xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กประวิทย์” เข้มละครล็อตใหม่ห้ามจูบจริง ไม่ฟันธงเชือด “เป็นต่อ” บอกขี้เกียจทะเลาะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ประวิทย์” บอสวิก3 รับทาบ “จุ๋ย” แต่อีกฝ่ายยังติดสัญญา เคลียร์เรื่องดูดดาราช่อง7 เป็นเรื่องปกติเพราะดาราช่อง3 ก็ย้ายไปอยู่ช่องคู่แข่งเหมือนกัน สั่งเข้มละครล็อตใหม่ห้ามใช้คำรุนแรงห้ามจูบจริง เหตุไม่เหมาะกับสังคมไทย ส่วนซิทคอม “เป็นต่อ” ให้โอกาสเสนอรายการใหม่ บอกไม่อยากทะเลาะแล้ว

ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งดีและไม่ดีตลอดปีที่ผ่านมา สำหรับละครของช่อง 3 รวมไปถึงข่าวคราวการดึงตัวนักแสดงอย่างสาว “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” มาร่วมค่าย รวมไปถึงข่าวคราวการเตรียมดูดนางเอกช่อง7 มาเสริมทัพเรียกเรตติ้งจนกระเทือนช่องคู่แข่ง ครั้นมีโอกาสเจอ “ประวิทย์ มาลีนนท์” บิ๊กบอสวิก3 จึงสอบถามอัพเดทข่าวคราว โดยเจ้าตัวเผยว่าที่ผ่านมาผลงานของช่องได้รับกระแสดีอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่คิดหยุดนิ่งพยายามปรับเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ

“เรื่องของนักแสดงในช่อง อย่างที่มีข่าวว่าจุ๋ย (วรัทยา นิลคูหา) จะย้ายมาอยู่กับเรา ต้องบอกว่าเขายังติดสัญญาอยู่ ถ้าออกข่าวไปเดี๋ยวผิดใจกันหมด เดี๋ยวทางกันตนาเขาอาจจะมีปัญหา เราก็คุยๆ กันมา แต่สำคัญที่สุดคือเขายังมีสัญญาอยู่ เป็นไปไม่ได้แน่นอน ในวงการนี้ทุกคนคือเพื่อนกันหมด ไม่ว่าจะสังกัดไหนก็เพื่อนกันทั้งนั้น พูดไปพูดมาเลยเป็นเรื่องราวใหญ่โต แต่ที่แน่นอนที่สุดคือเขายังมีสัญญาอยู่กับกันตนา มันไม่ใช่ใครจะพูดอะไรก็ได้ ถ้าจะเอาเขามาต้องไปถามที่กันตนา กันตนาไม่ให้มาก็มาไม่ได้"

“มันก็สลับไหลเวียนกันไป ครั้งนึงนักแสดงของเราก็ไหลไปช่อง 7 นะ แต่ครั้งนี้ที่เขาเทมาทางเราไม่ใช่เพราะเรามีสวัสดิการดีกว่าหรือยังไง เรื่องนี้บอกได้เลยว่าไม่จริงหรอกครับ อยู่ที่ตัวของแต่ละคนมากกว่าว่าอยู่ที่ไหนแล้วเขามีความสุข ใครมีความสุขอยู่แล้ว เราจะไม่ไปสร้างปัญหา เรื่องสวัสดิการเอาเข้าจริงๆ ก็ไม่แตกต่างกันหรอกครับ เราคนทีวีเป็นพี่น้องกันหมดแหละครับ ทุกๆ เดือนผู้บริหารสูงสุด 4 สถานีจะมานั่งคุยกันทำอย่างนี้มาเป็น 30-40 ปีแล้ว พวกเราแข่งขันกันแค่หน้าจอเท่านั้นเอง แต่หลังจอเป็นเพื่อนพี่น้องกันหมด มันไม่ได้มีความขัดแย้ง ไม่ได้ชิงดีชิงเด่นขนาดนั้น อยู่ที่ผู้ชมว่าจะเลือกช่องไหนแค่นั้นเอง ในวงการทีวีมีแต่คู่แข่งขัน แต่ไม่มีความเป็นศัตรู”

