xs
xsm
sm
md
lg

“เมียผกก.” ยุติศึกไม่ขอเอาเงิน “ดาราวีดีโอ” จะหาเงินส่งเสียลูกเรียนเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมียผกก.มานพ” ยุติศึกไม่ขอเอาเงิน “ดาราวีดีโอ” จะหาเงินส่งเสียลูกเรียนเอง มั่นใจจะส่งลูกเรียนม.กรุงเทพอย่างที่ลูกตั้งใจได้ กราบขอโทษผู้ใหญ่ในดาราวีดีโอที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ยันไม่ได้เจตนาแค่อยากจะถามในสิ่งที่ได้สัญญาไว้ ไม่โกรธที่ลูกชายผู้กำกับออกมาให้สัมภาษณ์ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นพี่ชายของลูกสาวตนเอง

หลังจากที่ “ไก่ ภารดี ตรีสมุทร” ภรรยา “มานพ สัมมาบัติ” ผู้กำกับมือหนึ่งค่ายดาราวีดีโอออกมาให้สัมภาษณ์ทวงคำสัญญาจากค่ายดาราวีดีโอ กรณีผู้บริหารให้สัญญาในงานศพสามีว่า จะส่งเสียเลี้ยงดูลูกสาว “น้องวิว กัญญา ชื่นชม” โดยจะให้มาเบิกเป็นครั้งๆ ไป แต่เมื่อไปเบิกกลับถูกผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของน้องวิวพูดจารุนแรงจนไก่รู้สึกเหมือนเป็นขอทาน และอีกหลายต่อหลายคำพูดเป็นชนวนให้ไก่ระเบิดอารมณ์จนเป็นที่มาของการทวงคำสัญญา พร้อมทั้งพูดถึงการทำงานของผู้กำกับผู้ล่วงลับที่ทำงานกับค่ายดาราวีดีโอมาถึง 30 - 40 ปีแต่กลับได้รับการตอบแทนแบบนี้

ซึ่งทางด้าน “หลุยส์ สยาม สังวริบุตร” ผู้บริหารค่ายดาราวีดีโอก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวแล้วว่า เป็นความปรารถนาดีที่อยากจะให้เงินถึงมือน้องวิวโดยตรง และที่ผ่านมาก็เคยให้ความช่วยเหลือผู้กำกับมานพมาโดยตลอด ให้เงินเป็นหลักล้านเลยก็มี จากนั้น “หนุ่ม วัชระ สัมมาบัติ” ลูกชายคนโตของผู้กำกับมานพ ซึ่งปัจจุบันทำงานที่ค่ายดาราวีดีโอก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวเช่นกัน พร้อมทั้งยืนยันว่า ต้นสังกัดได้ช่วยเหลืออย่างดีที่สุดแล้ว และเปิดเผยว่า ไก่แต่งงานมีสามีใหม่ไปแล้ว โดยให้น้องวิวอาศัยอยู่กับพ่อและตายายซึ่งก็คือพ่อและแม่ของไก่

หลังจากที่ข่าวเผยแพร่ออกไป ไก่ ภารดีได้ติดต่อเข้ามาที่บันเทิงผู้จัดการออนไลน์อีกครั้ง โดยจะขอพูดเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อให้เรื่องราวทุกอย่างยุติลงด้วยดี
“จากที่คุณหลุยส์ออกข่าวมาอยากจะบอกว่า เราไม่ได้มีเจตนาอยากจะโต้ตอบ เพียงแค่อยากให้เขาเข้าใจหัวอกความเป็นแม่อยากจะให้เขาเข้าใจว่า เราไม่อยากจะทำให้ลูกผิดหวัง พอวิวเขาบอกว่าเรียนที่ปัจจุบันนี่ไม่ไหวแล้ว อยากจะขอไปเรียนเทอม 2 ที่ม.กรุงเทพแล้วก็นึกถึงคำที่ผู้ใหญ่เคยพูดในงานศพว่า อยากเรียนอะไรเรียนไปเลย ก็เลยบอกลูกว่า วิวเข้าไปปรึกษากับผู้ใหญ่ว่าเรียนไม่ไหวนะและจะขอไปเรียนที่ม.กรุงเทพได้ไหม และลูกก็ได้คำตอบมาว่า ให้ไปเรียนรามหรือม.สุโขทัย เราก็รู้สึกว่าเอ๊ะ...มันขัดกับสิ่งที่เขาพูดวันนั้น ซึ่งวันนั้นที่เขาเมตตาจะให้เงินน้องวิวเรียน 4 แสนกว่าบาทเราก็ดีใจ แต่พอคำตอบที่ได้มามันทำให้เรางงที่ให้ไปลงเรียนม.รามหรือม.สุโขทัย และก็มีการใช้คำพูดที่ไม่ดีกลับมาที่เรา”

“คือที่ผ่านมาเราเข้าไม่ถึงผู้ใหญ่เลย มีแต่คนที่เขาให้มาดูแลเรื่องเงินจะพูดจาไม่ดีกับเราตลอด ทำให้เรารู้สึกไม่ดี ก็เลยอยากจะออกมาพูด รวมไปถึงการให้ความหวังกับเด็กของผู้ใหญ่ แต่สิ่งที่เขาให้สัมภาษณ์กลับกลายเป็นว่า เราอยากจะได้เงินเป็นก้อนเพื่อเอาไปทำอะไรก็ไม่รู้ อยากจะบอกว่า หัวอกคนเป็นแม่อยากจะเอาเงินลูกไปถลุงเล่นเหรอ มันเป็นไปไม่ได้หรอก นั่นมันลูกเรานะ ไม่งั้น 19 - 20 ปีที่ผ่านมาเราก็ดูแลลูกไม่ดีสิ เพราะเรากับพี่นพช่วยกันดูแลลูกมา”

วันนี้ที่ออกมาพูดอีกครั้งก็เพราะว่า อยากจะขอโทษที่เราไปก้าวก่ายและทำให้ทางบริษัทหรือผู้ใหญ่บางท่านเกิดความเสื่อมเสียและเสียชื่อเสียง เราไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครแค่เราไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาเราไม่เคยได้เข้าไปคุยถึงตัวผู้ใหญ่ซักท่านเลย มีแต่คนดูแลที่ใช้คำพูดที่ไม่ดีกับเรา กลายเป็นว่าเราคุยกับใครไม่ได้เลย คุยกับหนุ่มเขาก็จะแบบว่ารอประชุมๆ คือในความเป็นแม่เราไม่อยากจะให้ลูกหยุดเรียน เรารอคำตอบไม่ไหวเพราะไม่อยากให้ลูกต้องหยุดเรียน แต่ช่างมันไม่เป็นไรตอนนี้ก็ตัดสินใจให้ลูกไปลงเรียนม.รามและปีหน้าค่อยไปสอบใหม่ ถ้าจบก็ได้ปริญญาสองใบก็แค่นั้น”

“วันนี้ก็อยากจะกราบขอโทษผู้ใหญ่ทุกท่านที่บริษัทที่เราได้พูดจาหรือทำอะไรให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เราไม่ได้มีเจตนาจริงๆ เรามีเจตนาก็แค่นี้ เราสงสารลูกนะ”

เผยขณะนี้ยังไม่ได้คุยกับผู้ใหญ่ในค่ายดาราวีดีโอ
“หลังจากที่ข่าวออกไปก็ยังไม่ได้คุยกับผู้ใหญ่ในดาราวีดีโอเลย แต่มีทางผู้ใหญ่โทรมาแต่เราไม่ได้รับและก็โทรกลับไป ก็เป็นเสียงผู้ชายรับและก็มีคนที่เคยพูดจาไม่ดีกับเรามารับสาย เขาก็ถามว่า มันยังไงเหรอ มันอะไรยังไง เราก็จำไม่ได้ว่าเขาพูดอะไร เพราะที่ผ่านมาเขาชอบพูดจาไม่ดีกับเรา ฉะนั้นคำพูดเขาเราจะไม่ใส่ใจจะเหมือนพูดหูซ้ายทะลุหูขวา แต่จำได้อย่างเดียวว่า เขาปฏิเสธว่าไม่ได้ว่าเราอย่างนั้น เราก็บอกว่า พี่ไม่ได้พูดเหรอพี่ว่าหนู เขาก็บอกว่า ไก่น่ะพูดเร็วพี่ฟังไม่รู้เรื่องจะพูดกับวิว ถ้าวิวมาให้วิวโทรกลับด้วยนะและเขาก็วางไปเลย”

