ว่ากันว่า...
เส้นทางการจะเป็นนักร้อง พิธีกร ตลอดจนวิธีที่ทำตัวเองให้มีชื่อเสียงขึ้นมาในยุคปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดด้วยเหตุเทคโนโลยีที่ทำให้ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารเองสามารถส่งตลอดจนรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างง่ายดายสะดวกรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมกันแพร่หลายอยู่ในขณะนี้อย่างเว็บไซต์ชื่อดังที่ชื่อว่า www.youtube.com
อย่างไรก็ตาม...
แม้ที่ผ่านมาจะมีบรรดานักดนตรี-นักร้องทั้งมืออาชีพและไม่อาชีพหลายต่อหลายคนเลือกใช้ช่องทางที่ว่าเพื่อ "ปล่อยของ" มาตรแม้นก็มีจำนวนน้อยเหลือเกินที่อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จจริงๆ
หนึ่งในจำนวนน้อยนั้นก็คือกลุ่มวงดนตรีที่มีชื่อเรียกตนเองว่า "Room 39"
ใครจะคาดคิดว่างานเพลง cover ที่ถูกทำกันแบบเล่นๆ อย่างตั้งใจในห้องพักเล็กๆ ห้องที่ 39 ย่านชุมชนของเกาหลี ก่อนนำไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ยูทูบจะได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม กระทั่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รูม 39 ที่ประกอบไปด้วย ทอม (อิศรา กิจนิตย์ชีว์) อดีตนักแสดงเด็กจากละครเรื่องมยุรา, มน (ชุติมน วิจิตรทฤษฎี) และ แว่นใหญ่ (โอฬาร ชูใจ) กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนดนตรีระดับแถวหน้าของบ้านเราในปัจจุบัน
ทอม :จริงๆ แล้วเราก็คุยๆ กันตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าอยากจะทำเล่นๆ กันดู เพราะหลายๆ คนก็ชอบอัพโหลดสิ่งที่ตนเองทำขึ้น จะเป็นร้องเพลง เล่นดนตรี หรืออาจจะเป็นคำกล่าวคำพูดอะไรก็แล้วแต่
เพียงแต่ว่ามันยังไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ บางคนก็ต้องติดเรียน ติดเรื่องของการทำงานบริษัท ก็พยายามที่จะหาเวลาร่วมกัน พอว่างก็มานั่งคุยกัน ก็ลองมาทำกันดู ก็เริ่มสนุก เลยกลายเป็นความมันต่อเนื่อง มีการโพสต์อยู่เรื่อยๆ ทุกๆ อาทิตย์
ตอนแรกมีแค่ทอมช่วงหลังมีมนเข้ามาด้วยเรามีวิธิแบ่งหน้าที่กันอย่างไร?
แว่นใหญ่ : ผมว่าลองไปร้องด้วยกันเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าข้อดีของแต่ละคนร้องเพลงเป็นยังไงซึ่งมันเป็นธรรมชาติมากกว่า เรามาได้ระวังว่า เอ้ย…ทอมร้องอย่างนี้สิ มนร้องอย่างนี้สิ แต่ละคนก็ทำคนละอย่าง แต่ละคนก็ทำสิ่งที่ถนัด มันก็เป็นธรรมชาติที่เราเรียนรู้ พอมาอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนต้องมานั่งเตี๊ยมกันเท่าไหร่อะครับ
ในความเป็นดนตรีอะคูสติกที่พวกเขาเล่นแม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แถมเพลงที่นำมาร้องก็เป็นเพลงคนอื่น ทว่าด้วยเอกลักษณ์อะไรบางอย่างนั่นเองที่ทำให้ผลงานของ "Room 39" ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น มีการโพสต์แนะนำพร้อมชื่นชมผลงานของพวกเขาไปในวงกว้าง
ก่อนที่ความสามารถของทั้งสามจะไปเข้าตาเจ้าพ่อเพลงรักบ้านเรา "บอย โกสิยพงศ์" พร้อมชักชวนให้มาร่วมงานในสังกัด "Loveis" เลิฟ อีส" ซึ่งทั้งหมดยอมรับว่าใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นานหรือแทบจะไม่ต้องใช้เวลาเลยที่จะเดินทางกลับมาคุยรายละเอียดที่ประเทศไทย
มน : ตอนที่ได้รับอีเมลเนี่ย เราก็ไม่เชื่อนะว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะว่ามันเหมือนเป็นไปไม่ได้น่ะที่พี่บอยจะส่งมา พี่แว่นใหญ่ก็ไปเช็คกับพี่ตู่ (ภพธร) พอสรุปแล้วว่าใช่จริงๆ ก็ไม่คิดอะไรแล้วค่ะคือกลับละ
รู้สึกอย่างไรกับการมีอัลบั้มเป็นของตนเอง แต่ว่าเป็นเพลงเก่าของนักร้องคนอื่น?