โวเตรียมกลับมาเข้มงวดละครล็อตใหม่ห้ามใช้คำรุนแรง และพฤติกรรมที่รุนแรง งดจูบจริงบอกไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย เน้นส่งเสริมอาชีพ ยกละครต่างประเทศเป็นแบบ

"ละครเราตอนนี้ดีมากๆ ครับ เราได้รับการกล่าวขวัญมากขึ้น เรียกว่าแข่งขันได้ดีขึ้น เราก็พยายามปรับเปลี่ยนไรเรื่อยๆ อย่างนักแสดงเก่งๆ เอง พอเขาผันมาทำงานเบื้องหลังเขาก็ทำได้ดี อย่างเรื่องตะวันเดือดของนก (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) เดี๋ยวต่อไปก็จะมีแอน (แอน ทองประสม) ช่วงนี้เขาก็รับงานแสดงน้อยลง แต่เขาไปใช้เวลาในการเป็นผู้จัดรายการอิงลิชออน ทัวร์ เขาเองก็เตรียมตัวเป็นผู้จัดแล้ว แต่ว่าพูดคุยไปถึงไหนเราก็ไม่แน่ใจ แต่หน่อย (บุษกร วงศ์พัวพันธ์) นี่ได้ข่าวว่าเขาจะจัดใหญ่ จัดเต็มเลย แต่รายละเอียดยังไงตรงนี้ผมไม่ค่อยมีครับ เราสนับสนุนให้นักแสดงผันตัวเองมาเป็นผู้จัดมาตลอดครับ ใครมีความสามารถ เราอยากร่วมงานด้วยหมด"

“งานเราเองก็ขยายไปเรื่อยๆ อย่างตอนนี้ละครหลังข่าววันละสองชั่วโมงสิบห้านาที ช่วงเย็นหนึ่งชั่วโมงครึ่ง และเราอาจจะเพิ่งเป็น 2 ชั่วโมงเต็มเพราะอยากได้ละครเด็ก และเยาวชนสำหรับครอบครัวมากขึ้น ตรงนี้เป็นงานที่เพิ่มขึ้นอีกตั้งเยอะของเราเลย คือเราได้ทำสัญญาประชาคมกันไว้แล้วกับคุณสมรักษ์ (สมรักษ์ ณรงค์วิชัย) ว่าจะลดเรื่องของความรุนแรง ภาษาหรือฉากที่ไม่เหมาะสมในละคร อันที่จริงทางเราก็พยายามคุยกับผู้จัดว่าเราไม่ได้ขายซีนพวกนี้ เราขายเรื่องมากกว่า อย่างเรื่องจูบปาก เราบอกไปแล้วว่าต่อไปนี้ไม่อยากให้มี”

“ไม่ใช่เพราะที่ผ่านมาละครดอกส้มสีทองมีผลกระทบเยอะนะครับ แต่มันเป็นความตั้งใจของเรามากกว่า เพราะเมื่อก่อนนี้การถูกเนื้อต้องตัวของพระเอกนางเอกน้อยมาก แต่หลังๆ เปลี่ยนไปเยอะ เด็กสมัยใหม่ก็ใจกล้าขึ้นมาก แต่ก็ถือว่าเป็นงานแสดงนะครับ แต่สำหรับผมยังมองว่าไม่เหมาะสมกับบ้านเรา มันไม่จำเป็นที่จะต้องมาขายซีนพวกนี้ ก็เลยบอกกับทางผู้จัดไปว่าช่วยดูเรื่องนี้หน่อย เราไม่ต้องการ เราต้องการการเล่าเรื่องที่สนุก อย่างซีนจูบอาจใช้มุมกล้องบัง เราไม่จำเป็นต้องขาย มันแค่แวบเดียวเอง ไม่มีประโยชน์"

