ไปตามดวง 2.หัวใจเหิร 3.จูบฟ้าลาดิน 4.หนาวเนื้อ 5.ค่าของคน 6.พิษรัก 7.โอ้รัก 8.ความรักครั้งสุดท้าย 9.รอ และ 10.ใครหนอ
ชุดนี้เป็นชุดที่มีบทเพลงของดิอิมมากที่สุด โทนโดยรวมในแนวป็อบร็อก มีเสียงกีตาร์ฝีมือพี่โอมเล่นนำ ซาวนด์บางเพลงติดกลิ่นแกรมมี่มาพอหอมปากหอมคอ
เริ่มด้วย “ไปตามดวง”เป็นแจ๊ซร็อกสนุกๆ ที่ยังคงกลิ่นของดิอิมไว้พอสมควร มีเครื่องเป่าเล่นสอดรับกับเสียงกีตาร์มันๆ “หนาวเนื้อ” เพลงนี้ฉีกแนวดิอิมไปเล่นร็อกโจ๊ะๆสนุก กีตาร์โซโลกับเปียโน “ค่าของคน” กีตาร์ขึ้นต้นอินโทร.มาอย่างกับเพลงของแกรมมี่ ก่อนจะมาสลัดทิ้งในช่วงเข้าเพลงกับสไตล์การร้องที่ไพเราะเป็นธรรมชาติ
ส่วน“ใครหนอ”มาแนวมากๆ เป็นสวิง เน้นในซุ่มเสียงแบบอะคูสติก มีเสียงคอรัสหวานๆ มีลูกตบกีตาร์ และลูกเล่นขัดตอดของกีตาร์อีกไลน์ ท่อนโซโลคีย์บอร์ดใส่ไลน์แจ๊ซพลิ้วลื่นไหลมาเติมเป็นอีกหนึ่งสีสัน
ชุดที่สี่ชุดสุดท้าย เป็นผลงานรวมเพลงของครู“ชาลี อินทรวิจิตร” ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้ประพันธ์-ผู้กำกับภาพยนตร์) ได้ “ตุ่น : พนเทพ สุวรรณะบุณย์” มาทำหน้าที่โปรดิวเซอร์ มี 10 บทเพลงอมตะ ได้แก่ 1.หยาดเพชร 2.ว้าเหว่ 3.รักอย่ารู้คลาย 4.ทะเลไม่เคยหลับ 5.ครวญ 6.อาลัยรัก 7.ป่านฉะนี้ 8.ยามชัง 9.เหมือนไม่เคย และ 10.ทางสายใหม่
ชุดนี้เป็นงานป็อบหรูๆ ดนตรีมีหลากหลายสไตล์ ผสมซาวนด์แปลกๆ เปิดตัวกันด้วย “หยาดเพชร” ขึ้นต้นด้วยเสียงเปียโนนำมาอย่างหวานซึ้ง ก่อนตามมาด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์ของอาต้อย ถือเป็นหยาดเพชรในเวอร์ชั่นละเมียด น่าฟัง
“ทะเลไม่เคยหลับ” ดนตรีหรู ซับซ้อนกว่าต้นฉบับของดิอิม แต่ฟังยังไงๆของเดิมก็ยังคลาสสิคกินขาดกว่า “ครวญ” มาในบีทสนุกๆมีเสียงแฮมมอนด์ ออร์แกน ที่เป็นซาวนด์อันโดดเด่นในชุดนี้ มาช่วยสร้างสีสัน ท่อนกลางเปิดพื้นที่ให้แจมกันระหว่าง ฮาร์โมนิก้า กีตาร์ และแฮมมอนด์
และนั่นก็คือ 40 บทเพลงอมตะ จากบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติ ที่นำมาขับร้องใหม่โดยยอดนักร้องศิลปินแห่งชาติ ซึ่งท่วงทำนองแต่ละเพลงล้วนต่างไพเราะ อุดมไปด้วยภาษาสวยงาม ยากยิ่งที่จะหาได้ในบทเพลงสมัยนิยมของยุคนี้ ที่สำคัญคือการร้องถ่ายทอดบทเพลงเหล่านี้ออกมา ถ้านักร้องตีความอารมณ์เพลงไม่ถึง บทเพลงที่ออกมาจะด้อยคุณค่าลงไปมากโข แต่นั่นดูจะไม่ใช่ปัญหาของอาต้อย เพราะเขาคุ้นเคยกับบทเพลงเหล่านี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกับบทเพลงของดิอิมที่เขาเคยร้องไว้เป็นมาสเตอร์พีช
โดยในภาคเสียงร้องของอาต้อยนั้น ไม่น่าเชื่อว่าคนอายุเกือบ 70 ยังร้องเพลงได้เสียงดีไม่มีตก ไม่มีแกว่ง อีกทั้งยังเป็นไปตามธรรมชาติ ฟังรื่นหู มีการเลือกคีย์ที่เหมาะเจาะกับน้ำเสียง ไม่ต้องบีบเค้น ดันขึ้นสูง อีกทั้งยังร้องเพลงได้อย่างชัดเจน ถูกอักขระ เป็นธรรมชาติของตัวเอง ไม่ดัด(จริต)ร้องเพลงไทยให้เป็นสำเนียงฝรั่ง ไม่ใส่ลูกเอื้อนลากยาวยานเฟือยเกินไป เหมือนอย่างการร้องเพลงแบบพิมพ์นิยมของนักร้องส่วนใหญ่ในยุคนี้ โดยเฉพาะพวกนักร้องประกวดผลโหวตทั้งหลาย ที่ฟังแล้วเหมือนออกมาจากบล็อกเดียวกัน สำนักเดียวกัน
ขณะที่ในส่วนภาคดนตรีนั้น ชุดนี้ทำดนตรีได้ค่อนเนี้ยบ ละเมียดละไม ใส่ใจในรายละเอียด มีการผสมผสานกันระหว่างอารมณ์เพลงแบบเก่ากับซาวนด์ร่วมสมัยที่ฟังแล้วไม่ทำให้ต้นฉบับของเก่าด้อยค่าลงไปและก็ไม่เชย
เดิมอัลบั้มชุดนี้ อาต้อยตั้งใจที่จะทำเพื่อยกย่องบรมครูเพลงศิลปินแห่งชาติทั้ง 4 เป็นสำคัญ โดยเจ้าตัว ได้เข้าห้องอัด บันทึกเสียง มาตั้งแต่ก่อนที่จะได้รับเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ แต่เมื่อเขาได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ อัลบั้มชุด “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” จึงกลายเป็นผลงานเพลงที่ศิลปินแห่งชาติทำขึ้นเพื่อคารวะแด่ศิลปินแห่งชาติไปโดยปริยาย
จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ เป็นผลงานเพลงที่อาต้อยเปิดเผยว่า นี่ถือเป็นอัลบั้มแรกในชีวิตที่เขาลงมือทำเองทุกขั้นตอน ทั้งทำดนตรีใหม่ ลงเสียงร้องใหม่ ติดต่อขอลิขสิทธิ์เพลง เลือกโปรดิวเซอร์ และดูแลการผลิตในทุกขั้นตอน เพราะนี่น่าจะเป็นอัลบั้มสุดท้าย ท้ายสุดในชีวิต ของการเป็นนักร้อง นักดนตรี โดยเขาบอกว่า
“ชีวิตนี้คงมีแรงทำได้เพียงเท่านี้แล้วล่ะ ก่อนที่จะไม่มีแรงร้องอีก”
*****************************************
อัลบั้ม “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” ทางผู้จัดทำเปิดเผยว่า มีจำนวนจำกัดเพียง 2,000 ชุด(ราคาปก 1,200 บาท) และจะไม่มีวางจำหน่ายทั่วไป แต่จะเปิดตัวและวางจำหน่ายหน้างาน คอนเสิร์ต “จากวันนั้น...ถึงวันนี้ เพราะมีคุณ” ของเศรษฐา ศิระฉายา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2555 เวลา 20.00 น. ณ แพลนนารี่ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
*****************************************
แกะกล่อง
ค่าย “ปริณาม มิวสิค” ออก 2 ซิงเกิ้ลใหม่ คือเพลง “ใจ” จากวง “Three Saturday” 4 หนุ่มอินดี้ ร็อก และ “กล่อมคลื่น” จากวง “Happy January” วงดนตรีสไตล์โซล ป็อบ
ใจ เป็นเพลงฟังสบาย ดนตรีสนุกสนาน มีทั้งพาร์ทของอารมณ์ป็อบแดนซ์ในตอนต้น ก่อนเปลี่ยนฟีลส่งเข้าสู่แนว อินดี้ ป็อบร็อก เนื้อหาว่าด้วยการให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาแค่ไหน แต่ก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่เพื่อเจอกับสิ่งที่ดีกว่า
ส่วนกล่อมคลื่น ในแนวโซลติดกลิ่นฟังกี้นิดๆ เนื้อหาเกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่ไปแอบรักหญิงสาว โดยหลังจากได้สื่อความในใจไปแล้วก็ไม่รู้ว่าเธอจะคิดเหมือนกันหรือเปล่า
สำหรับซิงเกิ้ลทั้งสอง ผู้สนใจสามารถติดตามได้ที่ www.facebook.com/ParimamMusic.Fanpage
*****************************************
คอนเสิร์ต
คอนเสิร์ต “Virtuosity & Extreme Trumpet”
วงดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย (Thailand Philharmonic Orchestra หรือ TPO) ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลไทย ในการดูแลของวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดคอนเสิร์ต “Virtuosity & Extreme Trumpet” พบโซโลอิสท์รับเชิญ Rex Richardson นักทรัมเป็ตที่ได้รับการยกย่องจาก4barsrest.com ว่าเป็น “ศิลปินผู้มีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยาก ผู้สร้างชื่อในฐานะหนึ่งในนักทรัมเป็ตที่เก่งที่สุดในโลก”
พร้อมกันนี้ทางวงจะมานำเสนออีก 3 บทเพลงเลื่องชื่อ ได้แก่ เพลง Firebird Suite ที่ Igor Stravinsky นักประพันธ์ชาวรัสเซียแต่งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1919 แล้ว วอลท์ ดิสนีย์นำมาใส่ในภาพยนตร์การ์ตูนขวัญใจผู้คนทั่วโลก Fantasia 2000 เพลง Overture จากโอเปร่าเรื่อง “Colas Breugnon” ของ Dmitri Kabalevsky และบทเพลงไทยนำเสนอในรูปแบบออร์เคสตร้า
คอนเสิร์ตนี้จะจัดขึ้น 2 รอบ คือ วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2555 เวลา 19.00 น. และ วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม 2555 เวลา 16.00 น. ณ หอแสดงดนตรี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา บัตรราคา 500, 300 และ 100 บาท (สำหรับนักเรียนนักศึกษา) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่งกรุณาโทร. 0 2800 2525-34 ต่อ 153-154 หรือ www.music.mahidol.ac.th, www.thailandphil.com