แว่นใหญ่ : จริงๆ เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรเยอะนะครับ เพราะหลายๆ เพลงที่เรานำมาทำก็เพราะอยู่แล้วในแบบที่เขาเป็น ดังนั้นเราก็ cover โดยใช้เราเป็นคนร้องเฉยๆ แต่บางเพลงก็มีบ้างที่เรา เอ๊ะ...อยากจะลองทำอะไรดูลองดู เพราะดนตรีมันเป็นอะไรที่ไม่มีอะไรตายตัว ไม่มีโจทย์ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าเพลงนี้จะต้องเป็นอย่างนี้เพลงนี้ต้องเป็นอย่างนั้น มันเป็นไปได้ทุกอย่าง แล้วแต่อารมณ์แล้วแต่ว่าวันนี้มีองค์อะไรมาสิงใจประมาณนี้
มน : มันเหมือนกับเราก็แค่นำมันมาทำให้ฟังง่ายขึ้นแล้วก็ให้มันเป็นเพลงที่ร้องเพลงในรูปแบบสไตล์ของเรามากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
ทอม : จริงๆ ก็รู้สึกกดดันนะครับ เพราะที่ผ่านมาเราจะได้ฟังเพลงที่มันเช็ตเรียบร้อย แล้วก็เป็นเพลงที่เพราะนะ ซึ่งเวลาที่เรามาเลือกทำเพลงของเรา เราก็ต้องเริ่มตั้งแต่เริ่มนับหนึ่งใหม่ มันก็ต้องเริ่มจากที่ไม่ดีก่อนค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ โดยที่เราเลยไม่รู้หรอกว่า เอ๊ะ ว่ามันจะดีหรือยัง
แว่นใหญ่ : ใช่ แล้วมันเป็นเพลงที่พวกเราชอบด้วย เราก็ต้องพยายามจะทำให้มันออกมาดีที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้ว่าคนเขาจะชอบหรือเปล่า
ร้องเพลงคนอื่นเยอะๆ มีผลต่อความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็น "Room 39" บ้างมั้ย?
แว่นใหญ่ : คือเราเอาเพลงคนอื่นมาร้องเล่นๆ เยอะมากนะ เราไม่ได้ร้องของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นมันก็ไม่ได้แบบว่าใครจะมามีอิทธิพลอะไรนะ
มน : ด้วยการที่เรา cover คนอื่นๆ มากๆ มันก็เหมือนเป็นการร้องสไตล์เราแล้วค่ะ
แว่นใหญ่ : ต้องบอกว่าเราไม่ได้ก็อปปี้นะ เราcover ดังนั้นมันก็เป็นตัวของเราในการแสดงออกถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงของคนอื่นก็ตาม แล้วก็ในส่วนของเรื่องอะไรแบบว่ามันติด อะไรมันติดมาบ้างไหมเนี่ยจริงๆ เราไม่รู้นะ
มน : คิดว่าเพลงของพวกเรามันเป็นกลิ่นอายของเพลงสากลซะส่วนใหญ่นะ เพราะว่าพวกเราอยู่ที่นู่นพวกเราชอบฟังเพลงฝรั่งกันอยู่แล้ว มันก็อาจจะติดแบบว่ามีการเอื้อนที่ไม่เหมือนคนไทยอะไรอย่างนี้ค่ะ
แม้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา แต่ก็เป็นการโด่งดังเพราะผลงานคนอื่น กระทั่งซิงเกิ้ลแรกชื่อแปลกอย่างเพลง "หน่วง" ของพวกเขาถูกปล่อยออกมานั่นเองที่ทำให้ข้อสงสัยที่ว่า...ดังเพราะเอาเพลงคนอื่นมาร้อง...หายไปทันที
ทอม : เพลงแรกเราเริ่มต้นโดยการทำเมโลดี้ก่อน ก็ช่วยกันทำแล้วก็อยากจะให้เพลงนี้พูดเกี่ยวกับความรักครับ ผมเราก็เลยเอาไปให้พี่บอย เอาไปปรึกษาพี่บอย พี่บอยก็เลยแนะนำว่าอยากจะให้เสนอมุมมองของเรื่องราวของความรักที่แตกต่างกันไปจากบทเพลงอื่นที่มีอยู่
การร้องแบบรวบคำเร็วๆ ตั้งใจจะให้เป็นเพลงที่ร้องยากหรือว่าเป็นเอกลักษณ์อะไรหรือไม่?
