“ช่อง 3” ลงนาม “อสมท.” ยอมจ่ายค่าตอบแทนส่วนต่าง 405 ล้านบาทเพื่อต่อสัมปทานสัญญาอีก 10 ปีแล้ว โดยการต่อสัญญาดังกล่าวมีอายุสิ้นสุดในปี 2563 ด้าน อสมท. เผยเงินค่าตอบแทนดังกล่าวจะจัดเป็นรายได้เสริมในผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ส่วนทางช่อง 3 เอง ลั่นว่าการจ่ายส่วนต่างดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับทางสถานี
จากกรณีสัญญาร่วมดำเนินกิจการโทรทัศน์ระหว่าง บริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3) เรื่องการขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 10 ปี โดย บมจ. อสมท ได้มีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาตีความให้บริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จ่ายผลประโยชน์เพิ่มเติมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 405 ล้านบาท และถือเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือสัญญาซึ่งไม่เกี่ยวกับสัญญาเดิมที่บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ต้องจ่ายค่าสัมปทานเป็นจำนวนเงิน 2002 ล้านมีระยะอายุสัญญา 20 ปีและสัญญาดังกล่าวได้สิ้นสุดลงในปี 2553 ที่ผ่านมา
เมื่อบ่ายวันนี้ (22/ ก.ค./54) นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย นายประสาร มาลีนนท์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัท ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าร่วมเก็บภาพการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง โดยมี ศ .ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามดังกล่าว
โดยศ.ดร. สุรพล ได้เปิดเผยว่า บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด เป็นคู่สัญญาสัมปทานกับ บมจ.อสมท. ในการดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ช่อง 3 และสืบเนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงและการเติบโตทางด้านธุรกิจโทรทัศน์ของ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทาง อสมท. ได้มีหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อให้วินิจฉัยกรณีให้บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด จ่ายค่าตอบแทนเพิ่มเติม จำนวน 405 ล้านบาทนอกเหนือจากผลประโยชน์ตอบแทนการขยายสัมปทานไปอีก 10 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2563 จากที่ต้องจ่ายค่าสัญญาสัมปทานเดิมในจำนวนเงิน 2002 ล้านบาทให้กับ อสมท. ในระยะเวลาสัญญา 20 ปี
ซึ่งก่อนหน้านี้ อสมท. และกระทรวงการคลังได้มีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องวงเงินค่าตอบแทนเพิ่มดังกล่าว อสมท จึงทำหนังสือขอคำวินิจฉัยจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นที่สอดคล้องกับ อสมท ในเรื่องวงเงินค่าตอบแทนดังกล่าว จึงอนุมัติขยายอายุสัญญาออกไปอีก 10 ปี หลังครบกำหนดการทำสัญญาร่วมกันมาแล้ว 20 ปี โดยอัตโนมัติจากเดิมที่สัญญาครบกำหนดในวันที่ 2 พฤษภาคม 2553 และจะสิ้นสุดลงในปี 2563 ภายใต้ผลตอบแทนที่ต้องจ่ายรวมทั้งสิ้น 2407 ล้านบาท
ด้านนายธนวัฒน์ ได้กล่าวว่าค่าตอบแทนที่เพิ่มจำนวน 405 ล้านนี้จะนำไปรวมอยู่ในผลประกอบการไตรมาสที่ 3 โดยจะจัดให้เป็นรายได้เสริม ไม่รวมเป็นรายได้หลักของ อสมท. ส่วนด้านนายประสารเองก็กล่าวว่าการจ่ายส่วนต่างดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับทางบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด