เพลงวาน : โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
“จงใคร่ครวญหัวใจ ใครเล่าใครไหนกัน แสนรักมั่น ห่วงใยเธอมากกว่าฉัน
มัวปิดบัง ฉันไย มีเรื่องใด พูดกัน บอกกับฉัน อย่าทำเป็นเหินห่างไป...”
เพลง“แสนรัก” : ดนุพล แก้วกาญจน์
............
“หล่อทะลุแป้ง”
พูดอย่างนี้ใครหลายคนอย่านึกว่าเป็น“ผม-บอน บอระเพ็ด”เข้าเชียวล่ะ เพราะนี่คือฉายาของ“พี่เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” ที่โด่งดังทะลุขั้วจากหนังเรื่อง“รถไฟฟ้า มาหานะเธอ”
ส่วนถ้าพูดถึง “เสียงหล่อทะลุล้าน” ใครและใครหลายคนคงยากที่จะเดาได้ว่าเขาคือใคร? เพราะที่ผ่านมาไม่มีฉายานี้ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการในวงการเพลงไทย หากแต่ผมเพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆตอนจิ้มแป้นพิมพ์เขียนคอลัมน์“เพลงวาน”อยู่ในขณะนี้นี่เอง
เสียงหล่อทะลุล้าน เป็นฉายาที่ผมขอยกย่องต่อ“พี่แจ้ : ดนุพล แก้วกาญจน์” หนึ่งในสุดยอดนักร้องของเมืองไทยในระดับตำนาน ซึ่งทำไมผมถึงยกฉายานี้ให้กับพี่แจ้หรือ ”พี่แช่”ของน้องๆ เมื่อถึงตอนท้ายเรื่อง เฉลยของฉายานี้ก็จะปรากฏขึ้นมาให้ทราบ
ส่วนตอนนี้ผมเพียงแค่อยากบอกว่า คนที่โตมากับเพลงในยุคนั้น แทบจะไม่มีใครคนไหนไม่เคยฟังและไม่รู้จักเพลงของพี่แจ้-ดนุพล ที่โด่งดังสุดๆคนนี้
บนถนนสายดนตรีของพี่แจ้
พี่แจ้ หรือ ดนุพล แก้วกาญจน์ เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 5 คน ลืมตาขึ้นมาดูโลกวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กทม.
พี่แจ้สนใจดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น ก่อนจะตั้งวงโฟล์คซองเล่นดนตรีอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในสมัยที่เรียน ม.ปลาย อยู่ที่โรงเรียนหอวัง
จากนั้นเมื่อโตขึ้นมาพี่แจ้ได้บ่มเพาะฝีมือ เป็นนักร้องอาชีพครั้งแรกใน“เลิฟคอฟฟี่ช็อป” ที่ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์ ย่านบันเทิงของวัยรุ่นในยุคนั้น ก่อนจะมาเล่นที่ “เบิร์ธเดย์” ใต้ถุนโรงหนังเพรสซิเด้นท์
ช่วงแรกของการเป็นนักร้องอาชีพ พี่แจ้ได้ชื่อว่าร้องเพลงของ Bee Gees ได้เด่นมาก นั่นจึงทำให้ทางวง“แกรนด์เอ็กซ์” ติดต่อทาบทามพี่แจ้ไปเป็นนักร้องนำคนใหม่ แทน“พี่จ๋าย-จำรัส เศวตาภรณ์” ที่ได้ลาออกไปช่วยกิจการทางบ้านในช่วงที่วงดนตรีวงนี้กำลังรุ่งโรจน์ร้อนแรง
เมื่อตกลงแนวทาง ตกปากรับคำกันเป็นที่เรียบร้อย พี่แจ้จึงเดินเข้าสู่ยุทธจักรวงการเพลงเป็นหนึ่งในสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์กับตำแหน่ง“นักร้องนำ”ช่วยกันผลิตอัลบั้มที่ 4 “เขิน” ออกมาในปี 2523 โดยมีเพลง“กล่อมรัก” ที่แต่งโดย“กรวิก” หรือ สันติ เศวตวิมล เป็นเพลงที่พี่แจ้ร้องบันทึกเทปเป็นเพลงแรกในชีวิต
ช่วงนั้นพี่แจ้ยังไม่โด่งดังและยังไม่ชัดเจนในแนวทางการร้องเพลงของตัวเอง กระทั่งในปี 2524 แกรนด์เอ็กซ์ทำซิงเกิ้ล“หัวใจมีปีก”ออกมา สร้างชื่อให้กับพี่แจ้อย่างมากในฐานะคนร้องนำเพลงนี้ ก่อนต่อกันด้วยอัลบั้มที่ 6 บันทึกการแสดงสด หอประชุมจุฬาฯ ที่พี่แจ้ตอกย้ำความเป็นนักร้องอันยอดเยี่ยมกับบทเพลง “พบรัก” เพลงช้าๆหวานซึ้งอย่างที่ครองใจแฟนเพลงมาจนถึงทุกวันนี้
ดูเหมือนว่าพี่แจ้หลังจากซิงเกิ้ลหัวใจมีปีกและเพลงช้าๆอย่างพบรักในอัลบั้มแสดงสด เขาจะค้นพบสไตล์การร้องเพลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองเจอแล้ว ทำให้ใน“แกรนด์เอ็กซ์โอ” อัลบั้มถัดมา วงแกรนด์เอ็กซ์ที่ตกผลึกกับการนำเพลงเก่ามาร้องเล่นใหม่ในสไตล์ของตัวเอง ผสมกับเสียงนักร้องนำอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพี่แจ้ สามารถสร้างปรากฏการณ์ถล่มทลายอีกครั้งกับยอดขายเทปเกินกว่า 1 ล้าน 5 แสนตลับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของวง
