"ตุ๊ก-บ๊วย" รักแท้แพ้ทายาทร้านทอง!?

เป็นที่สนอกสนใจและขึ้นหน้าหนึ่งมาตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาสำหรับคู่รักสามีภรรยาลูกสองอย่าง “บ๊วย เชษฐวุฒิ -ตุ๊ก ชนกวนันท์ วัชรคุณ” คู่รักที่ครองรักกันมานาน แต่จู่ๆก็มีข่าวว่า “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านขายทองฮั่วเซ่งเฮง ตกเป็นมือที่สาม แต่บ๊วยออกมาชี้แจงรอบแรกแก้ต่างไปแล้วว่ารู้จักกันจริงแต่ไม่ใช่ในฐานะชู้สาวแน่นอน และยอมรับกลายๆว่าครอบครัวมีปัญหา
ตอบไม่เคลียร์ อ้ำๆอึ้งๆ ฝ่ายไฮโซโมทวีตแก้ข่าวไม่ใช่มือที่สามของใคร รอให้บ๊วยแก้ต่างให้ แต่แก้ไม่ค่อยพ้นตัว ฝ่ายตุ๊กควงลูกออกงาน และรับสภาพประคองชีวิตและไม่พาดพิงบุคคลที่สาม แต่หลังสัมภาษณ์ถึงกับปล่อยโฮ ต่างคนต่างใช้ชีวิตและมีแค่ “ลูก” ที่ทำให้เชื่อมสัมพันธ์กันได้

ข่าวซาจากคู่ของ “เป๊ก สัณชัย-ธัญญ่า ธัญญาเรศ เอ็งตระกูล” ก็ลามเข้าคู่ของตุ๊ก ชนกวนันท์ และบ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ ต่อทันที สำหรับเรื่องราวของเตียงที่ยังไม่ทันหัก แต่รอแร่เต็มที เริ่มจากข่าวลือแล้วนักข่าวตามไปสัมภาษณ์ตุ๊ก ก่อนถึงข่าวเรื่องมือที่สามอย่าง “โม ภัสนันท์ พสวงศ์” ทายาทร้านขายทอง ฮั่วเซ่งเฮง อดีตแฟนสาวของ “โจ จิรายุส วรรธนะสิน” หรือถ้ายังจำกันได้ดีคือโม ที่มีเรื่องมีราวตบตีขึ้นโรงพักกับ “โย ยศวดี หัสดีวิจิตร” โมตกเป็นมือที่สามทันทีในข่าวแต่ตุ๊กไม่ได้เลือกพาดพิงหากแต่ว่าคำพูดที่ให้ไปถามบ๊วยจึงทำให้บ๊วยต้องออกมาแถลงข่าวกลางรายการคันปาก ยืนยันว่าโมไม่ใช่มือที่สาม แต่ยอมรับว่าครอบครัวมีปัญหาจริง และกำลังอยู่ในช่วงคลี่คลาย

ปัญหาของครอบครัววัชรคุณ เริ่มก่อตัวมากขึ้น เพราะตุ๊กเริ่มเครียดกับข่าวจนต้องเข้าโรงพยาบาล บ๊วยพาภรรยาดูแลรักษาเยียวยากัน จนข่าวรั่วไหลออกมาเพราะมีคนเห็นบ๊วยและโมไปรับประทานข้าวด้วยกัน แต่ทว่าบ๊วยยืนยันว่าการไปรับประทานอาหารกับสาวโมนั้นมีพี่ชายของโม (สามีของโอ๋ ภัคจีรา) ไปด้วย ซึ่งไม่ใช่การไปสองต่อสอง และไม่ใช่เรื่องชู้สาว อีกทั้งแก้ต่างข่าวลือทุกข่าว ที่ว่ามีกระแสข่าวออกมาว่าบ๊วยถึงขั้นขอโมแต่งงานมาแล้ว แต่บ๊วยปฏิเสธอีกครั้งว่าไม่เป็นความจริง เพราะตนและโมคบกันในฐานะเพื่อน และมีความสนิทสนมกันในงานครบรอบ60ปี ฮั่วเซ่งเฮง
จากนั้นทั้งคู่สานสัมพันธ์สนิทสนมกันมาโดยตลอด จนกระทั่งมีคนตาดีเห็นโมและบ๊วย ไปดูหนังด้วยกัน แต่ทุกกรณีบ๊วยยืนยันว่าโมไม่ใช่มือที่สามแน่นอน แต่ไม่ปฏิเสธว่าสนิทกันจริง และไม่เคยคิดถึงขั้นแต่งงานตามที่มีข่าวลือ

