xs
xsm
sm
md
lg

“ประวิทย์” เขี่ยเวลาเน่าให้เวิร์คพอยท์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัญญา นิรันดร์กุลจากช่อง 7สีไปช่อง 3
หลัง“เสี่ยตา” ปัญญา นิรันดร์กุลลากกระเป๋าออกจากช่อง 7 สีสายตรงถึงประวิทย์ มาลีนนท์ ขอนำเอารายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ไปแปะไว้ที่ช่อง 3 ประวิทย์รับปากทันที โดยเสี่ยตาไม่มีสิทธิ์เลือก ว่าแล้วประวิทย์ก็เขี่ยเวลาสุดเน่า … วันอาทิตย์ เวลา 15.00 - 17.00 น. ของประชา มาลีนนท์ให้ !! เพราะ “ชิงร้อยชิงล้าน ซันไซน์เดย์” นี่แหละ ที่ทำให้ผังรายการเดือนมกราคมของช่อง 3 ไม่คลอดตามเวลาที่วางไว้ เนื่องจาก “อัมพร มาลีนนท์” ไม่เซ็นอนุมัติจนกว่าพี่ - น้องจะตกลงกันได้ !!

เป็นหนึ่งในข่าวช็อกวงการโทรทัศน์ในช่วงส่งท้ายปลายปี 2554 เมื่อเกมโชว์สุดฮิต “ชิงร้อยชิงล้าน” รายการทำเงินอันดับหนึ่งของเสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล ถูกเด้งฟ้าผ่าให้หลุดผังช่องเจ็ดปีนี้ไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ไล่เลี่ยกับข่าวการเข้าไปซบอกวิกพระรามสี่ของตระกูลมาลีนนท์ แต่เวลาออกอากาศกลับเป็นช่วง 15.00 - 17.00 น. วันอาทิตย์ ไม่ใช่ช่วงไพรม์ไทม์เหมือนที่เคยเป็นมาโดยตลอด

เกิดอะไรขึ้นกับรายการมหานิยมของเวิร์คพอยท์ที่เสี่ยตาย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นรายการที่เรตติ้งพุ่งกระฉูดมาโดยตลอด แม้แต่ในปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมาซึ่ง “ชิงร้อยชิงล้าน” ผ่านร้อนผ่านหนาวดั้นด้นออกอากาศมาเป็นเวลา 22 ปีแล้ว

ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือนที่เกิดวิกฤตการณ์น้ำท่วมใหญ่ รายการต่างๆ ของเวิร์คพอยท์เรียกว่าแทบจะหยุดการบันทึกเทปไปโดยปริยาย สาเหตุที่สำคัญที่ปัญญาใช้อ้างมาโดยตลอดก็คือการที่อาณาจักรเวิร์คพอยท์ ปทุมธานีถูกมวลน้ำกลืนกินได้รับความเสียหายมหาศาล และนั่นก็ทำให้ผู้ชมได้นั่งชมเทปรายการเก่าๆ จากเวิร์คพอยท์ที่นำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีกติดต่อกัน

ในช่วงที่เกิดอุทกภัยนั้น มีหลายรายการที่นำเทปเก่าๆ มาออกอากาศซ้ำก็จริง แต่ไม่มีรายการของบริษัทไหนที่ตั้งหน้าตั้งตา “ขายของเก่า” เหมือนเวิร์คพอยท์ จริงอยู่ที่สตูดิโอใหญ่ถูกน้ำท่วมสูง แต่เรื่องนี้เจ้าพ่อวงการโทรทัศน์อย่างเสี่ยตามีหรือจะแก้ปัญหาไม่ได้ ในเมื่อรายการอื่นๆ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเดินหน้าบันทึกเทปต่อนอกสตูดิโอ หลายรายการไปบันทึกเทปรายการถึงศูนย์พักพิงของผู้ประสบภัยน้ำท่วมเลยด้วยซ้ำ

แต่รายการของเวิร์คพอยท์ก็ยังคงนำเทปเก่ามาฉายซ้ำอยู่ เท่านั้นยังไม่พอ แว่วมาว่าเทปเก่าที่นำมาเร่ฉายซ้ำเหล่านั้นยังเก็บเงินค่าโฆษณาเต็มราคาอีกต่างหาก งานนี้เสี่ยตานั่งๆ นอนๆ ก็รับเงินมหาศาลจากแผ่นป้ายที่ยังได้อานิสงส์โผล่ออกมาในเทปเก่าเหล่านั้น

เรื่องนี้มองแค่ผ่านเลยก็อาจจะทำได้ แต่ผู้บริหารของช่อง 7 เห็นตรงกันว่ารายการที่เสี่ยตาคุยนักคุยหนาว่าเรตติ้งกระฉูด ท้ายที่สุดแล้วก็มีปัญหาเรื่องคุณภาพอย่างรุนแรง และนั่นก็เป็นที่มาของการเด้งชิงร้อยชิงล้านและรายการต่างๆ ในเครือเวิร์คพอยท์พ้นจากช่อง 7