นี่นับเป็นครั้งที่สองของแกรนด์เอ็กซ์ที่สามารถทำยอดขายเทปได้ทะลุล้านตลับ หลังจากที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ส่งอัลบั้มแรก“ลูกทุ่งดิสโก้ 1” ทะลุล้านตลับมาแล้ว ขณะเดียวกันนี่นับเป็นครั้งแรกของพี่แจ้กับวงแกรนด์เอ็กซ์ ที่สามารถแหกด่านมะขามเตี้ยอันแสนยากในยุคนั้นฟันยอดขายเทปเกินล้านตลับมาได้
จากนั้นแกรนด์เอ็กซ์ในยุคที่มีพี่แจ้เป็นนักร้องนำได้ร่วมกันสร้างตำนานบทหนึ่งให้กับวงการเพลงไทยอยู่หลายปี(2523-2528 นับตั้งแต่อัลบั้มเขิน-สายใย) ฝากบทเพลงอมตะภายใต้น้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ หล่อทุ้มนุ่ม แฝงลูกอ้อนขยี้หัวใจ ของพี่แจ้เอาไว้มากมาย อาทิ “เพียงสบตา”,”เพื่อน”,”เชื่อฉัน”,”บริสุทธิ์”,”หัวใจสีชมพู”,”หัวใจที่ถอดวาง”,”คนธรรพ์รำพัน”,”สายัณห์รัญจวน” เป็นต้น
อย่างไรก็ดี สำหรับวงการดนตรีวงการเพลงแล้ว เมื่อเหล่านักดนตรีสมาชิกวงผ่านจุดสูงสุดมาถึงจุดอิ่มตัว การแตกตัวแยกวงถือเป็นเรื่องธรรมดา
วงแกรนด์เอ็กซ์เกิดการแตกตัวครั้งใหญ่หลังจากชุด“ดวงเดือน”(ชุดที่ 14 ) ในปี 2527 ซึ่งสมาชิก 4 คนของวงนี้ได้แยกวงออกไปตั้งวง“เพื่อน”ขึ้นมา ก่อนที่จะถึงคิวของพี่แจ้ที่ขอลาออกจากแกรนด์เอ็กซ์หลังจากอัลบั้มชุด“สายใย”(ปี 2528) เพื่อไปเดินตามความฝันสีทองของตัวเองบ้าง
“ฝันสีทอง”ความฝันอันเป็นตำนานของพี่แจ้
หลังเดินออกจากแกรนด์เอ็กซ์ พี่แจ้สานฝันของตัวเองต่อทันทีกับอัลบั้ม“ฝันสีทอง” ใน ปี พ.ศ. 2529 ในสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น หนึ่งในค่ายบิ๊กของวงการเพลงในยุคนั้น
ด้วยความเป็นนักร้องเบอร์หนึ่งแห่งยุคสมัย และการฝากฝีไม้ลายมือในมาตรฐานอันสูงปรี๊ดเอาไว้ในสมัยเมื่ออยู่แกรนด์เอ็กซ์ กอปรกับเสียงร้องที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และฝีมือการเขียนเพลงอันยอดเยี่ยมของพี่แจ้ ไม่ว่าจะเป็น “เพียงสบตา”, “เชื่อฉัน” และอีกหลายๆเพลง ที่จัดอยู่ในขั้นไม่ธรรมดา ทำให้อัลบั้มฝันสีทอง ที่แม้จะเป็นผลงานเพลงชุดแรกของเขา ถูกเฝ้าจับตาจากคนดนตรีและแฟนเพลงเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม พี่แจ้ก็ไม่ได้ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง เพราะอัลบั้มนี้เขาสามารถฉีกหนีความเป็นแกรนด์เอ็กซ์ได้เป็นอย่างดี แถมยังใส่ความเป็นตัวตน ความเป็นแจ้-ดนุพล ลงไปได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นแนวทางของพี่แจ้ที่ค้นพบได้อย่างรวดเร็วแม้เพียงแค่อัลบั้มแรกเท่านั้น
ฝันสีทอง พี่แจ้ได้วงพลอย และพี่โอม-ชาตรี คงสุวรรณ มาเป็นวงแบ็คอัพ ซึ่งยุคนั้นถือเป็นทีมแบ็คอัพที่จัดอยู่ในขั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
อัลบั้มชุดนี้ นอกจากพี่แจ้ที่เป็นหลักในการแต่งเพลง ทั้งเขียนเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง และโปรดิวซ์แล้ว ก็มีตัวช่วยเด่นๆอย่าง กรวิก อารี อุไร มาช่วยเขียนเนื้อร้อง วงพลอย พี่โอม-ชาตรี,ศรายุทธ สุปัญโญ(ยอดมือคีย์บอร์ด อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ในยุคเฟื่องสุดๆ) มาช่วยเรียบเรียงเซอร์ไพรส์เล็กๆที่จะเป็นอะไรผมขออุบเอาไว้ก่อน
ฝันสีทอง มีทั้งหมด 11 เพลง เริ่มกันด้วย “พังเพย”ซาวด์ดนตรีในเพลงนี้เป็นอีเล็กโทรนิคร็อค ที่กรวิกนำคำพังเพยสุภาษิตไทยมาร้อยเรียงเป็นบทเพลง ให้พี่แจ้ร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุกน่าฟัง