"คือเราพูดมาเป็นปีแล้วว่าอย่าไปฝังใจกับความสำเร็จเก่าๆ พวกละครตบจูบ ผมไม่เชื่อ แล้วหลังๆ ที่ละครสร้างเรตติ้งให้เราดีกลับละครเบาๆ ใสๆ อย่างเป็นเรื่องผู้ใหญ่ลีกับนางมา ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2504 เป็นละครท้องไร่ท้องนา แต่กลับเป็นว่าเรตติ้งดีที่สุด ก็คงต้องให้เวลาเขาสักนิดแล้วจะค่อยๆ พัฒนาไปครับ อย่างของเกาหลีดูทุกเรื่องที่เราฉายเป็นเรื่องอาชีพทั้งนั้น ถ้าไปดูของอเมริกา จะเกี่ยวกับตำรวจ หน่วยกู้ภัย หมอ ทนาย เขาลงรายละเอียด แต่ของเราแค่แตะนิดหน่อย ไม่ลงลึก ก็พยายามนำรูปแบบละครต่างประเทศมาใช้กับละครไทยไม่ให้ดูน้ำเน่าเกินไป แต่จริงๆ เรื่องความเป็นน้ำเน่าก็เน่ากันทั้งโลก มันเป็นรสนิยมนะ แต่เราจะค่อยๆ เติมน้ำโพลาลิสลงไป แต่เราต้องใช้เวลา"

ลั่นขอเลือกรักษามิตรภาพ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ยังไม่ปลดซิทคอม “เป็นต่อ” ออกจากผัง ให้โอกาสคิดรายการใหม่มาเสนอ

"คือต้องเรียนอย่างนี้ ไม่ว่าที่ไหนในโลกก็แล้วแต่ มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าทุกคนออกมายื้อว่าดีอยู่แล้ว แตะไม่ได้ มีคนดูอยู่แล้ว ผมว่าสถานีเหลือแผนกเดียวก็พอแล้ว คือแผนกออกอากาศ ให้เอาเทปมาใส่ออกอากาศเอง ไม่ได้ขอเวลาคืนเขานี่ เราแค่ต้องการอะไรที่ใหม่ๆ แต่ถ้าทุกคนบอกว่าเราพอใจอยู่ตรงนี้แล้ว อย่างนั้นผมไม่ต้องทำงาน ผมก็สบายแล้ว เมื่อก่อนผังเรามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทุกผังรายการเราเป็นคนเปลี่ยนมากที่สุด เมื่อก่อน 3 เดือนเราเปลี่ยนที ไม่เห็นมีใครว่า แต่ว่าหลังๆ เรามาดูเรื่องละครที่เราผลิต ดูรายการข่าวของเราที่ผลิตเอง เรามาดูตรงนี้มากกว่าที่จะดูคนที่มาร่วมงานกับเรา ส่วนรายการอื่นๆ คือเราปล่อยให้ฝ่ายรายการคุยกันไป"

“ถ้าตอนนี้ผมเอาเวลารายการคืนมาให้คนอื่นทำค่อยมาโวย คุณเอาอะไรออกมาใหม่ได้มั้ยก็แค่นั้น ผมไม่ได้โทษบอยนะ เพราะผมเองก็ไม่ได้คุยกับบอย เนื่องจากบอยเป็นผู้บริหารระดับสูง เขาส่งทีมงานมาคุยก็น่าจะรู้เรื่อง แต่ปรากฏว่าพอคุยไปแล้วสื่อสารกันผิดหรือยังไง มันเลยเกิดความไม่เข้าใจกันขึ้นมา แต่เราเองก็ไม่ได้ปล่อยนะ ถ้าเปลี่ยนให้เราได้เร็วก็ดี เราไม่อยากทะเลาะด้วยไงครับ”

“ถ้าเป็นช่องอื่นเขาไม่คุยด้วยหรอก เขาคุยทางผัง เขาตีผังออกมาแล้ว ชื่อไม่อยู่ตรงนั้นก็แสดงว่าเลิกกัน แต่เราคุยกันล่วงหน้านานๆ ไม่ชอบทะเลาะ ช่องเราทำงานถือว่าทุกคนอยู่ระนาบเดียวกัน เท่าๆ กัน ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร เราถือว่าเป็นผู้ร่วมงาน ถือว่าเสมอกัน ต้องให้เกียรติและมาคุยกันครับ ระยะเวลานี่ก็ไม่รู้นะ(จะอยู่ถึงสิ้นปีมั้ย?) เป็นเรื่องของฝ่ายรายการที่เขาคุยกัน”






กำลังโหลดความคิดเห็น