“ก๊อต มณฑล” เปิดแถลงข่าวกรณีปลอมแปลงเช็ค 2 ล้านกว่าบาท ยันได้เคลียร์เงินทั้งหมดกับคู่กรณีไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เข้าใจทำไมอัยการถึงยื่นฟ้องทั้งที่ไม่มีฝ่ายโจทก์ บ่นเสียความรู้สึกกับข้าราชการ นี่ขนาดตนเป็นคนพอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง และถ้าไม่มีจะขนาดไหน
หลังจากที่เมื่อวานนี้(5/ต.ค./54) “ก๊อต มณฑล ปริวัฒน์” พิธีกรรายการ “วันหยุดสุดขีด” รายการ J-Zone ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สีตกเป็นข่าวในคดีปลอมแปลงเอกสารเช็ค 2,423,000 บาท บริษัท พลัส ลิฟ จำกัด ที่ตนเองเป็นหุ้นส่วนอยู่เข้ากระเป๋าตัวเอง จนเป็นเหตุให้อัยการยื่นฟ้องในความผิดฐานปลอมและใช้ตั๋วเงิน (เช็ค) ปลอมนั้น แค่เพียงข้ามคืนเดียวก๊อต มณฑลก็ร่อนจดหมายเปิดแถลงข่าวที่โรงแรมเอเชียในวันนี้ทันที
โดยในวันนี้ก๊อตได้เดินทางมากับภรรยา “ชินะ ศรีเนินสูง” และทนายความสองคน “สมพร ดำพริก” กับ “นพดล ณรงค์ฤทธิ์” เปิดแถลงข่าวว่าได้รับผลกระทบทางธุรกิจอย่างหนักหลังจากที่ข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป จึงอยากจะมาชี้แจงความจริงให้สื่อมวลชนฟัง ยันทุกอย่างเป็นเรื่องเข้าใจผิดและเคลียร์กันไปเรียบร้อยแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมอัยการต้องยื่นฟ้องทั้งที่ไม่มีโจทก์
“เหตุการณ์เกิดขึ้นปีที่แล้วที่เขาฟ้องว่า ผมใช้เอกสารปลอมถอนเงินเข้าบัญชีตัวเองไม่ใช่เรื่องจริง ผมกับหุ้นส่วน เป็นเพื่อนสนิทกันแล้วเขามาชวนผมทำธุรกิจเปิดบริษัทโอพลัส ลิฟ จำกัด เป็นบริษัทออแกไนซ์โดยธรรมเนียมปฎิบัติต้องใช้ลายเซ็นในเช็ค 2 คน คือผมกับคุณวริญญา จารุทรรศน์พิมล จะมีการเซ็นเช็คไว้ล่วงหน้า ตัวเลขในการกรอกเอาความสะดวกเป็นหลัก ก็งงทำไมอัยการถึงสั่งฟ้องผม”
“เริ่มต้นเราทำธุรกิจออแกไนซ์ 3 คน ส่วนตัวผมเองก็มีธุรกิจส่วนตัวด้วย แต่อันนี้ก็มาช่วยเพื่อนเฉยๆ พักหลังๆ เพื่อนก็มีการถอนหุ้นไป แต่การทำบริษัทต้องมี 3 คนขึ้นไป ผมเลยให้พ่อผมมาหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ ส่วนผมมี 50 เปอร์เซ็นต์ ตอนหลังผมเองก็ไม่มีเวลาทำ เขาเองก็เริ่มไม่ว่างเตรียมเรื่องไปเรียนต่อ ผมเลยเสนอบอกว่าเลิกไหมปิดบริษัทไหม ก็ตกลงกันว่าจะปิดบริษัท แต่มีประเด็นที่ขัดแย้งกันเป็นเรื่องของค่าใช่จ่ายที่ไม่ลงตัวก็คือเรื่องของภาษี”
“พอเงินเข้าผมก็เซ็นต์เช็คออก คุณวริญญาเขาก็ไม่ค่อยว่างผมเลยต้องรับผิดชอบเรื่องของภาษี ผมเลยเปิดบัญชีใหม่ส่งผ่านเงินแยกต่างหาก วันที่ 7 กับ 8 เดือนตุลาที่ผ่านมาปีที่แล้ว ผมก็โอนจ่ายบัญชีให้เจ้าหน้าที่ภาษี การที่ผมเปิดบัญชีใหม่เพราะความบริสุทธิ์ใจ กลัวเขาจะมองว่าผมเอาเงินมาหมุน ผมเองทำเพราะความสนุก แต่เราแบ่งเงินเท่ากันหมด ถึงแม้ผมจะหุ้นเยอะกว่าเพราะมีส่วนของพ่อด้วย แต่เราก็คิดหารสองเพราะพ่อผมไม่ได้ต้องการอะไร”
“เงิน 2 ล้านที่มีปัญหาคือเงินที่ลูกค้าให้มาซึ่งถ้าเราจะเลิกเราก็ต้องเคลียร์ทุกอย่างให้หมด ซึ่งมันควรจะมีการหักค่าใช้จ่ายในเรื่องของภาษีแล้วค่อยแบ่งเงิน เรื่องนี้มันเป็นการเข้าใจผิดกัน เราเคลียร์กันไม่ลงตัวเรื่องค่าใช้จ่าย เขาต้องการให้แบ่งเลยแต่ผมไม่ยอมเพราะต้องหักค่าใช้จ่ายก่อน เราก็มีการไปเคลียร์กันที่โรงพัก ก็มีหมายเรียกผู้ต้องหาให้ผมมาตามนัดในข้อหายักยอกทรัพย์ ผมเองก็เข้าใจว่านั่นคือการแจ้งความ พอไปเจอเขากับตำรวจผมก็พูดว่า ช่วยเคลียร์ให้ผมเข้าใจหน่อยมันยังไง แต่เขาไม่เคลียร์ เขาต้องการจะแบ่งเงินอย่างเดียว ผมบอกไม่ได้ต้องหักค่าใช้จ่ายก่อน”