ถัดมาเป็น “คำถาม” มาในอารมณ์สนุกๆเช่นเดียวกับเพลงแรก เพลงนี้พี่แจ้ ทำเองหมดทั้งเขียนเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง เป็นเพลงสนุกๆน่าฟัง กับภาษาน่ารักๆ ดังเช่น “ถามไม่ยาก ไม่อยากให้ใครลำบาก เป็นคำที่ใสสะอาด ไม่โกง ไม่เท็จเด็ดขาด อย่าเดาจงตั้งใจฟัง” ในเพลงนี้พี่แจ้ยังใช้ลูกเล่น ตัวเองร้องนำ แล้วทางวงร้องประสานตามมาเป็นอีกหนึ่งตัวสร้างสีสัน
จากนั้นเป็น “แสนรัก”หนึ่งในบทเพลงที่โด่งดังสุดๆของพี่แจ้ สมัยนั้นเพลงนี้ถูกเปิดกันกระหึ่มเต็มบ้านเต็มเมือง
เพลงนี้พี่แจ้ทำเองหมดเหมือนเช่นเคย เป็นบัลลาดช้าๆเศร้าๆกับเมโลดี้และทางคอร์ดง่ายๆ แต่เป็นป็อบมีกึ๋น ฟังติดหูและโดน ที่สำคัญคือพี่แจ้ร้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างบาดลึก เสียงขยี้หัวใจของแกทำงานได้ผลอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในท่อนแยกที่มีการร้องนำ ร้องรับนั้น มันฟังจับใจดีเหลือเกิน
“...สายตาเธอ...บ่งบอก เห็นใจกันอย่าหลอก(จงอย่าลวง...พอแล้วๆ) จะรักใคร ไม่ต้องห่วง อย่างลวงฉันเลย(วอนอย่าลวง...กลัวแล้ว)
ถึงต้องช้ำใจตาย ฉันก็พร้อมยอมตาย(ใครเล่าทำปวดร้าว) เพราะเป็นเธอ อย่างไรทนได้เสมอ...”
ต่ออารมณ์บัลลาดเศร้าๆกันอีก 2 เพลงกับ “น้ำค้างกลางแดด”(เนื้อร้อง อารี อุไร) ที่ว่าด้วยการเฝ้ารอน้ำค้างกลางแดด ที่เปรียบดังคนรักอย่างอดทน แต่เธอกลับไม่มีน้ำใจให้กลับมาเลย
ส่วน “ฝันสีทอง” เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม เพลงนี้กรวิก ใช้ภาษาเขียนเนื้อออกมาได้สวยทีเดียว หลายคนบอกว่านี่น่าจะเป็นการแต่งเพลงให้กับพี่แจ้ แต่ผมฟังแล้วน่าจะเป็นเพลงที่กรวิกสะท้อนชีวิตของตัวเองออกมามากกว่า
เปลี่ยนโหมดเข้าสู่ดีกรีที่เพิ่มคึกคักขึ้นมาเล็กน้อยกับเพลงจังหวะปานกลาง อย่าง“ใครสักคน” กันบ้าง
ใครสักคนแม้ไม่ใช่เพลงโด่งดังมากมาย แต่เป็นหนึ่งในเพลงของพี่แจ้ที่ผมชอบมาก เพลงนี้ผลัดกันร้องคนละท่อน น้ำเสียงใครเป็นใคร ผมไม่สามารถแยกได้ทั้งหมด แต่ที่จำได้แม่นก็คือน้ำเสียงของพี่โอม ส่วนเสียงของพี่แจ้ในท่อนฮุคนั้น หวานเพราะโดดเด่นทรงพลังกว่าใครเพื่อนอยู่แล้ว
กับมาสู่อารมณ์เพลงช้ากันอีกครั้งกับ “ดอกไม้ให้คุณ” ของ“สุรชัย จันทิมาธร” หรือ“น้าหงา คาราวาน” เพลงนี้ยอดเยี่ยมทั้งความไพเราะของท่วงทำนองและเนื้อร้องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแรกที่น้าหงาร้องในชุดฮิโรชิมานั้นไม่ค่อยดังเท่าไหร่ กระทั่งพี่แจ้นำมาคัฟเวอร์ใหม่ มันกลายเป็นเพลงฮิตขึ้นมาทันทีจนนักฟังเพลงหลายคนในยุคนั้นนึกว่านี่เป็นเพลงของพี่แจ้ ก่อนที่กาลเวลาจะคลี่คลายบอกให้เรารู้ว่านี่คือเพลงที่กลายเป็นหนึ่งในลายเซ็นของพี่หงามาจนทุกวันนี้
เพลงดอกไม้ให้คุณในเวอร์ชั่นพี่แจ้ร้อง ผมฟังแล้วมันให้ความรู้สึกต่างจากพี่หงาร้องตรงที่ ดอกไม้ที่พี่แจ้ร้องถ่ายทอดออกมามันชวนให้นึกถึงดอกไม้แห่งความรักสำหรับมอบให้แก่สาวๆ ส่วนดอกไม้ในเพลงของพี่หงา มันเป็นดอกไม้มวลชนที่มอบให้เป็นกำลังใจแก่นักสู้ทุกๆคน
ยังอยู่ในโหมดของเพลงช้ากับ “ด้วยมือของเธอ” ว่าด้วยการคารวะเธอผู้มีพระคุณ แล้วต่อกันด้วย อีกหนึ่งบทเพลงยอดเยี่ยมของพี่แจ้ คือ“ฝันลำเอียง”
เพลงนี้ถือเป็นหนึ่งในเพลงดังค้างฟ้าเหนือกาลเวลา ที่พี่แจ้นอกจากจะเขียนคำร้องทำนองได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว พี่แกยังร้องถ่ายทอดออกมาได้กินใจอย่างแรง
ฝันลำเอียงเป็นเพลงเศร้า ที่ใครและใครหลายคนฟังแล้ว อยากข่มตานอนนอนหลับฝันถึงเธอเสียเหลือเกิน
“...จะหยุดเวลาไว้ฝัน ได้ไหมเออ จิตใจเราต้องกัน ผูกพันแต่แรกเจอ ต่างคนต่างรู้ดี...”
