“ธงชัย” ไม่ตาม “ปัญญา” แยกตัวทำละครเอง

ข่าวเกาเหลาเกิดขึ้นทันที เมื่อ “เสี่ยตา - ปัญญา นิรันดร์กุล” ตัดสินใจเอารายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ไปช่อง 3 และ “คนอวดผี” ไปช่อง 5 ท่ามกลางสถานการณ์นี้ ธงชัย ประสงค์สันติ ในนามของค่ายละคร “พอดีคำ” ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ “คำพอดี” ในเครือเวิร์คพอยท์ตัดสินใจอยู่ต่อเพื่อทำงานกับช่อง 7 สี ภายในเดือนนี้ ธงชัย รับปากจะชี้แจงต่อหน้าสื่อถึงเรื่อง “เกาเหลาชามโต” แต่ ณ วันนี้บอกได้แค่ “ผมกับปัญญา ไม่ได้มีปัญหา อะไรกันเลย” - - “เหรอ !!

ความแรก - เมื่อเวิร์คพอยท์ตัดสินใจทำละครป้อนให้แก่ช่อง 7 สี เสี่ยตาได้หารือกับธงชัย และชักชวนกันมาเป็นหุ้นส่วนและเปิดบริษัทร่วมกันในนาม “คำพอดี” และต่อมาธงชัย ประสงค์สันติได้ใช้เงินส่วนตัวเปิดบริษัทลูกของคำพอดี ชื่อ “พอดีคำ”

“คำพอดี - พอดีคำ” ชื่อคล้ายกัน อาจสับสน เรียกผิด เรียกถูก เอาเป็นว่า
“คำพอดี” เป็นบริษัทลูกในเครือของเวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ โดยมี เสี่ยตาและธงชัยถือหุ้นร่วมกัน ชื่อนี้ตั้งใจผลิตละครหลังข่าวให้แก่ช่อง 7 สี

“พอดีคำ” เป็นบริษัทลูกของ “คำพอดี” มีธงชัย - มณีรัตน์ ประสงค์สันติเป็นเจ้าของ แต่เดิม “คำพอดี” เกิดมาเพื่อผลิตละครประเภทขายขำ ตลกสถานการณ์หรือ ซิตคอม จากละครช่วงเย็นถูกช่อง 7 ขยับให้ทำละครหลังข่าว เช่น ศิลามณี, ดอกแก้ว, มนต์รักแม่น้ำมูล,เส้นตายสลายโสด เป็นต้น สายสัมพันธ์ระหว่างช่อง 7 สีกับพอดีคำถือว่าได้รับความไว้วางใจมาก ถึงขนาด สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เคยเอ่ยปากว่า

“ในจำนวนเงินเท่ากัน แต่พอดีคำทำได้ดีและดีกว่า”

แต่ในระยะหลัง ละครทุกเรื่องทำในนามของ “พอดีคำ” แทบทั้งสิ้น ดังนั้น ผลประโยชน์และชื่อเสียงจึงพุ่งเข้าหาธงชัย ประสงค์สันติแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น และบริษัท “คำพอดี” ไม่ปรากฏในการทำละครเลยจนคิดกันไปว่า อยู่ที่ธงชัยหรือมณีรัตน์จะเลือกใช้ชื่อใดในการผลิตละคร ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะคำพอดีแยกทำงานจากบริษัทแม่มาตั้งแต่ปี 2553 และละครของ “พอดีคำ” เข้าตากรรมการช่อง 7 สีมากกว่า

หลักใหญ่ใจความของความขัดแย้ง นี่คือประเด็นหนึ่ง

ความที่สอง - เมื่อ “เสี่ยตา” ไปช่อง 3 ก็หวังจะเอาบริษัทผู้ผลิตละครไปด้วย ทว่าในชั้นแรกธงชัย ประสงค์สันติยืนยันที่จะทำละครให้แก่ช่อง 7 สีไม่อพยพตัวเองไปใต้ร่มไม้ของช่อง 3
และการที่ธงชัย ประสงค์สันติไม่ยอมตามเสี่ยตาไปทำละครให้แก่ช่อง 3 ทำให้เกิดข่าวลือสะพัดว่า ทั้งคู่แตกคอ ความเห็นไม่ลงรอยกัน ลือกันหนักถึงขนาดธงชัยแยก “พอดีคำ” ออกจากบริษัทเวิร์คพอยท์ฯเพื่อไปบริหารเอง

ถ้าเป็นจริงตามนี้ นั่นแปลว่า ทิศทางการทำงานของธงชัยและปัญญากำลังสวนทางกัน นั่งเรือคนละลำ ต่างคนต่างพายกันไปคนละทาง !?