แว่นใหญ่ : เขบ็ต คือถ้าสังเกตข้างหลังของทอม ตรงนี้ครับจะเห็นเหงือกสูงซึ่งอยู่ตรงนี้อะครับ (หัวเราะ)
ทอม : ก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันยากหรือทำให้ใครคนอื่นนำไปร้องไม่ได้หรืออะไรหรอกครับ ไม่ได้ตั้งใจทำ ตอนที่ทำเมโลดี้ก็ทำแบบที่ถนัดที่ชอบมากกว่า
มน : เป็นอารมณ์เพลงมากกว่า ตอนที่ใส่เนื้อลงไปให้มันพอดีกับตรงนั้น ซึ่งตอนแรกแบบง่ายๆ มันก็จะฟังดูไม่น่าสนใจมากเท่าไหร่ แต่คนก็จะบ่นว่ามันร้องยากจริงๆ
ทอม : กระแสตอบรับก็ดีเกินคาด ดีใจ โล่งอก ตอนแรกก็กังวลอยู่ว่าจะปล่อยออกมาแล้วเหรอ เริ่มตั้งแต่ชื่อเพลงก็ฟังดูแปลกแล้ว คนจะฟังเข้าใจไหม มันเหมือนกับว่าคนรอว่าเมื่อไหร่เราจะออกเพลง คือถ้าไม่มีคนถาม ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่เราก็คงจะไม่กดดันมาก แต่พอคนรอดูเยอะๆ เราก็ต้องตั้งใจกับมันมาก
แว่นใหญ่ : พอปล่อยออกมาก็กระแสดีมากครับฟีดแบ็คดีมาก ขอบคุณครับ
มีเพลงที่เป็นผลงานของตนเองจริงๆ มันทำให้เราต้องหา "ความเป็นวง" ที่ต้องยิ่งชัดเจนขึ้นอีกมั้ย?
แว่นใหญ่ : คือพวกเราจะแบบว่าไม่ได้คิดอะไรมาก (ฮ่าๆๆๆๆๆ)คือจะยังไม่คิดเยอะว่าจะต้องวางกฎเกณฑ์ให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องร้องอย่างนี้สิๆ เราไม่มี เราจะมองว่าดนตรีเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้าคิดว่ามันลงตัวที่ตรงไหน เราก็ทำมันไป ดังนั้นเราไม่ได้มานั่งคิดว่าต้องทำอะไรออกมา คือลองๆ ทำเหมือน youtube เราก็จะถ่ายมุมที่นั่น แบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นความบังเอิญ เราก็เลยถ่ายเป็นธรรมชาติ
ซิงเกิ้ลที่ 2 "ระบายเฉยๆ" ชื่อก็ยังแปลกอยู่เหมือนเดิม?