จากฝันลำเอียงเศร้าๆพี่แจ้ปลุกอารมณ์ขึ้นมาสนุกๆแบบมีสาระกับเพลง “มองโลกให้เป็น” ที่อารี อุไร เป็นผู้เขียนเนื้อร้องทำนอง เพลงนี้เนื้อเพลงสอนใจเราได้ดีทีเดียว แค่ท่อนเปิดที่ร้องว่า “อยากมีสุขไหมมันง่ายนิดเดียว อย่าเที่ยวเก็บทุกข์เอามาใส่ใจ...” นี่ก็ถือว่า“คมคิด” ไม่น้อยแล้ว
ใครว่าพี่แจ้ถนัดร้องแต่เพลงๆช้าในเพลงเร็วพี่แจ้ก็ทำได้ดีเช่นกัน และมันพิสูจน์ให้เห็นกันมาตั้งแต่ยุคแกรนด์เอ็กซ์แล้ว ส่วนจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งในเพลงนี้ก็คือ เสียงกีตาร์ทางสวยๆของพี่โอมที่ฟังแล้วยังคงยอดเยี่ยมอยู่เสมอ
แล้วก็มาถึงเซอร์ไพรส์เล็กๆในบทเพลงของอัลบั้มนี้กับเพลง “เธอ” เพลงนี้ แต่งเนื้อร้องโดย“วรพันธ์ ทองนพคุณ” ผู้ที่พี่แจ้ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว หากแต่เป็นแฟนเพลงของพี่แจ้ ที่เขียนเพลงนี้ร้องใส่ตลับเทปส่งมาให้ พี่แจ้ฟังแล้วโดนจึงนำมาบรรจุไว้เป็นหนึ่งในอัลบั้มฝันสีทอง
เพลงเธอเป็นเพลงสนุก ภาษาสวย ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเพลงของครูเพลงรุ่นเก่าๆที่แกรนด์เอ็กซ์นำมาร้องและเล่นใหม่ในชุดแกรนด์เอ็กซ์และชุดอื่นๆของพวกเขาไม่น้อยเลย
และนั่นก็คือ 11 บทเพลงในอัลบั้มฝันสีทองอัลบั้มแรกของพี่แจ้ ที่มีบทเพลงดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “พังเพย”, “คำถาม”,“ดอกไม้ให้คุณ”,”เธอ”,”มองโลกให้เป็น” และบทเพลงเหนือกาลเวลาอย่าง “ฝันลำเอียง” รวมถึงบทเพลงที่เป็นที่สุดแห่งความดังของพี่แจ้ในอัลบั้มชุดนี้นั่นก็คือ “แสนรัก”
ด้วยความลงตัว ยอดเยี่ยม และมากไปด้วยบทเพลงไพเราะฮอตฮิตของฝันสีทอง ทำให้ยอดขายอัลบั้มนี้ที่เป็นอัลบั้มแรกของพี่แจ้ ทำยอดขายเทปทะลุเกินล้านตลับ
นี่ถือเป็นอีกครั้งที่พี่แจ้ได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ยอดขายเทปเกินล้านตลับ
นับเป็นนักร้องคนแรกของเมืองไทย ที่สามารถทำยอดขายเทปทะลุเกินล้านตลับได้ทั้งจากผลงานยามที่เขาดำรงฐานะเป็นนักร้องนำประจำวง และจากผลงานการเป็นนักร้องเดี่ยวของตัวเอง
และนี่ก็คือความยอดเยี่ยมของ“พี่แจ้ : ดนุพล แก้วกาญจน์” นักร้องเบอร์หนึ่งของวงการเพลงไทยในช่วงยุค 80’s (พ.ศ.2523-2532) ซึ่งผมขอคว่ำ 3 จอกขาว คารวะแก่ยอดนักร้องในดวงใจเจ้าของ“เสียงหล่อทะลุล้าน”คนนี้
...ด้วยหัวใจ
***********************************************************
คลิกฟังเพลง "แสนรัก"
***********************************************************
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
- เรื่องราวของพี่แจ้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ โปรดติดตามตอนต่อไป
***********************************************************
บทความแนะนำเพลงน่าสนใจย้อนยุค จะนำเสนอสลับกับบทความแนะนำเพลงน่าสนใจในสมัยนิยม
“จงใคร่ครวญหัวใจ ใครเล่าใครไหนกัน แสนรักมั่น ห่วงใยเธอมากกว่าฉัน
มัวปิดบัง ฉันไย มีเรื่องใด พูดกัน บอกกับฉัน อย่าทำเป็นเหินห่างไป...”
