“เชียร์” ดีใจได้ทำงานดีเจเหมือนที่ฝันไว้ ส่วนงานแสดงถือเป็นงาน เผยใกล้หมดสัญญากับช่อง 7 แล้วแต่ยังตอบไม่ได้ว่าจะต่อสัญญาหรือเปล่า ไม่น้อยใจที่มีละครน้อย เพราะมองแค่สิ่งที่ได้รับ ไม่ได้มองว่าจะต้องได้อะไร ขอทำสิ่งที่มีให้ดีที่สุด ส่วนที่มีข่าวว่าจะย้ายไปช่อง 3 เพราะมีผู้จัดการคนเดียวกันกับ “จุ๋ย วรัทยา” นั้น เชียร์บอกคนละส่วนกันต่างคนต่างตัดสินใจ
เคยบ่นมานานว่าอยากมีโอกาสได้ทดลองงานดีเจแต่ติดสัญญากับทาง 7 สีและติดเรียน แต่ในที่สุด “เชียร์ ฑิฆัมพร ฤทธิ์ธาอภินันท์” ก็สมใจเมื่อได้รับโอกาสทำงานหลังไมค์เป็นดีเจที่คลื่นใหม่ 103 LIKE FM งานนี้เจ้าตัวเผยสุดตื่นเต้นเหมือนคว้าความฝันอีกหนึ่งก้าวของตัวเองได้ ส่วนงานละครก็ไม่ทิ้งถึงแม้จะมีงานน้อยก็ตาม
“จริงๆ เชียร์ชอบฟังวิทยุมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ และมีดีเจในดวงใจเป็นไอดอลเลยคือคือ พี่โจ้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เชียร์ฝันและอยากเป็นดีเจตั้งแต่เด็กๆ แล้ว วันที่มาจัดรายการที่นี่วันแรกยังนึกถึงพี่เขาอยู่เลย ยังพูดอยู่เลยว่าวันนี้เชียร์จะจัดรายการวิทยุแล้วนะ จะทำหน้าที่เหมือนที่เชียร์เคยฟังพี่จัดวิทยุแล้ว เชียร์เคยคุยกับพี่โจ้ว่าอยากเป็นดีเจตั้งแต่ตอนที่เรายังไม่เข้าวงการบันเทิงดีด้วยซ้ำแล้วพี่โจ้เขาจำเราได้ เราปลื้มในความสามารถของเขาและยังนึกถึงเขาเสมอค่ะ”
“พอได้มาทำแล้วมันก็มีความสุขที่เราคว้ามันมาได้เสียที แต่ว่ามันไม่ง่ายที่จะทำหน้าที่ให้มันราบรื่นในทีเดียว ต้องอาศัยประสบการณ์ค่อนข้างเยอะ วันแรกที่มาจัดรายการวิทยุจะลืมปิดไมค์ตลอด(หัวเราะ) อย่างเวลาเราพูดเสร็จเราตื่นเต้นมากๆ พูดจบปุ๊บเหมือนเราระบาย....เฮ้อ ออกมาดังมากๆ ซึ่งมีทีมงานที่มือไวมาปิดไมค์ของเราไว้ทันค่ะ”
ลั่นยังไม่ทิ้งงานละคร ส่วนเรื่องสัญญากับทางช่อง 7 ยังเหลืออีกเพียงหนึ่งปี บอกยังตอบไม่ได้เหมือนกันว่าจะอยู่หรือไป
“ละครเชียร์ก็ยังรับเล่นเหมือนเดิมค่ะ อาชีพหลักของเชียร์คือนักแสดง ตอนนี้ก็มีละครค่ะกำลังถ่ายเรื่องปางเสน่หาอยู่ แต่งานดีเจเหมือนเป็นบทบาทใหม่ที่เพิ่งรับมา ก็คิดว่าคงไม่มีผลกระทบอะไรกับงานหลักของเชียร์ เพราะงานดีเจมันมีเวลาแน่นอน งานดีเจเหมือนเป็นโอกาสพิเศษที่เราได้รับมากขึ้น”
“จริงๆ แล้วละครที่เรารับก็ปกติอยู่แล้วคือรับครั้งละ 1 - 2 เรื่อง ก็ไม่ได้รู้สึกว่าน้อยไปหรือว่าอะไรนะคะ เชียร์ก็รับงานแสดงแบบนี้มาตั้งนานแล้วถือว่าเป็นเรื่องปกติ เราเป็นแค่นักแสดงแล้วผู้ใหญ่ให้โอกาสเราทำอะไรก็ทำให้เต็มที่ เชียร์จะคำนึงถึงสิ่งที่เราได้รับมามากกว่า จะไม่คำนึงถึงว่าทำไมเราต้องน้อยใจ เราไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเราเปรียบเทียบผลงานของเรา พัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดดีกว่า”