“ก็ได้คุยแค่นั้นไม่ได้มีโอกาสได้คุยกับผู้ใหญ่เลย แต่เท่าที่อ่านข่าวแล้วเหมือนท่านจะไม่เข้าใจเจตนาของเราว่าออกมาเพราะอะไร เหมือนเขาจะเข้าใจว่าเราอยากได้เงินก้อน ซึ่งมันไม่ใช่เลย เจตนาของเราแค่นี้.....คือเป็นคนบอกเองว่าอยากให้เรียนสูงเท่าไหร่เรียนไปเลย ณ วันนี้ลูกเรายังไม่ได้พูดเลยว่า ไม่เรียน ได้แต่พูดว่าขอเปลี่ยนสถาบันเพราะเขาไม่ไหวจริงๆ แต่กลับได้คำตอบว่า ให้ไปเรียนม.ราม หรือ ม.สุโขทัย และก็อยากจะเรียนก็เรียน ถ้าไม่เรียนก็ไม่ส่ง”

“ตรงนั้นมันเป็นเหตุผลให้เราสุดทนจริงๆ และบอกไปว่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ 4 แสนตรงนั้นเอามา และที่เหลือเราจะออกของเราเอง มันก็เลยกลายเป็นว่าเราอยากได้เงินก้อน ก็เข้าใจว่าเงินตรงนี้เป็นเงินของท่าน อยากจะช่วยใครก็ช่วย ถ้าไม่อยากช่วยก็จะไม่ช่วย และเงินทำบุญอยากจะทำในรูปแบบไหนก็เงินเขา เราก็เข้าใจแล้วว่า เงื่อนไขของเขาเงินของเขา มันไม่ใช่เงินของวิวก็โอเค....ต่อไปเราจะดูแลลูกของเราเอง เพราะตลอดระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมาเราก็ดูแลวิวมา ฉะนั้นเราก็ต้องดูแลต่อไปได้”

“แต่ก็ขอกราบขอบพระคุณในสิ่งที่เขาคิดจะช่วยเรา และก็ขอกราบขอบคุณผู้ใหญ่ทุกๆ ท่านในบริษัทที่เคยให้ความช่วยเหลือพี่นพเป็นอย่างดี รวมไปถึงช่วยจัดพิธีศพให้เป็นอย่างดี"
 
 “ในส่วนของหนุ่มที่พูดอะไรออกมาบอกตรงๆ ว่าไม่โกรธ อยากจะบอกว่า ก่อนที่ป๊าเขาจะเสีย 2 - 3 เดือนก็มานั่งคุยกันหลังบ้าน เขาก็บอกว่า เธอฉันอยากจะเจอลูกจังเลย เราก็บอกว่าเธอก็ไปตามหาที่อยุธยาสิ เห็นพี่นพบอกว่าหนุ่มเป็นดีเจอยู่อยุธยาไม่ค่อยได้เจอกัน ส่วนวิวเคยเจอกับพี่หนุ่มแค่ครั้งเดียว พอพี่นพเสียปุ๊บเราก็สอบถามไปทางอยุธยา สอบถามพี่แอ๊วก็คือป้าสะใภ้ภรรยาของพี่มานิต สัมมาบัติว่าหนุ่มอยู่ที่ไหน เขาก็บอกว่า อยู่ตรงนี้ๆ เราก็บอกว่า พี่ช่วยหนูหน่อยนะ ก็ให้แกออกไปตามให้จนเจอและไปที่โรงพยาบาลด้วยกัน”

“เราเป็นคนที่ตามหาหนุ่มจนเจอเพื่อที่จะทำตามอย่างที่ป๊าเขาคิด คือเขาอยากเจอลูกและอยากให้ลูกได้ทำงานที่ดาราวีดีโอ ไก่ก็เป็นคนพูดกับผู้ใหญ่ว่า ก่อนที่พี่นพจะเสียชีวิตเขาอยากให้ลูกทำงานที่บริษัทนี้ ถ้าลูกพี่นพได้มาทำงานที่นี่พี่นพคงดีใจเราก็ฝากฝังเขาไป ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็บอกให้มาทำงานด้วยกัน ท่านก็ถามว่าทำอะไรได้บ้าง อัดเสียงเป็นใช่ไหมเอ้างั้นเดี๋ยวไปเจอกัน คือเราก็ส่งเขาขึ้นฝั่งไปแล้วก็สบายใจพี่นพฉันตามลูกเธอเจอแล้วนะ ฝากให้เรียบร้อยแล้วนะ ก็เหลือแค่ไอ้ตัวเล็ก”