เพลง“แสนรัก” : ดนุพล แก้วกาญจน์
............
“หล่อทะลุแป้ง”
พูดอย่างนี้ใครหลายคนอย่านึกว่าเป็น“ผม-บอน บอระเพ็ด”เข้าเชียวล่ะ เพราะนี่คือฉายาของ“พี่เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์” ที่โด่งดังทะลุขั้วจากหนังเรื่อง“รถไฟฟ้า มาหานะเธอ”
ส่วนถ้าพูดถึง “เสียงหล่อทะลุล้าน” ใครและใครหลายคนคงยากที่จะเดาได้ว่าเขาคือใคร? เพราะที่ผ่านมาไม่มีฉายานี้ปรากฏขึ้นอย่างเป็นทางการในวงการเพลงไทย หากแต่ผมเพิ่งคิดได้สดๆร้อนๆตอนจิ้มแป้นพิมพ์เขียนคอลัมน์“เพลงวาน”อยู่ในขณะนี้นี่เอง
เสียงหล่อทะลุล้าน เป็นฉายาที่ผมขอยกย่องต่อ“พี่แจ้ : ดนุพล แก้วกาญจน์” หนึ่งในสุดยอดนักร้องของเมืองไทยในระดับตำนาน ซึ่งทำไมผมถึงยกฉายานี้ให้กับพี่แจ้หรือ ”พี่แช่”ของน้องๆ เมื่อถึงตอนท้ายเรื่อง เฉลยของฉายานี้ก็จะปรากฏขึ้นมาให้ทราบ
ส่วนตอนนี้ผมเพียงแค่อยากบอกว่า คนที่โตมากับเพลงในยุคนั้น แทบจะไม่มีใครคนไหนไม่เคยฟังและไม่รู้จักเพลงของพี่แจ้-ดนุพล ที่โด่งดังสุดๆคนนี้
บนถนนสายดนตรีของพี่แจ้
พี่แจ้ หรือ ดนุพล แก้วกาญจน์ เป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 5 คน ลืมตาขึ้นมาดูโลกวันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2502 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กทม.
พี่แจ้สนใจดนตรีมาตั้งแต่เด็ก เขาเริ่มเล่นดนตรีมาตั้งแต่สมัย ม.ต้น ก่อนจะตั้งวงโฟล์คซองเล่นดนตรีอย่างเป็นเรื่องเป็นราวในสมัยที่เรียน ม.ปลาย อยู่ที่โรงเรียนหอวัง
จากนั้นเมื่อโตขึ้นมาพี่แจ้ได้บ่มเพาะฝีมือ เป็นนักร้องอาชีพครั้งแรกใน“เลิฟคอฟฟี่ช็อป” ที่ชั้น 4 สยามเซ็นเตอร์ ย่านบันเทิงของวัยรุ่นในยุคนั้น ก่อนจะมาเล่นที่ “เบิร์ธเดย์” ใต้ถุนโรงหนังเพรสซิเด้นท์
ช่วงแรกของการเป็นนักร้องอาชีพ พี่แจ้ได้ชื่อว่าร้องเพลงของ Bee Gees ได้เด่นมาก นั่นจึงทำให้ทางวง“แกรนด์เอ็กซ์” ติดต่อทาบทามพี่แจ้ไปเป็นนักร้องนำคนใหม่ แทน“พี่จ๋าย-จำรัส เศวตาภรณ์” ที่ได้ลาออกไปช่วยกิจการทางบ้านในช่วงที่วงดนตรีวงนี้กำลังรุ่งโรจน์ร้อนแรง
เมื่อตกลงแนวทาง ตกปากรับคำกันเป็นที่เรียบร้อย พี่แจ้จึงเดินเข้าสู่ยุทธจักรวงการเพลงเป็นหนึ่งในสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์กับตำแหน่ง“นักร้องนำ”ช่วยกันผลิตอัลบั้มที่ 4 “เขิน” ออกมาในปี 2523 โดยมีเพลง“กล่อมรัก” ที่แต่งโดย“กรวิก” หรือ สันติ เศวตวิมล เป็นเพลงที่พี่แจ้ร้องบันทึกเทปเป็นเพลงแรกในชีวิต
ช่วงนั้นพี่แจ้ยังไม่โด่งดังและยังไม่ชัดเจนในแนวทางการร้องเพลงของตัวเอง กระทั่งในปี 2524 แกรนด์เอ็กซ์ทำซิงเกิ้ล“หัวใจมีปีก”ออกมา สร้างชื่อให้กับพี่แจ้อย่างมากในฐานะคนร้องนำเพลงนี้ ก่อนต่อกันด้วยอัลบั้มที่ 6 บันทึกการแสดงสด หอประชุมจุฬาฯ ที่พี่แจ้ตอกย้ำความเป็นนักร้องอันยอดเยี่ยมกับบทเพลง “พบรัก” เพลงช้าๆหวานซึ้งอย่างที่ครองใจแฟนเพลงมาจนถึงทุกวันนี้
ดูเหมือนว่าพี่แจ้หลังจากซิงเกิ้ลหัวใจมีปีกและเพลงช้าๆอย่างพบรักในอัลบั้มแสดงสด เขาจะค้นพบสไตล์การร้องเพลงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองเจอแล้ว ทำให้ใน“แกรนด์เอ็กซ์โอ” อัลบั้มถัดมา วงแกรนด์เอ็กซ์ที่ตกผลึกกับการนำเพลงเก่ามาร้องเล่นใหม่ในสไตล์ของตัวเอง ผสมกับเสียงนักร้องนำอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพี่แจ้ สามารถสร้างปรากฏการณ์ถล่มทลายอีกครั้งกับยอดขายเทปเกินกว่า 1 ล้าน 5 แสนตลับ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ของวง
