“บ๊วย” แถลงเองไม่เปิดให้สื่อซัก เจ้าตัวไม่รับไม่ปฏิเสธขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอดลูก 20 วัน อ้างเป็นเรื่องของสองคน ไม่ตอบสาเหตุที่ทำให้เตียงหัก บอกเลยจุดนั้นมาแล้ว พร้อมเผยลูกยังไม่รู้เรื่อง รอให้โตมีวุฒิภาวะค่อยบอก ก่อนร้องไห้รับไม่ได้คนด่าไม่รักลูก แต่รับรักลูกไม่เท่ากัน ยันส่งเสียลูกทั้ง 2 คน ตัดพ้อผมไม่ได้ฆ่าคน
เป็นข่าวใหญ่ที่ถูกพูดถึงมาตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับข่าวคราวเตียงหักของพิธีกรอารมณ์ดี “บ๊วย เชษฐวุฒิ วัชรคุณ” กับอดีตภรรยา “ตุ๊ก ชนกวนันท์” หลังมีการเปิดเผยออกมาว่า ทั้งคู่ได้ไปเซ็นใบหย่ากันเป็นที่เรียบร้อย เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่เขตสะพานสูง โดยได้รับการยืนยันจากคนใกล้ตัวอย่างผู้จัดการส่วนตัวของตุ๊ก ว่า ทั้งคู่ตกลงกันได้ด้วยดี ลูกอยู่กับตุ๊ก สินสมรสแบ่งกันคนละครึ่ง ส่วนบ๊วยจะช่วยเรื่องค่าเลี้ยงดูและค่าเรียนของลูกๆ ทั้ง 2 คน คือ “น้องเแพรว” และ “น้องภูมิ” เป็นการปิดฉากชีวิตคู่ 7 ปีอย่างขมขื่น และได้ทำให้หลายคนช็อกไม่น้อย เนื่องจากเป็นที่ทราบดี ว่า บ๊วยและตุ๊กนับเป็นคู่รักที่รักกันมากอีกคู่หนึ่ง หลายคนอิจฉา
กระทั่งหลายเดือนที่ผ่านมา ก็มีข่าวว่า ทั้งคู่มีปัญหากันถึงขั้นตัดสินใจจะจดทะเบียนหย่า โดยมีข่าวว่า บ๊วยไปแอบสานสัมพันธ์กับทายาทร้านทองชื่อดัง “โม นภัสนันท์ พสวงศ์” อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทางฝั่งของบ๊วยได้ออกมาปฏิเสธเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ยอมรับว่า มีปัญหากับตุ๊กจริง แต่เป็นเรื่องของคนสองคน ไม่เกี่ยวมือที่สาม นับตั้งแต่มีข่าวออกมาทั้งบ๊วยและตุ๊กก็พยายามประคับประคองชีวิตคู่มาตลอด แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอด ต้องหย่าขาดจากกันอย่างที่มีรายงานข่าวออกไปแล้วก่อนหน้านี้
แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่การตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตครั้งนี้ ในวันที่ทั้งคู่เดินทางไปหย่ากัน สอบถามไปยังคุณแม่ของบ๊วย เจ้าตัวกลับปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง ว่า ชีวิตครอบครัวของลูกชายและลูกสะใภ้ ถึงจุดอวสานแล้ว ทั้งยังอ้างว่า 2 วัน ก่อนมีข่าวหย่าออกมา ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกันอยู่เลย
นอกจากนี้ ยังมีข่าวออกมาด้วยว่า ความจริงแล้ว หนุ่มบ๊วยได้ขอหย่าตั้งแต่ตุ๊กคลอด “น้องภูมิ” ลูกชายคนเล็กได้เพียง 20 วัน แต่เป็นเพราะทั้งคู่ยังตกลงกันไม่ได้ ทำให้เรื่องราวลากยาวยื้ดเยื้อมาเป็นปี ซึ่งสอดคล้องกับที่ “เก๋ ชลลดา” หลุดให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้ตุ๊กเข้มแข็งได้ในระดับนึง เพราะได้เตรียมใจมาตั้งแต่น้องภูมิเกิดได้ 20 วันแล้ว!!