“เจตนาเราดีกับเขามาก ป๊าไม่เคยทำอะไรให้หนุ่มเลย ก็อยากจะให้เขาได้เงินช่วยกับน้องสองคน ส่วนที่หนุ่มบอกว่า ไก่เลิกกับพี่นพและแต่งงานใหม่ไปแล้ว จริงๆ ก็คือไก่เลิกกับพี่นพและก็แต่งงานใหม่แต่อาศัยอยู่ใกล้ๆ บ้านพี่นพนี่แหละ อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน และก็มีลูกกับสามีใหม่อยู่กันได้ 2 ปีจนลูกอายุ 6 - 7 เดือนก็เลิกกัน ปัจจุบันลูกของไก่คนเล็กอายุได้ 10 ปีแล้วก็อยู่บ้านหลังนี้(บ้านผกก.มานพ)”

“เพราะฉะนั้นชีวิตของไก่ไม่เคยไปไหน ก็จะดูแลลูกและพ่อแม่ที่บ้านหลังนี้ตลอด เพราะเราอยู่ใกล้กันมาก เราอยู่กันแบบเพื่อนช่วยกันดูแลลูก ไก่ไม่เคยทิ้งลูก ลูกไม่เคยห่างตัวเรา ไก่ไปเช่าบ้านอยู่ใกล้ๆ อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันพี่นพอยู่ซอย 18 ไก่อยู่ซอย 6 เพื่อทำอาหารปิ่นโตแพรวเดลิเวอรี่ ตอนนั้นบูมมากได้เงินมาซื้อบ้านซื้อรถ ก็ไปซื้อบ้านที่พฤกษาคลอง 3 แต่ไม่มีใครยอมไปอยู่พี่นพก็ไม่ไปลูกก็ไม่ไปเพราะคุ้นเคยกับที่นี่ก็ต้องปล่อยให้คนเช่า ไก่ไม่เคยไปไหนพี่นพเองเวลาเหงาก็ไปอยู่ที่บ้านไก่มันวนเวียนกันอยู่แถวนี้ ถึงครอบครัวเราจะไม่เพียบพร้อมเหมือนคนอื่นเขา แต่คนเรามันไม่จำเป็นต้องอยู่กันแบบสามีภรรยา มันอยู่ในฐานะพี่น้องครอบครัวอยู่กันแบบมีความสุขก็ได้”

“ก็อยากจะบอกหนุ่มว่า ไม่โกรธที่หนุ่มพูดและก็อยากจะขอบคุณหนุ่มมากๆ ที่ห่วงน้อง ยังไงเขาก็เป็นลูกพี่นพ ยังไงก็ไม่โกรธ ยังไงเขาก็เป็นพี่ชายของลูกสาวเรา”

วางแผนชีวิตในการดูแลลูก
“ก็ให้ลูกไปลงเรียนรามไว้ก่อน และถ้าปีหน้าสอบไม่ติดอะไรเลยก็จะให้ลูกเข้าเรียนม.กรุงเทพอย่างที่ตั้งใจ เรามั่นใจว่าเราทำได้จริงๆ แต่เป็นห่วงที่เขาจะต้องไปเรียนไกลๆ แต่เขาก็ชอบที่นี่ ตอนนี้ก็ทำธุรกิจกางเกงยีนส์กำลังจะเอาไปขึ้นตามห้างและจะส่งออกนอก และก็ขายของผ่านอินเตอร์เน็ต นอกจากนั้นแล้วก็เลี้ยงปลาที่อยู่หน้าบ้านเนี่ย ก็จะมีคนมาเหมา แต่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ดูแลปลาเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ทำร้านอาหารขายสเต็กบาร์บีคิวแล้วมันขายดีมาก และก็เหนื่อยมากเพราะทำคนเดียวจ้างแต่เด็กมาล้างจาน เรามีโรคประจำตัวและทำงานหนักเกินไปหมอบอกให้เลิกทำก็เลยต้องปิดร้าน”








กำลังโหลดความคิดเห็น