“เชียร์ไม่เคยเดินเข้าไปของานผู้ใหญ่เพิ่ม เพราะอย่างที่บอกคือเราทำโอกาส ทำสิ่งที่เรามีให้มันดีที่สุด ถ้าเรามัวแต่เปรียบกับคนอื่นเราจะไม่มีความสุขค่ะ เราถือว่าทำงานด้วยใจที่เรารักมากกว่า อาชีพนี้มันให้ทุกอย่างกับเชียร์และครอบครัวค่ะ สำหรับเรื่องของสัญญากับช่อง 7 (หัวเราะ)ก็มีกระแสเยอะมาก ตอนนี้สัญญาของเชียร์กับช่อง7 ยังมีอยู่ค่ะ จะหมดปีหน้าแต่เชียร์ไม่รู้เหมือนกันว่าหมดเดือนไหน ผู้ใหญ่เองก็มีเรียกคุยแล้วค่ะว่าสัญญาจะหมดแล้วนะ ส่วนจะตัดสินใจต่อหรือยัง คือตอนนี้ยังไม่ได้คุยถึงขนาดเป็นกิจลักษณะที่จริงจัง มันเป็นลักษณะแค่บอกเตือนว่าสัญญาจะหมดแล้ว อีกอย่างเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อนด้วย มีข่าวแบบนี้เชียร์เกรงใจผู้ใหญ่มาก”
“เชียร์ยังไม่ได้เข้าไปตกลงว่าข้อมูลของสัญญาจะเป็นอย่างไร และในลักษณะของช่องอื่นที่เข้ามาทาบทามจริงๆ แล้วยังไม่มีค่ะ ไม่ได้เป็นอย่างที่มีกระแสว่าเราจะไปที่นั่นที่นี่ค่ะ จริงๆ ใจของเชียร์ตอนนี้พูดตรงๆ ว่าเราโตขึ้นเยอะ อายุก็มากขึ้น เรามองอะไรมากกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนเรามีหน้าที่เป็นนักศึกษา เราจบก็ทำงาน ตอนนี้เราต้องมองว่าทำงานอะไรที่มันมั่นคงกับตัวเรา เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมันมีทางหรือมีอะไรที่สามารถต่อยอดให้กับเราได้ก็อยาก ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราจะเอามาคำนึงว่าเราจะคุยอย่างไรเรื่องสัญญา เพราะว่าเชียร์ก็มีหลายสิ่งที่เราอยากทำ มีเรื่องธุรกิจ เรื่องการเรียนต่อ ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ต่อสัญญาแต่เราอยากดูเรื่องความเหมาะสมของเวลา ยังบอกอะไรแน่นอนไม่ได้ ไว้ใกล้ๆจะหมดสัญญาค่อยพูดอีกทีดีกว่า”
คาดกระแสข่าวเตรียมชิงไปอยู่ช่อง 3 ตามรุ่นพี่สาว “จุ๋ย วรัทยา นิลคูหา” หลังหมดสัญญาคงเป็นเพราะตนกับอีกฝ่ายมีผู้จัดการคนเดียวกัน ลั่นคนละคนกัน บอกเคารพการตัดสินใจของอีกฝ่ายไม่ก้าวก่ายหากจะไป
“ด้วยความที่เชียร์กับพี่จุ๋ยมีผู้จัดการคนเดียวกันคนก็จะมองว่าจะชวนกันไป(หัวเราะ) แต่จริงๆ แล้วมันคนละส่วนค่ะ พี่จุ๋ยคือพี่จุ๋ย เชียร์ก็เชียร์ คนละคนกันค่ะ กับเรื่องนี้เชียร์กับพี่จุ๋ยเราไม่เคยคุยกันเลยค่ะเพราะว่าเรื่องงานก็เป็นเรื่องของตัวพี่จุ๋ยเขา เราไม่ก้าวก่ายและเคารพการตัดสินใจของกันและกันค่ะ”