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ทั้งคู่หย่ากัน ทั้งตุ๊กและบ๊วยก็เก็บตัวเงียบ ทราบจากคนใกล้ชิดว่าทั้งคู่ยังไม่พร้อมพูดถึงเรื่องนี้ ล่าสุด เป็นทางฝ่ายของบ๊วยที่ออกมาเปิดใจต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นการเปิดใจสดๆ ผ่านรายการคันปาก ทางช่อง 7 มี “อ้น ศรีพรรณ” และ “ไก่ สมพล” พิธีกรร่วมรายการเป็นคนสัมภาษณ์ ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ให้สัมภาษณ์ บ๊วยก็มีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งในวันนี้บ๊วยได้เปิดฉากแถลงเคลียร์ข่าวด้วยตัวเอง โดยมี อ้น และ ไก่ เป็นคนถามคำถาม แต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้สื่อสัมภาษณ์แต่อย่างใด ต่างจากวันที่เจ้าตัวเปิดร้าน “ไก่ทอดเดชา” ที่ยินดีให้สัมภาษณ์อย่างเต็มที่ ก่อนปล่อยโฮออกมาในช่วงท้าย เพราะรับไม่ได้ที่คนด่าไม่รักลูก
“อย่างที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าเกิดมีอะไรเปลี่ยนแปลง เราก็จะบอกกัน เพราะว่าผมไม่ได้ไปไหน ยังทำงานอยู่ บางคนอาจจะบอกว่าผมหนีหน้านักข่าวหรือเปล่า เปล่าครับ ผมก็ยังทำงานตามปกติ แล้วก็ไม่มีการแคนเซิลแต่อย่างใด และที่ยังไม่อยากออกมาพูด เพราะหนึ่งพอเกิดเรื่องแบบนี้ปุ๊บ มันก็ไม่สบายใจ”
“แล้วเรื่องแบบนี้ คือ มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิต ที่มีผลกระทบต่อผมเหมือนกัน ไม่ว่าใครจะมองยังไง มันมีผลกระทบต่อผมมาก กับตุ๊กก็มีผลกระทบ มันเป็นเรื่องที่ไม่อยากจะพูด และยังไม่พร้อมที่จะพูด แต่ถ้าเกิดปล่อยให้ช้าเนิ่นนาน ก็จะโดนหาว่าหนีหน้าหรือเปล่า ตอนนี้มันก็ไม่ได้เหมือนว่าทำใจได้แล้ว มันอยู่ที่ว่าต้องทำอะไรมากกว่า หน้าที่ของเราตอนนี้คือทำอะไรมากกว่า และเรื่องแบบนี้มันมีผลกระทบต่อลูกอยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้มีผลกระทบให้น้อยที่สุด”
โต้ไม่จริง “ตุ๊ก” เสียใจถึงขั้นเป็นลมต้องเข้าโรงพยาบาล
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ตุ๊กไม่ได้รับโทรศัพท์ ตุ๊กเข้าโรงพยาบาลไปตรวจร่างกายพอดีครับ แล้วก็ไม่ได้เป็นลมแต่อย่างใดครับ”
จริงๆ เหมือนเรื่องกำลังดีแล้ว ทำไมอยู่ๆ จึงตัดสินใจหย่า ปัญหาที่แท้จริงคืออะไร?
