xs
xsm
sm
md
lg

The Very Best of “เฉินหลง” (2) ยุคทอง

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี


ว่ากันถึงตำนานความยิ่งใหญ่ของพระเอกจมูกโต หลังจากประสบความสำเร็จระดับสุดยอดไปแล้วกับ “ไอ้หนุ่มหมัดเมา” ขึ้นสู่จุดสูงสุดของดาราหนังแนวหมัดมวย ในอีกทศวรรษต่อมา “เฉินหลง” ได้พาทั้งตัวเอง และวงการภาพยนตร์ฮ่องกงก้าวไปอีกขั้น เป็นช่วงเวลาที่อาจจะเรียกว่าเป็น “ยุคทอง” ของเขาก็คงพอจะได้

เฉินหลง เริ่มต้นยุคใหม่ของตัวเองในปี 1981 ด้วย Project A หนังที่หลาย ๆ คนอาจจะคุ้นชื่อกับ “เอ๋ไกหว่า” มากกว่า ที่เขาพลิกโฉมหนังแอ็กชั่นฮ่องกงด้วยการเล่าเรื่องอิงประวัติศาสตร์ท้องถิ่น ว่าด้วยการกำเนิดหน่วยงาน “ตำรวจน้ำฮ่องกง” กับการปราบโจรสลัด ดึงเอาศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้ง “หงจินเป่า” และ “หยวนเปียว” มาร่วมงาน สร้างหนังที่ให้ความบันเทิงแบบครบเครื่อง พร้อมโปรดักชั่นระดับเกรดเอ ถือเป็นงานที่ผลักให้พระเอก “จมูกโต” ไปไกลกว่าดารากังฟูรุ่นเดียวกันอย่างทิ้งไม่เห็นฝุ่น

แต่กว่าความเปลี่ยนแปลงของเฉินหลง และวงการภาพยนตร์จะเกิดขึ้นได้จริง ๆ ก็ต้องรอไปถึงปี 1985 เมื่อหนังเรื่อง “Police Story” เข้าฉายและขับเคลื่อนให้หนังบู๊ฮ่องกงเดินไปสู่ยุค “โมเดิร์น” อย่างเต็มตัว หนังที่มีชื่อไทยสุดจะคลาสสิกโด่งดังว่า “วิ่งสู้ฟัด” เรื่องนี้มีฉากหลังอยู่ในยุคปัจจุบัน กับเรื่องราวง่าย ๆ ว่าด้วยการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจฮ่องกง ที่เน้นฉากแอ็กชั่นหวาดเสียวเสี่ยงตาย ที่เป็นจุดขายของเขามาถึงปัจจุบัน

เมื่อขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์หมายเลข 1 แห่งฮ่องกงแล้ว เฉินหลง ก็มุ่งหน้าไปสู่ตลาดตะวันตกบ้าง โดยเฉพาะกับหนังชุด “ใหญ่สั่งมาเกิด” หรือ Armour of god ที่น่าจะเป็นหลักฐานของแนวทางที่ว่าที่สุดชัดเจนที่สุดแล้ว ด้วยการเดินทางไปถ่ายทำต่างประเทศ มีนางเอกสาวชาวต่างชาติ และมีโปรดักชั่นใหญ่โต เป็นแนวทางที่เฉินหลงเองสานต่อไปนานอีกหลายปี

ส่วนในฮ่องกงชื่อของเขาก็ยังขึ้นหม้อ โดยเฉพาะเมื่อได้จับแท็คทีมกับ “หงจินเป่า” กับ “หยวนเปียว” ที่ร่วมงานกันในหนังหลายเรื่อง ทั้งหนังตลกชุด “เพชฌฆาตสัญชาติฮ้อ” ของ “หงจินเป่า” ที่ได้ศิษย์น้องทั้งสองมาร่วมแจม ส่วนแบบที่รับบทนำร่วมกันเต็ม ๆ ก็ยังมี “ขาตั้งสู้” งานที่เดินทางไปถ่ายทำกันถึงประเทศสเปนอีกเรื่อง จนกระทั้งในปี 1988 “มังกรหนวดทอง” คือครั้งสุดท้ายที่ 3 พี่น้องได้ร่วมงานกันแบบเป็นเนื้อเป็นหนัง ก่อนจะแยกย้ายไปตามทางของแต่ละคน

ท้ายที่สุดยุค 80s ของ เฉินหลง ก็มาถึงบทสรุปที่ “ฉีจี้” หนังแอ็กชั่นย้อนยุคที่เขาสวมวิญญาณคนรักหนัง พยายามสร้างงานดี ๆ มีความกลมกลืนไม่ได้ขายกันแต่ฉากพะบู๊ กับเรื่องราวของหนุ่มบ้านนอกที่ตกบันไดพลอยโจน รับตำแหน่งหัวหน้าแก๊งมาเฟีย แต่แทนที่จะแสวงหาความยิ่งใหญ่หรือเงินทอง เขากลับเลือกใช้อำนาจที่ได้มาเพื่อช่วยเหลือตอบแทนหญิงขายกุหลาบผู้มีบุญคุณ เป็นงานที่ได้เค้าโครงเรื่องมาจากหนังของผู้กำกับยุคฮอลลีวูดคลาสสิก “แฟรง คาปรา” … แม้จะไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากนัก แต่เจ้าตัวเองก็กล่าวถึงด้วยความภาคภูมิใจอยู่ตลอด

ในยุคเป็นช่วงเวลาที่ 80s เฉินหลง เริ่มขยับขยายมาสู่การเป็น “คนทำหนัง” เต็มตัวทั้งก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์, สร้างทีมสตั้น “JCT”, ลงมือกำกับหนังแทบทุกเรื่องที่ตนเองแสดง

คำว่า “ยุคทอง” ของดาวบู๊รุ่นเดอะคนนี้ในช่วงระหว่าง 10 ปีนั้นจึงไม่ได้หมายเพียงแต่เรื่องความสำเร็จเท่านั้น แต่เป็นยุคที่ความคิดสร้างสรรค์ และความกระตือรือร้นล้นของเขา “สุกงอม” อย่างเต็มที่นั่นเองครับ

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก




กำลังโหลดความคิดเห็น