ส่วน “โม” ทายาทร้านทองดัง ไม่ได้ออกมาแถลงข่าวชี้แจง แต่เธอใช้ทวิตเตอร์ระบายความทุกข์ เชิงชี้แจงกรณีดังกล่าวว่าเธอต้องการให้บ๊วยชี้แจง และตัดพ้อผ่านทวิตเตอร์เพียงว่าเธอตกเป็นข่าวมือที่สาม

“เคยอ่านแต่ข่าวดารากับมือที่สามแล้วจู่ๆวันนี้ต้องมาอ่านข่าวตัวเอง ไม่ชินและไม่ชอบเลยนะ” @khunmo/twitter

แล้วจากนั้นเธอบอกว่าให้รอฟังบ๊วยชี้แจง เพราะการสนิทสนมกันของเธอกับบ๊วยอาจไม่ใช่อย่างที่ใครหลายคนคิด แม้ว่าภาพลักษณ์ที่ผ่านมาจะดูแรงและในแวดวงไฮโซของเธอจะรู้กิตติศัพท์ข้อนี้ดีว่า เพราะโมไม่เคยอายว่าตัวเองเรียนไม่จบ และโดนไล่ออกจากโรงเรียนมาแล้วตอนสมัยมัธยม แต่ทว่าในช่วงหลังเธอคือสาวสังคมในรูปแบบใหม่ที่เปลี่ยนลุคไปจากเดิมมากพอสมควร แต่ข่าวมือที่สามครั้งนี้ ทำให้โมกลับมามีข่าวฉาวอีกครั้ง ซึ่งเธอไม่ได้สบอารมณ์เท่าใดนัก

แต่แปลกที่ความสนิทสนมดังกล่าวบ๊วยไม่เคยได้ให้ตุ๊กรับรู้ ระยะหลังมีคนตาดีเห็นบ๊วยมีเพื่อนต่างเพศบ่อย หนึ่งในนั้นมีไฮโซโมคนนี้อยู่ด้วย ซึ่งเธอยอมรับในทวิตเตอร์ของเธอว่า “ไม่น่าสนิทกับคนดังเลย เลยซวยไปด้วยเลย”...และยอมรับว่าการไปดูหนังกับเพื่อนชื่อ “บ๊วย” ไม่เห็นแปลก

เรื่องราวของบ๊วยและโม ถูกจับตามองมากโดยเฉพาะในเว็บพันทิพย์ยอดฮิต ที่จับผิดกรณีบ๊วยเปลี่ยนชื่อจาก ทวิตเตอร์ account ชื่อ @buaytook แล้วเพิ่งจะมาเปลี่ยนเป็น @khunbuay เมื่อไม่นานกี่วันนี้ รูปที่ถ่ายเป็นขึ้นรูป profile เป็นรูปที่ถ่ายในงานที่คุณบ๊วยไปทำให้แก่ครอบครัวฝ่ายหญิงที่ข่าวว่าเป็นมือที่ 3 นั่นเอง ฉลอง 60 ปีร้านทองชื่อดังเห็นจากทางขวาของรูป ไม่รู้ว่างานนี้จะเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง แต่ทว่า ข่าวหย่าของทั้งคู่ยังไม่มีมูล แต่เรื่องของใจ ถูกแบ่งไว้ด้วยคำว่าลูกเท่านั้น