“เอาเป็นว่าถ้าตอนนี้พูดอะไรไปอีก มันก็เหมือนการที่ย้อนกลับไปพูดเรื่องเดิมๆ อีก มันก็เกิดผลกระทบ มันข้ามตรงนั้นมาแล้ว แล้วตอนนี้สัมพันธ์ผมกับตุ๊กดีมาก เราไม่ได้โกรธกัน และสัมพันธ์ตอนนี้เรามีความสัมพันธ์กันแบบพ่อแม่ของลูก และเราจะเป็นแบบนี้ตลอดชีวิตครับ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ครับ”
“ทุกอย่างมันดีขึ้นและดีขึ้นจริงๆ ครับ ถึงตอนนี้ผมคุยกับตุ๊กได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องลูก เราเลี้ยงลูกไปในทิศทางเดียวกัน ตกลงปรึกษากัน จังหวะชีวิตของลูกในทุกๆ วัน ความสัมพันธ์ของเราดีขึ้นจริงๆ (ปัญหาอะไรที่ทำให้เราไม่สามารถประคองความรักกันไปได้?) เราก้าวข้ามตรงนี้มาแล้ว ก็เลยไม่อยากจะพูดอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน”
“ตอนนี้ผมอยู่บ้านแม่ครับ ตอนนี้ตุ๊กอยู่บ้านที่รามอินทรา เวลาที่ผมจะกลับเข้าบ้าน ผมจะบอกตุ๊กว่าผมกำลังจะเข้าไปนะ เพื่อให้เขารู้ เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กันในฐานะสามีภรรยากันแล้ว เพื่อให้เขารู้ว่ากำลังจะมีใครมา”
ส่วนที่มีข่าวว่าแบ่งทรัพย์สินไม่ลงตัวนั้น “บ๊วย” ปัดเรื่องนี้เป็นเรื่องภายนอก
“เรื่องทรัพย์สินเป็นเรื่องของภายนอกมากเลย ผมกับตุ๊กรักลูกมาก เราคุยกันว่าเราจะเลี้ยงลูกอย่างไร แบ่งเวลากันยังไงมากกว่า ตรงนี้คือประเด็นสำคัญหลักมากกว่า แล้วลูกผมให้ตุ๊กเป็นหลักในการดูแลได้เลย เพราะผมคิดว่าแม่น่าจะดูลูกได้ดีกว่า ส่วนผมก็รับผิดชอบในหน้าที่ของพ่อ ส่งเสียเลี้ยงดูไปครับ”
“แล้วในเรื่องของการเจอลูก ตุ๊กก็อนุญาตให้ผมเจอลูกได้ตลอดเวลา ตรงนี้ผมก็ต้องขอบคุณตุ๊กด้วย ที่เข้าใจว่าผมก็รักลูก อยากเจอลูกตลอดเวลาเหมือนกัน ตั้งแต่หย่ามา ผมก็ยังทำอะไรได้เหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เรื่องนี้ลูกไม่ทราบหรอกครับ เพราะผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพื่อให้กระทบต่อลูกให้น้อยที่สุดครับ ให้ลูกได้รู้ตอนวุฒิภาวะที่จะรู้ดีกว่า เพราะผมจะพูดให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งพูดมันก็ยิ่งมีกระแสเข้ามาอีก”
ไม่รับไม่ปฏิเสธ กรณีขอหย่า “ตุ๊ก” หลังคลอด “น้องภูมิ” ลูกคนเล็กได้ 20 วัน อ้างเป็นเรื่องของคนสองคน
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มีเพียงผมกับตุ๊กเท่านั้นที่รู้ มันเป็นเรื่องของคนสองคน และผมก็ไม่รู้ว่าข่าวแบบนี้มันออกมายังไง มันออกมาจากปากใคร ใครจะบอกว่าผมรับลูกคนนี้ไม่เท่าคนนี้ ใครจะรู้ความรู้สึกผมครับ”
กระแสข่าวว่าจะดูแลแต่ลูกคนโต ลูกคนเล็กไม่ดูแลเพราะไม่สนิท?