ทอม : เพลงนี้เราต้องการให้ออกมาเป็นเพลงเร็ว สนุกๆ เพราะว่าทุกคนอาจจะเคยชินกับ Room 39 ว่านั่งเล่นกันสบายๆ มีกีตาร์ตัวเดียว แต่ถ้าเราไปโชว์ตามที่ต่างๆ บางคนอาจจะอยากลุกขึ้นมาเต้น มาสนุกกับเราบ้าง ก็เลยพยายามจะทำเพลงที่มีจังหวะ มีพาร์ทของดนตรีอื่นๆ เข้ามาด้วย ทำให้สนุกมากยิ่งขึ้น
มน : อยากให้ทุกคนเห็นว่า Room 39 เล่นเพลงแนวอื่นได้ด้วย
ทอม : จริงๆ ตอนเราอยู่ที่นู่น(อเมริกา) เราก็ไม่ได้เล่นแต่อะคูสติกอย่างเดียว เราเล่นหลายๆ แนว
แว่นใหญ่ : เนื้อหาของเพลงนั้น เบาสมอง เหมือนเป็นการตัดพ้อต่อว่า บ่นเล็กๆ เป็นเพลงที่หลายๆ คนจะ สงสัยว่า เป็นเพลงของพวกเราจริงหรือ ฟังดูไม่เหมือนเพลงเราเลย แต่เป็นเพลงเราครับ...สำหรับเนื้อร้อง มีหนุ่มใหญ่ ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม และเปิดเผยใบหน้ามาแต่งให้ ในส่วนของเนื้อหา เป็นความในใจที่น่ารักดี โดนใจใครหลายๆ คน
มีข่าวว่าปลายปีนี้จะมีซิงเกิ้ลที่ 3 ออกมา?
แว่นใหญ่ : ตอนนี้มีเพลงที่พวกเราเ เพลงที่เราเขียนไว้แล้ว แล้วก็เคยร้องเล่นบางครั้งบางงานบ้างก็มี แต่พวกเราไม่ได้ตัดเป็นซิงเกิ้ลออกมา แต่ว่าซิงเกิ้ลต่อไปที่จะออก เราหวังว่าจะให้เป็น มล ร้องบ้าง เพราะว่าสองซิงเกิ้ลที่ผ่านมาเป็นทอมร้อง
มล : ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นไหน
สุดท้ายเมื่อถามถึงอัลบั้มเต็ม "Room 39" บอกว่า...
แว่นใหญ่ : ตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว เพลงที่มีอยู่นั้นพร้อมแล้วแต่ว่าพวกเราเป็นประเภทที่ฉับพลัน เอาแบบนี้ ดีกว่า แบบนั้นดีกว่าอยู่ตลอด
ทอม : จะทำจนกว่าเราพอใจที่สุด คือว่าที่ช้าไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ตั้งใจทำ แต่ว่าพวกเราคิดเยอะ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเราแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำ เราถึงจะปล่อย โดยในอัลบั้มก็จะได้ฟังเพลงครบทุกแนวเพลงเร็ว เพลงช้า มีเสียงของทอม มน
แว่นใหญ่ : คงเป็นช่วงต้นปีหน้า(2555) และคิดว่าน่าจะคุ้มค่าสมกับการรอคอย แต่ว่าถ้าไม่คุ้ม ก็ต้องขอโทษด้วย (หัวเราะ....) อยากให้อัลบั้มเสร็จเร็วๆ แต่ด้วยความที่ว่าพวกเรา ทำงานกันเยอะ(ทัวร์คอนเสิร์ต) ไม่ค่อยมีเวลาเข้าห้องอัด
และอย่างที่บอกคือเวลาพวกเราทำงาน เราจะมีความรู้สึกว่า แบบนี้ยังไม่เอาดีกว่า ขอเปลี่ยนอีกหน่อย มันก็เลยเป็นการทำงานที่ทำไปเรื่อยๆ แต่ว่าถ้าทำเสร็จแล้วก็คงดี เราจะได้มีเพลงไว้เล่นเยอะๆ...
เส้นทางการจะเป็นนักร้อง พิธีกร ตลอดจนวิธีที่ทำตัวเองให้มีชื่อเสียงขึ้นมาในยุคปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใดด้วยเหตุเทคโนโลยีที่ทำให้ทั้งผู้ส่งสารและผู้รับสารเองสามารถส่งตลอดจนรับข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างง่ายดายสะดวกรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมกันแพร่หลายอยู่ในขณะนี้อย่างเว็บไซต์ชื่อดังที่ชื่อว่า www.youtube.com
อย่างไรก็ตาม...
