เนื่องจาก “กานต์” วิภากร ศุขพิมาย อดีตภรรยาของ “เสก โลโซ” เสกสรร ศุขพิมายสวยขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เคยพบ แหล่งข่าวจึงไม่กล้ายืนยันว่า “ใช่ !!” คนเดียวกับเมียรักในสมัยที่วงโลโซยังไม่เกิดในวงการดนตรีหรือไม่ ถ้าใช่ “กานต์” วิภากร ศุขพิมาย ก็เป็นสาวคนบ้านเดียวกับเสก ซึ่งเคยประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตัวเองด้วยการขายส้มตำอยู่ในย่านบริเวณสถานทูตจีนมาก่อน รังรักในยุคนั้นคือ “ดวงพร แมนชั่น” ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน ซึ่งเสกแวะเวียนไปมาอยู่เป็นประจำ ส่วน “ป่าน” ปรางค์ฉัตร พิพัฒน์วีรวัฒน์ ที่ถูก “เสก โลโซ” อ้างถึงนั้น เป็น 1 ในผู้เข้ารอบ 10 คนมิสไทยแลนด์เวิลด์ งานนี้ “ขิงก็รา ข่าก็แรง” สงครามเฟซบุ๊กระหว่าง “เสก-กานต์” ยังดำเนินอยู่เป็นระยะ
ไม่รู้เป็นเพราะใจสั่งมาหรือเปล่าที่ทำให้ “เสกสรร ศุขพิมาย” หรือ “เสก โลโซ” ขึ้นแข้งลงเข่าภรรยารัก “กานต์ วิภากร ศุขพิมาย” ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่อยู่ด้วยกันมา ถึงจะมีลูกด้วยกันถึงสามคนและร่วมกันต่อสู้มาตั้งแต่วงโลโซยังไม่ถือกำเนิด แต่ก็ไม่อาจเหนี่ยวรั้งความรักของทั้งคู่เอาไว้ได้ เสกกับกานต์ตัดสินใจหย่าขาดจากกันตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ชนวนเหตุที่ทำให้เรื่องซ้อมเมียและเสพยาของเสกปะทุขึ้นมีที่มาจากสงครามจิตวิทยาที่ทั้งคู่โจมตีใส่กันมาตลอดตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา เมื่อวันหนึ่ง “เสก” จงใจโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กกล่าวถึงผู้หญิงคนใหม่และยกย่องให้เป็น “ภรรยา” งานนี้มีหรือที่ “กานต์” ลูกผู้หญิงที่แม้จะกลายเป็นอดีตภรรยาไปแล้วแต่เมื่อโดนหมิ่นน้ำใจก็ขอจัดเต็มแฉอดีตสามีแบบถึงลูกถึงคน
กานต์ยอมรับว่าถูกเสกซ้อมมาตั้งแต่ช่วงปีแรกที่อยู่ด้วยกัน แต่ก็อดทนอยู่กับเสกเพราะว่ารักและมีลูกด้วยกันถึงสามคน ระยะแรกเธอยังพอจะทนพฤติกรรมองค์นักมวยไทยลงประทับเวลาเสกโมโหได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปความรุนแรงจากการทำร้ายเพิ่มมากขึ้น เป็นเหตุให้กานต์ต้องเดินหน้าแจ้งความฐานทำร้ายร่างกายต่อตำรวจ
“เมื่อ 10 กว่าปีก่อนเคยไปแจ้งความไว้ที่ สน.คันนายาว ล่าสุดประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาก็เกิดเรื่องขึ้นจนต้องไปแจ้งความซ้ำอีก นี่ไม่นับที่ทะเลาะกันซึ่งจะมีเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นทั้งอยู่ในเมืองไทยหรืออยู่ต่างประเทศ อย่างเช่นที่สวิตเซอร์แลนด์ก็เคยทะเลาะกันในโรงแรมจนข้าวของเสียหายต้องชดใช้เงินให้เขา หรือเมื่อต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมาก็ทะเลาะกันที่ร้านฮาร์ดร็อกในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาต่อหน้าลูก ซึ่งลูกก็ร้องไห้และมากอดหนู มันรันทดมาก ทางแกรมมี่ฯ รู้เรื่องนี้ดีและทุกครั้งที่หนูไปแจ้งความเสกเขาก็จะมาขอร้องให้ถอนแจ้งความเพื่อเห็นแก่เขา เห็นแก่บริษัทเพราะว่าเขาเป็นคนที่มีชื่อเสียง ซึ่งหนูก็จะยอมมาตลอด แต่ครั้งนี้มันไม่ไหวจริงๆ ค่ะ" กานต์กล่าวถึงกรณีที่เสกทำร้ายร่างกายเธอ
คำถามก็คือทั้งๆ ที่ทนอยู่กับแข้งกับเข่ามาได้นานถึง 20 ปี อะไรที่เป็นชนวนเหตุให้กานต์ปรี๊ดแตกต้องใช้มาตรการทางสังคมกดดันเสก ด้วยการแฉผ่านเฟซบุ๊กทั้งเรื่องทั้งรูปชนิดที่เรียกว่า “ฝังทั้งเป็น” เช่นนี้
เรื่องราวเริ่มต้นที่เฟซบุ๊กที่ชื่อ Sek Loso ของเสก โลโซ เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา เสกได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กดังกล่าวว่า “ขอมอบทุกอย่างในวันนี้ให้กับภรรยาผม “ป่าน ปรางค์ฉัตร พิพัฒน์วีรวัฒน์” ที่แท้งลูกเพิ่งท้องได้ 2 เดือน Love > S. LOSO...”