นี่นับเป็นครั้งที่สองของแกรนด์เอ็กซ์ที่สามารถทำยอดขายเทปได้ทะลุล้านตลับ หลังจากที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ส่งอัลบั้มแรก“ลูกทุ่งดิสโก้ 1” ทะลุล้านตลับมาแล้ว ขณะเดียวกันนี่นับเป็นครั้งแรกของพี่แจ้กับวงแกรนด์เอ็กซ์ ที่สามารถแหกด่านมะขามเตี้ยอันแสนยากในยุคนั้นฟันยอดขายเทปเกินล้านตลับมาได้
จากนั้นแกรนด์เอ็กซ์ในยุคที่มีพี่แจ้เป็นนักร้องนำได้ร่วมกันสร้างตำนานบทหนึ่งให้กับวงการเพลงไทยอยู่หลายปี(2523-2528 นับตั้งแต่อัลบั้มเขิน-สายใย) ฝากบทเพลงอมตะภายใต้น้ำเสียงอันทรงเสน่ห์ หล่อทุ้มนุ่ม แฝงลูกอ้อนขยี้หัวใจ ของพี่แจ้เอาไว้มากมาย อาทิ “เพียงสบตา”,”เพื่อน”,”เชื่อฉัน”,”บริสุทธิ์”,”หัวใจสีชมพู”,”หัวใจที่ถอดวาง”,”คนธรรพ์รำพัน”,”สายัณห์รัญจวน” เป็นต้น
อย่างไรก็ดี สำหรับวงการดนตรีวงการเพลงแล้ว เมื่อเหล่านักดนตรีสมาชิกวงผ่านจุดสูงสุดมาถึงจุดอิ่มตัว การแตกตัวแยกวงถือเป็นเรื่องธรรมดา
วงแกรนด์เอ็กซ์เกิดการแตกตัวครั้งใหญ่หลังจากชุด“ดวงเดือน”(ชุดที่ 14 ) ในปี 2527 ซึ่งสมาชิก 4 คนของวงนี้ได้แยกวงออกไปตั้งวง“เพื่อน”ขึ้นมา ก่อนที่จะถึงคิวของพี่แจ้ที่ขอลาออกจากแกรนด์เอ็กซ์หลังจากอัลบั้มชุด“สายใย”(ปี 2528) เพื่อไปเดินตามความฝันสีทองของตัวเองบ้าง
“ฝันสีทอง”ความฝันอันเป็นตำนานของพี่แจ้
หลังเดินออกจากแกรนด์เอ็กซ์ พี่แจ้สานฝันของตัวเองต่อทันทีกับอัลบั้ม“ฝันสีทอง” ใน ปี พ.ศ. 2529 ในสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น หนึ่งในค่ายบิ๊กของวงการเพลงในยุคนั้น
ด้วยความเป็นนักร้องเบอร์หนึ่งแห่งยุคสมัย และการฝากฝีไม้ลายมือในมาตรฐานอันสูงปรี๊ดเอาไว้ในสมัยเมื่ออยู่แกรนด์เอ็กซ์ กอปรกับเสียงร้องที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และฝีมือการเขียนเพลงอันยอดเยี่ยมของพี่แจ้ ไม่ว่าจะเป็น “เพียงสบตา”, “เชื่อฉัน” และอีกหลายๆเพลง ที่จัดอยู่ในขั้นไม่ธรรมดา ทำให้อัลบั้มฝันสีทอง ที่แม้จะเป็นผลงานเพลงชุดแรกของเขา ถูกเฝ้าจับตาจากคนดนตรีและแฟนเพลงเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม พี่แจ้ก็ไม่ได้ทำให้แฟนเพลงผิดหวัง เพราะอัลบั้มนี้เขาสามารถฉีกหนีความเป็นแกรนด์เอ็กซ์ได้เป็นอย่างดี แถมยังใส่ความเป็นตัวตน ความเป็นแจ้-ดนุพล ลงไปได้อย่างยอดเยี่ยม กลายเป็นแนวทางของพี่แจ้ที่ค้นพบได้อย่างรวดเร็วแม้เพียงแค่อัลบั้มแรกเท่านั้น
ฝันสีทอง พี่แจ้ได้วงพลอย และพี่โอม-ชาตรี คงสุวรรณ มาเป็นวงแบ็คอัพ ซึ่งยุคนั้นถือเป็นทีมแบ็คอัพที่จัดอยู่ในขั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
อัลบั้มชุดนี้ นอกจากพี่แจ้ที่เป็นหลักในการแต่งเพลง ทั้งเขียนเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง และโปรดิวซ์แล้ว ก็มีตัวช่วยเด่นๆอย่าง กรวิก อารี อุไร มาช่วยเขียนเนื้อร้อง วงพลอย พี่โอม-ชาตรี,ศรายุทธ สุปัญโญ(ยอดมือคีย์บอร์ด อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ในยุคเฟื่องสุดๆ) มาช่วยเรียบเรียงเซอร์ไพรส์เล็กๆที่จะเป็นอะไรผมขออุบเอาไว้ก่อน
ฝันสีทอง มีทั้งหมด 11 เพลง เริ่มกันด้วย “พังเพย”ซาวด์ดนตรีในเพลงนี้เป็นอีเล็กโทรนิคร็อค ที่กรวิกนำคำพังเพยสุภาษิตไทยมาร้อยเรียงเป็นบทเพลง ให้พี่แจ้ร้องถ่ายทอดออกมาได้อย่างสนุกน่าฟัง