แม้ที่ผ่านมาจะมีบรรดานักดนตรี-นักร้องทั้งมืออาชีพและไม่อาชีพหลายต่อหลายคนเลือกใช้ช่องทางที่ว่าเพื่อ "ปล่อยของ" มาตรแม้นก็มีจำนวนน้อยเหลือเกินที่อยู่ในระดับที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จจริงๆ
หนึ่งในจำนวนน้อยนั้นก็คือกลุ่มวงดนตรีที่มีชื่อเรียกตนเองว่า "Room 39"
ใครจะคาดคิดว่างานเพลง cover ที่ถูกทำกันแบบเล่นๆ อย่างตั้งใจในห้องพักเล็กๆ ห้องที่ 39 ย่านชุมชนของเกาหลี ก่อนนำไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ยูทูบจะได้รับกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม กระทั่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รูม 39 ที่ประกอบไปด้วย ทอม (อิศรา กิจนิตย์ชีว์) อดีตนักแสดงเด็กจากละครเรื่องมยุรา, มน (ชุติมน วิจิตรทฤษฎี) และ แว่นใหญ่ (โอฬาร ชูใจ) กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มคนดนตรีระดับแถวหน้าของบ้านเราในปัจจุบัน
ทอม :จริงๆ แล้วเราก็คุยๆ กันตั้งแต่แรกๆ แล้วว่าอยากจะทำเล่นๆ กันดู เพราะหลายๆ คนก็ชอบอัพโหลดสิ่งที่ตนเองทำขึ้น จะเป็นร้องเพลง เล่นดนตรี หรืออาจจะเป็นคำกล่าวคำพูดอะไรก็แล้วแต่
เพียงแต่ว่ามันยังไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ บางคนก็ต้องติดเรียน ติดเรื่องของการทำงานบริษัท ก็พยายามที่จะหาเวลาร่วมกัน พอว่างก็มานั่งคุยกัน ก็ลองมาทำกันดู ก็เริ่มสนุก เลยกลายเป็นความมันต่อเนื่อง มีการโพสต์อยู่เรื่อยๆ ทุกๆ อาทิตย์
ตอนแรกมีแค่ทอมช่วงหลังมีมนเข้ามาด้วยเรามีวิธิแบ่งหน้าที่กันอย่างไร?
แว่นใหญ่ : ผมว่าลองไปร้องด้วยกันเรื่อยๆ ก็จะรู้ว่าข้อดีของแต่ละคนร้องเพลงเป็นยังไงซึ่งมันเป็นธรรมชาติมากกว่า เรามาได้ระวังว่า เอ้ย…ทอมร้องอย่างนี้สิ มนร้องอย่างนี้สิ แต่ละคนก็ทำคนละอย่าง แต่ละคนก็ทำสิ่งที่ถนัด มันก็เป็นธรรมชาติที่เราเรียนรู้ พอมาอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ ไม่เหมือนต้องมานั่งเตี๊ยมกันเท่าไหร่อะครับ
ในความเป็นดนตรีอะคูสติกที่พวกเขาเล่นแม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แถมเพลงที่นำมาร้องก็เป็นเพลงคนอื่น ทว่าด้วยเอกลักษณ์อะไรบางอย่างนั่นเองที่ทำให้ผลงานของ "Room 39" ได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้น มีการโพสต์แนะนำพร้อมชื่นชมผลงานของพวกเขาไปในวงกว้าง
ก่อนที่ความสามารถของทั้งสามจะไปเข้าตาเจ้าพ่อเพลงรักบ้านเรา "บอย โกสิยพงศ์" พร้อมชักชวนให้มาร่วมงานในสังกัด "Loveis" เลิฟ อีส" ซึ่งทั้งหมดยอมรับว่าใช้เวลาในการตัดสินใจไม่นานหรือแทบจะไม่ต้องใช้เวลาเลยที่จะเดินทางกลับมาคุยรายละเอียดที่ประเทศไทย
มน : ตอนที่ได้รับอีเมลเนี่ย เราก็ไม่เชื่อนะว่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะว่ามันเหมือนเป็นไปไม่ได้น่ะที่พี่บอยจะส่งมา พี่แว่นใหญ่ก็ไปเช็คกับพี่ตู่ (ภพธร) พอสรุปแล้วว่าใช่จริงๆ ก็ไม่คิดอะไรแล้วค่ะคือกลับละ
รู้สึกอย่างไรกับการมีอัลบั้มเป็นของตนเอง แต่ว่าเป็นเพลงเก่าของนักร้องคนอื่น?