คนที่เป็นแฟนเพลงห่างๆ ของ “เสก โลโซ” เมื่ออ่านเจอข้อความดังกล่าวก็เข้ามาแสดงความเสียใจและให้กำลังใจนักร้องหนุ่ม แต่แฟนที่ติดตามผลงานของเขาอย่างใกล้ชิดต่างรู้ดีว่าภรรยาของเขาไม่ได้ชื่อ “ป่าน ปรางค์ฉัตร”!!
ภรรยาที่แฟนเพลงรู้จักคือ “กานต์ วิภากร” ผู้หญิงข้างกายที่อยู่กับเสกมาตั้งแต่สมัยที่เขาเล่นดนตรีกลางคืน และมีลูกด้วยกันถึงสามคน โดยลูกชายคนโตอยู่ในช่วงวัยรุ่นเต็มตัวเลยทีเดียว
เมื่อเห็นข้อความดังกล่าว ทุกสิ่งทุกอย่างที่กานต์เก็บสะสมมาตลอด 20 ปีเต็มก็ระเบิด เธอใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือในการแฉเสกแบบหมดไส้หมดพุง โดยเริ่มต้นด้วยข้อความด่าแกมขู่ว่า “ไอ้เ-ี้ยเสก มึงอ่ะสารเลว ทิ้งกูกับไทเกอร์ เดียร์ ลอนดอน มึงแม่งชาติหมาไม่เหลือความเป็นคนเลยสักนิด กูกับมึงเจอกันแน่”
หลังจากนั้นกานต์ก็ระดมทุกอย่างที่เธอรู้เกี่ยวกับเสกออกมาแฉในเฟซบุ๊กที่ชื่อ Wiphakorn Sookpimay ของเธอ ทั้งคำด่าที่แฝงการแฉให้ชาวเฟซบุ๊กรู้ว่าตอนนี้เสกอาศัยอยู่ในบ้านของเธอ ไม่ยอมออกจากบ้าน ทำให้เธอกับลูกๆ ทั้งสามต้องเป็นฝ่ายอพยพออกจากบ้านของตัวเองไปอยู่ที่อื่น
แต่ไม้ตายของกานต์อยู่ที่รูปภาพขณะที่เสกกำลังคาบวัตถุบางอย่างในสภาพหน้าตาเคลิ้มลอย ซึ่งผู้สันทัดบอกว่าสิ่งที่เสกคาบและถือทำท่ากำลังจุดไฟลนอยู่นั้นคืออุปกรณ์เสพยาเสพติดรูปแบบหนึ่ง
สอดคล้องกับถ้อยคำที่กานต์โพสต์คู่กับรูปดังกล่าวที่ว่า “วันๆแม่งไม่ทำ -่าไรเสพแต่ยาไอซ์ กัญชาให้ลูกเห็นว่ามึงเล่นยา กูก็อยากรู้นักว่าคนไทยยังจะสนับสนุนไอ้ขี้ยา ทิ้งครอบครัวไปได้อีกสักกี่น้ำ ขอให้คนไทยตาสว่างได้แล้ว กูกับมึงตายกันไปข้างนึง”
ในช่วงที่กานต์โพสต์รูปดังกล่าว เป็นเวลาเดียวกันกับที่เสกกำลังขึ้นไปร้องเพลงและเล่นดนตรีในงานคอนเสิร์ตน้ำใจไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แน่นอนว่าในขณะที่กานต์โพสต์รูปและเรื่องราวแฉเสกอยู่ เจ้าตัวยังไม่รู้เรื่องอะไร แม้เรื่องของเสกที่กานต์แฉจะแพร่กระจายไปสู่วงกว้างตลอดทั้งคืนวันศุกร์ที่ 2 เรื่อยไปจนถึงเช้ามืดของวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม ทำให้มีคนแอดเฟซบุ๊กของกานต์เพิ่มทุกนาที เพียงแค่คืนเดียวมีคนขอแอดเฟซบุ๊กเธอเพิ่มขึ้นหลายร้อยเลยทีเดียว
ทางฝั่งของน้องเดียร์หรือน้องกวาง ลูกสาวของเสกที่เกิดกับกานต์ก็ได้เข้าไปโพสต์ในเฟซบุ๊กของเสก ต่อจากข้อความที่พ่อแท้ๆ ของเธอประกาศชื่อภรรยาว่าคือ “ป่าน ปรางค์ฉัตร” เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งถอดใจความเป็นภาษาไทยได้ว่า “พ่อแต่งงานกับคนอื่นไปแล้วเหรอ พ่อทิ้งหนู แม่ ไทเกอร์ และลอนดอน(ลูกอีกสองคนของเสกกับกานต์) ไปได้ยังไง พ่อเป็นคนที่น่ารังเกียจมาก หนูเกลียดพ่อ”