ถัดมาเป็น “คำถาม” มาในอารมณ์สนุกๆเช่นเดียวกับเพลงแรก เพลงนี้พี่แจ้ ทำเองหมดทั้งเขียนเนื้อร้อง ทำนอง เรียบเรียง เป็นเพลงสนุกๆน่าฟัง กับภาษาน่ารักๆ ดังเช่น “ถามไม่ยาก ไม่อยากให้ใครลำบาก เป็นคำที่ใสสะอาด ไม่โกง ไม่เท็จเด็ดขาด อย่าเดาจงตั้งใจฟัง” ในเพลงนี้พี่แจ้ยังใช้ลูกเล่น ตัวเองร้องนำ แล้วทางวงร้องประสานตามมาเป็นอีกหนึ่งตัวสร้างสีสัน
จากนั้นเป็น “แสนรัก”หนึ่งในบทเพลงที่โด่งดังสุดๆของพี่แจ้ สมัยนั้นเพลงนี้ถูกเปิดกันกระหึ่มเต็มบ้านเต็มเมือง
เพลงนี้พี่แจ้ทำเองหมดเหมือนเช่นเคย เป็นบัลลาดช้าๆเศร้าๆกับเมโลดี้และทางคอร์ดง่ายๆ แต่เป็นป็อบมีกึ๋น ฟังติดหูและโดน ที่สำคัญคือพี่แจ้ร้องถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้อย่างบาดลึก เสียงขยี้หัวใจของแกทำงานได้ผลอย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะในท่อนแยกที่มีการร้องนำ ร้องรับนั้น มันฟังจับใจดีเหลือเกิน
“...สายตาเธอ...บ่งบอก เห็นใจกันอย่าหลอก(จงอย่าลวง...พอแล้วๆ) จะรักใคร ไม่ต้องห่วง อย่างลวงฉันเลย(วอนอย่าลวง...กลัวแล้ว)
ถึงต้องช้ำใจตาย ฉันก็พร้อมยอมตาย(ใครเล่าทำปวดร้าว) เพราะเป็นเธอ อย่างไรทนได้เสมอ...”
ต่ออารมณ์บัลลาดเศร้าๆกันอีก 2 เพลงกับ “น้ำค้างกลางแดด”(เนื้อร้อง อารี อุไร) ที่ว่าด้วยการเฝ้ารอน้ำค้างกลางแดด ที่เปรียบดังคนรักอย่างอดทน แต่เธอกลับไม่มีน้ำใจให้กลับมาเลย
ส่วน “ฝันสีทอง” เพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม เพลงนี้กรวิก ใช้ภาษาเขียนเนื้อออกมาได้สวยทีเดียว หลายคนบอกว่านี่น่าจะเป็นการแต่งเพลงให้กับพี่แจ้ แต่ผมฟังแล้วน่าจะเป็นเพลงที่กรวิกสะท้อนชีวิตของตัวเองออกมามากกว่า
เปลี่ยนโหมดเข้าสู่ดีกรีที่เพิ่มคึกคักขึ้นมาเล็กน้อยกับเพลงจังหวะปานกลาง อย่าง“ใครสักคน” กันบ้าง
ใครสักคนแม้ไม่ใช่เพลงโด่งดังมากมาย แต่เป็นหนึ่งในเพลงของพี่แจ้ที่ผมชอบมาก เพลงนี้ผลัดกันร้องคนละท่อน น้ำเสียงใครเป็นใคร ผมไม่สามารถแยกได้ทั้งหมด แต่ที่จำได้แม่นก็คือน้ำเสียงของพี่โอม ส่วนเสียงของพี่แจ้ในท่อนฮุคนั้น หวานเพราะโดดเด่นทรงพลังกว่าใครเพื่อนอยู่แล้ว
กับมาสู่อารมณ์เพลงช้ากันอีกครั้งกับ “ดอกไม้ให้คุณ” ของ“สุรชัย จันทิมาธร” หรือ“น้าหงา คาราวาน” เพลงนี้ยอดเยี่ยมทั้งความไพเราะของท่วงทำนองและเนื้อร้องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าแรกที่น้าหงาร้องในชุดฮิโรชิมานั้นไม่ค่อยดังเท่าไหร่ กระทั่งพี่แจ้นำมาคัฟเวอร์ใหม่ มันกลายเป็นเพลงฮิตขึ้นมาทันทีจนนักฟังเพลงหลายคนในยุคนั้นนึกว่านี่เป็นเพลงของพี่แจ้ ก่อนที่กาลเวลาจะคลี่คลายบอกให้เรารู้ว่านี่คือเพลงที่กลายเป็นหนึ่งในลายเซ็นของพี่หงามาจนทุกวันนี้
เพลงดอกไม้ให้คุณในเวอร์ชั่นพี่แจ้ร้อง ผมฟังแล้วมันให้ความรู้สึกต่างจากพี่หงาร้องตรงที่ ดอกไม้ที่พี่แจ้ร้องถ่ายทอดออกมามันชวนให้นึกถึงดอกไม้แห่งความรักสำหรับมอบให้แก่สาวๆ ส่วนดอกไม้ในเพลงของพี่หงา มันเป็นดอกไม้มวลชนที่มอบให้เป็นกำลังใจแก่นักสู้ทุกๆคน
ยังอยู่ในโหมดของเพลงช้ากับ “ด้วยมือของเธอ” ว่าด้วยการคารวะเธอผู้มีพระคุณ แล้วต่อกันด้วย อีกหนึ่งบทเพลงยอดเยี่ยมของพี่แจ้ คือ“ฝันลำเอียง”
เพลงนี้ถือเป็นหนึ่งในเพลงดังค้างฟ้าเหนือกาลเวลา ที่พี่แจ้นอกจากจะเขียนคำร้องทำนองได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว พี่แกยังร้องถ่ายทอดออกมาได้กินใจอย่างแรง
ฝันลำเอียงเป็นเพลงเศร้า ที่ใครและใครหลายคนฟังแล้ว อยากข่มตานอนนอนหลับฝันถึงเธอเสียเหลือเกิน
“...จะหยุดเวลาไว้ฝัน ได้ไหมเออ จิตใจเราต้องกัน ผูกพันแต่แรกเจอ ต่างคนต่างรู้ดี...”