แว่นใหญ่ : จริงๆ เราไม่ได้เปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรเยอะนะครับ เพราะหลายๆ เพลงที่เรานำมาทำก็เพราะอยู่แล้วในแบบที่เขาเป็น ดังนั้นเราก็ cover โดยใช้เราเป็นคนร้องเฉยๆ แต่บางเพลงก็มีบ้างที่เรา เอ๊ะ...อยากจะลองทำอะไรดูลองดู เพราะดนตรีมันเป็นอะไรที่ไม่มีอะไรตายตัว ไม่มีโจทย์ไม่มีกฎเกณฑ์ว่าเพลงนี้จะต้องเป็นอย่างนี้เพลงนี้ต้องเป็นอย่างนั้น มันเป็นไปได้ทุกอย่าง แล้วแต่อารมณ์แล้วแต่ว่าวันนี้มีองค์อะไรมาสิงใจประมาณนี้
มน : มันเหมือนกับเราก็แค่นำมันมาทำให้ฟังง่ายขึ้นแล้วก็ให้มันเป็นเพลงที่ร้องเพลงในรูปแบบสไตล์ของเรามากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
ทอม : จริงๆ ก็รู้สึกกดดันนะครับ เพราะที่ผ่านมาเราจะได้ฟังเพลงที่มันเช็ตเรียบร้อย แล้วก็เป็นเพลงที่เพราะนะ ซึ่งเวลาที่เรามาเลือกทำเพลงของเรา เราก็ต้องเริ่มตั้งแต่เริ่มนับหนึ่งใหม่ มันก็ต้องเริ่มจากที่ไม่ดีก่อนค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ โดยที่เราเลยไม่รู้หรอกว่า เอ๊ะ ว่ามันจะดีหรือยัง
แว่นใหญ่ : ใช่ แล้วมันเป็นเพลงที่พวกเราชอบด้วย เราก็ต้องพยายามจะทำให้มันออกมาดีที่สุด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราควบคุมไม่ได้ว่าคนเขาจะชอบหรือเปล่า
ร้องเพลงคนอื่นเยอะๆ มีผลต่อความเป็นเอกลักษณ์ในความเป็น "Room 39" บ้างมั้ย?
แว่นใหญ่ : คือเราเอาเพลงคนอื่นมาร้องเล่นๆ เยอะมากนะ เราไม่ได้ร้องของคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นมันก็ไม่ได้แบบว่าใครจะมามีอิทธิพลอะไรนะ
มน : ด้วยการที่เรา cover คนอื่นๆ มากๆ มันก็เหมือนเป็นการร้องสไตล์เราแล้วค่ะ
แว่นใหญ่ : ต้องบอกว่าเราไม่ได้ก็อปปี้นะ เราcover ดังนั้นมันก็เป็นตัวของเราในการแสดงออกถึงแม้ว่าจะเป็นเพลงของคนอื่นก็ตาม แล้วก็ในส่วนของเรื่องอะไรแบบว่ามันติด อะไรมันติดมาบ้างไหมเนี่ยจริงๆ เราไม่รู้นะ
มน : คิดว่าเพลงของพวกเรามันเป็นกลิ่นอายของเพลงสากลซะส่วนใหญ่นะ เพราะว่าพวกเราอยู่ที่นู่นพวกเราชอบฟังเพลงฝรั่งกันอยู่แล้ว มันก็อาจจะติดแบบว่ามีการเอื้อนที่ไม่เหมือนคนไทยอะไรอย่างนี้ค่ะ
แม้มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา แต่ก็เป็นการโด่งดังเพราะผลงานคนอื่น กระทั่งซิงเกิ้ลแรกชื่อแปลกอย่างเพลง "หน่วง" ของพวกเขาถูกปล่อยออกมานั่นเองที่ทำให้ข้อสงสัยที่ว่า...ดังเพราะเอาเพลงคนอื่นมาร้อง...หายไปทันที
ทอม : เพลงแรกเราเริ่มต้นโดยการทำเมโลดี้ก่อน ก็ช่วยกันทำแล้วก็อยากจะให้เพลงนี้พูดเกี่ยวกับความรักครับ ผมเราก็เลยเอาไปให้พี่บอย เอาไปปรึกษาพี่บอย พี่บอยก็เลยแนะนำว่าอยากจะให้เสนอมุมมองของเรื่องราวของความรักที่แตกต่างกันไปจากบทเพลงอื่นที่มีอยู่
การร้องแบบรวบคำเร็วๆ ตั้งใจจะให้เป็นเพลงที่ร้องยากหรือว่าเป็นเอกลักษณ์อะไรหรือไม่?