“คนเป็นพ่อเป็นแม่รักลูกไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ ลูกคนนึงฉอเลาะ รักนะ รักเท่ากันแหละครับ แต่รักคนละแบบ อย่างภูมิตอนนี้ก็เล่นจุ๊บเหม่ง มันเป็นเรื่องของความรู้สึก ใครจะคิดยังไงก็ได้ แต่ผมรู้ว่าผมรักลูกอย่างไร และผมรู้สึกยังไง ผมทำอะไรอยู่ ย้ำเลยนะครับว่าผมไม่ได้โกรธกัน ความสัมพันธ์ดีขึ้นเรื่อยๆ เราคุยกันตลอด อย่างวันนี้ผมก็บอกว่า วันนี้พี่ให้สัมภาษณ์นะ”
โอกาสคืนดีเป็นเรื่องของอนาคต
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือ ความเป็นพ่อเป็นแม่ของลูกตลอดชีวิต เพราะเรามีเป้าหมายเดียกันคือลูก เรื่องวางแผนอนาคต ผมก็อยู่กับปัจจุบันครับ ตุ๊กกับผมก็บอบช้ำ ตุ๊กบอบช้ำอย่างหนึ่ง ผมก็บอบช้ำอย่างหนึ่ง บางทีชีวิตมันไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ ตอนนี้ที่ผมเจอคือ ถ้าไม่ดีก็เลวไปเลย จริงๆ มันมีเส้นสีเทาๆ”
ส่วนที่มีหนังสือพิมพ์บันเทิงฉบับหนึ่งลงข่าว “บ๊วย” มีสาวคนใหม่ไปนั่งเฝ้าที่ร้านไก่ทอดเดชา ธุรกิจของเจ้าตัว บ๊วยชี้แจงว่า...
“ทุกวันนี้ผมทำอะไรก็เป็นข่าว อย่างเช่น ข่าวในหนังสือพิมพ์ น้องผู้หญิงคนนี้ชื่อแก้ว รู้จักจริง แล้วเป็นแฟนเก่าของน้องผม แล้วเขาไปช่วยงานที่ร้าน แล้วก็มีการพูดคุยธรรมดา คือ อย่าไปคิดว่าผมมีเรื่องแบบนี้ต้องเศร้าอยู่ตลอดเวลา การที่เศร้าหรือไม่เศร้า เราไม่ต้องไปบอกใครตลอดเวลา ผมถึงบอกว่า ชีวิตไม่ได้มีแค่ขาวกับดำ มันมีเส้นเทาๆ และความรู้สึกของผมไม่จำเป็นที่จะต้องไปบอกใคร ผมทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุดทำหน้าที่ของพ่อให้ดีที่สุด ทำหน้าอดีตสามีที่จะคอยดูแลอดีตภรรยาให้ดีที่สุด”
ยันไม่มีมือที่สาม
“เรื่องมือทีสาม ไม่มีแน่นอนครับ ไม่เกี่ยวข้อง เป็นการตัดสินใจของผมกับตุ๊กครับ ใครจะมองว่าผมไม่ดีก็ได้ แต่อย่ามองว่าผมไม่รักลูก ขออย่างเดียว อย่าคิดว่าผมไม่รักลูกเท่านั้นเอง (ร้องไห้) ผมไม่ได้ฆ่าคนนะครับ คือ ผมรับไม่ได้ไง ที่คนมองว่าผมไม่รักลูก กับตุ๊กผมก็รัก และต้องแคร์ความรู้สึกในฐานะที่เป็นแม่ของลูก และยังรับผิดชอบเหมือนเดิม”
“ลูกต้องอยู่ในโรงเรียน เป็นเรื่องของสังคม ก็อยากให้กระทบต่อลูกให้น้อยที่สุด ขอสัมภาษณ์เป็นครั้งสุดท้าย เข้าใจว่าเป็นการทำข่าว แต่นั่นแหละ พูดไปแล้วนะครับ ผมไม่อยากพูดถึงแล้ว ไม่ได้เอามาอ้างจะให้ตัวเองรอดหรืออะไรนะครับ ขอให้เข้าใจ เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง บอกแล้วว่า เรื่องเป็นอย่างไร ก็น่าจะจบ ขอบคุณครับ”
ทั้งนี้ หลังจากให้สัมภาษณ์ในรายการเสร็จ เจ้าตัวก็เดินออกจากสตูดิโอไปเลยโดยที่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อ พร้อมหันมาพูดย้ำว่า ขอร้องอย่าบอกว่าผมไม่รักลูก