หลังจากที่ลงมาจากเวทีคอนเสิร์ต เสกจึงได้เห็นข้อความดังกล่าว ตลอดจนได้เห็นว่าเพิ่งถูกอดีตภรรยาแฉด้วยรูปพร้อมเรื่องสุดอื้อฉาว ทำให้เขาตัดสินใจลบข้อความที่เขาโพสต์ถึง “ป่าน ปรางค์ฉัตร” ออกไป แล้วโพสต์ข้อความถึงลูกสาวที่ชื่อเดียร์ขึ้นมาแทนว่า “วันนี้วันเกิด Deer{กวาง} ลูกสาวสุดที่รักของฉันอย่ามาพูดเรื่องไม่มงคล “ขอให้มีความสุขมากๆ นะลูกเดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อไปชอปของขวัญมาให้นะคับ” ^_^ ช่วยอวยพรให้ลูกเฮียหน่อยค้าบบบบบบบบบ >ขอบคุณล่วงหน้า S. LOSO”
และนั่นก็ทำให้ชาวเฟซบุ๊กปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่าในวันเสาร์ที่ 3 ธันวาคมเป็นวันคล้ายวันเกิดลูกสาวของเสกกับกานต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไล่เลี่ยกับที่เสกออกมาประกาศถึงภรรยาใหม่ที่ชื่อป่าน และนี่อาจเป็นชนวนที่เข้าไปกระแทกใจกานต์แบบดับเบิล ทำให้เธอปรี๊ดแตกทนไม่ไหวต้องออกมาแฉเสกแบบถึงลูกถึงคนเช่นนี้
แม้ที่จริงแล้ว เสกกับกานต์หย่าขาดจากกันตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งกานต์อ้างว่าเธอกับเสกได้ตกลงกันแล้วว่าเสกจะต้องย้ายออกจากบ้าน มอบที่ดินที่อยู่แถวเกษตร - นวมินทร์ รถ BMW ซีรีส์ 7 และส่วนแบ่งรายได้จากงานคอนเสิร์ตและการจำหน่ายซีดีให้แก่เธอ ซึ่งกานต์ย้ำว่าต้องการทรัพย์สินเหล่านั้นเพราะต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงดูลูกๆ ทั้งสามคน
แต่จนถึงทุกวันนี้เสกก็ยังไม่ได้ย้ายออกจากบ้าน ทำให้กานต์ต้องหอบลูกทั้งสามระเห็จไปอาศัยที่อื่น ไม่มีใครรู้ว่าที่ผ่านมาเสกกับกานต์เล่นสงครามประสาทต่อกันอย่างไร จนมาถึงวันที่เสกประกาศออกสาธารณะว่าภรรยาของเขาซึ่งเพิ่งแท้งลูกชื่อ “ป่าน ปรางค์ฉัตร พิพัฒน์วีรวัฒน์” สงครามครั้งนี้จึงลุกลามบานปลายด้วยการดึงมวลชนที่ติดตามข่าวเข้ามาเป็นพวก
เสกใช้เฟซบุ๊กในการพูดถึงเรื่องต่างๆ เป็นระยะๆ ด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือนไม่ยี่หระต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เช่น ผมไม่สนแม้แต่นิดเดียวไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียง หรือเงินทอง พูดแบบลูกผู้ชาย ผมรักลูกๆ, แม่ และเมียผม ผมก็รัก, ผมขอบอกว่า กูมีหัวใจเหมือนพวกมึงทุกคนนั่นแหละ ขอบคุณที่รักและสนับสนุนกันครับ Gd Nite !!! เสก โลโซ”