แว่นใหญ่ : เขบ็ต คือถ้าสังเกตข้างหลังของทอม ตรงนี้ครับจะเห็นเหงือกสูงซึ่งอยู่ตรงนี้อะครับ (หัวเราะ)
ทอม : ก็ไม่ได้ตั้งใจทำให้มันยากหรือทำให้ใครคนอื่นนำไปร้องไม่ได้หรืออะไรหรอกครับ ไม่ได้ตั้งใจทำ ตอนที่ทำเมโลดี้ก็ทำแบบที่ถนัดที่ชอบมากกว่า
มน : เป็นอารมณ์เพลงมากกว่า ตอนที่ใส่เนื้อลงไปให้มันพอดีกับตรงนั้น ซึ่งตอนแรกแบบง่ายๆ มันก็จะฟังดูไม่น่าสนใจมากเท่าไหร่ แต่คนก็จะบ่นว่ามันร้องยากจริงๆ
ทอม : กระแสตอบรับก็ดีเกินคาด ดีใจ โล่งอก ตอนแรกก็กังวลอยู่ว่าจะปล่อยออกมาแล้วเหรอ เริ่มตั้งแต่ชื่อเพลงก็ฟังดูแปลกแล้ว คนจะฟังเข้าใจไหม มันเหมือนกับว่าคนรอว่าเมื่อไหร่เราจะออกเพลง คือถ้าไม่มีคนถาม ไม่มีคนสนใจเท่าไหร่เราก็คงจะไม่กดดันมาก แต่พอคนรอดูเยอะๆ เราก็ต้องตั้งใจกับมันมาก
แว่นใหญ่ : พอปล่อยออกมาก็กระแสดีมากครับฟีดแบ็คดีมาก ขอบคุณครับ
มีเพลงที่เป็นผลงานของตนเองจริงๆ มันทำให้เราต้องหา "ความเป็นวง" ที่ต้องยิ่งชัดเจนขึ้นอีกมั้ย?
แว่นใหญ่ : คือพวกเราจะแบบว่าไม่ได้คิดอะไรมาก (ฮ่าๆๆๆๆๆ)คือจะยังไม่คิดเยอะว่าจะต้องวางกฎเกณฑ์ให้เป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ต้องร้องอย่างนี้สิๆ เราไม่มี เราจะมองว่าดนตรีเป็นเรื่องของธรรมชาติ ถ้าคิดว่ามันลงตัวที่ตรงไหน เราก็ทำมันไป ดังนั้นเราไม่ได้มานั่งคิดว่าต้องทำอะไรออกมา คือลองๆ ทำเหมือน youtube เราก็จะถ่ายมุมที่นั่น แบบนี้ ทุกอย่างมันเป็นความบังเอิญ เราก็เลยถ่ายเป็นธรรมชาติ
ซิงเกิ้ลที่ 2 "ระบายเฉยๆ" ชื่อก็ยังแปลกอยู่เหมือนเดิม?