จากฝันลำเอียงเศร้าๆพี่แจ้ปลุกอารมณ์ขึ้นมาสนุกๆแบบมีสาระกับเพลง “มองโลกให้เป็น” ที่อารี อุไร เป็นผู้เขียนเนื้อร้องทำนอง เพลงนี้เนื้อเพลงสอนใจเราได้ดีทีเดียว แค่ท่อนเปิดที่ร้องว่า “อยากมีสุขไหมมันง่ายนิดเดียว อย่าเที่ยวเก็บทุกข์เอามาใส่ใจ...” นี่ก็ถือว่า“คมคิด” ไม่น้อยแล้ว
ใครว่าพี่แจ้ถนัดร้องแต่เพลงๆช้าในเพลงเร็วพี่แจ้ก็ทำได้ดีเช่นกัน และมันพิสูจน์ให้เห็นกันมาตั้งแต่ยุคแกรนด์เอ็กซ์แล้ว ส่วนจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งในเพลงนี้ก็คือ เสียงกีตาร์ทางสวยๆของพี่โอมที่ฟังแล้วยังคงยอดเยี่ยมอยู่เสมอ
แล้วก็มาถึงเซอร์ไพรส์เล็กๆในบทเพลงของอัลบั้มนี้กับเพลง “เธอ” เพลงนี้ แต่งเนื้อร้องโดย“วรพันธ์ ทองนพคุณ” ผู้ที่พี่แจ้ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว หากแต่เป็นแฟนเพลงของพี่แจ้ ที่เขียนเพลงนี้ร้องใส่ตลับเทปส่งมาให้ พี่แจ้ฟังแล้วโดนจึงนำมาบรรจุไว้เป็นหนึ่งในอัลบั้มฝันสีทอง
เพลงเธอเป็นเพลงสนุก ภาษาสวย ฟังแล้วชวนให้นึกถึงเพลงของครูเพลงรุ่นเก่าๆที่แกรนด์เอ็กซ์นำมาร้องและเล่นใหม่ในชุดแกรนด์เอ็กซ์และชุดอื่นๆของพวกเขาไม่น้อยเลย
และนั่นก็คือ 11 บทเพลงในอัลบั้มฝันสีทองอัลบั้มแรกของพี่แจ้ ที่มีบทเพลงดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “พังเพย”, “คำถาม”,“ดอกไม้ให้คุณ”,”เธอ”,”มองโลกให้เป็น” และบทเพลงเหนือกาลเวลาอย่าง “ฝันลำเอียง” รวมถึงบทเพลงที่เป็นที่สุดแห่งความดังของพี่แจ้ในอัลบั้มชุดนี้นั่นก็คือ “แสนรัก”
ด้วยความลงตัว ยอดเยี่ยม และมากไปด้วยบทเพลงไพเราะฮอตฮิตของฝันสีทอง ทำให้ยอดขายอัลบั้มนี้ที่เป็นอัลบั้มแรกของพี่แจ้ ทำยอดขายเทปทะลุเกินล้านตลับ
นี่ถือเป็นอีกครั้งที่พี่แจ้ได้สัมผัสกับปรากฏการณ์ยอดขายเทปเกินล้านตลับ
นับเป็นนักร้องคนแรกของเมืองไทย ที่สามารถทำยอดขายเทปทะลุเกินล้านตลับได้ทั้งจากผลงานยามที่เขาดำรงฐานะเป็นนักร้องนำประจำวง และจากผลงานการเป็นนักร้องเดี่ยวของตัวเอง
และนี่ก็คือความยอดเยี่ยมของ“พี่แจ้ : ดนุพล แก้วกาญจน์” นักร้องเบอร์หนึ่งของวงการเพลงไทยในช่วงยุค 80’s (พ.ศ.2523-2532) ซึ่งผมขอคว่ำ 3 จอกขาว คารวะแก่ยอดนักร้องในดวงใจเจ้าของ“เสียงหล่อทะลุล้าน”คนนี้
...ด้วยหัวใจ
***********************************************************
คลิกฟังเพลง "แสนรัก"
***********************************************************
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
- เรื่องราวของพี่แจ้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ โปรดติดตามตอนต่อไป
***********************************************************
บทความแนะนำเพลงน่าสนใจย้อนยุค จะนำเสนอสลับกับบทความแนะนำเพลงน่าสนใจในสมัยนิยม