“มีเมียเยอะมันก็ต้องเจออย่างนี้ 555 {ก็เฮียมันขี้เกรงใจปะติเสดใครเค้าไม่ค่อยเป็นแล้วเสือกเกิดมาน่ารักอิ๊กทีนี้} ฮา ... ถามไรหน่อย!?! มีผัวเจ้าชู้กับผัวเป็นตุ๊ดเธอจะเลือกแบบใหน ห๊า ??? ^_^ ฉันผิดเองงั้น, ขอโทษก็ได้วะ S&K
หลังจากนั้นเสกก็นำรูปถ่ายแนบชิดกับผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเสกอ้างว่าคือภรรยาของเขาที่ชื่อ “ป่าน ปรางค์ฉัตร” และเมื่อค้นประวัติของสาวคนนี้ก็ทำให้ได้รู้ว่าเธอคือหนึ่งในผู้เข้ารอบ 10 คนในการประกวดมิสไทยแลนด์เวิลด์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าหลังจากที่ชื่อ “ป่าน” ถูกเสกนำมากล่าวถึงอย่างชัดเจนทั้งชื่อจริงและนามสกุลเช่นนี้ ถนนทุกสายย่อมมุ่งไปหาเธออย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ป่านก็ยังคงเก็บตัวเงียบ ไม่โผล่ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าว มีแค่เพียงคำให้การของคุณแม่ที่บอกกับทีมข่าวบันเทิงของผู้จัดการออนไลน์ว่าน้องป่านเคยเจอกับเสกตอนไปแคสต์งานโฆษณา และไม่เคยยุ่งเกี่ยวอะไรกับเสกเลยแม้แต่น้อย พร้อมกับย้ำว่าป่านไม่เคยตั้งท้องและแท้งกับเสกตามที่ฝ่ายชายกล่าวแต่อย่างใด
“น้องป่านไปแคสต์งานแล้วก็ไปเจอกัน ซึ่งวันนั้นแม่ก็ไปส่งน้องเพราะเราอยู่กันแค่นี้ไปรับไปส่งกันอยู่แล้ว ก็ไม่รู้การที่เขาไปขึ้นเฟซบุ๊กเขาต้องการอะไร แล้วก็มีเอารูปไปขึ้นหลายรูปเพื่ออะไรก็ไม่เข้าใจ ความคิดเขาเยอะกว่าพวกเราไงคะ เราไม่รู้จะยังไง ก็ยืนยันว่าเราไม่เกี่ยวแค่ไปเจอกันตอนแคสต์งานเท่านั้น”
คำให้การของคุณแม่ของป่านช่างสวนทางกับถ้อยคำของเสก โดยเฉพาะรูปถ่ายที่เสกนำมาลงเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นรูปที่ทั้งคู่นอนแนบชิดกันชนิดที่ใครได้ดูต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ “มากกว่าเพื่อน” อย่างแน่นอน
ล่าสุดแหล่งข่าววงในบอกว่าในช่วงที่ทำเรื่องหย่ากัน เสกได้ทุ่มเงินเป็นจำนวน 70 ล้านบาทให้แก่กานต์แล้ว แต่ยังตกลงเรื่องที่ดิน รถ BMW บ้าน และรายได้จากการทำงานของเสกไม่ลงตัว จนถึงปัจจุบัน (7 ธันวาคม) แม้ผู้ใหญ่ของแกรมมี่จะพยายามติดต่อเพื่อเชิญทั้งคู่มาเจรจาตกลงกัน แต่ทั้งกานต์และเสกก็ยังคงเก็บตัวอยู่มีเพียงการโจมตีด้วยการประชดประชันผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของทั้งคู่ออกมาเป็นระยะๆ เท่านั้น
....................................
ที่มานิตยสาร ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 114 วันที่ 10 -16 ธันวาคม 2554