ทอม : เพลงนี้เราต้องการให้ออกมาเป็นเพลงเร็ว สนุกๆ เพราะว่าทุกคนอาจจะเคยชินกับ Room 39 ว่านั่งเล่นกันสบายๆ มีกีตาร์ตัวเดียว แต่ถ้าเราไปโชว์ตามที่ต่างๆ บางคนอาจจะอยากลุกขึ้นมาเต้น มาสนุกกับเราบ้าง ก็เลยพยายามจะทำเพลงที่มีจังหวะ มีพาร์ทของดนตรีอื่นๆ เข้ามาด้วย ทำให้สนุกมากยิ่งขึ้น
มน : อยากให้ทุกคนเห็นว่า Room 39 เล่นเพลงแนวอื่นได้ด้วย
ทอม : จริงๆ ตอนเราอยู่ที่นู่น(อเมริกา) เราก็ไม่ได้เล่นแต่อะคูสติกอย่างเดียว เราเล่นหลายๆ แนว
แว่นใหญ่ : เนื้อหาของเพลงนั้น เบาสมอง เหมือนเป็นการตัดพ้อต่อว่า บ่นเล็กๆ เป็นเพลงที่หลายๆ คนจะ สงสัยว่า เป็นเพลงของพวกเราจริงหรือ ฟังดูไม่เหมือนเพลงเราเลย แต่เป็นเพลงเราครับ...สำหรับเนื้อร้อง มีหนุ่มใหญ่ ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม และเปิดเผยใบหน้ามาแต่งให้ ในส่วนของเนื้อหา เป็นความในใจที่น่ารักดี โดนใจใครหลายๆ คน
มีข่าวว่าปลายปีนี้จะมีซิงเกิ้ลที่ 3 ออกมา?
แว่นใหญ่ : ตอนนี้มีเพลงที่พวกเราเ เพลงที่เราเขียนไว้แล้ว แล้วก็เคยร้องเล่นบางครั้งบางงานบ้างก็มี แต่พวกเราไม่ได้ตัดเป็นซิงเกิ้ลออกมา แต่ว่าซิงเกิ้ลต่อไปที่จะออก เราหวังว่าจะให้เป็น มล ร้องบ้าง เพราะว่าสองซิงเกิ้ลที่ผ่านมาเป็นทอมร้อง
มล : ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะออกมาเป็นไหน
สุดท้ายเมื่อถามถึงอัลบั้มเต็ม "Room 39" บอกว่า...
แว่นใหญ่ : ตอนนี้เป็นรูปเป็นร่างแล้ว เพลงที่มีอยู่นั้นพร้อมแล้วแต่ว่าพวกเราเป็นประเภทที่ฉับพลัน เอาแบบนี้ ดีกว่า แบบนั้นดีกว่าอยู่ตลอด
ทอม : จะทำจนกว่าเราพอใจที่สุด คือว่าที่ช้าไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ตั้งใจทำ แต่ว่าพวกเราคิดเยอะ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าเราแฮปปี้กับสิ่งที่เราทำ เราถึงจะปล่อย โดยในอัลบั้มก็จะได้ฟังเพลงครบทุกแนวเพลงเร็ว เพลงช้า มีเสียงของทอม มน
แว่นใหญ่ : คงเป็นช่วงต้นปีหน้า(2555) และคิดว่าน่าจะคุ้มค่าสมกับการรอคอย แต่ว่าถ้าไม่คุ้ม ก็ต้องขอโทษด้วย (หัวเราะ....) อยากให้อัลบั้มเสร็จเร็วๆ แต่ด้วยความที่ว่าพวกเรา ทำงานกันเยอะ(ทัวร์คอนเสิร์ต) ไม่ค่อยมีเวลาเข้าห้องอัด
และอย่างที่บอกคือเวลาพวกเราทำงาน เราจะมีความรู้สึกว่า แบบนี้ยังไม่เอาดีกว่า ขอเปลี่ยนอีกหน่อย มันก็เลยเป็นการทำงานที่ทำไปเรื่อยๆ แต่ว่าถ้าทำเสร็จแล้วก็คงดี เราจะได้มีเพลงไว้เล่นเยอะๆ...