ศรัณย์ วิรุตมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการคนใหม่ของช่อง 7 ถึงกับเปิดใจว่าทางผู้บริหารได้จับตาดูคุณภาพที่ด้อยลงของรายการในช่องอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะส่งจดหมายเตือนไป แต่หลังจากเตือนแล้วเตือนอีกก็ยังไม่มีการปรับปรุง ทางช่องก็จำเป็นที่จะต้อง “เขี่ยทิ้ง”

หมายถึงรายการใดคงไม่ต้องเดา แม้ศรัณย์จะพูดรักษาน้ำใจว่าบางรายการไม่ได้ด้อยคุณภาพ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปคนดูอาจจะเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นหนัง ละคร หรืออะไรที่มีมายาวนานก็ควรมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง เหมือนจะสื่อกลายๆ ว่าที่จำต้องเขี่ยทิ้งก็เพราะผู้ผลิตเอาแต่จะขายแกงหม้อเดิมให้กินอยู่ร่ำไป

ได้ยินดังนี้ เสี่ยตาอาจมีสะอึก

การย้ายไปสังกัดช่อง 3 ยิ่งเป็นเรื่องซ้ำเติมความตกต่ำของรายการชิงร้อยชิงล้านมากยิ่งขึ้น เพราะช่วงเวลาที่เกมโชว์สุดฮิตของเวิร์คพอยท์จะได้แพร่ภาพคือ 13.00 -15.00 น. ของวันอาทิตย์
เป็นช่วงเวลาที่คนในแวดวงโทรทัศน์รู้จักดีในชื่อ “เวลาเน่า...เน่า”!!

เวลาเน่าคือช่วงเวลาที่ยากจะเรียกเรตติ้งจากผู้ชม เพราะช่วงเวลาดังกล่าวผู้บริโภคมักจะไม่ได้อยู่หน้าทีวี เวลาที่ถือว่าเน่าสุดๆ ได้แก่ช่วงบ่ายของวันเสาร์และวันอาทิตย์ เนื่องจากเป็นวันหยุดอันมีค่าของคนทำงาน การนั่งจ่อมจมอยู่หน้าโทรทัศน์จึงเป็นตัวเลือกอันดับท้ายๆ ผู้คนส่วนใหญ่มักจะออกไปเดินห้างสรรพสินค้า ไปรับประทานอาหารกับครอบครัว เพื่อนฝูง ไปชมภาพยนตร์ในโรง หรือไปทำกิจกรรมอื่นที่ไม่ใช่การนั่งเหงาๆ อยู่หน้าทีวี

ผลสำรวจหลายสำนักระบุตรงกันว่า ช่วงเวลาดังกล่าวคนไม่ค่อยดูโทรทัศน์ นี่เป็นเรื่องที่ผู้ผลิตและเจ้าของสถานีต่างตระหนักดี ต่อให้เอาดาราหรือพิธีกรระดับแม่เหล็กรายใดมาฉุดก็ยากจะเรียกเรตติ้งได้ เจ้าของสถานีมักจะเอาช่วงเวลาดังกล่าวไปให้แก่โปรโมเตอร์มวยเสียเป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นการหลุดจากช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของช่อง 7 มาอยู่ในช่วงเวลา “เน่าๆ” ของช่อง 3 จึงเป็นความตกต่ำที่เห็นเด่นชัดของชิงร้อยชิงล้าน ซึ่งเรื่องนี้เสี่ยตาเองก็ยอมรับเองกับปากว่า หากเลือกได้เขาก็คงจะไม่ให้ชิงร้อยชิงล้านมาอยู่บ่ายวันอาทิตย์เช่นนี้ แต่เพราะว่าไม่ใช่เจ้าของช่องจึงไม่มีสิทธิเลือก และแม้จะทำเวิร์คพอยท์ทีวีขึ้นมารองรับรายการที่ผลิต แต่ทีวีเคเบิลก็ยากที่จะได้รายรับเพียงเสี้ยวหนึ่งของฟรีทีวี

มีเรื่องเล่าว่าการกลับไปอยู่ช่อง 3 ของชิงร้อยชิงล้าน หลังจากที่เคยพักพิงในช่วงเวลาสั้นๆ มาแล้วเมื่อ 14 ปีก่อน ทำให้เกิดเกมการเมืองขึ้นในช่อง 3 ถือเป็นศึกภายในของตระกูลมาลีนนท์อย่างแท้จริง
เมื่อแรกที่เสี่ยตารู้ตัวว่าชิงร้อยชิงล้านจะหลุดผัง เขาก็ติดต่อ “ประวิทย์ มาลีนนท์” ว่าจะขอพื้นที่พักพิง ซึ่งประวิทย์ก็เจียดพื้นที่จากรายการที่แน่นช่องให้เสี่ยตาเป็น 15.00 - 17.00 น. ของวันเอาทิตย์โดยไม่ได้บอกกล่าวใคร

เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นของน้องชาย “ประชา มาลีนนท์” ที่มอบให้แก่ลูกเขย “แป๊ป ณฤทธิ์ ยุวบูรณ์” ที่เปิดบริษัทมายด์ แอทเวิร์ค ผลิตรายการป้อนช่อง 3 มานานหลายปี แม้จะได้รับเวลาเน่ามาทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่แป๊ปก็ใช้การผลิตภาพยนตร์ในสไตล์ “หนังจอเล็ก” ช่วยทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวคึกคักขึ้นได้ โดยบ่ายสามวันเสาร์เป็นรายการบันทึกกรรม นำเสนอภาพยนตร์จอเล็กในรูปแบบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเวรกรรม ส่วนบ่ายสามวันอาทิตย์ก็ฉายหนังดังสุดสัปดาห์ที่ให้ผู้กำกับชื่อดังเวียนกันมานั่งแท่นกำกับ

ช่วงบ่ายวันเสาร์ แป๊ปก็มีซีรีส์ตัดหางปล่อยวัดที่จะออกอากาศเป็นซีซันที่ 2 ในปีนี้ แต่เมื่อมีรายการชิงร้อยชิงล้านเข้ามาแทรก ช่อง 3 ก็ระส่ำ แว่วมาว่าช่อง 3 ไม่สามารถสรุปผังรายการต่างๆ ได้จนถึงช่วงสุดท้ายใกล้สิ้นปี เพราะศึกคัดง้างกันระหว่าง “ประวิทย์” กับ “ประชา” ที่ไม่มีใครยอมใคร “อัมพร มาลีนนท์” ซึ่งเป็นคนดูแลผังรายการและละครในช่องถึงกับไม่ยอมเซ็นอนุมัติผังจนเวลาล่วงเข้าสู่วันที่ 25 ธันวาคม

สุดท้ายตระกูลมาลีนนท์ก็แก้ปัญหาด้วยการที่แป๊ปยินยอมยุบซีรีส์ตัดหางปล่อยวัดทิ้งไป แล้วเอารายการของเขาที่เคยออกอากาศวันเอาทิตย์ไปออกอากาศวันเสาร์แทน ผังรายการช่อง 3 จึงคลอดได้ในที่สุด

ชิงร้อยชิงล้านของเสี่ยตาที่ระเห็จมาอยู่ช่วงเวลาเน่าๆ ของช่อง 3 จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ชิงร้อยชิงล้าน ซันไชน์เดย์” ให้สมกับที่ได้ออกอากาศช่วงบ่ายวันอาทิตย์

เสี่ยตาบอกว่าข้อดีของการออกอากาศเวลานี้ก็คือจะได้กลุ่มคนดูเป็นคนในครอบครัวมากขึ้น และนั่นก็ทำให้กลุ่มสปอนเซอร์ขยายวงกว้างออกไปอีกด้วย

แต่สิ่งหนึ่งที่เสี่ยตาต้องตระหนักให้ดีก็คือไฮไลต์ของรายการอย่างตลกแก๊งสามช่าไม่ใช่สิ่งที่สามารถแพร่ภาพให้คนในครอบครัวมานั่งชมร่วมกันได้ เพราะตลกแก๊งสามช่านี่เองที่ทำให้รายการนี้ได้เรต น. 13 + ซึ่งหมายถึงผู้ชมอายุต่ำกว่า 13 ปีควรอยู่ในการแนะนำของผู้ปกครอง

ฉากจูบปากกันของนักแสดงตลกชาย การถีบก้น กระทืบ เตะผู้หญิง ฯลฯ ล้วนเป็นสิ่งที่มีให้เห็นถี่บ่อยในรายการ และหากยังไม่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้ชิงร้อยชิงล้านไม่ใช่ความบันเทิงของคนในครอบครัวอย่างที่เสี่ยตามุ่งหวัง

และหากเป็นเช่นนั้นจริง ชิงร้อยชิงล้านก็จะกลายเป็นรายการเน่าๆ ตามช่วงเวลาที่ได้ออกอากาศไปอย่างแน่นอน
................................................

ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 118 วันที่ 7-13 มกราคม 2555
รายการชิงร้อยชิงล้าน ซันไซน์เดย์

ประวิทย์ มาลีนนท์ผู้อนุมัติ
บ่ายเสาร์ - อาทิตย์ เวลาของประชา มาลีนนท์
อัมพร มาลีนนท์
กำลังโหลดความคิดเห็น