และถ้าเรื่องทั้งหมดกำลังอยู่ในสถานการณ์นี้ หมายความว่า เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ใหม่ของ”เสี่ยตา” กับบ้านหลังเดิมช่อง 7 สีของธงชัย ประสงค์สันติ ต้องมีการเคลียร์กัน

ละครของธงชัยนั้นเรียกว่าเกิดกับช่อง 7 ธงชัยได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะผู้กำกับละครในอันดับต้นๆของช่อง 7 โปรเจกต์ละครที่ธงชัยเสนอให้แก่ช่อง 7 สีทุกเรื่องผ่านหมด และยังมีละครที่ได้รับการอนุมัติตั้งแต่สมัยสุรางค์ เปรมปรีดิ์อีก 2 เรื่องคือ เกิดเป็นหงส์ และขุนเดชซึ่งจะเป็นละครฟอร์มใหญ่
ธงชัย ประสงค์สันติ พูดผ่าน “คมชัดลึก” ว่า

“ส่วนตัวผมยืนยันว่าผมกับคุณปัญญา (ปัญญา นิรันดร์กุล) เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันเลย จริงๆ ผมก็ยังทำงานป้อนให้แก่ทางเวิร์คพอยท์ฯเหมือนเดิม มีงานละครที่ทำ อย่างที่บอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ (ข่าวออกมาว่าแยกออฟฟิศมาแล้ว) เอาเป็นว่ามันไม่มีอะไร ทุกอย่างน่าจะคลี่คลายหลังปีใหม่ ผมอยากพูดช่วงหลังปีใหม่ คือจะบอกว่ามีหลายคนมาถามผม แต่ผมอยากให้คำตอบหลังปีใหม่”
ถ้าเรื่องละครของธงชัยยังเหมือนเดิมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ชื่อของ “พอดีคำ” ยังต้องติดกับช่อง 7 สี ส่วนคำพอดี ก็สุดแล้วแต่ว่ากันไป …

ทุกเรื่องราวกำลังรอคำตอบจากธงชัย หลังปีใหม่ และถ้าปัญญา นิรันดร์กุล ต้องการทำละครให้แก่ช่อง 3 ด้วย ก็หมายความว่า คงจะมีการว่าจ้างผู้กำกับฯ หรือเรียกธงชัยมารับงานเฉพาะกิจเพื่อผลิตละครให้แก่ช่อง 3 ก็เป็นได้ และถ้าชื่อของค่ายละคร “คำพอดี - พอดีคำ” ที่เกยกันอยู่ เวิร์คพอยท์ก็ยังมี “บริษัทกำกับการดี” ซึ่งสามารถทำงานละครได้เหมือนกัน

เรื่องของธุรกิจอาจต้องเดินไปตามกลไก แต่สำหรับธงชัยนั้นคืออดีตลูกรักของปัญญาที่วางมือไว้ให้ในการบริหารงานแทนหลายๆอย่าง แต่ด้วยภาระหน้าที่ของเวิร์คพอยท์ฯที่มีบริษัทในเครือหลายส่วน ในแง่ธุรกิจเสี่ยตาและธงชัยอาจต้องเจรจากันใหม่ในรอบตัดสินว่า ตกลงจะเอาอย่างไรกันแน่ แยกหรือไม่อาจไม่ใช่ประเด็นเพราะธงชัยแยกตัวออกมาระยะหนึ่งแล้ว หากแต่การเปลี่ยนที่เวิร์คพอยท์ฯต้องเดินจากช่อง 7 ครั้งนี้ มีผลต่อพอดีคำอย่างเต็มตัว จึงเป็นคำถามว่าธงชัยที่ถนัดทำละครป้อนช่อง 7 เป็นเบอร์ต้นๆ พร้อมหรือไม่กับการเปลี่ยนแปลงตามเวิร์คพอยท์ฯ