ข่าวคราวเตียงหักรักร้าวครั้งนี้ ของตุ๊กและบ๊วยอยู่ในความสนใจ อาจเพราะภาพความเป็นหัวหน้าครอบครัวของบ๊วยในตอนแรกดูเด่นชัด และภาพการเลี้ยงลูกเพียงลำพังโดยไม่พึ่งพี่เลี้ยงของตุ๊ก ทำให้ "น้องแพรว" และ "น้องภูมิ" เติบโตมาด้วยฝีมือการเลี้ยงของเธอเอง และทุ่มเวลาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ที่ลูกทั้งสอง และในการให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดในงานเปิดตัวหนังสือของ "หนิง ศรัยฉัตร" ที่พารากอน ตุ๊กถึงกับน้ำตาคลอในการให้สัมภาษณ์ และยอมรับอย่างกลายๆว่า "อยู่เพื่อลูก" และไม่ขอพูดถึงบุคคลที่สาม เพราะไม่รู้จักไฮโซโมเป็นการส่วนตัว อีกทั้งขอทำหน้าที่แม่ เลี้ยงลูกและเอ่ย

ถ้อยคำว่าเธอเชื่อใจบ๊วย ไม่รู้ว่าเป็นการรักษาน้ำใจหรือประคับประคองครอบครัว เพราะตลอดการให้สัมภาษณ์เธอน้ำตาคลอ และภายหลังถึงกับร้องไห้กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวในเวลานี้

“ทุกวันนี้ตุ๊กมีชีวิตอยู่เพื่อลูก แล้วข่าวว่ามีผู้ใหญ่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้นั้น ตุ๊กไม่รู้เรื่อง ตุ๊กไม่ได้คิดอะไรเยอะขนาดนั้น สิ่งที่คิดอย่างเดียวคือเรื่องลูก ประคับประคองและดูแลครอบครัว มีปัญหาก็พยายามเอาชนะ ให้ปัญหามันผ่านไป ให้เรากลับมาเป็นครอบครัวให้ได้ แล้วถ้าจะพูดว่าให้ช่วงที่ให้โอกาสมันก็เกินไป เรื่องทุกเรื่องมันก็มี 2 ฝ่าย เมื่อเกิดปัญหาขึ้นเราก็ต้องมองตัวเราเองเหมือนกันว่า เราบกพร่องอะไรหรือเปล่า การที่เรารับรู้ปัญหา น่าจะเป็นเรื่องดีที่ทำให้ปัญหาหมดลง”

แม้แต่ “ท็อป ดารณีนุช โพธิปิติ” พี่สาวคนสนิทของบ๊วย ยังยอมรับว่า เธอเองก็ไม่เคลียร์ในตอบคำถามของบ๊วย แต่เรื่องของครอบครัวท็อปยืนยันว่าเธอคงไม่เข้าไปก้าวก่ายได้แต่เตือนสติน้องว่า อยากให้เห็นใจตุ๊กที่ต้องเลี้ยงลูกถึง 2 คน แต่ไม่รู้ว่าวินาทีนี้ ทั้งสองจะไกล่เกลี่ยปัญหาได้มากน้อยเพียงใด แต่ที่แน่ๆ บ๊วยอาจต้องลดความสัมพันธ์กับเพื่อนสนิทสุดซี้ชื่อ “โม” ไปชั่วขณะ เพราะการไปกินข้าว ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยวต่างประเทศ ในเวลางานบ้าง นอกเวลางานบ้าง ต้องจัดการกับการตอบคำถามให้ดี เพราะนี่ยังไม่รวมมีคนตาดีเห็น “ไฮโซสาว” จุ๊บกับ “ดาราหัวเหม่ง”
กลางโรงแรมหรูใจกลางเมืองอีก งานนี้บอกได้คำเดียวว่าสงสารเด็ก!
..............................

ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 105 วันที่ 8-14 ตุลาคม 2554