“ผมก็ขอดูยอดบัญชีทั้งหมดเพราะเขาเป็นคนทำซึ่งตำรวจก็เห็นด้วย ผมบอกขอสองอาทิตย์ในการตรวจเช็คบัญชี พอแยกกันไปไม่นานเพื่อนเขาที่มาด้วยก็โทรมาขู่ผมแล้วก็ขวางไม่ให้ผมขับรถออก ผมก็เลยขึ้นโรงพักไปแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้ พอคุณวริญญาและพรรคพวกเห็นผมลงบันทึกประจำวันเขาก็เลยแจ้งความผมกลับ พอผมเดินไปที่รถเขาก็เอาพรรคพวกที่เป็นชายฉกรรจ์มาขู่อีก 3 คน”
“ผมว่าเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันไม่มีอะไรเลย แต่คงเป็นเรื่องของมือที่ 3 ที่เข้ามาวุ่นวายเลยทำให้เป็นเรื่องใหญ่ จากตอนแรกที่เป็นแค่คดียักยอกซึ่งยอมความกันได้ แต่ไปๆ มาๆ กลับกลายเป็นปลอมแปลงเอกสาร เรื่องมันต้องถึงอัยการซึ่งความไม่ได้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงแจ้งความเพิ่มกับผม แต่ผมเข้าใจว่าคงเป็นเทคนิคทางกฎหมายเพื่อให้คดีมันผูกพันกลายเป็นคดีซ้อน”
“แต่ทุกวันนี้ผมกับคุณวริญญาเราคุยกันปกติไม่มีปัญหาอะไร เพราะเราคุยกันเคลียร์ไปแล้วแบ่งสัดส่วนกันไว้หมดแล้ว เขาเองก็เขียนไว้เป็นลายลักษณ์อักษรว่าเขายินดีให้ผมจัดการทุกอย่าง อัยการเองเขาก็บอกว่าเป็นเรื่องของการเข้าใจผิดกันเลยแจ้งความ อัยการบอกว่าเขาไม่ฟ้องกัน แต่ทำไมจู่ๆ ก็มาฟ้องผม”
“เกิดมาผมไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้อึ้งกับชีวิตครับ ผมเองไม่ได้อยากแถลงข่าวแต่กลับกลายเป็นว่าข่าวมันไปมีผลกระทบกับธุรกิจผม ผมโดนดิสเครดิตจากเรื่องนี้เยอะมากภายในคืนเดียว บอกได้เลยว่าเงินทุกบาทผมโอนให้ครบแล้วเมื่อวันที่ 24 มกราคม ครบทุกบาททุกสตางค์”
“ผมต้องให้ทนานยเข้ามาช่วยเรื่องนี้ทำผมอึ้ง ไม่เคยมีลูกค้าคนไหนมาบอกว่าผมเบี้ยวเงิน มีแต่คนมาติดเงินผม เรื่องนี้มันกระทบกับผมมีผลกับผมมากจริงๆ ลูกค้าโทรมายกเลิกหลังจากที่ข่าวลง ผมเสีย ความรู้สึกกับเรื่องนี้ มีคนด่าผมเยอะ ถึงผมจะไม่ได้ดังมากแต่ผมก็ไม่เคยทำอะไรเสียหาย”
เผยคู่กรณี “วริญญา” ที่แจ้งความดำเนินคดีปลอมแปลงเอกสารไม่ติดใจเอาความ
“คุณวริญญาบอกผ่านเพื่อนมาว่าเขาไม่ได้ติดใจอะไรกันแล้ว เราเคลียร์กันไปแล้ว เราเองไม่ได้คิดอะไร ผมแค่ต้องการสิ่งที่มันถูกต้องในการจ่ายภาษีแค่นั้นเอง ในส่วนของคุณวริญญาจบไปแล้วแต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมอัยการถึงฟ้อง ผมเองก็ไม่เข้าใจนะในเมื่อคดีมันไม่มีโจทก์แล้วทำไมต้องมีจำเลย ตอนนี้ถึงผมกับคุณวริญญาจะไม่สนิทกันเหมือนเดิม ผมแค่ต้องการความถูกต้อง แต่ตอนนี้ผมเสียความรู้สึกกับข้าราชการ”
“บังเอิญที่ผมอาจจะเป็นคนที่พอมีคนรู้จักบ้าง แล้วคนอื่นล่ะครับที่ไม่รู้จักใครเลยเขาจะเดือดร้อนแค่ไหน นี่ขนาดผมยังแบบนี้กับข้อหานี้ผมให้เวงิน 1.5 แสนบาทประกันตัว แล้วคนอื่นล่ะครับเขาจะเดือดร้อนไหม ผมงงทำไมผมจะต้องโดนแบบนี้หลักฐานเราก็มีชัดเจน ในเมื่อผมเคลียร์กับคุณวริญญาเรียบร้อยหมดแล้ว หลักฐานเองก็มีครบหมดแล้ว และวันที่ 19 ธันวาคมนี้ผมจะไปขึ้นศาล”