จุดยืนและจุดแข็งของธงชัยและเก๋ มณีรัตน์ ประสงค์สันติ สามีภรรยาที่สร้างละครชาวบ้านไทยๆให้แก่ช่อง 7 สี มาตั้งแต่แรก และในระยะหลังพิสูจน์ได้ว่า เขายังถนัดงานในแนวอื่นๆ ทั้งชวนหัวและซีเรียส ความสามารถนี้ได้เสียงตอบรับเสียด้วย

คำถามมีอยู่ว่า
การแยกตัว “พอดีคำ” ออกจากบริษัทแม่อย่าง “คำพอดี” โดยเด็ดขาดจะเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งคู่กรณีโดยตรงคือ ธงชัยกับปัญญาต้องคุยกัน

ความสามารถที่มีอย่างเพียบพร้อมของธงชัย จะเข้าตากรรมการชุดใหม่ของช่อง 7 สีหรือไม่อย่างไร แต่ที่ผ่านมาถือว่า เข้าตาสุรางค์ เปรมปรีดิ์มากที่สุดอีกค่ายหนึ่ง เสนอละครเรื่องใด ไม่ต้องคิดมากเซ็นอนุมัติให้ทันที เพราะธงชัยใช้เวลาไม่มากในการไต่จากละครเย็นสู่ละครหลังข่าว แม้กระทั่งละครฟอร์มใหญ่อย่าง “ขุนเดช” ก็ได้รับการอนุมัติมาแล้ว เมื่อความสัมพันธ์ของปัญญาและช่อง 7 เปลี่ยนไป ธงชัย ประสงค์สันติจะเจอผลกระทบหรือไม่ และจะมีผล

ให้ธงชัยต้องเปลี่ยนตามปัญญาหรือไม่ การผลัดแผ่นดินของช่อง 7 สีในครั้งนี้ ยังไม่มีอะไรแน่ชัด เรื่องนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแต่ตัวของธงชัยเท่านั้น หากแต่ทุกค่ายก็น่าจะรู้สึกถึงความไม่แน่นอน ตราบใดที่ “ตัวจริง” ยังไม่ได้ออกมาขานรับอย่างเป็นทางการ

อยู่ช่อง 7 สีก็อาจจะทุกข์ในความไม่แน่นอน เหน็ดเหนื่อยกับละครที่ถ่ายไป เขียนบทไป ออกอากาศไป แต่ไปช่อง 3 ก็ต้องไปต่อสู่กับบรรยากาศที่ผู้จัดล้นช่อง งานไม่เข้าตาก็ไม่พูดไม่บ่น แล้วก็ดองเอาไว้ในขวดโหลเก๋ๆ ธงชัยจะเลือก อย่างไหน

แม้ว่าธงชัยจะออกมาปฏิเสธถึงการบาดหมางกับเสี่ยตาในครั้งนี้ แต่ดูเหมือนว่าในลักษณะของการทำงาน ณ วันนี้ ”พอดีคำ” ได้แยกตัวออกจากเวิร์คพอยท์มาสักระยะหนึ่งแล้ว นั่นแปลว่าธงชัย ทำงานได้โดยอิสระแต่ด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนข่าวที่ลือกันในเรื่อง “ความขัดแย้ง - เห็นต่าง” เป็นเรื่องที่ธงชัยกับปัญญาต้องคุยกันให้ได้ข้อสรุปสวยๆ เพื่อมาบอกเล่าให้ฟังภายในเดือนนี้ แล้วจะรู้ว่า ปัญญากับธงชัยจะกอดกันแบบหลวมๆหรือชิดเชื้ออย่างวันก่อน !!
................................................

ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 118 วันที่ 7-13 มกราคม 2555